หลวงปู่ท่อน ญาณธโร

งานทำบุญครบรอบวันมรณภาพปีที่ ๙

หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ

วันจันทร์ที่ ๕ มิถุนายน ๒๕๕๖ เวลา ๑๙.๐๐ น.

ณ วัดอรัญบรรพต ต.บ้านหม้อ

อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย

ตั้งใจเด้อ คนหูหนวกอ่ะ หลวงปู่มันเป็นคนหูหนวก พูดอะไรก็ไม่ชัดเจนหรอก

 

นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ

นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ

นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ

ปูชา จะ ปูชะนียานัง เอตัมมังคะละมุตตะมัง ฯ

อิมัสสะ ธัมมะปะริยายัสสะ อัตโถ

สาธายัสมันเตหิ สักกัจจัง ธัมโม โสตัพโพติ

 

อนุสนธิก็สืบเนื่องมาแต่พระบรมครูสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้เป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ได้โปรดประทานธรรมเทศนาไว้มากมายเหลือเกิน ถ้าจะนับจะ จะประมาณแล้วก็ ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ เพิ่นว่ามันหลายเหลือเกิน แต่ว่าเราเอาเฉพาะบางสิ่งบางอย่างออกมาบรรยาย ให้ท่านฟัง หมายถึงบูชาบุคคลที่ผู้ที่ควรบูชา บิดา มารดาก็เป็นผู้ที่ควรบูชา ครูบาอาจารย์ก็เป็นผู้ที่ควรบูชา ผู้มีอายุสูงทั้งหลายก็เป็นบุคคลที่ควรบูชาเหมือนกัน เราทำวันนี้เป็นทักษิณานุปทาน ก็เป็นการบูชาคุณของครูบาอาจารย์ผู้มีคุณต่อโลกต่อประชาชนทั้งหลาย ท่านได้แนะนำสั่งสอนไป ทุกหนทุกแห่งไม่ว่าจังหวัดไหนๆ

ถ้านิมนต์ท่านไปแสดงธรรม ท่านไม่เคยปฏิเสธ ไปทุกหน
ทุกแห่งล่ะ ไปจนเป็นลมเป็นแล้งอยู่ในรถก็ช่างมัน มันหายเองหรอก ให้มันหายแล้วก็ถึงที่ ก็คงจะแสดงได้เทศน์ได้ นั่น อันนี้เมตตาคนขนาดนั้น เมตตาต่อชาวโลกทั้งหลายที่ยังลืมตาอ้าปากไม่ทั่วถึงธรรมวินัย บาปบุญคุณโทษ อะไรก็ยังไม่ทั่วไม่ถึงทั้งที่อุตส่าห์พยายามไปทุกหนทุกแห่ง ต้องการถ้าอยากให้มนุษย์ทั้งหลายได้ยินได้ฟังธรรมะ คำสั่งคำสอนของพระบรมศาสดา เออ ให้แพร่หลายออกไป อันนี้ก็เหมือนกันแหละ จำเป็น หนีไม่พ้น เขาเอาจับไฟจุดเอา เออ ถ้าเป็นจะไป ก็หนีไม่พ้น ก็ต้องพูดให้ฟัง

ธรรมดาสิ่งที่สวยๆ งามๆ ก็หลายสิ่งหลายอย่างประกอบกันสมมติว่าดอกไม้ในแจกันเนี่ย มีกี่อย่าง มีกี่สี มีหลายสี หลายพันธุ์ เอามาประดับเข้าแจกันดอกไม้เป็นเครื่องสักการบูชาแลดู แล้วก็สวยงามดี คนเราก็เหมือนกัน ที่มาเป็นพุทธบริษัท ประพฤติปฏิบัติตนในพระพุทธศาสนาก็มาจากตระกูลต่างๆ กัน ไม่ได้มาจากตระกูลเดียว คนทุกข์ก็มี คนเจ็บก็มี คนรวยก็มี ข้าราชการก็มี เป็นทหาร เป็นตำรวจก็มี มาร่วมประชุมชุมนุมกันที่นี่ มองเข้าแล้วก็งามไหมล่ะ คนมีศีล ต่างคนต่างมีศีล มีธรรมมารวมกันอยู่ในศาลาแห่งเดียวนี้ มองไปแล้ว งาม น่าอวดชาวโลกเขา บางประเทศ บางประเทศเขาไม่มีประเพณีแบบนี้ สนุกสนานกันเพลิดเพลินไปเฉยๆ ไม่ระลึกถึงตัวเองว่าเราจะขัดเกลากิเลสของเราให้มันเบาบางได้ยังไง เออ อันนี้ท่านก็บัญญัติไว้แล้ว เครื่องขัดเกลากิเลสเพิ่นบอกว่า

 

ทานัง เทติ สีลัง รักขะติ ภาวะนานัง ภาเวตตะวา

 

