หลวงปู่ท่อน ญาณธโร

วันอังคารที่ ๑๑ มิถุนายน ๒๕๕๖ เวลา ๒๐.๐๐ น.

ณ มูลนิธิบ้านอารีย์

มาถึงที่นี่กี่ เดินทาง เดินทางมาตั้งแต่ ๕ โมง เฮ้อ ๕ โมงเย็น กว่าจะมาถึงที่นี่ได้ โอ้โฮ ใจมันก็ร้อนตุ๊บตั๊บๆ หัวใจ ใจร้อน แต่มันก็ไปไม่ได้เพราะรถเขาหลาย ขาออกไปก็หลาย ขาแซงเขาก็ว่าหลาย

แต่ว่าโชเฟอร์ของเราใจเย็น ใจเย็นๆ ใจเย็นๆ

พอรถไปถึงแล้วก็ แล้วอ่ะ เขาก็เอาเราไปเข้าห้องน้ำแล้วมัน มันไม่ปวดจะเข้าไป ทำไมอ๋อ อ้า มันใจร้อน มันจะมาที่นี่ก่อน คนนั่งคอย เออ อืม มาจนได้นะ มาจนได้นะ อ้า

กราบซะ กราบซะก่อน

สมาทานศีลจบแล้วก็กราบซะก่อน ...สวย อ้า

 

เป็นผู้มีศีลเป็นผู้มีธรรม ไม่มีปัญหา การปกครองของเจ้าหน้าที่ทั้งหลาย ก็เบาใจ ถ้าเรามีศีลมีธรรม เบาใจ ถ้าประชาชน
ยังดื่มกินสุราเมรัย ตลอด ยาบ้ายาเบ้อ เสพติดให้โทษทุกชนิด เจ้าหน้าที่ก็หนักใจ หนักใจจัง ประชาชนไม่มีศีลไม่มีธรรม อยากกินเหล้าก็กินเอาเต็มที่ อยากกิน ยาเสพติดให้โทษทั้งหลายก็กินเอาเต็มที่ ถ้ามันหมดสตางค์มา สตางค์ไม่มีทำไง ขโมย ไปหาขโมย หาฉก หาลัก หางัด หาแงะ ยังมีปัญหาอยู่อย่างที่เรา
เคยได้ยิน ปัญหางัดแงะลักขโมยของกันและกัน เพราะมันไม่มีสตางค์ มันก็มางัดแงะ หาได้นิดๆ หน่อยๆ พอไปแก้หิวของมัน อย่างนี้ก็เป็นปัญหาทำให้ผู้ปกครอง เจ้านายทั้งหลาย หนักใจ หนักใจจริงๆ เฮ้อ ไม่ได้ธรรมดา ถ้าเราพากันเลิกละได้หมด

ดังที่สมาทานมาแล้วนั้น ก็เป็น เป็นการเบาใจ เบาใจเพื่อนบ้าน ร้าน ตลาด เพื่อนฝูงทั้งหลาย ถ้าไม่ได้กิน เพื่อสังคมนะ กินเพื่อเมา เมาแล้วขาดสติ ขาดความยั้งคิด อยากจะทำไปตามอำนาจของความอยาก ความโกรธ ความโลภ ความหลง ทั้งหลาย อยากจะทำไปอย่างนั้น แต่ว่ามัน เป็นปัญหาแก่สังคม ทำให้การปกครองลำบากมาก ถ้าเรา รักษาศีลกันได้ทุกคน ทุกคนน่ะ เบาใจ แม้เจ้าหน้าที่ ปกครองดูแลความสงบก็เบาใจ

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ท่านก็ยิ่งจะเบาใจหลาย ไม่หนักใจเลย ประชาชนตั้งอยู่ในศีลในธรรม มีระเบียบเรียบร้อยดี ไม่สร้างปัญหาให้เกิดขึ้นในสังคม เดี๋ยวนี้ปราบปรามไม่อยู่ เพราะว่าไปลุอำนาจด้วยความอยากนิดหน่อยๆ ไม่มากหรอก ลุอำนาจแก่ความอยากดื่ม อยากกินของมึนของเมาทั้งหลาย ให้กินเข้าไปแล้ว มันเป็นยังไง มันไม่อยู่เฉยๆ สิปะเนี่ย มันก่อกวนความสงบแก่เพื่อนฝูง หมู่บ้าน ร้าน ตลาด มิตรสหายทั้งหลาย เดือดร้อนไปตามๆ กัน นั่นเห็นไหม เห็นโทษไหม นี่ ชี้ให้เห็นโทษชัดๆ ถ้ากินเหล้าเมามายแล้วมันไม่ได้อยู่เฉยๆ ฉีดยากินยาเสพติดให้โทษ ก็ไม่ได้อยู่เฉยๆ อีกเหมือนกัน อ้า ต้องไปหางัดแงะอันนั้นอันนี้ ฉก ลักเอาสิ่งของของเขา มาแก้หิวของตัวเอง มันขนาดนั้นเหรอ เออ ไม่ตายนะ ไม่ตาย

หลวงปู่ บวชมาตั้งแต่น้อย เลิกมาแล้ว ไม่หิว ไม่อยาก ไม่อยากกินเหล้าเมามาย กัญชา ยาเสพติดให้โทษทุกชนิด มันเลิกไปหมดแล้ว ก็เบาสบาย ไม่ ไม่มีปัญหา อ้า เขา เรียกว่า โนพลอมแพลม(no problem ไม่มีปัญหา) บ่ โนพลอมแพลม (no problem ไม่มีปัญหา) ไปเลยสบายมาก อ้า ไม่มีปัญหา ให้ยุ่งยากแก่ตัวเองด้วย แก่เพื่อนบ้าน ร้าน ตลาดทั้งหลายด้วย สบาย ให้รู้จักความสบาย

พระพุทธเจ้าเพิ่นบัญญัติศีล ๕ ข้อ ไว้ให้พวกเรารักษา นั่นแหละ เพิ่นแก้ซะปัญหาสังคมให้ ไม่มีปัญหา ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ ไม่ประพฤติผิดในกาม ไม่กล่าวโป้ปดมดเท็จผู้อื่นให้เสียหาย ไม่กินเหล้าเมามาย เออ เดินเซซ้ายเซขวา แล้วก็เป็นคนหนักแผ่นดินเหมือนกันนะ

ถ้าคนอย่างนั้นเกิดมีขึ้นมา เป็นการหนัก หนักแผ่นดิน หนักผู้ปกครองทั้งหลายด้วย เป็นพ่อเป็นแม่ก็ลำบากใจ เหมือนกัน หนักใจพ่อ หนักใจแม่เหมือนกัน ถ้าลูกเป็นคนกินยา กินยาเสพติดให้โทษ กินเหล้าเมามาย ทะเลาะเบาะแว้งกับ ชาวบ้านชาวเมืองเขาแล้วล่ะมันเป็นยังไง ไม่สงบเลย ถ้าลูกเราเป็นอย่างงั้นนะ อ้า กำลังเรียนกำลังศึกษาอยู่ ให้เข้าใจ ความหมายของการรักษาศีล เข้าใจความหมายกฎหมาย

เอ้ ที่เพิ่นห้ามปรามไว้แล้ว ไม่ให้ประพฤติ ถ้าประพฤติอย่างนั้นแหละหนักใจ ผู้ปกครอง หนักใจพ่อหนักใจแม่ แม้ตลอดเพื่อนฝูง ก็ตีตัวออกห่าง ไม่ไหวๆ ตีตัวออกห่างไว้เถอะไม่อยากคบค้าสมาคมแล้ว อ้า มันจะเสียผู้เสียคนไป อ้า ถ้าไปคบค้าสมาคมกับคนขี้เหล้าเมามาย กินยาเสพติดให้โทษ หนักอกหนักใจผู้ปกครองบ้านเมืองทั้งหลายเหมือนกันนั่นแหละ

เพราะฉะนั้นอย่างนี้ ขอฝากเฉยๆ หรอก หาเหตุหาผลมานั่น มาแก้มัน ต้องมีเหตุมีผล เพิ่น เพิ่นบัญญัติไว้ให้พวกเราใช้ปัญญาพิจารณาอย่าง ให้หนักๆ ให้เห็นโทษของการดื่มกินสุราเมรัย แม้เล่นการพนันก็เหมือนกัน ถ้าเล่นการพนันกันหนักๆ เข้า จะเสียเงินเสียทอง เสียเงินเสียทองก็กลายเป็นผู้ร้ายขึ้นมา อ้า ชอบงัดชอบแงะ ชอบฉก ชอบลักสิ่งของ ขโมยสิ่งของเล็กๆ น้อยๆ อ้า เอาทั้งนั้นเถอะ ถ้ามันได้นั่นเห็นไหม มันบังคับตัวเราให้กระทำความชั่ว อ้า

เพราะฉะนั้น ก็ควรเลิกละมันซะ ให้เด็ดขาดเสียซะเลย สบายเออ สบายตัวเอง พ่อแม่ก็เบาอกเบาใจ ผู้ปกครอง ถ้านอกจากพ่อจากแม่ ก็ยังมีผู้ปกครองอีกหลายชั้น เป็นครู เป็นอาจารย์ ผู้สอนมาก็หนักใจเหมือนกัน ถ้าลูกศิษย์เป็นอย่างนั้น นี่พูดให้ฟังน้อยๆ ก่อนเบื้องต้น

