หลวงปู่ท่อน ญาณธโร

งานสรงน้ำพระบรมสารีริกธาตุ ครั้งที่ ๑๖

วันเสาร์ที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ เวลา ๑๙.๐๐ น.

ณ พระมหาธาตุเจดีย์เฉลิมพระบารมีพระนวมินทร์

วัดป่าบ้านค้อ ต.เขือน้ำ

อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี

เพิ่นอาราธนาแล้ว บ่ฮึ อาราธนาเทศน์แล้ว เออ มันหูไม่ดี หูไม่ดี ว่าอะไรก็ไม่ค่อยได้ยินดี หู หูมันหนีไปก่อนเรา ไปไหนล่ะพู้น(โน้น)เนี่ย ถ้าพูดกันอยู่ใกล้ๆ พอได้ยินได้ฟังหน่อย เนี่ยพูดกันอยู่ไกลๆ ไม่มีเสียงส่งก็เลย ไม่ได้รู้เรื่องว่าอะไร ล่ะเนาะ(นะ) ไหว้พระแล้วก็อาราธนาศีลแล้ว ให้เพิ่นนำว่า นำว่า สมาทานศีลแล้วจึงค่อยเทศน์อย่างนั้น ตามระเบียบมัน เขาเป็นอย่างงั้น เอ้า รับศีล ศีลอะไรก็รับบ่ ไม่ รับกันหมดแล้วบ่เนี่ย

 

นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ

นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ

นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ

 

ขอความนอบน้อมของเราท่านทั้งหลาย จงมีแด่พระผู้มีพระภาค ผู้เป็นอรหันต์ตรัสรู้ชอบเองพระองค์นั้น

 

กัมมัง วิชชา จะ ธัมโม จะ สีลัง ชีวิตะมุตตะมัง

อิมัสสะ ธัมมะปะริยายัสสะ อัตโถ

สาธายัสมันเตหิ สักกัจจัง ธัมโม โสตัพโพติ

 

อนุสนธิพระธรรมเทศนานี้ บุพพาประ สืบเนื่องมาจากองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาค เป็นผู้ประกาศศาสนาแก่พุทธบริษัทก็มีผู้ประพฤติปฏิบัติตามกันมาโดยลำดับ ไม่ทอดทิ้งนิ่งดูดายเลย ตั้งใจชำระ ตั้งใจขัด ตั้งใจเกลากิเลสของตัวเองให้มันเบาบางไป ตามคำสั่งคำสอนของพระผู้มีพระภาค เต็มความสามารถหรือเปล่า เราขจัดปัดเป่ากิเลสออกจากร่าง จากกายเรา จากจิต จากใจเรา หมดไปเท่าไหร่แล้ว เหลืออยู่เท่าไหร่ เราก็พึงรู้กันเองนั่นแหละ ธรรมดาก็ต้องอาศัยการขัด การเกลา การชำระ การล้าง มันจึงถึงความสะอาดได้ ถ้าปล่อยให้กิเลสมันครอบงำจิตใจเราอยู่ มันจะถึงความสะอาดได้ยังไง เหตุที่กิเลสจะเบาจะบางได้ก็เพราะเราขัด เราเกลา เราชำระ เราล้างอยู่ทุกวี่ทุกวัน กำจัดมันอยู่ทุกวี่ทุกวันไม่ให้มันเป็นใหญ่ในกิเลสทั้งหลาย ไม่ให้มันเป็นใหญ่แก่ใจเราไปได้ ท่านว่าอย่างงี้นะ อ้า ท่านบอกไว้ว่าอย่างนี้ ต้องขัด ต้องเกลา ต้องชำระ ต้องล้าง อ้า เพิ่นยังว่า

สัพพะปาปัสสะ อะกะระณัง กุสะลัสสูปะสัมปะทา

สะจิตตะปะริโยทะปะนัง เอตัง พุทธานะ สาสะนัง

อิมัสสะ ธัมมะปะริยายัสสะ อัตโถ

สาธายัสมันเตหิ สักกัจจัง ธัมโม โสตัพโพติ

 

ฮืม อันนี้ อืม ฟังไม่เบื่อ ฟังไปเท่าไหร่ยิ่งดื่มด่ำ เข้าไปในจิตในใจของเรา เรื่องขัด เรื่องเกลา ขัดเกลากิเลสให้มันเบามันบาง กิเลสมันมีอะไรบ้างล่ะ

มีราคะ มีโทสะ มีโมหะ มีความโลภ มีความโกรธ มีความหลง อยู่ในหัวใจของเรา มันไม่มีเฉยๆ แต่มันปรุงแต่งเราอีกด้วย ปรุงแต่งให้มีความโลภ ปรุงแต่งให้มีความโกรธ ปรุงแต่งให้มีความหลง ให้มีความรัก ให้มีความชัง ให้มีความยินร้าย ให้มีความยินดี ดีใจ เสียใจ ก็ใจของเราเอง

เราจะขัดอะไรออกจากใจของเราล่ะ จะมาขอศีลกัน พากันมาขอสมาทานศีลกัน

ศีลนั้นเป็นเครื่องชำระ เป็นเครื่องล้าง เป็นเครื่องขัดเครื่องเกลาทำความสะอาดจิตของเราให้ถึงความบริสุทธิ์ผุดผ่องนะ

ความประสงค์ในการแสดงธรรมเป็นอย่างงั้น ต้องการจะขัดจะเกลาจิตใจของตัวเอง ให้มันหมดจากกิเลส ให้กิเลสหมดออกจากใจเรา กิเลสมันมีอะไรบ้างล่ะ โอ้โฮ หลายน่ะ อ่ะ

 

กิเลส ๑๕๐๐ ตัณหา ๑๐๘

 

มันล่ะมากมาย อ่ะ ไม่ใช่น้อย มันวิ่งขึ้นที่ตัวของเราทุกวัน ทั้งทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ นี้เป็นหนทางที่มันขึ้น มันขึ้นที่นี่ ตาเห็นรูป หูฟังเสียง จมูกได้ดมกลิ่น ลิ้นได้ลิ้มรส ใจถูกต้องโผฏฐัพพะ ธรรมารมณ์ จะยินร้ายหรือยินดี ดีใจหรือเสียใจ มันก็อยู่ที่ตัวของเราเองล่ะ ถ้าเรารู้เท่าก็เอาทัน ถ้าไม่รู้ ไม่เท่า รู้ไม่เท่าก็เอาไม่ทันอีก

ถ้ารู้เท่ามันเอาครึ่งหนึ่ง กิเลสมันเอาครึ่งหนึ่ง ถ้าเรารู้เท่า มันเอาครึ่งหนึ่ง ถ้ารู้ไม่ถึงมันเอาหมด เป็นตัวของเราหมดทุกอย่าง ทั้งความโลภ ความโกรธ ความหลง เป็นตัวของเราหมดทุกอย่าง แหนะ มันเอาไปหมดแล้ว ปะเนี่ยก็เหลือแต่ อ้า ความคิด ความนึก เฉยๆ แล้วมันเบาไปตามหรือเปล่า กิเลสมันเบาไปตามหรือเปล่า ราคะ โทสะ โมหะ

เออ อันนี้ตัวใหญ่ๆ มันตัวสำคัญ ตัวราคะ โทสะ ความโกรธ โมหะ ความหลง ของจิตของใจเรา

 

หลงรัก หลงใคร่ หลงอยากได้ หลงยินดี

หลงหาทั้งตาปี ไม่รู้เบื่อเชื่อตัณหา

 

อ้า หลงแท้ๆ ล่ะ พวกเราเนี่ย

 

หลงรัก หลงใคร่ หลงอยากได้ หลงยินดี

หลงหาทั้งตาปี ไม่รู้เบื่อเชื่อตัณหา

 

อืม มีอยู่อย่างงั้นผู้ที่ยังไม่มี ก็ยังแสวงหาสิ่งที่มารัก มาจูบ มากอดกันอยู่ อ้า

 

(หลงรัก หลงจูบ หลงกอด) ตาบอด ใจบ้า

เป็นข้าความรัก เหนื่อยหนักไม่รู้ อดสู้เสียเปล่า

อย่าเดาผิดๆ อย่าคิดเบียนกัน อย่าดันทุรัง

 

อ้าฮ่า มันดันทุรังกันนะล่ะ เหตุนั้นการปกครองจึงลำบากการปกครองจิตใจของคนผู้มีกิเลสทั้งหลาย ปกครอง มาให้มันเบาบางลง อย่าให้มันโมโหโกรธา อย่าให้โลภโมโทสัน เกิดขึ้นที่ใจเรา บังคับให้มันเบามันบางเอาไว้ อย่าให้มันมีกำลังมากเกินกว่าจิตใจของเรา ถ้ามันมีกำลังมากแล้ว มันเห็นทุกข์คักๆ นะ เห็นบาปคักๆ อืม ทุกข์คักๆ ทุกข์คักๆ เออ มันบอกให้เรารู้อยู่ ทุกข์คักๆ ทุกข์คักๆ แต่ว่าความทุกข์ทั้งหลาย

ทุกขัง อะนิจจัง อะนัตตา

 

ความทุกข์ทั้งหลายมันถูกขังอยู่ในหัวใจของเรา มันไม่เที่ยง เป็นอนิจจัง มันไม่เที่ยงหรอก ไม่ยั่งยืนถาวร เท่าไหร่หรอก ถ้าเราไม่ลุอำนาจตามมัน มันก็ไม่มีกฎบังคับใดๆ เราทั้งนั้น

 

ทุกขัง อะนิจจัง อะนัตตา

 

ไม่ใช่ตัว ไม่ใช่ตนของเราอะไรเลย มันมายุให้รำ มาตำให้รั่ว มารุ.. มายั่วให้โกรธ อ้า มันยุคนนี่ล่ะ ให้แตกให้ร้าวกันอยู่ เพราะว่า ความโลภ ความโกรธ ความหลงนี่แหละ มันยุให้รำ ตำให้รั่ว ยั่วให้แตก แยกให้ออก อยู่อย่างนั้น คิดถึงกัน ก็ มันก็ยุให้คิดถึงกัน ยุให้ทะเลาะกัน อ่ะฮึ อยู่ดีกินดีอยู่ แต่ว่ายุให้ทะเลาะกัน อ้า ก็เกิดเชื่อฟังคำของมัน คำมันยุให้รำ ตำให้รั่ว ยั่วให้แตก แยกให้ออก แยกออกไปแล้ว ป่านนี้มันคิดตามหลังสิปะเนี่ย มาคิดตามหลัง คิดถึงตามหลัง ยั่วให้แตก แยกให้ออก อ้า ตอกลิ่มเข้าไป มันก็แตกออกจากกันได้ เพราะฉะนั้น อย่าฟังคำยุ ฟังคำแหย่ ยุให้รำ ตำให้รั่ว ยั่วให้แตก กิเลสทั้งหลายมันเป็นอย่างงั้น