อันนี้เป็นเครื่องประดับมนุษย์ทั้งหลายให้งามในที่ทุกสถาน ในการทุกเมื่อ ถ้าเรามีศีล มีธรรมประดับกันประดับตัวอยู่แล้วก็เป็นคนงามไม่ล้าสมัยเขาเลย นำสมัยและก็ใหม่เสมอน่าดูน่าชม คนมีศีล มีธรรมมารวมกันแล้วมันก็ดูงามขึ้นมหาศาลล่ะ งามมาก เหลือเกิน ศีลธรรมตัวนั้นพาให้สวยให้งาม อันไม่มีศีลมีธรรม กินเหล้าเมามาย อ้อแอ้ๆ เดินซัดๆ เซๆ ไปตามถนนหนทางก็ ไม่ค่อยมีใคร ใครไม่ดีล่ะ ก็ชนแหลกไปเรื่อยๆ อย่างงี้ อันนี่คนชนิดนั้นมาในสังคมนี้ จะงามอย่างนี้หรือเปล่าหนอ คงจะไม่งาม เครื่องประดับของคนก็คือศีลธรรมนั่นแหละที่พาให้เป็นคนสวยคนงาม

 

กัมมัง วิชชา จะ ธัมโม จะ สีลัง ชีวิตะมุตตะมัง

 

ธรรม ธรรมะ กรรม กัมมังก็หมายถึงการงานที่บริสุทธิ์สะอาด ไม่มีโทษ การงานที่ไม่มีโทษ กัมมัง วิชชาหมายถึงความรู้ ความเข้าใจในธรรมะธัมโมเนี่ย

 

สีลัง ชีวิตะมุตตะมัง

 

หมายถึงว่าผู้มีศีล มีธรรมไปที่ไหนเทวดาก็หลีกทาง ภูตผีปีศาจก็หลีกทาง เราจะเดินทางไปที่ไหนๆ ภูตผีปีศาจจะเดินขวางทางอยู่ก็ต้องหลีก หลีกทางให้ อ๋อ ผู้เป็นอุบาสกมาทางนี้แล้ว พวกเราจะไปประมาทไม่ได้ ผู้มีศีล มีธรรมมาทางนี้แล้ว ควรยกมือโมทนาสาธุกับท่านเหล่านั้น เพราะท่านมีศีล มีธรรมแน่ะ เป็นเครื่องหมายของคนดีทั้งหลาย เออ คนดี คนที่ทำประโยชน์ให้แก่ชาวโลก

ยกตัวอย่างเช่น พระคุณเจ้าทั้งหลายทั้งหมดนี่แหละ เป็นทั้งผู้ที่ทำประโยชน์ให้แก่ชาวโลก ทำเพื่อให้ชาวโลกเป็นตัวอย่าง ดูแลเป็นตัวอย่าง ให้ได้ดู ได้ทัศนานุตริยะ ได้ดูสิ่งที่เป็นมงคล สิ่งที่เป็นบุญเป็นกุศล ได้เห็นผู้สังวรระวังในศีลในธรรมดีแล้วก็น่าเคารพ น่ากราบไหว้ แม้คนอยู่คนละต่างชาติ ต่างแดนก็ตาม อาจเป็นผู้มีศีล มีธรรมขึ้นมาแล้ว เกิดความเลื่อมใสศรัทธาโมทนาสาธุ จะเป็นฝรั่งก็ดี ญี่ปุ่นก็ดี เยอรมันก็ดี พระต่างชาติมา พวกเราไม่เคยแสดงความรังเกียจ เลยเคารพกราบไหว้เต็มศรัทธาของตัวเอง ไม่ได้ตำหนิติโทษเลย งามในที่ทุกสถานในกาลทุกเมื่อ เหมือนดอกไม้ที่เก็บมาจากต้นไม้ต่างสี สีสันวรรณะของมันต่างกัน เอามารวมในแจกันอันเดียวน่าดูน่าชมมากขึ้น

อันนี้ก็เหมือนกันบุคคลผู้มีศีล มีธรรมจะเป็นชาติฝรั่ง อังกฤษ เยอรมัน ญี่ปุ่นก็ตามใครๆ ก็ตามแล้ว มาบรรจุอยู่ในเสนาสนะแห่งนี้ศาลาแห่งนี้ มีทั้งฝรั่ง มีทั้งอังกฤษ มีทั้งเยอรมันมานั่งอยู่ที่นี่ล่ะ งามไหมล่ะ งามมากๆ เลย เพราะว่าต่างคนต่างสังวรระวังตัวเอง ระวังกายตัวเอง ระวังวาจาตัวเอง ระวังใจตัวเอง ให้อยู่ในขอบข่ายของศีลธรรมแล้วก็งาม จะเป็นชาติไหนภาษาไหนก็ตาม งามไปหมด อ้า เรียกว่ามณฑลหรือว่าพุทธมณฑล เออ หรือว่าพุทธบริษัททั้งหลายที่ตั้งอยู่ด้วยคุณธรรม น่าดูน่าชมเหลือเกิน