ประโยชน์ของการสมาทานศีล มันมีประโยชน์ ทำความสุขมาให้ ทำความสงบสุขมาให้ ไม่ใช่ตัวเราเลย สังคมด้วย สังคมก็ดี อยู่บ้านเดียวกันหรือ ตำบลเดียวกัน อำเภอเดียวกัน จังหวัดเดียวกัน อยู่ในประเทศเดียวกัน อย่างนี้ถ้าไป ก่อความวุ่นวายเกิดขึ้นแล้ว ทำให้สังคมเดือดร้อน ผู้ปกครอง ผู้บังคับบัญชาหนักใจ เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ให้สบาย ให้สบายใจซะ อ้า ท่านผู้ปกครองทั้งหลาย เรื่องอย่างนี้ เราเคยฟังพระท่าน อธิบายให้ฟังแล้ว มันเป็นเรื่องหนักใจ ทำให้สังคมวุ่นวาย ไม่สงบนะ อย่างงั้นนะ ถ้าอดกลั้นไว้ได้แล้ว ทนทานไว้ได้แล้ว สบาย

 

นัตถิ สันติ ปะรังมัง สุขัง

 

สุขอื่นยิ่งกว่าความสงบไม่มี ถ้าเป็นคนทำตัวให้เป็นคนเรียบร้อย สงบ อ้า ไม่ก่อปัญหาให้สังคมวุ่นวาย เราก็สบาย คนอื่นๆ เขาก็สบายไม่ต้องตามกัน ถ้ามีผู้โจรผู้ร้ายงัดแงะอันนั้นอันนี้อยู่เรื่อยๆ อ้า มีรถก็ลำบากถูกงัดถูกแงะ เหมือนกัน ประตูรถพังไปก็มี เจ้าของไม่อยู่จอดทิ้งไว้เฉยๆ ก็ถูกงัดถูกแงะแล้ว อย่างนี้มันเป็นเป็นปัญหาไหม เป็นปัญหาสังคมหรือเปล่า อ้า วุ่นวายใจเหลือเกิน ไม่ปลอดภัย ของดีๆ ก็ถูกงัด ถูกแงะ ถูกพังไป ก็มี เป็นตู้เป็นเตียง ของที่เก็บสิ่งเก็บของ เก็บสตุ้งเก็บสตางค์ ถ้าถูกงัดถูกแงะอย่างนี้มันดีหรือเปล่า ไม่ดีเลย เพราะฉะนั้นมันดีอยู่ที่ศีล ๕ เด้อ นี้มันอยู่ที่ศีล ๕ ถ้าเรามีศีล ๕ ข้อแล้วเรา ตัวเราเองก็สบาย ผู้อยู่ร่วมโลก ด้วยกันก็สบาย ไปไหนมาไหนไม่ต้องห่วง ไม่มีคนคิด ขโมยขโจรอะไรหรอก สบายเนี่ย

นี่พูดถึงอานิสงส์ของการรักษาศีลให้ฟังเสียก่อน
รักษาศีลก็คือรักษาตัวเอง ไม่ให้ล่วงละเมิดในศีล ๕ ข้อ ที่สมาทานไปแล้วนั้นให้บริสุทธิ์ผุดผ่อง อ้า อาชีพของเรา การงานของเรา ก็เป็นสัมมาอาชีวะ เลี้ยงชีวิตชอบธรรม ไม่เป็นมิจฉาอาชีวะ มิจฉาชีพ อ้า ถ้าไปงัด ไปแงะ ไปฉก ไปลักของผู้อื่นที่ๆ เป็นสัมมาอาชีพได้หรือเปล่า อ้า เป็นของหนักใจของผู้บังคับบัญชา อ้า ครูบาอาจารย์หนักใจ บิดามารดาเป็นผู้ปกครองใกล้ชิด ถ้าลูกประพฤติอย่างนั้นแล้ว หนักใจ เพราะฉะนั้นอย่าริเลยอ่ะ ตั้งแต่วันนี้ไปได้สมาทานแล้ว ตั้งมั่นอย่าไปริ อ้า ทุจริตมิจฉาชีพ ไม่ดีเลย ทำให้บ้านเมือง เดือดร้อน ถ้ามีโจรมีผู้ร้ายเยอะๆ จะหาความสงบไม่มีแฮ เผลอเมื่อไหร่ก็ถูกงัดถูกแงะทำนองนี้ เดือดร้อนไหมล่ะ เดือดร้อนมากๆ เลยอ่ะ

เฉพาะฉะนั้นไปงดซะ ได้สมาทานแล้ว มีพระเจ้า พระสงฆ์มาเป็นสักขีพยาน มานำพาสมาทานศีล ๕ ทั้งอรรถทั้งแปล ด้วย ให้เข้าอกเข้าใจ อ้า ถ้าเรารักษาศีลได้แล้วแค่ ๕ ข้อ ก็ทำให้สงบร่มเย็น สังคมร่มเย็นขึ้นมาได้ อย่างงี้ อ้า เป็นคนจริง ทำจริงๆ ได้ผลจริงๆ ถ้าทำเล่นๆ แล้วได้ผล กระท่อนง่อนแง่น ไม่ราบรื่นดี ถ้าเรารักษากันได้ทุกคนๆ แล้วก็สบายมาก ไม่มีอะไรเกิดขึ้น สำหรับชีวิตและครอบครัวของเรา สบาย ถ้าทุกคนต่างคนต่างงดเว้นได้หมดทุกคน ก็เกิด ความสบายไปหมดทั้งบ้านทั้งเมือง อยู่ร่วมกันก็เหมือนพี่ เหมือนน้อง อ้า เหมือนสายโลหิตของเรา เหมือนปู่ เหมือนย่า เหมือนตา เหมือนยายของเรา เหมือนกันนะ อ้า เห็นปะ เห็นพี่น้องร่วม
ศาสนา
เดียวกันก็สบายใจ อ้า

วันนี้ตั้งใจจะพูดอะไรให้ฟังหนอ เออ พูดไปเรื่อยๆ อย่างนี้ บุคคลตัวอย่างก็มีมากมายเลยนะ พอที่จะเอามาตีให้ลูกหลานได้รู้ได้ฟังบ้างก็ดี อ้า เขานั้นเป็นคนจีนหรอก เป็นคนจีน นิทานจีน เป็นคนดูแลพ่อแม่ เอาใจใส่พ่อแม่ ปฏิบัติพ่อแม่ อ้า นิทานมีอยู่ นิทานจีนหรอก

วันนี้ ฉายหนังจีนกันหน่อยโว้ย อืม ฉายหนังจีน จีนสักหน่อยโว้ย อ้า เมือง เมืองเจ๋ หรือเมืองเย่ หรือเมืองเจ๋ มีพระเจ้าหวางตื้อ เป็นผู้ครองราชย์ ครองเมืองอยู่สมัยนู้น สมัยก่อน พระเจ้าหวางตื้อเพิ่นเน้อ อ้า เป็นพระเจ้าแผ่นดิน ดูแลรักษาประเทศจีนอยู่สมัยนู้น แต่ว่ามีขุนนางผู้สนิทสนมกัน ไว้เนื้อเชื่อใจกันมา เอามาปฏิบัติงานด้วยกัน

เออ แต่ว่าพระเจ้าหวางตื้อนี้ เป็นคนขี้โกรธกริ้ว ถ้ากริ้วแล้ว ก็ด่าว่าแหลกลาญไป อ้า อดทนมาหลายปีดีดัก อ้า แต่ว่าแต่งงาน เวลาแต่งงานก็สงเคราะห์สงหา แต่งงานให้ แต่งงานมีครอบมีครัวซะ ให้อยู่ทำราชทำการ งานบ้านเมืองร่วมกัน เอาใจใส่ดีอยู่ แต่ว่าพระมหากษัตริย์ หรือพระเจ้าหวางตื้อนะ เป็นคนดุร้าย ถ้าโมโหโกรธามาแล้ว แหลกลาญเลย ด่าว่าแหลกลาญไป ทุบ.. ตีผู้คนไปทุกหนทุกแห่งล่ะ อ้า อยู่มาก็แต่งงานให้มิ่งกงฝ่า แต่งงานให้มิ่งกงฝ่า หาคนที่ชอบใจให้ อ้า ไปเห็นผู้หญิงคนหนึ่งเป็นคนเรียบร้อย เป็นคนขยัน เลยไปขอมาให้แต่งงานให้ มิ่งกงฝ่าซะ แต่งงานด้วยกันมาก็มีลูกสิปะเนี่ย มีลูกขึ้นมา

พระ พระเจ้าหวางตื้อล่ะ เป็นคนตั้งชื่อให้ลูกคนทีแรก ชื่อจุ๊กฝ่า อ่ะ อ้า ลูกมิ่งกงฝ่า เป็นจุ๊กฝ่านะ คนที่ ๒ เกิดขึ้นมา ฉิ่นฝ่า อ่ะ อ้า คนที่ ๒ ก็เป็นผู้ชายฉิ่นฝ่า แต่ว่าได้ลูกคนที่ ๓ นี่เป็นผู้หญิงซะแล้วปะเนี่ย เป็นผู้หญิงก็เรียกว่า ชิ้วหลั่นนะ ชื่อว่า ชิ้วหลั่น