ถ้าถูกใจมันก็ดีกันไป ถ้าไม่ถูกใจมันก็ เอากันอยู่นั่นแหละ ฟัดฟี๊ดกันอยู่นั่นแหละ อ้า ไม่ ไม่ยอมวาง ผู้หญิงก็ไม่ยอมวางผู้ชาย ผู้ชายก็ไม่ยอมวางผู้หญิง ไม่ได้ปล่อยมัน หนีจากเรา ยึดมันไว้ หาว่ามันเป็นตนของตัวซะแล้ว ความโกรธทั้งหลาย ความโกรธ ความโลภ ความหลง ความรัก ความชัง น่ะหาว่าเป็นตัวของตัว ที่จริงมันไม่ใช่เป็นตัวของตัว มันเพียงเป็นผู้ยุให้รำ ตำให้รั่ว ยั่วให้แตกแยก แล้วมันจะแยกให้ออก อ้า ตอกลิ่มเข้าไป มันอยู่ได้ไหม ตอกลิ่มเข้าไป อยู่ไม่ได้นะ แตกแยกออกจากกันเลย เออ อย่างว่าเราผ่าฟืน ผ่าฟืนเอาขวานสับ ให้มันแยก มันแยะออกแล้ว มันแยกออกแล้วเท่านั้นไม่พอ เอาลิ่มจดเข้าไปที่รอยร้าวของมัน รอยขวานที่สับมันแหละ แล้วเอาค้อนมาตีลิ่มเข้าไป ตีไม่ถอน ประเดี๋ยวตีเข้าไป แยกออก ตีเข้าไป ตีเข้าไป หนักๆ เข้ามันก็จะแตกออกจากกันเลย เออ เอามาต่อกันอีกไม่ได้เลย อ้า ยุให้รำ ตำให้รั่ว ยั่วให้แตกแยก แยกให้ออก มันตอกลิ่มเข้าไป ทำให้แตกร้าวสามัคคีกัน

อืม เป็นผัว คู่หัวผัวเมียกันก็แตกกันได้ เพราะว่ามัน มันตีลิ่มเข้าไป แล้วมันก็แตกออก แยกออก แยกออก จนทิ้งออกจากกันแล้ว ออกไปเป็นเสี่ยงของใครของมันแล้ว เป็นแต่ละชิ้น ละอันแล้ว เอามาต่อกันอีก ต่อไม่ได้อีก อย่างนี้เป็นต้น

เพราะฉะนั้นพวกเราที่มีพระพุทธศาสนาเป็นเครื่องยึดเหนี่ยว จิตใจเรา อย่าให้มันยุ อย่าให้มันยั่ว อย่าให้มันยุให้รำ ตำให้รั่ว ยั่วให้แตก แตกกันทำไม เรารักกัน เราจึงได้ไปอยู่ด้วยกัน อาสาสมัครไปเลี้ยงดูปูเสื่อ ไปทำการทำงานให้ทุกสิ่งทุกอย่างน่ะ ได้ทำ ทุกอย่างแล้วใช่ไหม

 

เอาความโลภ ความโกรธ ความหลงเหล่านั้น มาแยกแยะเราให้ออกจากกัน มันถูกต้องแล้วหรือ เออ มันไม่ถูกต้องนะ เออ เพราะว่า รักกันจริง รักกัน ความเมตตาสงสารกัน จึงได้อาสาสมัครเข้าไปรับใช้ รับแทน รับทำ ทำงาน ทำการ งานหนักเอาเบาสู้ เราสู้หมดทุกอย่าง อ้า เพราะเรารักกัน เราเมตตากัน เราไม่ได้ไปหาเรื่องราวใส่กันหรอก มันเกิดขึ้นที่ใจเรา

ยุให้รำ ตำให้รั่ว ยั่วให้แตก แยกให้ออก ตอกลิ่มเข้าไป ตอกลิ่มเข้าไปน้ำหนักเอา เอาขนาดนี้มันน้อยไป เอาใหญ่กว่านี้อีก ลิ่มน่ะ ลิ่มดีแต่ตอกอ่ะนะ เอาใหญ่เข้าไป ตีเข้าไปได้เหมือนกัน ตีเข้าไป ตีเข้าไป มันก็ค่อยแยกออกๆๆ ทีละน้อยๆ ในที่สุด ก็จะแตกออกจากกันเลย แตกออกทิ้งกันออกไป เอามาต่อกันอีกไม่ได้แล้วน่ะ เป็นอย่างนั้น

เรื่องยุให้รำ ตำให้รั่ว ยั่วให้แตก แยกให้ออก ที่จริงแล้วไม่สมควรหรอก ไม่สมควรเอานำมาใช้ เพราะสิ่งเหล่านั้นเป็นสิ่งที่แตกร้าวสามัคคี ไม่ดีเลย ทำให้แตก แยกให้ออก ตอกลิ่มเข้าไป เมื่อยก แตกออกจากกันแล้วเอากลับ กลับมาต่อกันอีก มันไม่ มันไม่ติดกันแล้ว มันแตกออกเป็นคนละเสี่ยงแล้ว คนละด้านแล้ว เอาคืนมาต่อกัน มันก็ไม่ต่อกันเข้าได้อีก ถึงจะเอากาวมาติดมันอย่างนี้ มันๆ ก็ไม่อยู่ ไม่แน่นอย่างเก่า

เพราะฉะนั้นความรักความเมตตาปรานีกันนั้นเป็นของดี เป็นของดี เป็นของที่อาสาสมัครรับใช้กันทุกอย่าง อ้า งานหนักเอาเบาสู้ สู้กันมาเรื่อยๆ ไม่เบื่อไม่หน่ายกัน ก็เพราะว่าเมตตากัน

 

เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

 

อืม มัน มันมีอยู่ในตัวของมัน อืม ถ้ามันยุให้รำ ตำให้รั่ว ยั่วให้แตก แยกให้ออกแล้วก็ ออกจากกันแล้วก็ กลับคืนดีกันลำบาก อยู่ อ้า บางคนก็ถึงกับได้แต่งคืน อืม แต่งเมียคืน มันยุให้โดนออกไป หนีออกไปไกลๆ แล้ว เข้าใจว่าจะไปพ้น ต่อมามันคิดถึง คำพูดคำจา คิดถึงกิริยามารยาท ที่แสดงออกหากัน นั่นแหละ มันก็มายุอีกแล้วปะเนี่ย มายุให้คิดถึง อ้า คิดถึงหลายๆ อ่ะ เอาไปเอามาก็มาขอคืน ขอคืนกัน ขอคืนดีกัน จะมาตกลงเอาผู้เฒ่าผู้แก่ มาพูดมาจากัน ตกลงเกลี้ยกล่อมกัน ให้ถูกต้องปรองดองกัน

ถ้าผู้เฒ่าผู้แก่ เพิ่นแข็งข้อสักหน่อยหนึ่ง ไอ้คน คนเก่ามันก็จะเป็นอย่างเก่านั่นแหละ ไม่ต้องเอา ไม่ต้องเอา หาเอาใหม่ดีกว่า เขาก็ใส่(อะ)ไร ขัดไปแบบนี้ หาเอาใหม่ดีกว่า เสียแล้วเสียไปหาใหม่ดีกว่า เออ เอ้า ก็ใจอ่อนลง ยอมหมดทุกสิ่งทุกอย่าง ถ้าจะคืนจริงๆ จะได้จริงๆ ให้แต่งคืน ให้แต่งคืนเท่าเก่า เท่าเดิม แต่ก่อนสินสอดราคาเท่าไหร่ ราคาตั้งหลายร้อยหลายพัน นั่นแหละ แต่งคืน แต่งคืนเอาเท่าเก่าแหนะ จึง ถ้าอย่างนั้นมันจะดื้ออีก มันจะหนีอีก ถ้ามันโกรธมา มันจะหาเรื่องราวทะเลาะกันอีก

เพราะนั้นผูกมัดมันด้วยการแต่งคืน เออ ผู้เฒ่าผู้แก่มีปัญญาพูดให้มันแต่งคืน อืม แต่งเมียคืน เออ จำเป็นจำไปก็ยอม โอเค ยินดี ยินดีจ่ายให้ตามที่ต้องการ เออ แต่ว่าสาบานตัวเอง ว่าจะไม่ทะเลาะกันอีกแล้ว ต่อนี้ไปจะไม่ทะเลาะกันอีกแล้ว จะรักกันจนถึง จนถึงวันกระดูกเข้าหม้อ กระดูกเข้าหม้อก็คือตายนั่นแหละ จนวันตาย วันนั้นกระดูกเข้าหม้อซะก่อนจึงจะแยกกันได้ นี่ยังไม่กระดูกเข้าหม้อ แยกกันยังไม่ได้

มันเป็นอย่างนั้น เรื่องผู้เฒ่าผู้แก่ เพิ่นก็หาอุบาย หาอุบายวิธีสาน สานกัน ผูกมัดกันด้วยวิธีอย่างนี้

เห็นมาแล้วหลาย ร้อยต่อร้อยแล้วล่ะ หลายร้อย อ่ะฮึ หลายพันคนแล้ว อ้า เพราะว่ากิเลสมันยุให้รำ ตำให้รั่ว ยั่วให้แตก แยกให้ออก มันกิเลสมันยุเฉยๆ เกิดโกรธกัน อาฆาตมาดร้ายกัน ถึงฆ่าตีบีฑ์โบยกันหัวร้างข้างแตก เพิ่นล่ะแม้ อ้า เป็นอย่างงั้นล่ะ
เอาไว้ไม่อยู่ เอาไว้ไม่อยู่ ถ้าอย่างงั้นเอาเฒ่าแก่มาซ้ำ มาเกลี้ยกล่อม กันให้กลมเกลียวกัน ปรองดองกันอย่างเก่าอย่างเดิม อ้า ถ้าผู้หญิงก็แข็งใจสักหน่อย ไม่เอาหรอกคนคนนี้ เพิ่นจะมาฆ่าเราเหมือนเก่านั่นแหละ อ้า แข็งข้อขึ้นมา อ้า เอาไปเอามาก็แข็งข้อไม่อยู่แล้วก็คิดถึงกัน สงสารกัน เมตตากัน

ถึงกับร้องห่มร้องไห้ อย่างนี้ก็มี อ้า อันนี้เราได้เรียนรู้มาจากทางบ้าน เรียนรู้จาก พี่สาว พี่เขย เขาทะเลาะกัน เขามีกันอย่างงั้น เอาผู้เฒ่าผู้แก่มาตกลง มาเกลี้ยกล่อมกันซะก่อนดีๆ ตกลงกันซะก่อน ใช้เงินทดแทนให้ ค่าเลี้ยงลูกไว้ ค่าอะไรให้ หลายอย่าง เออ ทำไร่ ทำนา ชาวไร่ ชาวนา ก็ทำไว้ให้ทุกอย่างแล้ว ป่านนี้จะมาล้างมือเปิบเฉยๆ เขาไม่ยอมแล้วปะเนี่ย เขาก็ดันเต็มที่เหมือนกัน เพราะฉะนั้น เพราะฉะนั้นเราอย่าทะเลาะกันดีกว่า เราอย่าทะเลาะเบาะแว้งแข่งดีกันเลย ให้ดีต่อกันและกัน อ้า ถ้าเราดีต่อกันและกัน ล่ะก็มีกำลังใจที่จะสร้างสรรค์จรรโลงบ้านของตัวเอง เรือนของตัวเอง ครอบครัวของตัวเอง ไร่นาสาโทของตัวเอง จะมีสร้างสรรค์จรรโลงกัน แข็งแรงมั่นคงมากขึ้น เป็นการผูกมัดไปในตัวล่ะ นั่นมันเป็นอย่างงั้น อ้า อย่าไปฟังคำมัน