ถ้าไปกินเหล้าเมามายเซซ้าย เซขวา ชนโน้น ชนนี่ใครว่าอะไรให้ก็ตาขวางใส่เขา เห็นเป็นสมณะก็ตามเถอะ อย่างนั้น เขาดูหมิ่นได้ เขาดูถูกได้ เขาขาดความเคารพเลยถ้าเป็นอย่างงั้น
ตามความเห็น เห็นประจักษ์ ตีกันหัวร้างข้างแตกไปหลายราย เพราะว่าหัวโล้นๆ เฉย ห่มผ้าเหลืองเฉยๆ แต่ว่า กินเหล้าเมามาย ติดฝิ่น เฮโรอีน กัญชายาเสพติดให้โทษทุกอย่าง หัวโล้นแต่ว่าหลอกลวงโลกเขาเฉยๆ แต่การประพฤติปฏิบัติไม่เข้าท่าไม่เข้าขั้น แล้ว อย่างงี้เรียกว่า ทำลายคุณธรรมของตัวเองให้ย่อยยับไป ขาดความเคารพ ขาดความนับถือ ขาดความสักการบูชา ขาดหมดทุกอย่าง แม้จะมีอาหารกินดีๆ ก็ไม่อยากถวาย เออ เพราะว่าทำผิดกฎหมายศีลธรรม ไม่อยู่ในขอบข่ายของศีลธรรม อันนี้ก็เป็นการทำลายชื่อเสียงของตัวเองเหมือนกัน

เราเป็นพระ เราเป็นเณรเราไปทำอย่างงั้น ประชาชนเขาจะสาธุการหรือเปล่า อ้า ไม่ ไม่มี ไม่มีใครสาธุ โมทนาสาธุการ แม้เทวดาที่มีกายทิพย์ อ้า เห็นแล้วก็ไม่เคารพไม่ยำเกรง ส่ายหัว เทวดาทั้งหลายส่ายหัว โอ้ย ไม่ไหวแล้ว ทำอย่างนี้พุทธบริษัทย่ำยีพระพุทธศาสนาถึงขนาดนี้ ยังจะให้เขาเมตตาปรานียังไงได้ นั้นเราคิดเอาง่ายๆ ถ้าเห็นพระคุณเจ้าจำนวนมากมายก่ายเกินอย่างนี้ ถ้าหากประพฤติปฏิบัตินอกลู่นอกทางออกไป ไม่อยู่ในขอบข่ายของศีลธรรมแล้ว จะเป็นยังไง นักปราชญ์บัณฑิตทั้งหลายมองเห็นแล้ว สะอิดสะเอียน เออ น่าเกลียดน่าชังเหลือเกิน ถ้าเห็นเณรกินเหล้าเมามาย เซซ้าย เซขวาไป ไปนู้นๆ อะไรขวางหน้าก็เตะแหลกลาญไปอย่างงี้ก็มี

ถ้ามีพระขี้เหล้าอย่างงั้นไปในบ้านเรา เราจะยินดีต้อนรับหรือเปล่า อ้า อ้า คงจะไม่ยินดีปรีดาปราโมทย์สาธุการแต่อย่างใด อาจจะมองอย่างเขม่นๆ อย่างนั้นล่ะ มองไปไม่เลื่อมใสไม่ศรัทธาในบุคคลเช่นนั้น เพราะฉะนั้นบ้านของเราก็มีบุคคลตัวอย่าง บุคคลตัวอย่างของโลก ชาวโลกสักการบูชาอยู่ทุกวันนี้ก็พบก็มีคุณ คือศีลธรรมเป็นเครื่องหมาย เป็นเครื่องหมายที่ทำให้งามอยู่ทุกอย่าง อยู่ทุกเมื่อเชื่อวันไม่จืดไม่จาง มีอาหารดีๆ มีของอยากทำบุญทั้งหลาย คิดอยากไปไหว้ ไปกราบ ไปสักการบูชาท่านผู้มีศีล มีธรรมอย่างงั้น และก็ผู้มีเมตตาอีกด้วย

อ้า อย่างครูบาอาจารย์ที่ท่านมีชื่อเสียงโด่งดังทั่วประเทศ
ไม่ว่าภาคไหนๆ ท่านไปที่ไหนก็มีคนสักการบูชาเคารพกราบไหว้ อยากทำบุญสุนทานอยากถวายสิ่งถวายของ มันเป็นเพราะอะไร เป็นเพราะคุณธรรมของท่าน วินัยของท่านดี ไม่ด่าง ไม่พร้อย ไม่เปื้อนเปรอะเลอะเทอะ งามทุกเมื่อ เออ งามหน้างามตา งามกิริยางามมารยาท งามเชื้องามชาติ งามวาสนา งามจิตงามใจ งามในศรัทธา เออ ไม่ต้องหาเครื่องประดับประดาสวยๆ งามๆ มาใส่หรอก