ทั้ง ๓ คน นี่ใครจะเป็นคนกตัญญู ใครจะเป็นคนเนรคุณบิดามารดา พ่อแม่ทั้งหลายจะอาศัยใครได้ ต่อมาหนักๆ เข้ามิ่งกงฝ่าก็ทนมาหลายปีแล้ว จึงได้ลูกได้เต้าหลายคนแล้ว ๒ ๓ คนขึ้นมาแล้ว พระเจ้าหวางตื้อเป็นคนดุร้าย ด่าแหลก พอตีก็ตี พอด่าก็ด่า ด่าแหลกอยู่อย่างงั้นแหละ มิ่งกงฝ่าก็เลยทนไม่ไหว เลยขอลา ขอลาออกจากราชการ เออ พระเจ้าหวางตื้อกำลังโมโห หากอยู่กับข้า แกไม่มีความสบาย แกอยากจะไปทางไหนก็จงไป ไปซะๆ อืม ที่ไหนมันสบาย ไปซะ อย่ามาอยู่ขวางหูขวางตาเรา เออ อ้า

ทางนี้ก็ได้ใจว่า พระเจ้าหวางตื้ออนุญาตแล้ว อนุญาตให้ไปแล้ว กลับมาบ้านก็แต่งสิ่ง แต่งของใส่กระเป๋า ใส่เป้ ใส่อะไรเรียบร้อยแล้ว ก็เดินทางไป เดินทางออกจากเมือง ไม่มีจุดที่หมาย ไปมองเห็น เออ ชัยภูมิมาหนึ่ง เป็นๆๆ เป็นที่สะดวกสบาย ใกล้ๆ ภูเขา น้ำตกไหลตลอดปี อ้า หมู่บ้านลิ้วฉี่ แล้วหมู่บ้านนั่น ลิ้วฉี่ เออ เออ เป็นเพื่อนพี่น้องเคยรู้กันมาตั้งแต่เด็กเล็กๆ ก็มี ไปขออาศัยเขาก็จะดี อ้า อาจจะพึ่งพาอาศัยเขาได้ อืม ไปแล้วมาแล้วเห็น เห็นขุนนางผู้ใหญ่ เป็นขุนนางผู้ใหญ่ เป็นเจ้าเป็นนายมาอาศัย ขอพึ่ง เขาก็จัดสถานที่ให้อยู่ให้อาศัย ไม่มีบ้านจะอยู่ เขาก็ปลูกบ้านให้ ปลูกบ้านให้อยู่ ปลูกบ้านสมัยก่อน

สมัยเก่านู้น ไม่ยากหรอก เอาไม้มาสานกระแต๊ะๆๆ แล้วทา เอาดินเหนียวมาทา ขี้วัว ขี้ควายทา แล้วก็ทาสีทับซะ หามุงหญ้าให้พอนอนได้ หาเตียงเราให้นอน อ้า ทั้ง ๓ คนเลย ลูก ๓ คน แต่ว่าไอ้ฉิ่นฝ่า ไอ้จุ๊กฝ่า ฉิ่นฝ่า เนี่ยเป็นคนถือตัวว่าตัวเป็นลูกขุนนางมา แล้วอยากกินเหล้าเมามายก็กิน อยากทำอะไรก็กิน อ้า ไม่คิดเห็นอกของพ่อของแม่เลยอ่ะ แต่ว่ามาไถพ่อไถแม่ไปเรื่อย ถูกเขาจับได้ ไปเป็นคนเกเร เกกมะเหรก เรียกว่า คนเสียคนไปแล้ว อ้า ว่าพ่อเป็นเจ้าเป็นนายมาแล้ว มีเงินดาวน์เงินเดือนกินมาแล้ว อยากได้อะไรก็เอาตามใจตัวเอง เออ

แต่ว่าน้องคนสุดท้องนี้ลำบาก เป็นคนเลี้ยงพ่อ เป็นคนเลี้ยงแม่ เออ ผู้พ่อยังกินเหล้าเมามายอยู่เหมือนกัน เล่นการพนันด้วย เป็นนักเลงผู้หญิงด้วย เออ เที่ยวเตร่เฮฮาอยู่ด้วย เพราะว่าเขาห้าม ผู้เมียห้ามว่าพี่ เราก็ เออ หนีร้อนมาตั้งหลักตั้งฐาน แล้วทำไมทำอย่างงั้นอยู่ จะไปกินเหล้าเมามายทำไม มีเงินมีทองพอจะตั้งหลักตั้งฐานได้อยู่ เออ ไม่ฟัง อืม ไหนว่าเป็นคน เออ ตกการตกงานมา ลำบากใจ

อย่าห้ามอั๊วเลย อย่าห้ามพี่เลย อ้า น้องจะทำอะไรจงทำเถอะ ภรรยาก็อุตส่าห์อดรนทนสู้ไม่ไหว เออ ถ้าจะอยู่อย่างนี้ เราก็ไม่มีอนาคตที่ดี เราเลยอุตส่าห์ข้ามภูข้ามเขาไปทางโน้น ทางเมืองเจียงหนัน เมืองกังไสไปโน้น ไปหาเอาพันธุ์ใบชาอย่างดีมา ไปหาเอาพันธุ์ใบชาอย่างดีมา ขอเขาก็ได้ อะไรก็ได้ เอามาขยับขยาย มุ่งใจว่า ที่ข้างบนภูเขานี่มันมีน้ำตกลงมาจากโน้น มัน เออ ชัยภูมิมันดี อ้า ภูมิประเทศมันดี นำใบชา มาปลูกขยายที่นี่ เอาให้เต็มหมดทั้งป่านี่แหละ แน่ะ ตั้งใจว่าจะทำอย่างงั้นไปบ่อยๆ ไปเอามาแล้วปลูก ปลูกเสร็จ เสร็จแล้วก็ไปเอาใหม่อีกอยู่อย่างงั้นแหละ ขยายใบชาที่มันมีอยู่แล้ว ขยายออกให้มันกว้างๆ กว่านั้น ป่าแห่งนี้ ไม่มีใครสงวนสิทธิ์ ป่ารกร้างว่างเปล่าเฉยๆ แล้วก็มีน้ำตก ให้ได้รับความสะดวกสบายอยู่ เออ ทำจนว่าอ่อนแรง ปีนเขาลงเขา ปีนเขาลงเขา ทำให้จน อ้า สุดแรงของตัวเอง หมดแรงแล้ว อ้า เลยล้มป่วยลง สามีนั่นก็ยังกินเหล้าเมามายอยู่

หนักๆ เข้า ภรรยาที่ดีของเขานั้นเจ็บป่วย ไปทำงานไม่ได้แล้ว เจ็บป่วยก็ไม่ป่วยมากเท่าไหร่หรอก โรคหัวใจ เพิ่นเป็นโรคหัวใจอ่ะแหละ อืม หนักเข้าก็เลยตาย ภรรยาทนไม่ไหวตาย ตายจากโรคหัวใจหรือโรค อ้า หมดแรง แรงน้อยขึ้นมา ตายแล้วก็เลยรู้ตัว โอ้ เราเสียภรรยาที่ดีไป ก็เพราะเราฝ่าฝืนคำขอร้องของเขา พอภรรยาตายแล้ว เลยตั้งใจสมาทาน เราจะเลิกกินเหล้า เราจะเลิกเล่นการพนัน เราจะเลิกเที่ยวผู้หญิง อะไรทุกอย่าง เลิกหมดทุกอย่าง ตามความขอร้องของภรรยาที่ดีของเขา เออ บัดนี้ทำไง เอา เอาไปฝังที่ไหนดีภรรยาเนี่ย ขอร้องพี่น้องทั้งหลายให้ช่วย นำศพของภรรยาไปทำฮ่องซุ้ย(ฮวงจุ้ย)ไว้ใน ไร่ใบชา ไปทำฮ่องซุ้ย(ฮวงจุ้ย) เดี๋ยว เออ ที่เก็บศพน่ะ ไปทำฮ่องซุ้ย(ฮวงจุ้ย) ไว้ไร่ใบชา ถ้าเราขึ้นไปทำงานเวลาไหน เราก็จะได้ไหว้เขา เออ ไปทำบุญให้เขา ไปจุดธูปเทียนให้เขาทำนองนี้อยู่นั่นแหละ ต่อมาก็ตัวเองลงมือ ลงมือทำงานเอง ไปทำงานบุกเบิกไร่ใบชาให้กว้างออกไป นี่ฝีไม้ลายมือของเมีย ของเมียเราเขาเป็นอย่างงี้ๆๆ ถ้าคิดถึงเมียมาเวลาไหน ขึ้นไปไร่ใบชา ไปจุดธูปเทียนให้ภรรยา แล้วก็บุกเบิกต่อไปอีก เออ

ขยายให้กว้างมากขึ้น อ้า จนสุดลูกหูลูกตาแล้วมัน อ้า กว้าง เพราะว่าที่ที่ดินมันไม่มีเจ้าของ มากน่ะ มันที่ดินรกร้างว่างเปล่าอยู่มากมาย แต่ภูมิประเทศแห่งนั้นมันสะดวกในการน้ำ น้ำมันตก ฝนตกมาก็มีน้ำตกลงมาที่หมู่บ้านลิ้วฉี่ เออ เสียงดังสนั่นหวั่นไหวอยู่อย่างงั้นแหละ ถ้าฝนตกแรงๆ ก็ทำให้น้ำท่วมบ้านท่วมเมืองได้ อ้า

เอาสรุปไป แกเป็นคนจัดการเองเพิ่นเนี่ย อ้า มิ่งกงฝ่าเป็นคนจัดการเองสะพาย อ้า ของ เวลาเก็บใบชาได้แล้วเอามาบ่ม ทำไร่มาอบซะก่อน บ่มให้มัน กรอบหรือให้มันมีสีดีซะก่อน แล้วพอดีแล้วจะเอาเข้าไปขายในเมืองเจ๋ แต่ว่าเขาปลอมตัว เขา เขาไม่ได้เปิดเผย ปล่อยหนวดเครารุงรังออกมา ผมยาว บ้างแล้วก็ใส่งอบ ใส่งอบไม่กุ๋บ(งอบ) ใส่กุ๋บ(งอบ)หมวกงอบ มันมีใบๆ ออกไปนั่นแหละ เอ้า