 

โมโหนี่พาตัวตกต่ำ นะหลานเอ้ย

เจ้าอย่าทำอย่างนั้น มันบ่ดี

 

เพิ่นบอก ปู่สอนหลานบอกว่า แอ้ ให้มี

 

มีผัวให้ซ่างย้อง(ยกย่อง) มีน้องให้ออย(ปลอบ) พ่อเด้อ

มือเบื้องซ้าย อย่าได้เยี้ยดใส่ผัว มือเบื้องขวา อย่าได้เยี้ยดใส่น้อง

ให้เจ้าตองใจเว่า(พูด) นำผัวให้มันหม่วนเด้อ

อย่าได้ซวนแหม่จ้างนำก้น บ่ดี เออ

ซวนแหม่จ้างแหม่เลงทั้งหลาย นำก้น บ่ดี

 

(มีผัวให้รู้จักยกยอ มีน้องให้รู้จักดูแล

มือข้างซ้ายอย่าง้างใส่ผัว มือข้างขวาอย่าง้างใส่น้อง

ให้เราใส่ใจให้ดี เวลาพูดกับสามี พูดให้มันไพเราะ

อย่าได้ชวนและคบหาพวกหญิงขายตัวทั้งหลาย มันไม่ดี)

มีผัวแล้วเทียวทาง ผู้เดียวให้มีหมู่

ไผผู้อยู่ลับลี้ อย่าประมาท

(มีสามีแล้วให้เดินทางมีเพื่อน

ผู้อยู่เปลี่ยว อย่าได้ประมาท)

 

อย่านินทาผู้อื่นท่านเขาฮึ นักปราชญ์

เจ้าบุราณเฒ่า จึ่งแม่นตา อ้า

(อย่านินทาผู้อื่นเขา นักปราชญ์โบราณจึงเมตตา)

 

ยามเมื่อผัวเคียดให้เป็นฮูปโมโห เมื่อนั้น ให้เจ้าหาวาจา

อ่อนโยน กล ล่อ อย่าสะหวนหาข้อ ผิดกันซ้ำตื่ม

(เวลาเมื่อสามีไม่พอใจ โมโห มานั้น ให้หาคำพูดวาจา

อันอ่อนโยน มีอุบายการปลอบโยน อย่าหาข้อผิดกันซ้ำเติม)

 

เทวดาอยู่ฟ้า หลิงโลกแลเห็น พ่อเอ้ย

เป็นคนยิงต้องเที่ยงจริงจำมั่น วันศีลห้า ให้ยอมือโอดโทษ

ถึงปีใหม่มาฮอดแล้ว สมมา ป้า ย่า ยาย พ่อได๋

(เทวดาอยู่บนฟ้า เขาเห็นเราอยู่ตลอด

เป็นผู้หญิงควรต้องจดจำ ถึงวันพระ ให้ยกมือใส่หัวขอโทษ

ถึงวันสำคัญ ก็กราบไหว้ขอขมาญาติผู้ใหญ่)

อ้า มันจึงใจอ่อน มันจึงผูกกันมั่นคงขึ้น ความรักมีน้อยๆ ก็รักกันมากขึ้น ถ้ามีความ อ้า อืม พูดกันรู้เรื่องรู้ราว อืม รักกันมั่นคง ไม่ทะเลาะวิวาทบาดถลุงกันหรอก ไม่ฆ่าตีบีฑ์โบยกันหรอก อ้า อันนี้พูดถึง อ้า ผู้ครองเรือนทั้งหลาย

ผู้ครองเรือนทั้งหลายก็อยากจะมีความสุขความเจริญ ก็ยึดธรรม ฆราวาสธรรมนั้นเป็น ข้อปฏิบัติ ฆราวาสธรรมนั่นแหละ ความซื่อสัตย์สุจริต บริสุทธิ์ยุติธรรมกันจริงๆ ฆราวาสธรรม มันจึงไม่แตกไม่ร้าวกัน มีความมั่นคงเหนียวแน่น รักกันมั่นคง ไม่มีเรื่องทะเลาะวิวาทบาดถลุงกันเลย มีแต่ความดีทั้งนั้น อ้า

 

ยามเมื่อผัวเคียดให้เป็นฮูปโมโห เมื่อนั้น ให้เจ้าหาวาจา

อ่อนโยน กล ล่อ อย่าสะหวนหาข้อ ผิดกันซ้ำตื่ม

(เวลาเมื่อสามีไม่พอใจ โมโห มานั้น ให้หาคำพูดวาจาอัน

อ่อนโยน มีอุบายการปลอบโยน อย่าหาข้อผิดกันซ้ำเติม)

 

เทวดาอยู่ฟ้า หลิงโลกแลเห็น พ่อเอ้ย

เป็นคนยิงต้องเที่ยงจริงจำมั่น วันศีลห้า ให้ยอมือโอดโทษ

ถึงปีใหม่มาฮอดแล้ว สมมา ป้า ย่า ยาย พ่อได๋

(เทวดาอยู่บนฟ้า เขาเห็นเราอยู่ตลอด

เป็นผู้หญิงควรต้องจดจำ ถึงวันพระ ให้ยกมือใส่หัวขอโทษ

ถึงวันสำคัญ ก็กราบไหว้ขอขมาญาติผู้ใหญ่)

นั่นแหละ มี อ่อนน้อมถ่อมตน อย่าเอาแต่ความโมโหโกรธาเข้า ตัดสินกัน อ้า ไม่ดี สิ่งที่โมโหโกรธามัน ปรายนา(พ่ายแพ้ ที่สุด) ทำให้แยก ให้แตกกันได้ ไม่จีรังยั่งยืนไปได้หรอก เพราะฉะนั้น คำสอนของพระพุทธเจ้ามีมากมาย มีตั้งแต่ขั้นสูงสุดลงมาถึงขั้นต่ำสุด เป็นฆราวาสผู้ครองเรือน อ้า ให้มีคุณธรรมประจำใจ อย่าเห็นแก่ความมักง่าย โกรธง่ายหน่ายทะเลาะกันไม่ดี อ้า ท่านว่า อย่างนั้น ให้อดเอา หนักเอาเบาสู้ อืม อย่าถูลู่ถูกังกัน เออ ไม่ดี เรื่องที่ทะเลาะกันอย่าเอามาใช้ ในสังคมบ้านของเรา

เราแต่งงานแต่งการมา เราไม่ได้แต่งความโกรธ ความเกลียด ความถูลู่ถูกังกันแต่อย่างใด เอาความดีเข้ามาว่ากัน รักกันจริง อ้า ไม่มีการทะเลาะวิวาทบาดถลุงกัน เอาความดีเข้ามาว่าหากัน มันจึงรักกันมั่นคง ไม่ทะเลาะวิวาทกัน อ้า แล้วจะเอามาพูด ความไม่ดีอย่าเอามาพูด มันทำให้แตกร้าวสามัคคีกัน ไม่ดี เพิ่นว่า

 

สัจจะ(สัจจัง) ทะโม(ทะมะ) ฐิติ และ จาคะ

 

เพิ่นบอกไว้ ๔ ข้อเท่านี้ล่ะ คือ

 

สัจจะ(สัจจัง) ทะโม(ทะมะ) ฐิติ จาโค(จาคะ)

 

มี ๔ ข้อนี้ นี้ธรรมของฆราวาส

สัจจะ ความจริงใจต่อกัน จริงใจต่อกัน มีรักเดียวมีใจเดียว ไม่แตก ไม่แยกกัน ไม่ยุให้รำ ไม่ตำให้รั่ว ไม่ยั่วให้แตก ไม่แยกให้ออกจากกัน ให้เหนียวแน่นกัน อืม เพิ่นว่าสัจจะความจริงใจต่อกันนั้นจึงสำคัญมาก

ทะโม หมายถึงว่า การข่มใจไว้ ข่มใจไว้อย่าให้มันแตก อย่าให้มันแยกออกจากกัน ทะโม ทะมะ ตัวนั้น ข่มไว้ อ้า

ฐิติ หมายถึง ความอดกลั้นทนทานอีกแหละ อ้า ความอดกลั้นทนทาน อดออมเอาไว้

 

ให้เจ้าค่อยอด ค่อยเงี่ยน จั่งสิได้ต่อนคำ พ่อเด้อ

(ให้มีความอดทน จะได้รับผลสำเร็จ)

 

ยามเมื่อผัวเคียดให้เป็นฮูปโมโห เมื่อนั้น ให้เจ้าหาวาจา

อ่อนโยน กล ล่อ อย่าสะหวนหาข้อ ผิดกันซ้ำตื่ม

(เวลาเมื่อสามีไม่พอใจ โมโห มานั้น ให้หาคำพูดวาจาอัน

อ่อนโยน มีอุบายการปลอบโยน อย่าหาข้อผิดกันซ้ำเติม)

 

เทวดาอยู่ฟ้า หลิงโลกแลเห็น พ่อเอ้ย

เป็นคนยิงต้องเที่ยงจริงจำมั่น วันศีลห้า ให้ยอมือโอดโทษ

ถึงปีใหม่มาฮอดแล้ว สมมา ป้า ย่า ยาย พ่อได๋

(เทวดาอยู่บนฟ้า เขาเห็นเราอยู่ตลอด

เป็นผู้หญิงควรต้องจดจำ ถึงวันพระ ให้ยกมือใส่หัวขอโทษ

ถึงวันสำคัญ ก็กราบไหว้ขอขมาญาติผู้ใหญ่)

 

มันจึงถูกต้อง ให้อ่อนน้อมถ่อมตนไว้ดีกว่า เทวดาจึงจะยกย่องสรรเสริญเยินยอซ้องสาธุการไม่แตกร้าวกัน สามีคู่ใดแตกร้าวกันบ่อยๆ แล้วเทวดา อืม เบื่อ เทวดามันหนักใจ เทวดาไม่อยากได้ยินไม่อยากได้ฟังคำอย่างนี้จากสามีภรรยา คู่ใดก็ตาม ๑๐๐ ๒๐๐ ๓๐๐ ก็ตาม คู่ใด คู่ใด คู่หนึ่ง หากเกิดทะเลาะวิวาทกันแล้ว มันเทวดาร้อนใจ ร้อนหู ไม่เย็นใจ ไม่ยกยอสรรเสริญ ไม่อำนวยอวยพรให้ ทำมาค้าขึ้น ซื้อง่ายขายคล่อง พ่อเด้อ เพิ่นบอกอย่างนั้น ถูกต้องกันดีแล้ว ให้ทำมาค้าขึ้นซื้อง่ายขายคล่อง ตามทำนองคลองธรรม มันจึงจะอยู่ด้วยกันเป็นร่ำเป็นสันได้ อ้า อยู่ด้วยกันได้ยืนนาน ถ้าหากจะจากกันไปจริงๆ ก็ให้จากไปในเวลาไป จำศีลภาวนา ให้จำศีลภาวนา ให้หนักแน่นในศีลธรรมไม่ให้ใจเบา