พระเจ้าพระสงฆ์ หัวโล้นห่มผ้าเหลือง สีเข้ารูปเข้าร่างกัน สีไม่ต่างกัน ไม่แตกกัน เออ ถ้ามาในที่นี้มีสีดำๆ มีสีแดงๆ มาปะปนหมู่อยู่ จะดูออกไหม จะดูได้ไหม กิริยามารยาท การกระทำ
ความประพฤติปฏิบัติศีลธรรมอื่น ก็ผิดหมู่อีกนั่นแหละ มันจะไม่สวยดี๊ มาทำลายศรัทธา ทำลายศรัทธาของญาติของโยมให้เสื่อมลงเห็นได้ชัด อ้า เดินทางผ่านกันไป เขาก็ไม่เคารพไม่นับถือ ไม่ศรัทธาไม่บูชา อ้า มันเป็นไปอย่างงั้นมัน มันไม่มีเอื้ออำนวยกันเท่าที่ควร

ถ้าพระคุณเจ้าทั้งหลายมีธรรมมีวินัยอันดีงามอยู่ มองดูเวลาไหนก็เย็นตาเย็นใจจะคิดอยากทำบุญสุนทาน ก็เลยอาราธนามาหรือไม่ได้อาราธนามา ก็มีศรัทธามากันเองมารวมกันอยู่ในมหาสังฆนิบาตแห่งนี้ก็งามอยู่อย่างนั้นทุกเมื่อ เทวดามองเห็นแล้วก็ชื่นชมชื่นใจ เออ สามัคคีมีในหมู่ใด ความสุขย่อมมีในหมู่นั้น ถ้าสามัคคีคลาดไปหรือขาดไปจากหมู่ใดแฮ ภัยย่อมเข้าฟาดฟันหมู่นั้นฉิบหาย เพิ่นบอกไว้แล้ว บอกไว้ยังไง สามัคคี เออ ในความสามัคคีความพร้อมเพรียงของหมู่ให้เกิดสุข เราปรารถนาอะไรก็สำเร็จ วัดวาศาสนาอะไร ก็จะสำเร็จทุกอย่าง เอาความพร้อมเพรียงซึ่งกันและกันไม่แตก ไม่แยกกัน อยู่คนละวัด อยู่คนละอาวาส อยู่คนละจังหวัด อยู่คนละหัวเมืองมาเห็นกันแล้วก็ชื่นอกชื่นใจ เออ ดีอกดีใจ โมทนาสาธุการด้วย

อันนี้หลักของศีลธรรมของพระพุทธศาสนาที่มั่นคง ก็เพราะว่า ท่านมีความพร้อมเพรียงกันทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ทอดทิ้งกัน ไม่นิ่งดูดายกัน ไม่ใจจืดไม่ใจดำไม่รังแกกัน อ้า เอาใจช่วยกันอยู่อย่างนี้แสดงว่า

สุขา สังฆัสสะ สามัคคี

 

ทำความสุขให้เกิดขึ้น เพราะความสามัคคีความพร้อมเพรียงกัน เออ ไม่แตกไม่แยกกัน ประพฤติธรรมวินัยก็อันหนึ่งอันเดียวกันอยู่อย่างงั้น เป็นสิ่งที่ทำให้หมู่งาม หมู่สวย หมู่งามน่าเคารพ น่าบูชาสักการะ น่าทำบุญ เออ

ถ้าหากว่าทะเลาะกันป๊องๆ แป๊งๆ ตีกันหัวร้างข้างแตกอย่างงี้ อุบาสกอุบาสิกาผู้กำลังศรัทธาอยู่ก็ แป้วใจ โอ้โฮ ทำไมทำกันได้อย่างงั้น ทำไมตีกันได้อย่างงั้น น่าอายเทวดาเหลือเกิน เราไหว้พระ เออ กราบไหว้พระ ทำบุญกับพระอยู่เรื่อยๆ ถ้าไปประพฤตินอกลู่นอกทางอย่างนั้น หัวใจของอุบาสกเป็นยังไง หัวใจของอุบาสิกาเป็นยังไง แป้วใจ เศร้าหมองใจ ไม่สบายใจ

เห็นผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบตั้งอยู่ในธรรม ธัมโม มีวินัยเป็นที่ประดับตัวเอง ก็เหมือนดอกไม้หลากสี ดังที่ยกขึ้นเบื้องต้น ดอกไม้หลากสีได้จากตระกูลต่างๆ เอามารวมใส่แจกันใหญ่ๆ อันเดียว มองดูแล้วสวยงามแค่ถ่ายรูปก็งาม ไปติดอยู่ในรูปมันก็งามอยู่อย่างนั้น

งามหน้า งามตา งามกิริยา งามมารยาท งามเชื้อ งามชาติ งามวาสนา งามจิต งามใจ งามในศรัทธา ไม่จืด ไม่จาง ไม่ห่าง ไม่หาย อยู่อย่างงั้นทุกวี่ทุกวัน มีความเคารพและก็นับถือบูชาไม่จืดไม่จางเลย อยู่ถึงต่างจังหวัดไกลออกไปโน่น ก็พากันหลั่งไหลมา มาบูชาคุณครูบาอาจารย์ มาเคารพนบนอบ มาทำบุญสุนทาน แอ้ น่าโมทนาสาธุการเหลือเกิน