สะพายใบชาได้ก็เข้าตลาดนู้นล่ะ ไปขาย แล้วขายดิบขายดีเหลือเกิน ใบชานี่ดี อ้า ได้เป็นทุนเป็นรอนขึ้นมาพออยู่ได้ กินได้ เอาใบชาไปขายก็พอได้ซื้อข้าว ซื้อน้ำกินกันแล้ว ไม่ลำบาก อ้า อันนี้จะกล่าวถึง เออ นั่นน่ะ กล่าวถึงมิ่งกงฝ่า เวลาทำงานหนักๆ เข้าก็เจ็บหลัง เจ็บเอว เจ็บแข้ง เจ็บขาเข้า เออ ปีนภูปีนเขาอีกไม่ได้เหมือนเดิม อ้า ก็เลยมาพูดกับลูกสาวว่า หลั่นเอ้ย หลั่น เตี่ยไม่มีแรง เตี่ยไม่มีแรงปีนภูปีนเขาไม่ได้นะ ถ้า ถ้าอย่างงั้น ใบชาที่เตี่ย ที่พ่อเอามาไว้ บ่มไว้นั่นน่ะ มันจะเสียหายนะ ไม่มีใครนำไปขาย แล้วเตี่ยก็ป่วยหนักอยู่พอสมควร

วันหนึ่ง ดีๆ ก็มองดูหลังคาบ้าน มันรั่ว มันรั่ว มันเป็นโหว่เป็นวง มุงแฝกเฉยๆ อ้า เหม่อมองตา เหม่อมองไปดูหลังคา แต่ว่าไอ้ลูกชายมันก็หายต๋อมไปทางไหน รู้อยู่ ชิ้วหลั่นรู้ว่า ถูกจับไปติดคุกติดตะราง ไปทำมิดีมิร้าย เป็นโจรเป็นผู้ร้ายอะไรก็ไม่รู้ ทั้ง ๒ พี่น้องก็เอาไปติดคุกติดตะรางไว้โน้น เวลามาหาน้อง มาหาชิ้วหลั่น ทีไหนก็มาขอแต่เงินชิ้วหลั่น ไม่มี เงินน้องไม่มีหรอก แม้ตั้งแต่แม่ตาย พ่อตาย ก็เป็นหนี้เป็นสินเขามา มาทำบุญให้ มาทำอะไรให้ ทำศพให้ เฮ้ย อีตอแหล ว่าให้น้อง อีตอแหล มึงทำไม มันจะเอากินสมบัติของพ่อของแม่คนเดียวเหรอ อืม สมบัติของพ่อของแม่เรามีเยอะแยะ มีทุกอย่างที่เอามาจากเมือง เมืองหลวงพู้น(โน้น)แหละ มาจากเป็นข้าราชการ มีของมามากมาย แกจะกินคนเดียวเหรอ อย่างงั้นอย่างงี้แล้ว

เอาไปเอามาเลยทะเลาะกัน เตะน้อง เตะน้องสาวอ่ะ ..เดี๋ยวอั๊กๆๆ อ้า น้องก็ยกมือ อย่าเลย เอยๆ พี่เอ้ย อย่าเลย อย่าทำน้องเลย อ่ะ ถ้าพี่จะเอาจริงๆ มันก็อยู่ในไท่(ถุงยาวใช้คาดเอว)ล่ะ เงิน เงินอยู่ในไท่(ถุงยาวใช้คาดเอว)ก็มี แน่ะ ถ้ามันไม่เจ็บซะก่อน มัน มันก็ไม่บอก อ้า เสร็จมันก็เทเอาเทเอา อยู่ในไท่(ถุงยาวใช้คาดเอว) เทเอาแล้ว โอ้ย เอาไว้ให้น้องใช้จ่ายน่ะ เอาไว้ให้น้องซื้อกินนะ เออ จะเอาหมดหรือพี่ เฮ้ย สำหรับแกนี่ อยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน แกมันมีมาเรื่อยๆ หรอก เมียกูไม่มี พี่ไม่มีอะไรที่จะจ่ายเขาแล้ว ที่จริงมันไปกินยาเสพติดให้โทษ เออ ทางโน้น พอได้ซื้อยาเสพติดให้โทษกินแล้วนะ จำไว้นะ ทีหน้าทีหลังจะมาเอาใหม่นะ อ้า โอ้ย มันก็เงิน มันก็ไม่ทันนะพี่ ให้หน่อยเดียว เออ ใบชาเอา เอาไปเอามานี่ก็ ติดคุกติดตะรางอยู่โน้นล่ะ พี่ชายถ้ามาหาน้อง ก็มาไถน้องเฉยๆ ไม่ได้มาสงเคราะห์น้องเลย เอา มาเอาเงิน มาขอเงินน้อง จะมาขอทีหลังก็บอกว่า น้องแผ่ง(แบ่ง)ไว้อยู่ ถึงวันสารทผี ไหว้เตี่ย ไหว้แม่ ก็จะได้เอาของเหล่านี้ ขึ้นไปไหว้พ่อไหว้แม่ ที่ฝังอยู่ไร่ใบชาทั้ง ๒ คนแหละ เฮ้ย สำหรับแกอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือนแล้ว ไม่ต้องกินอะไรหรอก พี่มาอดๆ อยากๆ ลำบากอยู่นั่นแหละ ต่อมาทำไง เออ มันก็ตีน้องบ้าง หรืออะไรบ้าง เตะน้องบ้าง อะไรบ้างแล้วก็ เอา ไหว้เอา น้องไหว้ น้องไหว้ น้องขอกราบ ขอไหว้พี่น่ะ อย่าทำน้องอย่างงี้เลย เงินอยู่ในไท่(ถุงยาวใช้คาดเอว) มีก็อยู่ในไท่(ถุงยาวใช้คาดเอว)แหละ น้องตั้งใจไว้ ใจไว้ทำขนมสารทผี ไปไหว้เตี่ย ไปไหว้พ่อ ไหว้เตี่ย ไหว้แม่ ที่ฝังอยู่ในไร่ด้วยกันน่ะ ฝังอยู่นู้น เฮ้อ สำหรับแก ไม่ได้ไหว้ อ้า อ่ะ ไหว้ อะไรหนักหนา เออ คนตายแล้วจะให้กูไปไหว้ยังไง ก็คนตายแล้วจะให้กูไปไหว้ยังไง แต่มีชีวิตอยู่ก็ กูก็ไม่เคยไหว้ อ้า ก็ว่าไปโน่นล่ะ ว่าเหยียบย่ำหัวใจน้อง

แต่ว่าน้องมีเมตตา มีกตัญญู อย่างเต็มหัวใจอยู่อย่างงั้นล่ะ รู้จักไหว้เตี่ย รู้จักไหว้เจ้า ไหว้ศพของพ่อของแม่อยู่อย่างงั้นแหละ ในที่สุด ก็ดูเหมือนว่า แม่เฒ่าหยู้หลั้ง แม่เฒ่าหยู้หลั้ง แม่ยายหยู้หลั้ง เป็น เขาเรียกว่าแม่เฒ่าหยู้หลั้งนั่นล่ะ อ้า แก แก สงสารชิ้วหลั่นอยู่คนเดียว เลยมา มา มาอยู่ด้วยเป็นเพื่อน เป็นญาติห่างๆ มาอยู่เป็นเพื่อน ขอให้ตั้งใจอย่างงั้นอย่างงี้ ขยันหมั่นเพียรเข้าก็ดีหรอก หลั่นเอ้ย เออ ยายจะอาสาเองเออ เรื่องเอาใบชาไปขาย ยายจะจัดการกับมันเอง เออ

แต่ว่าทำไปๆ แล้วแม่เฒ่าหยู้หลั้งก็ป่วยอีกล่ะ ล้มป่วยหนักลง พอสมควรไปไม่ได้ อ้า ยายไปไม่ได้แล้ว หลั่นเอ้ย ยายไปไม่ได้แล้ว มันตะครั่นตะครอ อ้า ปวดหัว วิงเวียนศีรษะ แก่แล้วอ่ะเนาะ(นะ) เออ ช่างเถอะยาย ยายไปไม่ได้ มันก็เสียดายของ ของเอามาหมักไว้ตั้งหลายตะกร้า หลายตะกรอ ตะกรออยู่ มาหมักไว้ จะเอาไปขาย ฉันเอง เออ จะไป เฮ้ย ตัวของชิ้วหลั่นน่ะ เป็นสาวเป็นนางแล้ว เออ มันไม่ปลอดภัย เออ มันไม่ปลอดภัยหรอก ข้ามภูข้ามเขาไป เมืองเย่หรือเจ๋ เอาไว้นั่นแหละ ช่างมันเถอะเน้อ ช่างมัน เสียช่างมันเถอะ ชิ้วหลั่นก็เป็นห่วง เป็นห่วงว่าของนี้มีราคามาก เออ มีราคามาก เอาไปขายแล้ว ให้เจ้า พระเจ้าหวางตื้อนั่นน่ะเขา เขาเรียกกันนายหวาง นายหวาง อ้า ซื้อดี มีเท่าไหร่ซื้อหมด ใบชาชนิดนี้ ใบชาอย่างเนี่ยอย่างดี พันธุ์ พันธุ์อย่างดี รสดี กลมกล่อมดี เอาไว้รับแขกก็ได้ ดี อันอยู่ต่อมานี้ก็ ยายไม่ให้ไป ยายไม่ให้ชิ้วหลั่นไป เดินทางไป ..เสียช่างมันเถอะ ไม่ต้องเสียดายมันหรอก ของน่ะ อืม ก็ตัวเองเป็นสาวเป็นนาง จะข้ามภูข้ามเขาไปได้ยังไง ไม่ปลอดภัยๆ เออ