 

ใจหนักได้กินเข่า(ข้าว) ใจเบาได้กินหนุ่น(นุ่น)

 

เน้อเฮ้อ เพิ่นบอกไว้อย่างงั้น ต่อใจหนักแน่น มั่นคง อ้า ตายเป็นตาย อยากมีรักเดียวผัวเดียวเมียเดียวแค่นี้ ไม่มี ๒ ไม่มี ๓ ปะแล้ว ไม่เอา เอาคนเดียวนี้ก็พอแรงแล้ว อ้า ถ้าจะหนีจากกันจริงๆ จะหนีไปบวช บวชซะเลยให้มันเสร็จไปเลย อย่างหลวงปู่ทั้งหลาย ท่านค่อยสอนมา หลวงปู่ที่เคยมีลูกมีเมีย มีครอบครัวมาแล้ว ท่านเอามาสอน เราก็จำเอาไว้ อ๋อ หลวงปู่จันทา(หลวงปู่จันทา ถาวโร) หลวงปู่อะไรๆ ท่านน่ะนำเรื่องราวตั้งแต่อยู่ในครอบครัวมาให้ฟัง มันเป็นอย่างงั้นมันเป็นอย่างงี้ดี้ การสร้างรากสร้างฐาน ตั้งหลักตั้งฐานมีครอบมีครัว ต้องอดต้องออม อ้า

 

ให้ค่อยอด ค่อยเงี่ยน จั่งสิได้ต่อนคำ พ่อเด้อ

(ให้มีความอดทน จะได้รับผลสำเร็จ)

 

อ้า อย่าแต่โมโหโกรธา ปรายนา(พ่ายแพ้ที่สุด) ไม่ดี ทำให้เกิดแตกเกิดแยกกันไม่ดี เทวดาพ่อสรรเสริญเยินยอ อ้า

เทวดาอยู่ฟ้า หลิงโลกแลเห็น พ่อเอ้ย

เป็นคนยิงต้องเที่ยงจริงจำมั่น วันศีลห้า ให้ยอมือโอดโทษ

ถึงปีใหม่มาฮอดแล้ว สมมา ป้า ย่า ยาย พ่อได๋

(เทวดาอยู่บนฟ้า เขาเห็นเราอยู่ตลอด

เป็นผู้หญิงควรต้องจดจำ ถึงวันพระ ให้ยกมือใส่หัวขอโทษ

ถึงวันสำคัญ ก็กราบไหว้ขอขมาญาติผู้ใหญ่)

 

เนี่ย เพิ่นๆ เทศน์กันอยู่บ่อยๆ บรรดาครูบาอาจารย์ ปู่ย่าตายาย ผู้ที่ผ่านโลกมาตั้งหลาย ท่านรู้กันดี เคยมีคู่หัวผัวเมียกันแล้ว เคยทะเลาะวิวาทบาดถลุงกันมาแล้ว ไม่เห็นนำความเจริญอะไรมาสู่เราเลย มีแต่ความแตกความแยกไป เงินทองก็โดดหนีจากกระเป๋า โดดหนีไปที่ไหน โดดหนีไปกินเหล้า โดดหนี ไปเล่นการพนัน เล่นโพเล่นไพ่ไปต่างๆ นานา มันหนีไปเองมันโดยอัตโนมัติ อืม

เพราะฉะนั้นเราเป็นผู้ปฏิบัติธรรมแล้ว อยู่ครองเรือนแล้ว มีหลักมีฐาน อ้า เป็นปึกแผ่นแน่นหนาแล้ว ไอ้ความทะเลาะวิวาทบาดถลุงแตกแยกจากกัน อย่าให้มีเลย เทวดามองอยู่ อ้า ถ้าหากว่าผิดกันทะเลาะกันล่ะ เทวดา แน่ แน่ แน่ บอกแล้วไม่เชื่อ บอกแล้วไม่ฟัง ครูบาอาจารย์เพิ่นก็สอน สอนอยู่ทุกวี่ทุกวันล่ะ ถ้ามีโอกาสก็สอน ท่าน ทุกวี่ทุกวัน

เพราะฉะนั้นขอฝากให้คิดกัน ผู้ครองเรือนทั้งหลาย ผู้มีคู่หัวผัวเมีย มีครอบมีครัวกัน ให้คิดให้หนักๆ

 

คิดแล้วคิดอีก คิดแล้วคิดอีก คิดคักๆ คิดคักๆ เนี่ยมันร้องให้ฟัง นก มันร้องให้ฟังอยู่ในป่าแล้ว คิดแล้วคิดอีก คิดแล้วคิดอีก อยู่อย่างงั้นแหละ

 

คิดคักๆ คิดคักๆ คิดคักๆ

 

แน่ะ มันบอกให้ คิดคักๆ ซะก่อน อย่าทะเลาะวิวาทบาดถลุง ซึ่งกันและกันเลย อ้า ให้อด อด อดเถิด แน่ะ นกชนิดนี้ก็บอกอีก นกอดเถิด มันก็ร้องให้ฟังอยู่ในป่า

คำหวายยาง(วัดป่าคีรีวัน)ก็มี ภูเขาลูกไหน ลูกไหนมีป่าหนาๆ มันก็บอก บอกให้อด

 

อด อด อดเถิด อยู่อย่างงั้นแหละ

อด อด อดเถิด อยู่อย่างงั้นแหละ

 

สามีภรรยาทะเลาะกันมันก็ยังโห่ร้องบอกให้ อด อด อดเถิด อยู่อย่างงั้นแหละ บอกให้อด อดเอาทนเอา อืม

 

ให้ค่อยอด ค่อยเงี่ยน จั่งสิได้ต่อนคำ พ่อเด้อ อ้า

(ให้มีความอดทน จะได้รับผลสำเร็จ)

อย่าสิฟังคำฮ้ายโมโหป้อยด่ากันเด้อ บ่ดีเด้อ

(อย่าไปถือสาคำเขา ด่ามา ไม่ดี)

 

เพิ่นบอก ให้อดให้ออมเอา คอยอดแล้ว มันก็ค่อยดีไปหรอก อดได้แหละดี เย็น ความเย็นจะเข้ามาหาเรา เมื่อใจเราเย็นแล้วทรัพย์สินเงินทองมันก็เย็นลงไปตาม ไม่เดือด ไม่ร้อน ไม่อยากจะหนีจากเราเลย มันหาหนทางออก ทรัพย์สินเงินทองมันหาหนทางออก ถ้าเกิดทะเลาะวิวาทบาดถลุงกันแล้ว หาทางออก ออก เอาไปกินเหล้าซะให้มันหายกลุ้มซะ ไปเล่นการพนันซะให้มันหายกลุ้มซะ อ้า เอาไปเล่นทุกอย่าง

ไปเที่ยวผู้ญาผู้หญิงไป อ้า แบ่งเบาความหนักอกหนักใจออกจากเรา อย่างนี้ก็มีคิดไปสั้นๆ ไปอย่างงั้นแหละ คิดไปสั้นๆ เห็นแต่ความ เอาแต่ความเห็นของตัวมาตัดสินใจ มันไม่ถูกต้องหรอก แท้ที่จริงแล้วอย่าไปมักง่าย

 

ใจหนักได้กินเข่า(ข้าว) ใจเบาได้กินหนุ่น(นุ่น) เด้อ

ทูนหัวเอ้ยน้องแก้วไปแล้วให้ต่าวมา พ่อเด้อ

(ทูนหัวไปแล้วให้กลับมา)

 

เพิ่นบอกอย่างนั้นหรอก อ้า อย่าตาม

 

อย่าสะฟังคำก้ำ ขาเดียว ดูถูกว่าบ่ดีได๋ ดูหมิ่นบ่ดีได๋

(อย่าฟังความข้างเดียว และอย่าดูถูกดูหมิ่น)

 

อ้า เอาแต่โมโหโกรธามาพูดจากัน แล้วๆ มัน เอามาจากไหนล่ะ ความโมโหโกรธา เอามาจากใจ เกิดขึ้นที่ใจ ความโลภก็เกิดขึ้นที่ใจ ความโกรธก็เกิดขึ้นที่ใจ ความหลงก็เกิดขึ้นที่ใจ ความรักก็เกิดขึ้นที่ใจ ความชังก็เกิดขึ้นที่ใจนั่นแหละ อ้า ถ้าไปฟังคำมันล่ะมันจะ ขาเดียว ดูหมิ่นบ่ดีได๋ อ้า ต่อ อย่าไปฟังคำมัน อ่ะ ฟังคำโมโหโกรธาแล้วมัน มันพาฉิบหาย

อ้า พาให้แตกให้แยกกัน ไม่มีกำลังใจที่จะทำมาหากิน อ้า เอาแต่โมโหโกรธาใส่กันทุกวันทุกวัน แล้วอะไรจะมารวยล่ะ อะไรจะมาพารวย ความมั่งมีศรีสุข มีเทวดาองค์ไหนจะให้พรบ้าง แน่ะ เกิดความร่ำรวยขึ้นมา มีบ้างไหม ไม่มี ไม่มี มีแต่ความฉิบหายวายร้าย ฉิบหายวายวอด จอดเท่านั้นแหละเพิ่นแน่ะ ถ้าเป็นเรือก็แตกแล้วก็จอดเท่านั้นแหละเรือแตก ถ้าไม่จอดก็ล้มจมไปเท่านั้นเอง เรือมันแตกแล้วสิ ไปได้ยังไง น้ำมันเข้ามา เข้ามา จมลง จมลงเท่านั้น ถ้าเรือแตก เพราะฉะนั้นอย่าให้มันแตก ถ้ามันแตกตรงไหน ก็ เที่ยวเยียวเที่ยวยามันไปเรื่อยๆ

ให้มันใช้งานใช้การได้ ใช้งานใช้การได้ อ้า อย่าไปฟังความทะเลาะ เบาะแว้งยื้อแย่งแข็งดีกัน ไม่เอา อย่างนั้นไม่เอา พระพุทธเจ้าห้าม พระพุทธเจ้าเพิ่นห้าม ไม่ให้ทะเลาะวิวาทบาดถลุง กันเป็นอันขาด ถ้าเป็นคู่หัวผัวเมียกันแล้วก็ต้องกลมเกลียวสามัคคีกัน เอาใจใส่กัน ดูแลกันสารทุกข์สุขดิบ มันเกิดมีขึ้นมา เราอดกลั้นทนทานไว้ได้ ก็เลยเป็นเหตุให้ กลมเกลียว ไม่ปีนเกลียวกันแล้ว กลมเกลียว สามัคคีดีต่อกัน จึงจะจรรโลงไทยให้รุ่งเรือง เขาว่า อ้า แม่นบ่ ฮึ