อยู่ไกลมิใช่ง่ายน่ะ สุพรรณบุรี อ่ะ นครปฐม สุพรรณบุรี มาทางตะวันออก นครพนม สกลนครมาถึงอุบลราชธานีก็มี พากันตั้งใจมา นัดหมายกันมา หรือได้ยินข่าวว่าท่านจะมีบุญวันนั้น วันนี้ ก็ตั้งอกตั้งใจถ่อสังขารตัวเองมา ถึงเดินไม่สะดวก ก็ยัง ขาหักขาห่าน(กะเผลก)เดินมา ขะเย้อขยักก็มี เออ อืมแต่อาศัยนั่งรถมา มาจากทางไกลๆ นั่งรถมา ถ้าเหนื่อยยากลำบากขนาดไหนก็ทนเอา เพราะว่าใจศรัทธา อ้า งามหน้า งามตา งามกิริยา งามมารยาท งามเชื้อ งามชาติ งามวาสนา งามจิต งามใจ งามในศรัทธา เหลือกินเหลือใช้แล้ว

เพราะฉะนั้นขอฝากท่านทั้งหลาย เออ ทั้งคฤหัสถ์และบรรพชิตมารวมกันอยู่ที่นี้ ขอฝากความหวังไว้กับท่านทั้งหลาย ท่านทั้งหลายก็คงจะทะนุบำรุงพระพุทธศาสนาต่อไปอีกนานเท่านาน จนกว่าชีวิตจะหาไม่

เพิ่นล่ะตายเป็นตาย เออ เราจะบูชาอยู่อย่างนี้ ใครจะไม่แนะนำ ให้เราให้ล้มเลิกจากการกราบ การไหว้ การสักการบูชาจากพระเจ้าพระสงฆ์ซะ มีมาแนะนำอย่างงั้นเขาหาว่า งมงาย อ้า ไม่รู้จักทางเจริญอะไรเลย กราบไหว้อยู่อย่างงั้นไม่รู้จักเบื่อ นี่วิธีเขาแทรกแซงเข้ามา แทรกแซงเข้ามาอย่างนี้ ในครั้งพุทธกาล เพิ่นก็มีวิธีอย่างงี้เหมือนกัน แทรกแซง แทรกแซงไปถึงพระพุทธเจ้าซะด้วย อ้า ทำยังไงพระพุทธเจ้าจะเสื่อมลาภ เสื่อมยศ เสื่อมจากคนเคารพนับถือ เออ วางแผน เออ ไปจ้างวานผู้เหย้าผู้หญิงอะไรมา อ้า เป็น ก็อุ้มท้องมาเอา น้ำเต้ามามัดใส่ท้อง เออ และก็ทำว่าไปชี้หน้าชี้ตาพระบรมพระศาสดาต่อธารกำนัล ต่อที่ประชุม มัวแต่เทศน์อยู่นั่นแหละ อ้า มัวแต่เทศน์อยู่นั่นแหละ อ้า อันนี้เขาใกล้จะคลอดแล้ว เออ ไม่ดูแลจัดสถานที่ให้คลอดอะไรเลย ไม่มี มีแต่เทศน์คนอื่นอยู่นั่นแหละ ประชาชนได้ยินได้ฟังก็งง เอ้า มันอะไรกันน่า มันเป็นไปได้ยังไง พระบรมพระศาสดาจะเป็นไป อ้า ไปร่วมประเวณีกับผู้หญิงอย่างนี้เชียวหรือ

เออ ร้อนถึงเทวดา เทวดาในชั้นฟ้าพู้น(โน้น)แหละ เดือดร้อนเอาแหละ พระบรมศาสดาพระบรมโดน โดนใส่ร้ายป้ายสีขนาดนั้น ให้ไปจัดการด่วน อ้า เทวดาทั้งหลายเอ้ย ให้องค์หนึ่งเป็นลมใหญ่ไปพัด อ้า องค์หนึ่งแปลงตัวเป็นหนูเข้าไปในผ้าถุงมันกัดสายน้ำเต้าที่มัดใส่ท้องไว้ ลองแล้วกึก องค์หนึ่ง ก็เป็นลมเป็นวาตะ ลมพัดให้มัน ชะเวิกชะวาก(เปิดกว้างและลึกเข้าไป) อ้า วูบวาบเปิดเผยมันอ้าซะ อย่าให้มันไปใส่ร้ายป้ายสีพระบรมศาสดา ผู้ที่เคารพนับถือของพวกเราให้ได้ เทวดาก็พร้อมกันลงมาดังกล่าว กำลังชี้หน้าชี้ตาอยู่ว่าอย่างงั้น ประชาชนทั้งหลายก็ตกใจ โอ้ จะเป็นไปได้หรือพระบรมศาสดา อืม ใครจะตอบผู้หญิงคนนั้น นางจิญจมาณวิกา