ชิ้วหลั่นก็คิดได้ว่า เข้าไปในบ้านแต่งตัวเป็นอาตี๋ แต่งตัวอาตี๋ แขนยาว เสื้อแขนยาว เสื้อจีนน่ะ เสื้อจีนน่ะ ใส่กางเกง เออ แล้วก็แต้มหนวดนิดหน่อย แต้มหนวดหน่อยๆ แต้มหนวด.. เออ มาส่องกระจกดู เออ เข้าท่าแล้ว ไปท่านี้แหละ ถ้าเราจะข้ามภูข้ามเขาไปขายของ ต้องไปท่านี้เหมือนกันนี้แหละ

เพราะฉะนั้นน่ะ วันนั้นก็เลย เออ มา ออกมาหายาย ยายจำข้าพเจ้าได้ไหม เอ อาตี๋มายังไง ไปยังไง อาตี๋อยู่ที่ไหน มาอะไรที่เนี่ย เออ เป็นอาตี๋ เป็นอาตี๋ปลอมใส่หนวด ใส่ขนขากิ๋มๆ หน่อยหนึ่ง เออ แต่พอมองไปมองมา เออ หลั่นนี่เองเหรอนะ ชิ้วหลั่นเหรอ เออ ไปดี ท่านี้ก็ยังดีอยู่นะ แต่ระวังๆ แต่หน้าตามัน มัน มันไม่ได้เป็นผู้ชาย หน้าตามันเป็นผู้หญิง แก้มแดงๆ ปากแดงๆ จมูกยังแดงอยู่ อ้า มันเป็นผู้หญิง ผู้หญิงอยู่นั่นแหละ ให้ระวังนะ อ้า ไปข้ามภูข้ามเขาไปไกลพอได้ ยายห้ามไม่ฟังก็เลยไป ออกเดินทางไป ออกเดินทางไป ไปรอเกวียน

เกวียนเขาจะเข้าไปซื้อของตลาดมาขาย โป๊กเป๊ก โป๊กเป๊ก โป๊กเป๊ก ไปอย่างงั้น เกวียนๆ อ้า อ้า ชิ้วหลั่นก็เลยไปโค้งคำนับ ข้าแต่ท่านลุง ท่านอาแป๊ะเอ้ย ข้าพเจ้าขออาศัยเกวียนไปด้วย อ้า จะไปในเมืองอ่ะ จะไปในเมืองอ่ะ วันนี้จะไปในเมือง เอาใบชา เอ้ย มาได้เลยๆ อาตี๋เอ้ย มาได้เลย อ้า ลุงก็แก่แล้ว เฒ่าแล้วไม่มีเพื่อน ไปเป็นเพื่อน ถ้า เออ อาตี๋จะไปในเมืองก็ไปได้ เอ้าๆ ขึ้นมา เอาใบชาขึ้นมา เอามาใส่ นี่ นั่งอยู่ข้างหลังน่ะ เอาใบชามาใกล้ๆ อ้า คนขับเกวียนซะแล้ว นั่งไปตามเกวียนนั่นล่ะ ไปแล้ว พอออกบ้านไปแล้ว

จะกล่าวถึงอู๋เหล็งกุมาร กล่าวถึงอู๋เหล็งกุมาร ที่เกิดปีเดียวกันกับชิ้วหลั่นน่ะ ก็ พระเจ้าหวางตื้อเป็นคนตั้งชื่อให้ เกิดปีเดียวกัน แต่ว่าหาไม่เจอ หนี หนี หนีมาหาไม่เจอ ครอบครัวนี้มันไปยังไง อ้า ไปแล้วปะเนี่ย อู๋เหล็งกุมาร นั่นก็ปรึกษากับพระบิดา พระเจ้าหวางตื้อ อยากจะเที่ยวประพาสป่า อยากจะเที่ยวประพาสป่า ยิงนกตกปลาไปเรื่อยๆ ยิงลิง ยิงค่าง มันหลาย อ้า

พระเจ้าหวางตื้อ ก็ห่วงลูกชายว่า ไม่ ไม่ ไม่ต้องไปหรอกอ่ะนะ ไปจะพาไปหรอก อยากไป อยากไปเที่ยว ประพาสป่า ถ้าจะไปจริงๆ ถ้าจะไปจริงๆ ก็ต้องแต่งอาหารแห้ง อาหารเดินทางซะก่อน แต่งอาหารเดินทางซะก่อน ได้วันดีคืนดีแล้ว จะค่อยออกเดินทางไป ไม่ใช่ไปเฉยๆ ไปเที่ยวเฉยๆ ไม่ใช่อย่างงั้นหรอก บิดา พระบิดา พระเจ้าหวางตื้อ อนุญาตแล้วก็ไปแล้ว ออกจากบ้าน เดินทางไปแต่เช้ามืด ไปสว่างนู้นล่ะ ในป่าพู้น(โน้น)ล่ะ พอไปสว่างในป่าแล้วก็ แยกย้ายกันไปคนละทาง ไป คนหนึ่งไปทางนี้ คนหนึ่งไปทางนั้น ไปหายิงลิง ยิงค่าง ยิงกระรอก กระแตไปเรื่อยๆ อ่ะ

ไอ้ส่วนจุ๊กฝ่า ไม่ใช่ ส่วนอู๋เหล็งกุมาร อู๋เหล็งกุมารนั้นไป
คนไปทางหนึ่ง ค่อยๆ ย่องไป เออ มัน ลิงมันเต้น โคกคากๆ อยู่ข้างบน ก็ย่องไปหลังแหละ แต่ว่ามันมีงูเห่าดำ งูเห่าดำก็หมายถึง จงอางนั่นแหละ มันอยู่ข้างหลัง เห็นคนสวบๆ ไป มันก็หดหัวขึ้นไป มันก็หดหัวขึ้นไป ไปอยู่ในป่า ป่าหญ้ารกๆ นู้น ไม่ได้เห็นอะไร มีแต่มองข้างล่างนู้นแหละ พอ พอโฉบไปใกล้ๆ มัน มันก็เอาแล้วปะเนี่ย งูล่ะ มันกัด กัดหัวแม่เท้าของกุมารนะ โอ้โฮ มันกัด ยกคอขึ้นมา จับคอได้ก็ปาดคอเลย จับคอได้ก็ปาดแล้วมัน ปาดคอมัน ตัดคอมันทิ้งไปโน่น ทีนี้ พิษมันขึ้นสิ งู พิษมันขึ้น

เสียงร้องหาหมู่ ช่วยด้วยๆ เสียงเบาลงๆ เอ้ เสียงอย่างนี้มัน เสียงอู๋เหล็งกุมารว้า เสียงอย่างงี้มันเป็นอะไร ช่วยด้วยๆ เป็นอะไรมา มาแล้ว ชี้ใส่งู นั่น งูตัวนี้มันกัดข้าพเจ้า อ่ะนะ อ่ะข้า ข้าพเจ้าก็ได้ตัดคอมันนั่นล่ะ มันตาย หัวมันทิ้งไปแล้ว แต่มันดิ้นหลอกเรา ก็ยังดิ้นอยู่ ตัดคอขาดแล้วก็ยังดิ้นอยู่ ม้วนอยู่น่ะ โอ้ งูอย่างนี้ งูจงอาง จงอาง.. มันมีพิษร้ายแรงน่ะ พวกเราทำไง ถ้าหากไม่รีบเร่งแล้ว พระเจ้าหวางตื้อจะลงโทษพวกเรา ต้องเอางูไปด้วย อ่ะ เอากุมารไปด้วย เอากุมารไปด้วย หาม ตะ ตะแคงหามออกไปใส่ทางเกวียน ทางเกวียนจะมาแล้วน่ะ เขาจะมาที่นั้น เขาจะ เขาจะเข้าตลาด ขออาศัยเขาไป หามออกมา มาวางไว้

บิดอยู่เร่าๆๆ อยู่ปะเนี่ยกุมารน่ะ บิดแล้วก็มีเลือดออกทางไรฟันด้วย ทางปากด้วย เลือด พิษงูมันแรง แต่พอดีเกวียนของชิ้วหลั่นนะกับตาแป๊ะคนนั้นมา โป๊กเป๊ก โป๊กเป๊ก มา เขาก็เลยไปโค้งคำนับ โค้งคำนับ ข้า แต่อาแป๊ะเอ้ย มีชายเคราะห์ร้ายคนหนึ่ง ถูกงูเห่าดำกัดอาการสาหัส จะเดินทางจากนี้ไปในเมืองเจ๋ เจ๋ ก็คงจะไปไม่ไหว ขออาศัยเกวียนด้วย ทางนั้นก็ เอ้ เขาก็ว่า เกวียนมาแล้วนั่งมา อาตี๋นั่งมาในนั้นนะ เขาว่ายังไง ชิ้วหลั่นก็บอกว่า