 

น้ำมากินเด้ หน่อย มันคอแห้งเว้ย มันคอแห้งเว้ย

ที่พูดมา ที่พูดมาเพื่อต้องการให้ผู้ฟังเก็บเอาไปพินิจพิจารณาด้วยปรีชาอันชาญฉลาดของตนเอง ความปรีชาความเฉลียวฉลาดมันมีขึ้นมาเอง มาตัดสินใจเอง อย่าไปเอาความโมโหโกรธามาตัดสินใจ เอาของอย่างนั้นมาตัดสินใจ มันก็มีแต่ร้อน นำความร้อน มาใส่เรา ไม่ดีเลย อันนี้ขอบิณฑบาต เพิ่นไม่ให้ทำอย่างงั้น ไม่ให้ทะเลาะวิวาทบาดถลุงซึ่งกันและกัน ให้กลมเกลียวสามัคคีดีต่อกัน จึงจะจรรโลงไทยให้รุ่งเรือง เขาว่าเพลง เพลงเขาว่าอย่างงั้น เออ เนื้อเพลง เขาหา เขาชักชวน ให้รู้จักว่าทำดีต่อกันนั้นดีจรรโลงบ้านเมือง อ้า ที่อยู่ที่อาศัย ทำมาหากินอาชีพการงาน ก็จรรโลงไปในตัว อ้า ให้รุ่งเรืองได้ เพราะความดีต่อกันจึงจะจรรโลงไทยให้รุ่งเรือง

ถ้าหากว่าแตกแยกสามัคคีกันแล้ว ครอบครัวเดียวน้อยๆ ก็แตกกันได้ แยกกันได้ สามีภรรยาก็ทะเลาะกันทุกเช้าทุกเย็น เอ้ อะ นั่น เป็นไง หาเรื่องแตก หาเรื่องแยกกัน มาใส่ตัว เออ ไม่ดีเลย ทำให้แตกร้าวสามัคคี เออ ไม่มีวันที่จะคืนดีหากันได้ อืม แล้วการแตกแยกกันแล้วมันจะมีกำลังใจที่ไหน เอาอะไรมาติดมันอยู่ มันก็ไม่อยู่ เอาขี้ยางเอาขี้สี มาตำดีๆ ผสมกันเข้าไปยาเรือ อย่างนั้นก็ไม่ค่อยอยู่ เพราะว่าความดันข้างนอกมันแรงกว่า ความดันข้างนอกมันบีบเข้ามา แล้วมันก็ดันออก แตกออกจากกันได้ ขี้สีขี้ยาง มายาเท่าไหร่ มันก็ไม่อยู่ เพราะว่ามันดัน มันดันกัน ดื้อรั้นดันทุรังกัน หึ อยู่อย่างงั้นไม่ดี ให้ถูกต้องกันดีกว่าเด้อ ให้หันหน้าเข้าหากัน อย่าหันหลังเข้าหากัน หันหน้าเข้าหากันผนึกกำลังกันไว้

ทำงานอะไรก็สำเร็จทุกอย่าง เคยเป็นทุกข์เป็นร้อนเพราะการทะเลาะกัน เราก็เคยทำมาอยู่ ทำอยู่ ไม่เห็นดีตรงไหนเลย อย่าเอามาใช้ เพิ่นว่าอย่าเอามาใช้อย่างนั้น มาใช้ในการตั้งหลักตั้งฐาน สร้างครอบสร้างครัวไม่ดีเลย อ้า อย่าเอามาใช้ แน่ะ เอาแต่ของดีๆ มาใช้ อืม หวานอมขมกลืนเอา เออ สู้เอา สู้อดสู้ทนเอา ทดไปทนมา มันก็ดีเอง อ้า เฉยไว้ก็ดีเอง เฉยไว้ก็ดีเองนั่นแหละ อย่าชวนทะเลาะวิวาทบาดถลุงกันเลย ความแตกร้าวกันไม่ดี อืม

สามัคคีมีในหมู่ใด ความสุขย่อมมีในหมู่นั้น ถ้าสามัคคีคลาดไปหรือขาดไปจากหมู่ใดแฮ ภัยย่อมเข้าฟาดฟันหมู่นั้นย่อมฉิบหาย นะ เฮ้อ อ้า ถ้าแตกแยกกันแล้ว ซ้ำความแตกแยกกันมัน มันง่ายนิดเดียว อยู่ในครัวเรือนเดียวกันก็แตกแยกกันได้ อยู่ในหมู่บ้านก็แตกแยกกันในหมู่บ้าน อยู่ในตำบลก็แตกแยกกันทั้งตำบล อยู่ในอำเภอก็แตกแยกทั้งอำเภอ อยู่ในจังหวัดก็แตกแยกไปทั่ว ทุกหย่อมหญ้า ทุกหมู่บ้าน จังหวัดหนึ่งๆ อ่ะ กี่ตำบล กี่อำเภอ อ้า ทำให้แตกแยกกันได้

เพราะฉะนั้นเราไม่ปรารถนาที่จะแตกแยก หวานอมขมกลืนไปก่อน สู้ไปก่อน อดรนทนได้อยู่ อดรนทนได้อยู่ มันก็เย็นเอง แม้แต่น้ำที่ต้มให้เดือด มันก็เดือดได้ เอาหม้อมาใส่น้ำแล้วไปตั้งไฟ มันก็เดือดขึ้นมา ฮ่อน(ร้อน)ขึ้นมาทีละนิดละหน่อย เดือดจนพุ่งๆๆๆๆ จนล้นปากแม่เอาไป นั่น น้ำมันทำให้เดือดก็ได้ ถ้าไปปลดออกจากเตาซะ ออกจาก อืม เตาอั้งโล่แล้วหรือว่า เตาอะไรก็แล้วแต่ เรายกออกซะ ออกไปตั้งไว้ข้างนอก สักประเดี๋ยวเดียวมันก็เย็นลง เสียงมันดัง อ๊กๆๆๆๆ อยู่ก็ตามมันขนาดนั้นก็ตาม อ่ง(ยก)ออกจากเตาเท่านั้นแหละ อ่อนลงเลย ไม่ ไม่เดือดอีกเลย อ๊กๆๆ ก็เลยเสียง โอ๊กๆๆๆ น้อยๆ ไป อ๊กแอ๊ก อ๊กแอ๊กไปน้อยๆ ไป อ้า เอาไปเอามือไปจับดู มันก็ไม่ ร้อนอะไรแล้ว มือไปจก(ล้วง)ดูก็อยู่เฉยๆ

น้ำที่ต้มไว้สำหรับอาบ อ้า มันเกิดเดือดอย่างเต็มที่แล้ว อย่าไปอาบมันตอนนั้น อย่าไปเอามาอาบตอนมันเดือดเต็มที่แล้ว มันจะพอง ไหม้ผิวหนังตัวเอง พอง ห๋ด(รด)หัว ผมก็หล่น อ้า ห๋ด(รด)ขน ขนก็หล่น หนังก็พองเปื่อยออก เป็นชิ้นเป็นอันหรอก แล้วก็พองแล้วก็เน่าเฟะไป ต่อไปถ้าถูกน้ำร้อนมากๆ แล้วเป็นอย่างงั้น

เพราะฉะนั้น อย่าให้มันมาถูกเราเลย น้ำเดือดๆ อย่าให้มันมาถูกเราเลย ทำอะไรก็เสียหายไปหมด อ้า ถ้าน้ำมันเดือดแล้วเอาไปรดผักมันเป็นยังไง เอาน้ำเดือดๆ ไปรดมันลองดู มันเป็นยังไง เอาปุ๋ยไปใส่ก็ดี แต่ว่าเอาน้ำเดือดๆ ไปรดมัน เป็นยังไง มันเฉา มันเหี่ยว อ้ามันเปื่อยไปเลย

ดังนี้ไม่ดีเลย แอ้ เพราะฉะนั้น น้ำมันเดือดแล้วก็ปลดมันซะก่อน อย่าเอาฟืนเข้าไปติดมันให้มากขึ้น อ้า ถอยฟืนออก อ้า อย่าให้มันทำให้กำลังไฟมันแรงขึ้น อ้า มันจะเป็นอันตรายแก่ตัวเอง แก่ผิวหนัง แก่ครอบครัวตัวเอง ถูกผิวหนังก็เปื่อยออกอย่างนี้ ถูกอะไรก็เปื่อยไปหมด เอาไปรดอะไรก็ไม่ดี น้ำเดือดแล้วเอาไปรดต้นไม้ ก็ทำให้ต้นไม้เปื่อยไป

เฉาไป อ้า ไม่ ไม่งาม ทำยังไงๆ ก็ไม่งาม เอาปุ๋ยอะไรมาใส่มันก็ไม่งาม เพราะว่ามันถูกของร้อนแล้ว เปื่อยแล้วลวกแล้ว มันลวก อ้า มันลวก แม้เอามาใส่ลิ้นเราก็ยัง ลวกลิ้นๆๆๆ สิตายกินไม่ได้น้ำร้อน อย่างนี้เป็นตัวอย่าง เพราะฉะนั้นอย่าไปยุยงส่งเสริมให้มันกำเริบเสิบสาน ความโกรธ

 

โกโธนี้ กิเลสาตัวหยาบ เกิดแก่ไผมืดตื้อ บ่เห็นฮู้ฮ่อมทาง

พ่อได๋ ความโกรธมาเพม้าง จิตใจใสให้กลับมืด

ทั้งประโยชน์ตนและผู้อื่น เลยบ่ฮู้

(ความโกรธนี้เป็นกิเลสตัวหยาบ

เกิดขึ้นกับใครแล้วมืดมน มองไม่เห็นทางออก

ความโกรธนั้นพาให้จิตใจเรามืด

ไม่รู้ประโยชน์ตัวเองและคนอื่น)

 

ทำลายล้างขาดกระเด็น อาจเสียไปหมด เสียหายร้ายแรง เอาความโกรธมาใช้ในการงาน ในครอบในครัวก็ทำให้แตกให้แยกกันได้ ทำให้เปื่อยออกจากกันก็ได้ ไม่ติดกันเลยดังนี้ อืม เพราะฉะนั้นรักษาความโกรธให้ได้ อ้า ความโกรธมันเป็นสิ่งทำลายของที่เป็นประโยชน์ เปื่อยไปหมด เอาความโกรธหรือเอาน้ำเดือดๆ ไปรดผักรดหญ้า มันเป็นยังไง อืม ลองเอาไปรด ลองดูไหม น้ำเดือดๆ เอาไปเท รดต้นไม้สิ ผักอะไร ชนิดไหนก็ตาม ผักกาดก็ตาม ผักชีก็ตาม ผักหอม แตงหอมต้นก็ตาม เอาน้ำเดือดๆ ไปฟด(เดือด) ไปรดมัน มันเป็นยังไง มันก็เฉาเปื่อย มันก็เหี่ยวแห้ง แล้วก็ตายไปเลย เปื่อยไปเลย อย่างนี้ล่ะ ถ้าความร้อนเกิดขึ้นแล้ว