อันเรื่องมันรู้สึก เธอกับฉันเท่านั้น คนอื่นเขาไม่รู้หรอก เออ แน่ะ ท่านไม่ได้ว่าเธอมาใส่ร้ายฉันอย่างงั้นอย่างงี้ ไม่ได้ว่า เรื่องนี้รู้แต่ฉันกับเธอเท่านั้น อ้า รู้ยังไง ก็รู้ว่าฉันไม่ได้ร่วมกับเธอ เธอก็รู้ว่าฉันไม่ได้ร่วมกับเธอ รู้ทุกอย่างเป็นแผนของเธอต่างหากหรอก แต่ลมพัดมาอย่างใหญ่เลย แล้ว อ่ะ หนูก็เข้าไปกัดสายของน้ำเต้าอยู่ในสะเอวเพิ่นล่ะ ตกกลิ้งโค่โล่ออกมา พอน้ำเต้าตกกลิ้งโค่โล่ออกมา แทบจะเอาตัวไม่รอดน่ะแหละ อ้า

พวกบริษัททั้งหลายนั่งประชุมอยู่นั้น ลุกฮือกันขึ้นจะกระทืบ อ้า ผลักไสออกไปนอกรั้วจากพระวิหารนั้นซะ จากที่ประชุมนั้นจะผลักไสออกไป ไปถึงทุ่งนา ไปถึงทุ่งนา แผ่นดินก็แยกออกดูดเอาอย่างน่าทุเรศ เมตตาจริงๆ

ถูกแผ่นดินสูบไปต่อหน้าต่อตา นางจิญจมาณวิกา ว่าผู้ใส่ร้ายป้ายสีพระบรมศาสดา เห็นได้ชัดแจ้งและก็ประกาศความดีเด่นของพระพุทธเจ้าให้ทั่วโลกได้ทราบด้วย ไม่ธรรมดา แผ่นดินสูบมาหลายรายแล้ว

ท่านเทวทัตก็แผ่นดินสูบ นางจิญจมาณวิกา ก็ถูกแผ่นดินสูบ พระเจ้าสุปปพุทธะก็ถูกแผ่นดินสูบ โอ้ แผ่นดินสูบ มาหลายราย
แล้ว มันเป็นอย่างงั้น เรียบ อ้าใส่ร้ายป้ายสีบุคคลไม่มีความผิด มันเป็นโทษไปถึงตนเอง เพราะฉะนั้นอย่าเพิ่งริเลย พวกเราอย่าริ อย่างนั้น เออ คนที่ไม่มีความผิดไปใส่ร้ายป้ายสี เอ้า อ้า ใส่แต่ให้มีเรื่องมีราว ให้เสื่อมจากชื่อเสียงเกียรติยศ รสนิยมทั้งหลายซะ อ้า ตั้งใจจะกลั่นแกล้งเขาวิธีนั้น ก็เป็นบาปจนถึงแผ่นดินสูบ เพราะฉะนั้นในเรื่องที่เป็นบาป อย่างงี้เพิ่นก็ทำนายไว้ให้พวกเราได้ทราบมาโดยตลอด

ตั้งแต่ท่านเทวทัตถูกแผ่นดินสูบ นางจิญจมาณวิกา พระเจ้าสุปปพุทธะที่กลั่นแกล้ง เออ พระบรมศาสดาไม่ให้ไปบิณฑบาตทางนั้น เออ ก็ถูกแผ่นดินสูบเหมือนกัน เออ แหม

หลายคนอยู่ถูกแผ่นดินสูบ ในที่สุดก็สูบไปทุกคนแหละ คนดีก็สูบ คนร้ายก็สูบ คนดีเขาก็ตายด้วยความ อ้า บริสุทธิ์ผุดผ่องเหมือนดังครูบาอาจารย์ของพวกเรานี้ ท่านบริสุทธิ์ผุดผ่องตั้งแต่วันบวชมาจนวันตาย แล้วเป็นไง กระดูกของท่านเป็นยังไง แย่งกันไหม เออ แย่งกันหมดทุกอย่าง กระดูกก็แย่งเอา อ้า ผมก็เอาอะไรก็เอาให้หมด อ้า เพราะท่านเป็นผู้บริสุทธิ์ผุดผ่อง เพราะฉะนั้นพวกเราทั้งหลายไม่ต้องเดือดร้อนใจ เราตั้งอยู่ในศีลสมาธิปัญญา ให้บริสุทธิ์ผุดผ่อง เราก็เป็นคนขลังเหมือนกัน ถูกใส่ร้ายป้ายสีอย่างหนึ่งอย่างใด ก็อาจจะเกิด แอคซิเด็น(accident อุบัติเหตุ เรื่องไม่คาดคิด)ขึ้นมา อ้า ให้เห็นประจักษ์ เออ หลายอย่างแล้ว เออ คนใส่ร้ายป้ายสีกับผู้ไม่มีความผิด มันให้ผลมันยังไม่ทันตาย ให้ผลทันตาเห็น เพราะฉะนั้นในสมาคมมหา.. มหาสมาคมแห่งนี้ มีท่านพระคุณเจ้า มีทั้งอุบาสก มีทั้งอุบาสิกาเป็นมหาสมาคมใหญ่อันหนึ่ง ซึ่งหาอ่านให้รู้เรื่องราว อย่าให้เขาต้มตุ๋นได้ เรื่องใดไม่ผิด เราก็อย่าเดือดร้อนใจ ยิ้มฟังอยู่ เรื่องใด ไม่ได้หาใส่เรื่องใส่เราไม่มี มีเรื่องมีราว อ้า เราก็ยิ้มฟังอยู่ อย่าไปเดือดร้อน เดือดเนื้อร้อนใจ เราพออกพอใจอยู่อย่างนี้ อ้า