เอาขึ้นมาเลย เอาขึ้นมาเลย เอาคนไข้ขึ้นมาเลย กระเถิบตะกร้าใบชาไปติดๆ กับลุง อาแป๊ะแล้วก็เอาคนไข้ขึ้นมา เอาคนไข้งูกัดน่ะ มานั่งพิจารณาอยู่ เห็นเลือดออกตามไรฟัน ตามอะไร เอ้ อย่างนี้ มันกัดที่หัวแม่เท้าเพิ่นเนาะ(นะ) ทำไมพิษแรงอย่างงี้ ก็นึกได้คำสั่งของเตี่ย

คำสั่งของเตี่ย หลั่นเอ้ย เออ ใบชานั้นมันเป็นยาอย่างดี ถ้าหากถูกอสรพิษ พิษสัตว์กัดต่อยขึ้นมา พิษมา เอามาเคี้ยวกะทันหัน เคี้ยวๆๆ ให้แหลก แล้วก็ไปปะที่แผลมัน ปะที่แผลเอาผ้าพันไว้ ประเดี๋ยวมันก็ดูดออกไป หาแล้วไปข้างล่างอ่ะนะ เนี่ยเตี่ยบอกไว้ คำสั่งมันดังขึ้นที่หูนี่ ที่เตี่ยบอกว่า มันเป็นยาแก้อสรพิษได้เด็ดขาดเลย งูกัดหรืออะไรกัดก็ดีหายเลยเพิ่นล่ะ ทำตามคำมาบอกที่หูเนี่ย เออ

เตี่ยมาบอกที่หูเนี่ยทำตาม มือรวบใบชาในตะกร้ากำเข้าปากเลย กำเข้าปากก็เคี้ยวบ้าง แหลกบ้าง ไม่แหลกบ้าง เคี้ยวๆๆ จนล่ะ พอสมควรแล้ว เอามาปะที่แผล พอปะที่แผลแล้วก็หายดิ้นเลย อ้า มิ่งกง.. เออ ไอ้จุ๊ก จุ๊กฝ่า เออๆ ไม่ ไม่ใช่ อู๋เหล็ง อู๋เหล็งกุมารนะนิ่ง นอนนิ่งเลย นอนนิ่งแล้วลืมตาขึ้นมา

เอ้ ใครมาช่วยเราหนอ มองไป มองมาหา เห็นอาตี๋นั่งอยู่ใกล้ๆ ประคบประหงมเราอยู่ จะเป็นอาตี๋คนนี้แหละ มารักษาให้เราหายจากพิษงูเนี่ย อืม แต่ทำไมหน้าตามันทำไม เหมือนผู้หญิงเหลือเกิน ถ้าอาตี๋ เอยๆ คนนี้ทำไมเหมือน ผู้ ผู้ ผู้หญิงเหลือเกินนะ หน้าเพิ่นนะ แต่ว่ามันมีหนวดเคราๆ อยู่นี่หน่อยหนึ่งนะ เออ

ดีสินะ คิดอยู่ในใจ อู๋เหล็งกุมารนั่นก็คิดอยู่ในใจ เอ้ มันเป็นหมอยามายังไง วิเศษยังไง ทำให้เราหาย บ้วนออกมา ก็ไม่มีเลือดแล้ว ทำยังไงไม่มีเลือดแล้ว หายแล้ว เออ ถ้าหากว่า อาตี๋คนนี้ไปถึงบ้าน เขามีบุญคุณต่อเรามาก ถ้าเขาไม่มาช่วยเรา เราต้องตายแน่ๆ อันนี้เขามาช่วยเรา มารักษาเรา เคี้ยวใบชาปะให้เรา อ๋อ อู๋เหล็งคนนี้ก็เท่ากับว่าบิดาเรา บิดาเราเลี้ยงดูเรามาตั้งแต่น้อยจนขณะนี้ แต่ แต่ว่าอาตี๋คนนี้ เขามีบุญคุณเหมือนพ่อเรา เราต้องชุบเลี้ยงเขา ถ้าหากว่าไปถึงบ้านแล้วจะให้พระบิดา พิจารณาเอามาชุบเลี้ยง ให้ทำราชการอยู่ในรั้วในวัง เห็นจะดีเป็นแน่

แต่ว่าสงสัยหนักหนา แต่ว่าหน้าตามันทำไมเหมือนผู้หญิง เออ หน้าตาเหมือนผู้หญิง เสียงพูดก็เหมือนผู้หญิง เออ จะน้อยๆ เอาเหอะน่า ถ้าหากเป็นผู้หญิงก็ดี จะขอให้พระบิดาสู่ขอ ไปเป็นคู่หมั้นของข้าพเจ้าเอง ไปเป็นแฟนของข้าพเจ้า ว่าแล้วก็หัวเราะขึ้น ฮ่าๆ หัวเราะฮ่า อู๋ อู๋เหล็งกุมารนะ หัวเราะขึ้นเอง เอ้า อยู่ดีๆ ทำไมหัวเราะขึ้นมา พิษงูยังมีอยู่หรือ พิษงูน่ะ มีอยู่หรือ ไม่ ไม่หรอก เออ ยังขำขันเป็นบางอย่างหรอก เออ พิษงูมันหายตั้งแต่ใบชา ที่ เคี้ยวปะ เออ แล้วก็ต้มน้ำร้อนใส่ ชงชามาให้กินแก้วนั่นน่ะ หายแล้ว หายแล้ว เออ ขำขัน บางอย่างเฉยๆ หลอกเล่นหัวเราะเอานะ เอ้า เรียบร้อยแล้วก็ ต้มน้ำร้อนเสร็จแล้ว ได้น้ำร้อนแล้วก็เอาแหละ เดินทางไป อ้า เดินทางต่อไป

ไปกินข้าวกลางวันที่กลางทาง เออ กินข้าวกินอะไร ก็ปล่อยให้ อ้า อู๋เหล็งกุมารกับชิ้วหลั่นเนี่ยคุยกันอยู่ในเกวียน คุยกันอยู่นั่นแหละ หายแล้ว พอกินข้าวกินปลาอิ่มแล้ว ก็แต่งของขึ้นเกวียน แต่งของขึ้นเกวียน ของสัมภาระสำหรับใช้ในการเดินป่า อ่ะ ของพระเจ้าแผ่นดินเน้อ พระเจ้าแผ่นดิน พระเจ้าหวางตื้อ มีของขนาดไหน ของดีๆ มีใช้เยอะแยะไป กาน้ำร้อนน่ะมี อะไรก็มีหมดทุกอย่าง เตาอั้งโล่สำหรับต้มน้ำร้อนก็มี ทุกอย่าง เก็บของได้ขึ้นเกวียน แล้วก็เดินทางต่อไป ไปในตลาด แต่ว่าตลาดก็จอดเกวียนเข้าที่นั่น ไอ้คนที่พวกเดียวกันเขา เขาก็เข้าไปตลาด ไปร้านใบชา ร้านอะไร น้ำรดน้ำชา น้ำร้อนน้ำชามีเขาก็แจกกันไป ไปกินนู้น เขาปล่อยให้สอง ๒ คนอยู่เกวียน ไอ้ถูกงูกัดกับอาตี๋ปลอมน่ะ คุยกันอยู่ที่นั่น คุยกัน รู้เรื่องรู้ราวดี เอาล่ะ ท่านผู้มีพระคุณเอ้ย ถ้าหากเข้าไปถึงบ้านแล้ว ข้าพเจ้าขอเชิญ ไปพักที่บ้านของฉัน อ้า ให้บิดาได้รู้จักด้วย ว่าใครเป็นคนรักษา พิษงูจึงหาย ให้บิดาของข้าพเจ้าได้เห็น ได้เห็นบุญคุณ ช่วยตอบแทนบุญคุณหน่อย ถ้าขายใบชาเสร็จแล้วอย่าลืม ให้เข้าไปหา ถ้าจะไปให้คนของเรามาเชิญ ให้คนของเรามาเชิญเจ้าของใบชา ผู้รักษาหายแล้ว เข้าไปในเมืองเสียก่อนน่ะ

โอ้ ไปนั่งเศร้าใจอยู่ม้าหิน ม้านั่ง ใต้ร่มเฟื่องฟ้าราตรี ดอกเฟื่องฟ้าก็หล่นลงใส่หัวใส่หางหมดล่ะ นั่งทุกข์อยู่ลำบาก ตอนกลางคืน คืนวันนี้เราจะนอนที่ไหน ถ้านอนที่เกวียนก็คงจะไม่ดี จะไปนอนที่ไหนก็ลำบากใจอยู่ อ้า ทางนู้นเขาไปนู้นแล้ว หายแล้ว งู เขาไปถวายพระเจ้าหวางตื้อ งูเขาม้วนๆ ใส่กัน มันนี่แหละกัดลูกชาย อ้า ลูก โอ้ แต่ว่ามีผู้ มีไอ้เพิ่น อาตี๋คนหนึ่งมาในเกวียนน่ะ เขาเคี้ยวใบชา เคี้ยวให้แหลกแล้วก็ปะๆ ที่แผล แล้วก็ต้มใบชาให้กิน แล้วก็หายตั้งแต่วันนั้นมาเวลานั้นนะ อ้า