 

มองเหตุบ่เห็นหยัง มีแต่ใจพาโล

เคียดคุณคำฮ้าย แล้ว.. แนวสิเจ็บใจหามาว่ากัน

(มองไม่เห็นสาเหตุ มีใจโกรธเกินกว่าเหตุ

แล้วดุด่าว่ากล่าวกันให้เจ็บใจ)

 

เอาให้สาใจสิเรา โคตรพ่อมันก็เอา โคตรแม่มันก็เอา อ้า หรือที่เอาเอิ้น(เรียก)ผี มาต้มตับ ต้มไต ต้มไส้ ต้มพุง ฆ่า เอิ้น(เรียก)มาหมด ผีอยู่ทางไหน ทางไหน เอิ้น(เรียก) มา ต้มตับ ต้มไต ต้มไส้ ต้มพุงกันจนพอแรง แล้วเรียกผีมา ต้มตับ ต้มไต ต้มไส้ ต้มพุงแล้วมันก็เปื่อยสิ อ้า พุงก็เปื่อยสิ เออ เกิดแผลในกระเพาะขึ้นมาสิ อ้า อะไรไม่ดีทั้งนั่นแหละถ้าหากโกรธแล้ว อ้า พูดกันด้วยความโกรธ เหมือนดังต้มน้ำให้เดือดแล้วเอาไปรดต้นไม้ฉันนั้น เพิ่นว่าอย่างนี้

เอา..น้ำกำลังเดือดๆ พล่านๆ อยู่นั่นไปรดต้นไม้ ต้องการอยากให้ต้นไม้มันสวยมันงาม นี่สวยๆ งามเหล่านี้ เอาน้ำร้อนมา
รดดูสิ เป็นยังไง น้ำเดือดๆ มารดดูสิมันเป็นยังไง มันเปื่อยไป มันเฉาไป เหี่ยวไป ควรจะได้ดอกได้ผล ควรจะได้ใบได้อะไรงามๆ ไปประดับประดา ก็ไม่ได้ล่ะ เปื่อยไปเลย อย่างนี้ก็เอา ดอกไม้ที่สดๆ สีเขียวเหล่านี้ รดน้ำมาดีแล้ว มันก็เย็นตาเย็นใจอยู่อย่างงี้อ่ะ เอาของร้อนๆ มารดราดมันทั่ว มันเป็นยังไง อ้า มันเฉาไปเลย มันเปื่อยไปเลย อย่างนี้

อันนี้ขอบิณฑบาตจากญาติจากโยม ผู้ที่ดุร้ายทั้งหลายด้วย ผู้ที่ดุร้ายเคยด่าเคยว่ากันน่ะขอบิณฑบาต หึ เบรกซะ เบรกอย่างแรงซะ ให้มันเบรกแตกพู้น(โน้น)ล่ะ อะเฮอะ แน่ะ เหยียบเบรกหนักๆ มันก็อยู่หรอก อ้า ถ้าไม่เบรกมันจะลุกลามไปไกล

เรียกว่า ไฟลุกขึ้นน่ะ อย่าจะเอาน้ำมันไปรดมัน ใส่มันลุกขึ้นแล้ว จะเอาน้ำมันเบนซินหรือน้ำมันก๊าด ไปสาดใส่มัน มันจะเป็นยังไงปะเนี่ย มันก็ฮือขึ้น ลุกฮือขึ้นแรงกว่าเดิม เพราะฉะนั้นทำยังไง ไฟมันจึงจะดับลงได้ อย่าเอาน้ำมันไปรดลาดมัน เอาน้ำเย็นๆ รดมัน ให้มันดับลงไป ดับด้วยความเย็น ไม่ได้ดับด้วยความร้อน เอาน้ำมันไปรดมัน มันก็ร้อนแรงขึ้นมากอ่ะสิ

เพราะฉะนั้นพวกเราต้องระมัดระวังอย่าให้มันลุกฮือขึ้นมา เวลาความโกรธมีแล้ว ให้ระงับความโกรธของตัวเองด้วยความอดกลั้นทนทานเอา เออ อย่าไปแสดงโมโหโกรธาในขณะที่โกรธ มันจะรุนแรงขึ้นมากกว่าเดิม ร้อนกว่าเดิม ถูกอะไรก็ฉิบหายไปหมด ถูกผ้าถูกผ่อนก็โหว่ไป ติดกันไปเป็นปืด ไหม้เป็นไปเป็นทาง เออ อย่างชนิดที่มีเชื้อเพลิงอยู่ในตัว

เออ อย่างๆๆ อะไร ยางมะตอย ยางอะไรไม่รู้ มันเป็นยางอยู่แล้วติดไฟก็ลุกขึ้นมาเลย เออ ลุกแรงขึ้นอีกด้วยถ้าเพิ่มเอาน้ำมันไปรดราดมัน มันจะเป็นยังไง เพราะฉะนั้น อย่าแท้ๆ พวกเรา อย่าเอาความโกรธไปยุให้มันลุกมากๆ ขึ้น โกรธแค่นี้เราอดได้ โกรธแค่นี้เราอดได้ไม่เป็นไร ยิ้มดูเอา ยิ้มดู ยิ้มดู คนที่โกรธทั้งหลาย เออเฮ้อ เอาไปเอามาก็มาหัวแฮ่ๆ นำ(กับ)เฮา(เรา)ล่ะ บ่ยากหรอก หัวแฮ่ๆ... อดได้แล้ว สบาย เออ ไม่ ไม่มีลุกฮือขึ้นมา หัวร้างข้างแตกกันหรอก อดได้ ความอดความทนน่ะ ดี ทำให้งามในที่ทุกสถาน ในกาลทุกเมื่อ อยู่ในบ้านก็งาม ไป ไปร่วมการร่วมงานพี่น้องทางอื่น ก็งาม เป็นสง่าราศีของงานนั่นอีกด้วย ฆ่าความโกรธได้แล้ว ไม่มีความโกรธ เป็นสิ่งที่น่าดูน่าชม ดีขึ้นมามากๆ น่าดูน่าชม งาม ถ้ามีหลายๆ หมู่บ้านมารวมๆ กันแล้วอย่างนี้ ไม่มีความโกรธเลยอย่างเนี่ย เย็นไปหมดทั้งวัด อยู่ที่ไหนเย็นไปถึงที่นั่น อยู่กุฏิก็เย็นในกุฏิ อยู่กับหมู่กับพวกก็เย็นอยู่กับหมู่กับพวก อย่างงั้น ถ้าให้อยู่ร่วมกัน เย็น

เหมือนดังปลามัน มันไม่ชอบน้ำร้อน อ้า ถ้าน้ำเดือดๆ ขึ้นมาแล้วเอาปลาไปโยนลงใส่ในน้ำร้อนดูสิ มันไม่ตายก็คางเหลืองล่ะ อ่ะฮึ โดดปึงปัง ปึงปัง ล่ะโดดออกจากน้ำร้อน อ้าวังนี้มันร้อน น้ำวังนี้มันร้อน ไปโยนลงใส่ มันก็โดดหนีไปหลัง ไปวังที่มันเย็นๆ โน้นไปถึงน้ำเย็นแล้วมันนิ่งเอง นิ่งอือ มีแต่หูดิก ยึกๆๆๆ อยู่เฉยๆ ไม่โดดไปไหนล่ะ อ้ามันเย็นมันสบายมัน อ้า น้ำร้อนปลาเป็นน้ำเย็นปลาตาย เพิ่นล่ะ เพิ่นว่า น้ำร้อนปลามันดีด มันเด้น มันเต้น มันเป็น มันโดดไปโดดมา อ้า ปลาที่หนีจากวัง ก็เพราะวังน้ำมันร้อน วังนั่นตากแดดตลอดวัน เอามันไปใส่ที่ร้อนๆ อย่างงั้นมันก็ไม่อยู่ มันก็โดดหาที่เย็นๆ ของมัน

อย่างนี้เป็นตัวอย่างเอามาเปรียบเทียบกันดู อ้า ถ้าเราอยากให้ ครัว ครัวเรือนของเราแตกแยกกันก็เอาความโกรธไปใส่ เอาความโกรธไปยุให้รำ ตำให้รั่ว ยั่วให้แตก แยกให้ออก เอาความโกรธไปใช้บ่อยๆ มันก็อยู่กับเราไม่ได้ แม้แต่เงินทองที่หามาด้วยหยาดเหงื่อแรงงานขนาดไหนก็ตาม ก็ไม่อยากจะอยู่กับเรา อ้า หามาเหนื่อยยากลำบากเหลือเกิน แต่ว่ามี เวลาโมโหมา โอ้ย แน่ อยากไปโยนใส่ไฟซะ โยนใส่ไฟซะเงินพวกนี้ เป็นอย่างงั้นน่ะ โยนใส่ไฟ เอาน้ำร้อนไปรดราดมันซะ อย่างนี้มันจะอยู่ได้ไหม อยู่ไม่ได้ ทำให้ฉิบหายวายป่วงไป หรือเปื่อยไปเท่านั้นเอง

เพราะฉะนั้นความโกรธนี้ อย่าเอาไปใช้ในสังคมมนุษย์เรา อย่าเอามันมาใช้ เวลาความโกรธเกิดแล้ว เอ้า มันโกรธแล้วเว้ย โกรธแล้ว โกรธแล้ว อย่าๆ อย่ายอมแพ้มันไว้ก่อนล่ะ ยอมแพ้ เออ ไม่ต้อง อ้า มันเก่งขนาดไหนเราก็ไม่สู้ใครล่ะ อ้า ความโกรธนี้มันลุกลามได้ใหญ่โต อ้า เอาไฟจุดอะไรก็ได้ เอาไฟเผาบ้านตัวเอง ก็ได้ ถ้ามันโกรธขึ้นมาแล้ว เผาบ้านเผาเรือน เผาของใช้ไม้สอยทุกอย่าง อ้า เผาไปได้หมด ผ้านุ่งแพรถือก็เผาไฟได้เลย เออ ไม่หวงเลอะ ไม่มีความเสียดาย ถ้าความโกรธเกิดขึ้นแล้วไม่เสียดายสักอย่าง สามีภรรยากำลังรัก รักกันก็ ไม่ ไม่ ไม่เสียดายล่ะ ด่ากันว่ากันตีกันเลย อะเฮอะ เออ เสียงดังตุบตับ ตุบตับ แม่นล่ะ แม่นล่ะ อ้า ดังตุบตับ ตุบตับ โอ้ย สักหน่อยก็วิ่งหาหมอ หาหมอมาเย็บ เย็บแผลที่หัวที่ไหนก็ดี หาหมอมาเย็บให้ อ้า ถ้าไม่อย่างนั้นมันก็เจ็บเลือดทะลักออกมาจากร่างจากกาย อ้า เสียเลือดเสียเนื้อโดยใช่เหตุ อ้า ไม่มีประโยชน์อะไรเลย