เหมือนดังสาวกของพระบรมศาสดา เออ พระโมคลา พระสารีบุตร พระโมคลา พระสารีบุตร ผู้บริสุทธิ์ผุดผ่องนั้นเหมือนกันล่ะ อ้า มีเขาสักการบูชามากมายหลายนิ แออัดยัดเยียดเหยียบกันตาย เออ ก็มีเหยียบกันตาย นางอะไร นางที่เขาเหยียบตาย ตายแล้วไปเป็นเทวดา ไปเป็นเทพบุตร เทวดาอยู่เทวโลก ลงมาในงานเผาศพมาให้ปรากฏในสังคมมนุษย์ เออ ฉันก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกลหรอก ฉันก็ถูกเขาเหยียบ ถูกเหยียบตาย ในวันเผาพระราชทานเพลิงศพพระสารีบุตรนั่นแหละ อืม ฉันตายแล้ว ฉันก็ไม่ได้ไปตกนรกหมกไหม้หรอก ฉันก็ได้เป็นเทพบุตรเทวดาอย่างงี้แหละ มากราบไหว้เคารพบูชาศพของพระสารีบุตรให้ได้ ส่วนศพของเราเขาเอาไปฝังไปเผาที่ไหนก็ไม่รู้ เออ แต่ว่าจิตของเราไปเป็นเทวดา ได้มาปรากฏการณ์อยู่ในขณะนี้ ท่านทั้งหลายอย่าได้วิตกกังวล สาธุการเอานะ อ้า เนี่ยล่ะ บุคคลบริสุทธิ์ผุดผ่อง ใครหรือกล้าใส่ร้ายป้ายสียังไงมัน ก็ไม่เสียหายอะไร เพราะเราบริสุทธิ์อยู่ ดีอยู่ เออ เขาจะใส่ร้ายป้ายสีไปถึงไหนก็เรื่องของเขาเป็น เรื่องของเราไม่หวั่นไหว เออ ยังบริสุทธิ์ผุดผ่องอยู่ เออ มีหูมีตาเหมือนกันกับหมู่ มีความพยายามที่จะทำความพากความเพียรให้เต็มที่เพื่อจะพัฒนาวัดวาศาสนาให้เต็มที่ ไม่ต้องท้อถอย

เออ หลวงปู่นี่ล่ะ เอาเสียงนกเสียงกามาเตือนตัวเองเหมือนกันน่ะ นกมันร้องอยู่ในป่าอยู่ในวัดหลาย มันบอกว่ายังไง อย่าท้อถอย อย่าท้อถอยอยู่งั้นแหละ อย่าท้อถอย เอ้ นกตัวนี้มันบอกว่าไง

 

อย่าท้อถอย ถอยหลังตม บ่ดีเด้

ถอยหลังตั้ม กุมภัณฑ์ สิเตะดาก(ก้น)

ให้หยับ(ขยับ)เข้าใกล้ เตะดาก(ก้น)กุมภัณฑ์

(อย่าท้อถอย ถอยหลังมันไม่ดี

ถอยหลังแล้วปัญหาจะรุมเร้า

ให้เข้าเผชิญหน้ากับปัญหา)

เพิ่นตั่ว(นั่นแหละ) เพิ่นบอกไว้ อ้า อย่าท้อถอย ตัวหนึ่งก็บอก คิด คิดแล้วคิดอีก คิดแล้วคิดอีกอยู่อย่างงั้นแหละ มันบอกให้คิดให้ละเอียดซะก่อน การไปสร้างโลกมันลำบากขนาดไหน คิดแล้วคิดอีก คิดแล้วคิดอีกอยู่นั่นแหละ คิดแล้วคิด คิดแล้วคิด อยู่อย่างงี้