ไปนั่งเหงาอยู่คนเดียว เข้าไปในเมือง เสียงก็ระบือไป ข่าวว่า อู๋เหล็งกุมาร ถูกงูเห่าดำกัดอาการสาหัส แต่มีอาตี๋คนหนึ่ง มารักษาหายได้ อ้า กำลังนั่งคุยกันอยู่ที่เกวียนนั่นน่ะ เห็นไอ้อาตี๋ ก็กลับลาเข้าไปนั่นน่ะ ลาเข้าไปในเมือง ไปบอกพระเจ้าหวางตื้อ มันเป็นอย่างงี้ๆ พระเจ้าข้า พระบิดา เออ บุกไปในป่าแล้วถูก อ้า งูเห่าดำ อ้า กัด อาการสาหัสสากรรจ์ เลือดออกตามไรฟันหมดตลอด นึกว่าจะไม่เห็นหน้าพระบิดาซะแล้ว แต่ว่าเดชะบุญมี อาตี๋คนหนึ่งมารักษาไว้ เคี้ยวใบชา ปะเข้าให้ ต้มใบชาให้กิน แล้วก็หายไปเลย หายไปเลย เออ ไม่รู้ไล่ออกไปยังไง เนี่ยล่ะ เพราะฉะนั้นอยากจะทูลพระบิดา ให้ชุบเลี้ยงอาตี๋คนนั้นด้วย อาตี๋คนนั้นเหมือนดังเป็นบิดาของข้าพเจ้า อ้า ก็ว่าได้ ถ้าเขาไม่มาช่วย หม่อมฉันก็ตายแล้ว เออ ตายด้วยพิษงูนั้นแล้ว นี่เขามาช่วยทัน เพราะฉะนั้นก็อยากจะ ไปให้เขาไปเชิญ อาตี๋นั้นเข้ามาในวังซะก่อน ไม่ ไม่รู้จักนะ เป็นลูกพระเจ้าหวางตื้อ ไม่รู้จัก เออ แต่มาเกิดพร้อมกันนะ เออ อาตี๋กับ เออ ชิ้วหลั่นเกิดพร้อมกันน่ะ เกิดปีเดียวกันน่ะ อยากจะขอเชิญเข้ามาในบ้านในเมือง ให้ ให้นายทหารแต่งตัวเต็มยศ นายทหารรักษาพระองค์ อ้า แต่งตัว เต็มยศ มีดาวมีดวงใส่หมด ไปๆๆๆ ไปเชิญเขามา เขานั่งอยู่ไหน เขานั่งอยู่ในเกวียน ไม่มี มองไปเห็นนั่งอยู่ม้าหิน เขาเลยไปโค้งคำนับ นายผู้ใหญ่ เจ้านายผู้ใหญ่ไปโค้งคำนับ

ชิ้วหลั่นก็ร้อง เว้ย ร้องขึ้นด้วย วี๊ด ขึ้นมาเสียงเป็นผู้หญิงเลย เออ ท่านทำไมมาโค้งคำนับข้าพเจ้า ข้าพเจ้าเป็นประชาชนธรรมดา ราษฎรธรรมดา ท่านคงเป็นเจ้าเป็นนายใหญ่โต มีดาวมีดวงเต็มหมด เออ ไม่ต้องๆ เดี๋ยวนี้ๆ มาเชิญ มาเชิญเข้าไปใน มาหาพระเจ้าหวางตื้อ

นายหวาง นายหวางที่ยายสั่งว่า ให้ไปขายที่บ้านนายหวาง นั่นคือพระเจ้าหวางตื้อล่ะ คนที่งูกัดนั่นก็คือ ลูกชายของพระเจ้าหวางตื้อ เกิดปีเดียวกันกับอาตี๋คนเนี่ย เกิดปีเดียวกัน อายุก็ไล่เลี่ยกันพอดี ตายๆ จะทำยังไง ทำไง เอ้าไปก็ไป ไปก็ข้ามน้ำข้ามสะพานเข้าไป มีสะพานเข้าไป ไปเห็นกำแพงใหญ่ โอ้ ไม่ใช่บ้านธรรมดา กำแพงใหญ่ๆ มันในรั้วในวังล่ะตัวอย่างงี้

เอาข้าพเจ้าคืนไป อย่าให้ข้าพเจ้าเข้าไปเลยในนั้น บ้านพระเจ้าแผ่นดิน ข้าพเจ้าไม่เคยเห็นท่าน จะปล่อยที่นี่จะขอบคุณ ขอบคุณ ไม่ได้ ไม่ได้ เดี๋ยวนี้ พระเจ้าหวางตื้อนั่นแหละสั่ง พระเจ้าหวางตื้อสั่งให้คนที่ประกอบยา ประกอบโอสถ รักษาลูกของท่านหายได้ ท่านจะเอาเข้าไปที่โน้น นอนสักคืน ๒ คืนยังได้ ไปก็ไป ไปจากกำแพงใหญ่แล้ว ไป รั้วชั้นที่ ๒ อีก เป็นรั้วเหล็กกล้า โอ้ จะเอาข้าพเจ้าไปไหน พอผ่านรั้วเหล็กกล้าเข้าไป พวกทหารรักษาพระองค์ทั้งหลาย ก็ทำความเคารพ เจ้าใหญ่นายโต พรึบพรับๆๆ

ร้องกรี๊ดขึ้นมาเป็นเสียงผู้หญิง อย่าเอาข้าพเจ้าเข้าไปเลย ขอโทษ ขอโทษ ข้าพเจ้าไม่เคยเข้าบ้านเจ้าบ้านนาย เดี๋ยวนี้ พระเจ้าหวางตื้ออยากเห็นตัว ผู้ที่รักษาลูกชายของพระองค์หาย อยากเห็นตัว ขอเชิญเข้าไปกราบท่านก็ได้หรอก ไม่เป็นไรหรอก

อายเขาตาย ไปก็ไป ก้มหน้าก้มตาไปเลย เดินไปเลยอย่างสังวรระวัง สังวรระวัง ไปถึงพระเจ้าหวางตื้อก็นั่งหนวดหยึบหยับๆ หนวดยาวๆ เออ มองเห็นหน้า อีหนูมาทางนี้ เหมือนแม่มัน เออ แม่ของมันก็หน้าตาอย่างนี้ หน้าตาเหมือนกันเปี๊ยบกับแม่มัน เพราะว่าแต่งงานกัน เราก็เป็นผู้จัดการแต่งงานให้ ให้มิ่งกงฝ่า อันนี้มันเป็น เป็นใครไม่ได้หรอก เป็นลูกของมิ่งกงฝ่าแน่นอนนะ เพราะเราแต่งงานให้เขา ก็เมียของเขา ก็หน้าตาอย่างนี้เหมือนกันนะ เราตามหาแทบจะพลิกแผ่นดินก็ไม่เห็น อยากจะเอา เออ เอาเขากลับคืนไปเป็น ไปทำงาน เพราะทำงานทำการนะ เขากินเงินดาวน์เงินเดือน กินบ้านกินเมืองมากมาย แต่ว่ามิ่งกงฝ่า เขาไม่กินบ้านกินเมือง เขาทำงานซื่อสัตย์สุจริตดี

เพราะฉะนั้นอยากจะได้เขาคืนมา คืนมาทำงานทำการ ในที่สุดก็จำเป็น ตกลง ถามตรงๆ เลย ขอถามตรงๆ นะ ตัวของเจ้าน่ะ เป็นผู้ชายหรือเป็นผู้หญิง บอกพ่อคำเดียวก็ได้หรอก บอกพ่อคำเดียว เป็นผู้ชายหรือเป็นผู้หญิง เออ เป็นหญิงเพคะ เออ ดีมาก เจ้าไม่ปดข้า เจ้าไม่ปดข้า แต่เจ้าปดคนอื่นได้ แต่ว่าข้ามองเห็นหน้าเจ้า ก็เข้าใจว่าเป็นลูกของมิ่งกงฝ่า ใช่หรือเปล่า

ใช่เพคะ แล้วบิดาของเจ้าล่ะ ยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า ตายแล้ว ตายทั้งผัว ทั้งพ่อ ทั้งแม่ ตายไล่ๆ กัน เอาศพไปฝังไว้ที่ไร่ใบชา โน้นแหละ แล้วจะพา โอ้ เสียใจ พระเจ้าหวางตื้อก็น้ำพระเนตรไหลออกมา เขามีบุญคุณต่อเรามากมิ่งกงฝ่า ถ้าๆ เมียของเขา เราก็หาให้ หาให้เขาเอง ไปสู่ขอเขามาให้เขา เขาก็ได้ลูก ๒ คนทีแรก ตั้งชื่อให้ว่าจุ๊กฝ่า ฉิ่นฝ่า แต่ส่วนผู้หญิงอ่ะ เจ้าชื่อชิ้วหลั่นใช่ไหม อ้า ถามว่าชิ้วหลั่น

เพคะ นี้ข้าตั้งชื่อให้หมดทั้ง ๓ คนล่ะ อ้า จะมาโกหกข้าไม่ได้หรอก เอาล่ะ เอาใบชาที่เจ้าเอามาขายน่ะ ทั้ง ๓ ตะกร้า ๒ ตะกร้า ๓ ตะกร้าน่ะ ตะกร้าใหญ่ๆ เจ้าเอามาขาย เจ้าจะขายเท่าไหร่ เออ เจ้าจะขายเท่าไหร่ เราจะซื้อเอาหมดนี่ ไม่ได้หรอก ไม่ ไม่ขายเพคะ ไม่ขาย ยกถวายเลยเพคะ ไม่ได้ๆๆ ของซื้อของขาย ตามธรรมดา บ้านเมืองเขาก็ต้องเอาตามราคาที่ตัวซื้อตัวขายอยู่นั่นแหละ เออ เดี๋ยวเขาจะหาว่าพระราชากินของราษฎร เราก็จะเสียผู้เสียคนไปเลย กินของซื้อของขายเขา เอาล่ะ ไปเบิกเอาเงินของข้า ในคลังของข้า เอามาให้ลูกเรานี่แหละ เขาเป็นคนรักษาชีวิตลูกของเราไว้ได้ เอามาให้เขานะ เออ เอาเท่าไหร่พระ พระเจ้าข้า เอามาเลย ๔,๐๐๐ ตำลึง มันคือเท่าไหร่ เป็นเงินเท่าไหร่ ๔,๐๐๐ ตำลึง เอามาให้เขา เขารักษาโรคลูกของเราได้ อ๋อ นั่นน่ะเองเหรอ ก็เลยได้ขายใบชา เอาเงินมาให้โดยเฉพาะ ให้ ใส่มือให้โดยเฉพาะ ๔,๐๐๐ ตำลึงเนี่ย ๒ ตะกร้าเนี่ย ๔,๐๐๐ ตำลึงไม่แพงหรอก