เพราะฉะนั้นระงับมันซะ อ้า มันไม่รุนแรงเท่าไหร่หรอก มันเกิดขึ้นมาแล้ว อืมไม่เห็นมันมืดมิดปิดปัญญา มันปิดปัญญาของเรา เมื่อมันรุนแรงมาก ทำให้เราฉิบหายวายร้ายวายป่วง อ้า มีอะไรใกล้ๆ ฟืนใกล้ๆ ไฟก็จับโยนเข้าไปใส่ฟืนใส่ไฟ อ้า โมโหมาแล้ว ยื่นไม้แห้งๆ เข้าไปหาไฟ ยื่นหญ้าแห้งๆ เข้าไปใส่ฟืนใส่ไฟมันก็ลุกฮือขึ้นมาอย่างใหญ่ อย่างงี้ไม้ที่ติดฟืนติดไฟง่าย มันก็ลุกขึ้นมา ไม่ได้ยั้งมืออ่ะ มันก็ไปกันใหญ่ เพราะฉะนั้น ทำให้ฉิบหาย อ้า ไม่เจริญในทรัพย์สินเงินทอง แม้แต่เงินทองที่อยู่ในกระเป๋าเราก็ยังเดือดร้อน อ้า อยู่ในกระเป๋าอยู่ในถุงในไท่(ถุงยาวใช้คาดเอว)เรา ก็ยังเดือดร้อนอีก อ้า โยนใส่ไฟก็ได้โยนใส่อะไรก็ได้ มันเกิดขึ้นมาแล้วโกรธ ความโกรธ เกิดขึ้นแล้ว

มองเหตุบ่เห็นหยัง มีแต่ใจพาโล

เคียดคุณคำฮ้าย แล้ว.. แนวสิเจ็บใจหามาว่ากัน

(มองไม่เห็นสาเหตุ มีใจโกรธเกินกว่าเหตุ

แล้วดุด่าว่ากล่าวกันให้เจ็บใจ)

 

อย่าไปเชื่อความมัน อย่าไปดันทุรัง ไม่ดีหรอก ตั้งคำนั่นกันซะก่อน อ้า ฟังคำเตือนของคนอื่นไว้บ้าง คำอื่นเตือนก็ให้สงวนระงับไว้ เขาเตือนมาด้วยความหวังดี เรา ไม่ได้หวังดีกับเรา ไว้เขาเตือนมาก็ยั้งใส่เขาอีก เออ ด่าเขาอีกทำนองนี้ เรียกว่าต่อเอาฟืน เอาไฟไปต่อ เอาฟืนไปใส่ ไฟมันลุกขึ้นแล้ว เพิ่มฟืนเข้าไปมากๆ ยิ่งเพิ่มฟืนเข้าไปมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งลุกฮือ ฮือขึ้นมา แม้แต่ใบไม้เป็นๆ ทิ้งใส่ ไฟกำลังลุกๆ มันก็ไหม้ จั่วๆๆ กรอบไปอีก ปิว(ปลิว)ไปเป็น เป็นไฟไปตามกันเลย ไม่ดีเลย ความโมโหนี่พาตัวตกต่ำ เด้อ อย่าดับ ฟังความมัน อ้า ให้อดกลั้นทนทานไว้ก่อน เออ เอาเย็นๆ ไว้ก่อน อย่าไปลุอำนาจแก่ความโกรธ แล้วก็ทำลายผิวพรรณตัวเองด้วย เวลาโกรธขึ้นแล้วผิวพรรณมันกล่ำ มันดำเข้า หน้าดำคร่ำเครียดเข้า หน้านิ่วคิ้วขมวดเข้า อ้า ไม่น่าดูน่าชมเลย

แต่ก่อนน่าดูน่าชม เบิกบานร่าเริงยิ้มแย้มแจ่มใส ถ้าความโกรธเกิดขึ้นแล้ว ที่นี่มันเป็นยังไง เปลี่ยนสี เปลี่ยนสีไปเลย เออ หน้าตาพอเข้าวัดเข้าวาได้ หน้าดำคร่ำเครียดไป อ่ะฮึ เออ เกิดไฝฝ้าราคีเต็มหน้าเต็มหลังไป อย่างนี้ไม่ดีเลย อย่าไปลุอำนาจแก่ความโกรธ อันนี้ขอบิณฑบาต

 

โกธัง ฆัตวา สุขัง เสติ

เพิ่นบอกไว้แล้ว เออ ฆ่าความโกรธได้แล้วอยู่เป็นสุข เพิ่นว่า ฆ่าความโกรธได้แล้วอยู่เป็นสุข

 

โกธัง ฆัตวา สุขัง เสติ

 

แฮ เออ เพิ่นว่า ฆ่าความโกรธของตัวได้แล้วอยู่เป็นสุขสบาย เออ แม้หน้าบูด หน้างอ อย่างหนึ่งอย่างใด ก็ยังยิ้มออกมาได้สบาย อ้า สบายตัวเองล่ะ ถ้าฆ่าความโกรธได้แล้วสบายตัวเอง ถ้าไปยุให้รำ ตำให้รั่ว ยั่วให้โกรธ มันก็ยิ่งลุกฮือขึ้นมา ไฟ ไฟคือความโกรธ โทสัคคินา เพิ่นว่าความโกรธเป็นไฟ โมหัคคินา โลภัคคินา ความเหล่านั้นเป็นไฟเป็นฟืนกันทั้งนั่นแหละ อย่าไปลุอำนาจแก่ความโกรธ อย่าเอาความโกรธมาใช้ แม้ทำงานอะไรร่วมกัน ร่วมกัน ก็อย่าเอาความโกรธมาใช้ อ้า ทำงานกับลูกน้อง

ถ้าเถ้าแก่หรือหัวหน้าเอาความโกรธมาใช้บ่อยๆ อ๋อ ไม่ดี ไม่มีกำลังใจ ไม่มีกำลังใจ ที่จะทำงาน ท่านทั้งหลายก็เคยผ่านทุกคนแหละ ถ้าหากว่าเอาความโกรธมาด่ากันในเวลาโมโหอย่างงั้น ไม่มีกำลังใจจะทำงาน ทิ้งเลย มีขวานก็ทิ้งขวานมีมีดก็ทิ้งมีดไป ไม่ทำ มีแต่จอบ มีจอบเสียมก็ทิ้งไปเลย ไม่อยากทำ อืม มันโมโหขึ้นมาแล้ว มันเป็นอย่างงั้น เสียการเสียงานไปหมด เออ ทำร้ายตัวเองด้วย เออ ทำลายผิวพรรณตัวเองด้วย ทำให้ผิวพรรณที่ผุดผ่องสะอาด อ้า ที่ดี สีดี สีนวล สีอะไรดี ดำคล้ำเข้ามา ดำคล้ำเข้ามา พอโกรธจัดเท่าไหร่ยิ่ง ดำเข้า มากเข้า มากเข้า มากเข้า หนักๆ เข้าก็ฟันตัวเองแทงตัวเองไปอย่างงั้นแหละ มันขนาดนั่นแหละ มันรุนแรงขนาดนั่นแหละ มันเป็นไฟ

 

เรียกว่า โทสัคคินา ความโกรธเป็นไฟ เด้อ ลูกหลานเอ้ย โทสัคคินา เด้อ อย่าไปฟังคำมันเลยความโกรธ ถ้าเอาความโกรธมาทำงานทำการ ทำให้ไหม้ตัวเอง เออ ไหม้หมู่ไหม้พวกที่ร่วมงานร่วมการไปหมดทุกรายไป นั่น ทุกเรื่องทุกรายไป ถ้ามีงานไหนเกิดขึ้น เห็นสนุกๆ แล้วเอาความโกรธเข้าไปใส่ เป็นยังไง อืม หัวร้างข้างแตก อ้า เลือดสาดไป อย่างงี้ก็มี เคยเห็นมาแล้ว เออ แต่ยังไม่โกรธกันล่ะ แหม ดี ดีหมดทุกอย่าง มีอะไรเอามาสู่กันกิน อ้า มีเหล้ายาปลาปิ้งเอามาสู่กันกิน เออ ของดีอร่อยๆ เอามาสู่กันกินได้ ถ้าหากโกรธเกิดขึ้นแล้ว เราไปเททิ้งดีกว่า เอาไปเททิ้งดีกว่า โกรธ มันโกรธ อืม เทลงน้ำ เทไปไหนก็ได้ เทไปไหนหมดล่ะ น้ำ ท่อน้ำ อืม ของที่มีล้ำค่าราคาสูงๆ ก็เทสาดไปเลย อย่างนี้แสดงว่าความโกรธมันรุนแรงกว่าหัวใจ หัวใจมันก็ไม่มากเท่าไหร่หรอก ถ้าเราห้ามมันแล้ว มันก็อยู่เองหรอก ฆ่าความโกรธได้อยู่เป็นสุข

 

โกธัง ฆัตวา สุขัง เสติ

แฮ เพิ่นก็บอกไว้อย่างนี้ ภาษิตเพิ่น

 

โกโธ ธัมมานัง ปะริปันโถ

 

ความโกรธเป็นอันตรายแก่ความสุขทั้งหลายหรือความสงบทั้งหลาย ถ้าความโกรธเกิดขึ้นแล้วมืดมิดปิดปัญญา ไม่มีปัญญาจะทำมาหากินแล้ว ใครจะสอนยังไงๆ ก็ไม่เอา เออ เพราะว่ามันโกรธแล้ว ทิ้งทันที อ้า ทิ้งกระจาด ทิ้งกระบุง ทิ้งถ้วยทิ้งจานไปเลย ไม่เอาซะอย่างอ่ะ นั่นมันโกรธขึ้นแล้วน่ะ โกรธขึ้นแล้ว ไม่เอาไหนเลย เออ เห็นว่าความโกรธมันใหญ่กว่าใจซะแล้ว

เพราะฉะนั้นอย่าเพิ่งฟังคำมันเด้อ เราอยู่กับมนุษย์ เราอยู่กับเพื่อน กับผัว คู่หัวผัวเมียกัน อย่าไปเอาความโกรธไปใช้ ในเวลาโกรธขึ้นมาแล้วรู้จักระงับตัวเองไว้บ้าง อย่าโมโหโกรธา มันปรายนา(พ่ายแพ้ที่สุด) ไม่ดีเลย ไม่ดีจริงๆ อืม มึนตื้อ สงบ ระงับเอาไว้ให้มันเย็นซะก่อน แล้วค่อยพูดกัน ถ้าเวลากำลังโมโห เพราะไม่ ไม่อยู่ พูดกำลังโมโหมันไม่อยู่ มันลุกหวือๆๆ ขึ้นมา อ้า เหมือนดังไฟลุกแล้วลมพัดมาให้งั้นแหละ ลมพัดมาแล้วหวือๆ ใหญ่ พัดแรงเท่าไหร่ก็ไหม้ใหญ่ไหม้ไปถึงบ้านถึงช่อง ถึงฝาบ้านฝาเรือน หลังคาบ้านหลังคาเรือน ไหม้ไปหมดตลอด เออ ถ้าหากว่ามันเกิดลมขึ้นมาพร้อมๆ กันกับไฟ มันเป็นอันตราย