นั่น ไปอยู่ในป่าในภูในเขามีนกชนิดหนึ่งมันบอก อด อด อดเถิด อยู่อย่างงั้นน่ะ อยู่ในป่ามีนกชนิดนี้ล่ะ มันบอก อด อด อดเถิด ผู้คนไม่ได้เรียนรู้บาลี เพิ่นว่านก อันนี้มาในบาลีเด้ นกชนิดนี้มาในบาลี มันบอกให้ อด อด อดเถิด นกอันนี้มันตั้งปณิธานของมัน บอกว่าถ้าเราจับสัตว์จะมากินแต่สัตว์นั้นมันดั่น(ดิ้น)หลุดปากไปแล้ว วันนั้นไม่กินอะไรเลย มีแต่ร้องอย่างเดียว ร้อง อด อด อดเถิด นี่ ๓ อดซะก่อน อ้า นั้นก็เอามาเป็นตัวอย่างสอนคนเหมือนกัน เออ แต่ว่าเขารู้เรื่องหรือเปล่า หรือว่าเขาร้องจะแบบนั้นก็ไม่รู้

เพราะฉะนั้นพวกเราเป็นชาวพุทธก็ใช้วิจารณญาณให้ละเอียดถี่ถ้วนซะก่อน ให้มีความอดกลั้นทนทาน อ้า อย่าโมโหโกรธา มันพาให้แตกร้าวกัน ถ้าโมโหโกรธา แตกพรรคแตกพวกกันออกเป็นฝักเป็นฝ่าย ไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ความแข็งแรง
ทนทานของพระศาสนาก็ร่อยหรอลงไปเรื่อยๆ

ดังที่บรรยายมาเป็น ปกิณณกนัย เพื่อต้องการให้พุทธบริษัททั้งหลาย พากันนำไปใคร่ครวญพินิจพิจารณาด้วยปัญญาอันชาญฉลาดของตนๆ เองเถิด อัปปมาทธรรม ตั้งใจพยายามประพฤติปฏิบัติตนให้อยู่ในขอบข่ายของศีลธรรมอย่างจริงจังและจริงใจ ต่อจากนั้นก็จะได้ประสบพบเห็นแต่ความสุขความเจริญทั้งทางคดีโลกและทางคดีธรรมทุกประการ รับประทานวิสัชนามา เสียงก็หมดแล้ว จึงขอสมมติยุติไว้แต่เพียงเท่านี้ เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้

 

มังคะละสูตร (มงคล ๓๘)

ปูชา จะ ปูชะนียานัง

การบูชาบุคคลที่ควรบูชา ๑

เอตัมมังคะละมุตตะมัง ฯ

นี้เป็นอุดมมงคล

 

ทานัง เทติ

การให้ทาน

 

สีลัง รักขะติ

การรักษาศีล

 

ภาวะนานัง ภาเวตตะวา

การเจริญภาวนา

 

กัมมัง วิชชา จะ ธัมโม จะ สีลัง ชีวิตะมุตตะมัง

การงาน ๑ วิชา ๑ ธรรม ๑ ศีล ๑ ชีวิตอันอุดม ๑

 

สุขา สังฆัสสะ สามัคคี

สามัคคีของหมู่ ให้เกิดสุข

 

ทัศนานุตริยะ

การเห็นที่ยอดเยี่ยม

ถอยหลังตั้ม กุมภัณฑ์ สิเตะดาก(ก้น)

ให้หยับ(ขยับ)เข้าใกล้ เตะดาก(ก้น)กุมภัณฑ์

(ถอยหลังแล้วปัญหาจะรุมเร้า ให้เข้าเผชิญหน้ากับปัญหา)

 

จากวรรณกรรม สินไซ หรือ สังข์สินไซ

เรื่องราวการผจญภัยและการต่อสู้กับฝ่ายอธรรม

ของ ๓ พี่น้อง ประกอบด้วย สังข์ สินไซและสีโห

เป็นนิทานพื้นบ้านชิ้นเอก ในแถบกลุ่มวัฒนธรรม

ลุ่มแม่น้ำโขง ได้มีการสืบทอดต่อกันมาและหลอมรวม

ความเชื่อ ความศรัทธาเข้ากับพุทธศาสนา ทำให้เป็นที่นิยม

เช่น เทศน์สินไซ หมอลำสินไซ ท่วงทำนองดนตรี ท่าฟ้อนรำ

หนังประโมทัย(หนังบักตื้อ หนังตะลุงอีสาน)

ในงานศพและงานบุญต่างๆ

 

คำประพันธ์มีทั้งร้อยแก้ว ร้อยกรอง บทกลอน ร่าย

ใช้ภาษาเป็นคำอีสานโบราณที่มีความลึกซึ้ง

เนื้อหานำไปเป็นแบบอย่างที่ดีในการปฏิบัติตัวในสังคม

 

ปรากฏเป็นภาพเขียนที่โบสถ์วัดชัยศรี บ้านสาวะถี

อ.เมือง จ.ขอนแก่น และยังมีปรากฏภาพเขียนตามสิมหรือ

โบสถ์เก่าเป็นภาพจิตรกรรมฝาผนังไว้ตามวัดต่างๆ

 

เทศบาลนครขอนแก่นได้นำตัวละคร ชื่อสีโห

มาดัดแปลงเป็นหัวเสาไฟฟ้าประดับตามถนนสายสำคัญๆ

เช่น ถนนข้าวเหนียวบริเวณจัดงานสงกรานต์ เป็นต้น

๑๒