ไม่ดีเลยกันทั้ง ๒ ฝ่ายก็เป็นอันตราย ไม่ดีเลย ขอฝากด้วย ขอฝากว่าอย่าได้ไปเชื่อคำมัน ถ้าไปฟังความมันแล้ว แล้วมันดันทุรัง ไม่รู้จักหยุด ไม่รู้จักอยู่ ดันกันไปเลย ดันกันไปมา ดันกันมากหลายก็แตก สิปะเนี่ย ดันกันดันไปดันมาก็แตกสิ เออ ดันหม้อดันไหก็เหมือนกัน ดันไปดันมาก็แตก อ้า ไปชนแต่ของแข็งๆ ก็แตกอีกเหมือนกัน อ้านี่พูดนอกลู่นอกทางไปหรอก แต่มันเป็นอย่างงั้น พิจารณาแล้วมันเป็นอย่างงั้นจริงๆ อ้า เห็นสามีภรรยาทะเลาะกัน แต่เคยเห็นแล้ว เคยอยู่ในโลก เคยเห็นสามีภรรยา เขารักเขาหอมกันเหลือเกิน ถ้าเขาโกรธกันแล้ว อย่าไป ไปแหยมเขาไม่ได้นะ อันตราย เออ หึ มีมีดก็เอามีด มีขวานก็เอาขวาน อืม มีอะไรอยู่ใกล้ๆ มือก็เอาทั้งนั่นแหละ เออ เพราะฉะนั้น

 

ความโกโธนี้ กิเลสาตัวหยาบ เกิดแก่ไผมืดตื้อ บ่เห็นฮู้ฮ่อมทาง

พ่อได๋ ความโกรธมาเพม้าง จิตใจใสให้กลับมืด

ทั้งประโยชน์ตนและผู้อื่น เลยบ่ฮู้ ทำลายร้างขาดเสีย พ่อได๋

(ความโกรธนี้เป็นกิเลสตัวหยาบ เกิดขึ้นกับใครแล้วมืดมน

มองไม่เห็นทางออก ความโกรธนั้นพาให้จิตใจเรามืด

ไม่รู้ประโยชน์ตัวเองและคนอื่น ทำลายเสียหาย)

 

อันนี้เว่า(พูด)ภาษาบ้านเฮา(เรา)เมืองเฮา(เรา) ก็เข้าใจกันง่ายหรอก ดังที่แสดงมา ก็ฝากให้นำไปพินิจพิจารณาด้วยปัญญาอันชาญฉลาดของตนเองเถิด อัปปมาทธรรม ไม่มีความประมาท ตั้งอกตั้งใจจะเอาชนะความโกรธให้ได้ ไม่ให้มันลุกฮือขึ้นมาได้ ต่อแต่นั้นก็จะได้ประสบพบเห็นแต่ความสุขความเจริญทั้งทางคดีโลกและทางคดีธรรมทุกประการ รับประทานวิสัชนามา ก็ยุติโดยเวลา เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้

 

ทำไมจึงลงช้า เสียงมันไม่ออก เสียงมันไม่ออกมันบังคับ พอแล้ว เออ เฮ้อๆ รับพรเด้อปะนี่เด้อ รับพรซะจะได้ จะได้มีโอกาสไปเดินจงกรมนั่งสมาธิภาวนากันบ้าง

อันนี้ก็มีอยู่นี่ๆ อยู่ในซีดีล่ะนะเนี่ย เอาออกล่ะเนี่ย บางทีเปิดฟังได้

เออ คนป่วยเว้ย ไม่ใช่คนแข็งแรง คนป่วยเว้ย ซักๆ (กระตุก) เสยๆ (เฉย) คนป่วยซักๆ (กระตุก) เสยๆ (เฉย) มานี่ก็ มาด้วยขัดไม่ได้ ที่มาในงานนี้ วัดอาจารย์ทูล(หลวงพ่อทูล ขิปปปัญโญ) เออ วันที่เท่าไหร่ วันที่เท่านั้นเท่านี้ เออ ถ้าร่างกายสุขภาพแข็งแรง เราไปได้อยู่ หาคนขับรถให้เรา เออ ก็แล้วกัน ไม่มี ไม่มีคนขับรถ ก็มาไม่ได้ อ้า ขอโมทนาในศรัทธา ความเชื่อ ความเลื่อมใสในพระศาสนา พากันอุตส่าห์พยายาม มานั่งหลังคดหลังแข็งอยู่ อดตาหลับขับตานอนก็มี เสียสละน้ำพักน้ำแรงมา ทำงานทำการปัดกวาดเช็ดถู บริเวณวัดวาศาสนา ให้ได้ดูดีขึ้น อะไรไม่ดีไม่งามตรงไหน รู้จักแก้ไขเอา เพิ่นทำไว้ให้เราแค่นี้ ทำรั้วทำปลูกดอกไม้ ปลูกอะไรอย่างนี้ก็ดี เป็นลูกศิษย์ลูกหาล่ะ ช่วยกันทำ น่าดูน่าชมมากขึ้น ดีขึ้น พระพุทธศาสนาจะเจริญรุ่งเรือง สืบต่อๆ ไปจนถึงลูกหลานเหลนโหลน ก็เพราะพวกเราแหละปฏิบัติกันอยู่ ไม่ทอดทิ้ง ไม่นิ่งดูดาย ไม่ใจจืด ไม่ใจดำ ไม่อำมหิต อืม ถ้าใจจืด ใจดำ อำมหิตขึ้นล่ะ แหลกลาญไปหมดทุกอย่างอ่ะ สามีภรรยาก็ตีกันหัวร้างข้างแตก อะฮะ อย่างนี้ก็มีเด้ บ้านแถวนี้ไม่มีหรอก ไม่มีใครตีกันหัวร้างข้างแตกหรอก เคยเห็นบางหมู่บ้าน บางบ้านน่ะ ทะเลาะกัน กินเหล้าทะเลาะกัน ตีกันหัวร้างข้างแตก โอ้ย หมอ เอ้ย ทำไมถึงร้ายกาจอย่างงั้น เน้อ

ขอให้ระลึกถึงครูบาอาจารย์ ขอให้ระลึกถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ให้มากๆ อันนั้นเป็นธงชัยของพวกเรา ธงชัยของพวกเรา

พระพุทธเจ้าเป็นธงใหญ่ พระธรรม คำสั่งคำสอนเนี่ยเป็นธงชัยอันใหญ่ พระอริยสงฆ์สาวก พระอรหันตสัมมาสัมพุทธ.. สาวก พระสงฆ์สาวกผู้เป็นอรหันต์ เพิ่นก็หมดแล้ว กิเลสเหล่านี้ เพิ่นไม่เอามาใช้แล้ว อืม นี่ก็เอา เราก็ปฏิบัติบูชาท่านไปเรื่อยๆ เพราะจะได้เจริญรุ่งเรืองอีกนานเท่านาน

 

มีเรื่องอะไรจะคุยกับหมู่ อ่ะ

 

กัมมัง วิชชา จะ ธัมโม จะ สีลัง ชีวิตะมุตตะมัง

การงาน ๑ วิชา ๑ ธรรม ๑ ศีล ๑ ชีวิตอันอุดม ๑

 

ธรรมนิยาม

ทุกขัง ความเป็นทุกข์

อะนิจจัง ความเป็นของไม่เที่ยง

อะนัตตา ความเป็นของไมใช่ตน

 

พรหมวิหาร ๔ (ธรรมเครื่องอยู่อย่างประเสริฐ)

เมตตา(ปรารถนาดี ให้มีสุข) กรุณา(สงสาร ให้พ้นทุกข์)

มุทิตา(ยินดี เมื่อผู้อื่นมีสุข) อุเบกขา(วางใจ เป็นกลาง)

 

กิเลส ๑๕๐๐

(จิต ๑ เจตสิก ๕๒ รูปรูป ๑๘

อากาสธาตุ ๑ ลักขณรูป ๓) คูณ

(ภายใน ภายนอก) คูณ

(โลภะ โทสะ โมหะ มานะ ทิฏฐิ

วิจิกิจฉา ถีนะ อุทธัจจะ อหิริกะ อโนตตัปปะ)

 

ตัณหา ๑๐๘

(กามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหา) คูณ

(ตัณหาในรูป ในเสียง ในกลิ่น ในรส

ในโผฏฐัพพะ ในธรรมารมณ์) คูณ

(ภายใน ภายนอก) คูณ

(ปัจจุบัน อดีต อนาคต)

โกธัง ฆัตวา สุขัง เสติ

ฆ่าความโกรธได้ อยู่เป็นสุข

 

โกโธ ธัมมานัง ปะริปันโถ

ความโกรธเป็นอันตรายต่อธรรมทั้งหลาย

 

เครื่องให้เจริญอย่างยิ่ง

สัจจะ(สัตย์ซื่อต่อกัน) ทะมะ(ฝึก ข่ม)

ฐิติ(มั่นคง อดทน) จาคะ(เสียสละ)

 

 

โอวาทะปาฏิโมกขาทิปาโฐ

 

สัพพะปาปัสสะ อะกะระณัง

การไม่ทำบาปทั้งสิ้น

กุสะลัสสูปะสัมปะทา

การยังกุศลให้ถึงพร้อม

สะจิตตะปะริโยทะปะนัง

การทำจิตของตนให้ผ่องใส

เอตัง พุทธานะ สาสะนัง

นี้เป็นคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย

 

บุพพาประ [บุบ-พา-ปะ-ระ] เรื่องทั้งก่อน และหลัง

ปรายนา [ปะ-รา-ยะ-นา] เบื้องหน้า

(บางแห่งใช้หมายถึง พ่ายแพ้ที่สุด)

 

เพลงรวมไทย

 

(สร้อย) รวมไทยร่วมใจ

รักษาอำนาจชาติไทย

เทอดไทยทูนไทย

ด้วยน้ำใจมั่นคง

 

สามัคคีระหว่างไทยคงได้ผล

ไทยทุกคนรวมทั้งชาติและศาสนา

เหมือนหนึ่งได้เกิดกำเนิดมา

จากบิดรมารดาคนเดียวกัน

 

(สร้อย)

 

ถ้ารวมไทยได้สิ้นทุกถิ่นแคว้น

คงจะเป็นปึกแผ่นสามารถมั่น

ขอให้ไทยสามัคคีมีต่อกัน

จึงจะจรรโลงไทยให้รุ่งเรือง

 

(สร้อย)