เพราะว่าชีวิตของลูกเราแพงกว่านี้ เออ เขารักษาไว้ให้ได้ เออ ให้ไปนอนที่บ้านพักนะ บ้านพักรับรองแขกน่ะมีอยู่ อ้า ให้เข้าไปนอน ให้ดูแล ดูแลเวรยามให้เขาด้วย รักษาเขาด้วย ให้เขานอนที่นั่น อ้า ตื่นเช้ามาซะก่อน เขาจะกลับบ้าน ก็ให้ไปส่งเขาจนถึงบ้าน หรืออะไรทำนองเนี่ย

ก็เลยมาพิจารณาว่ามันเป็นผู้หญิง จะสมควรขอมาเป็นลูกสะใภ้หลวงดีไหม เอ้ อ่ะ พระเจ้าหวางตื้อดีไหม คือตอบแทนบุญคุณของเขา ที่เป็นข้าราชการให้เราอย่างบริสุทธิ์มา รับใช้เรามา แต่งงานแต่งการให้ ก็เราเป็นผู้แต่งงานแต่งการให้ วันนี้เราตามหาแทบจะพลิกแผ่นดิน ก็ไม่เจอ ถ้าเดินทางสวนกันอยู่ เขาไปตลาดใส่งอบแล้วเนี่ย มิ่งกงฝ่าก็เดินสวนทางคนมา ก็เดินสวนทางกันอยู่ แต่ไม่รู้จัก ไม่รู้จักมิ่งกงฝ่า ก็เขาปลอมแปลงตัวเอง ใส่งอบใส่กุ๋บ(งอบ)น่ะ อาจบังหน้า แล้วก็หนวดเครารุงรังหมดทุกอย่าง ถึงหากันไม่เจอสักที มาเจอแล้วมานี่ มานี่ ได้เจอปะนี้ ลูกสาว

เจอเพราะลูกสาวมารักษา อ้า ลูกชายของตัวเองให้หายจากพิษงูได้ มาเจอโดยบังเอิญจริงๆ เออ รู้จักทักทายกันแล้ว ก็รู้จักว่าเขารับสารภาพว่า เป็นหญิงเพคะ อ่ะ เออ แน่นอนที่สุด เอ้ ตัวเจ้าน่ะ เกิดปีเดียวกันกับ เออ จุ๊กฝ่า ไม่ใช่ ไม่ใช่นั่น อ้า อู๋เหล็ง เกิดปีเดียวกับอู๋เหล็งกุมาร เธอเกิดท้ายปี หัวปี มันเกิดปีเดียวกันล่ะ อ้า ลูกๆ ของข้าเอง ชื่อ อ้า อู๋เหล็ง อู๋เหล็งกุมาร ก็เลยให้รู้จักคุ้นเคยกันไว้ วันดีคืนดี เราจะนำขันหมากหลวงไปขอ ไปขอกับแม่เฒ่าหยู้หลั้ง พ่อก็ตายแล้ว แม่ก็ตายแล้ว จะไปขอกับใคร เฮ้อ

วันดีคืนดีก็เลย เอาขันหมากหลวงไป ไปขอ ไปขอชิ้วหลั่นมาเป็นสะใภ้หลวง ก็ได้เป็นสะใภ้หลวง พอได้เงินได้ทองค่าขายใบชาแล้ว แจกพี่แจกน้อง ๔,๐๐๐ ตำลึง มันกี่ล้านขนาดไหน กี่บาท เงินส่วน.. แจกพี่แจกน้องหมด แจกแล้วก็ ขออนุญาตซะก่อน วันไปขอมาแล้ว ขออนุญาตพระบิดา ข้าพเจ้าขอพบประชาชนสักหน่อย ขอพูดกับประชาชนสักหน่อย เอาเลยลูก เอาเลย อืม

พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าไม่มีอะไรมากมายหรอก ข้าพเจ้าขายใบชาได้ ๔,๐๐๐ ตำลึงเนี่ย จะแบ่งให้พี่ให้น้องไปขยายใบชา คนละเท่าๆ กัน ให้ขยายใบชา หมู่บ้านลิ้วฉี่ นั่นแหละ อ้า พันธุ์นี้ ใบชาอย่างดี แจกให้ต่อหน้าต่อตา พระเจ้าหวางตื้อล่ะ

พระเจ้าหวางตื้อก็นั่งอยู่บนช้าง จะทำยังไง อีนางคนนี้มันจะทำยังไง เอาเงินแจกพี่แจกน้อง คนละเท่านั้นๆๆ หน่อยเน้อ ๔,๐๐๐ ตำลึงนี่ แจกให้ทั่วหมดทุกบ้าน ให้ไปนำใบชาในสวนของข้าพเจ้า เอามาขยายพันธุ์ให้กว้างออก ในหมู่บ้านเรา ใบชานี้มันดี มันเอาชีวิตลูกพระเจ้าหวางตื้อไว้ได้ เออ ก็เพราะอันนี้แหละ ใบชาอันนี้แหละ มันดีอย่างงี้ๆ เอ้า ให้แบ่งกันทั่วๆ กันนะ

พระเจ้าหวางตื้อก็กุมหนวด โอ้ มันทำอะไรหนอ นึกว่ามันจะทำอะไร มันเอาเงินที่ขายใบชาได้ แจกพี่แจกน้อง มันต้องอย่างงี้สิ มันจึงจะเป็นราชินีที่ดีต่อไป มันเป็นคนใจกว้าง รู้จักแจก รู้จักแบ่ง อย่างงี้ดีมาก ชมน้ำใจอยู่ เป็นคนดีจริงๆ เราจับคนไม่ผิด จับได้หญิงผู้นี้มาเป็นลูกสะใภ้หลวง ดีใจมากทีเดียว อ้า อันนี้เรียกว่ากตัญญูกตเวทิตา

ความกตัญญูตอบแทนบุญคุณ ของผู้มีพระคุณเป็นมงคลชีวิต แล้วก็ได้เจริญรุ่งเรืองมาเป็นคุณหญิงคุณนายขึ้นมา อ้า ถึงยากลำบากขนาดไหน แต่ว่ามีบุญคุณต่อกันกับลูก ลูกชายพระเจ้าแผ่นดิน อู๋เหล็งกุมาร อ้าช่วยจับแต่งงานกันเลย อ้า จัดงานใหญ่โตขึ้น เวลาแต่งงานจริงๆ เชิญเขามา พี่น้องทั้งหลาย
มารวมกัน เออ แต่งให้อย่างมีออกหน้าออกตา เนี่ย มีมโหรี ดนตรีครึกครื้นที่สุด

ดังนี้แต่ว่าบรรยายไปให้ละเอียดแท้ๆ มันก็มากไป ขอให้
ท่านทั้งหลายจงเป็นผู้มีกตัญญู รู้จักบุญคุณของผู้มีพระคุณ ให้คิดตอบแทนบุญคุณของผู้มีพระคุณ แล้วอย่าลืมบิดามารดา เลี้ยงดูเรามาขนาดไหน ยากลำบากขนาดไหน ให้ตอบแทนบิดามารดา ให้เชื่อฟังคำสั่งคำสอนของท่านเหล่านั้น ที่เป็นพ่อเป็นแม่เรา เราต้องเคารพนับถือไว้ เออ

อย่าไปย่ำยีบิดามารดาของตัวเอง อ้า ออกกู ออกมึง ออกต่อล้อต่อเถียงกัน เหมือนดังคนธรรมดาก็ไม่ ไม่ดี เราต้องมีจรรยาบรรณที่ดีงาม เราก็เป็นผู้เจริญ ดังที่แสดงมา ก็ยุติด้วยเวลา เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้

ไม่ใช่ธรรมดา วันนี้ฉายหนังจีนน่ะ ฉายหนังจีนให้ฟัง หนังจีน พระเจ้าหวางตื้อเป็นผู้ชุบเลี้ยงชิ้วหลั่น

 

 

นัตถิ สันติปะรัง สุขัง

สุขอื่นยิ่งกว่าความสงบไม่มี

 

ตามบันทึกในสมัยกรุงศรีอยุธยา

ไทยเป็นศูนย์กลางค้าขายในภูมิภาค ทั้งกับจีน แขก ฝรั่ง

ไทยมีมาตราชั่งกำหนดขึ้น

๔ ไพ เป็น ๑ เฟื้อง

๒ เฟื้อง เป็น ๑ สลึง

๔ สลึง เป็น ๑ บาท (น้ำหนัก ๑๕.๒ กรัม)

๑๐ สลึง(ไทย) เป็น ๑ ตำลึง(จีน) (น้ำหนัก ๓๘ กรัม)

ค้าขายแลกเปลี่ยนตามน้ำหนักของทองคำหรือเงิน

๔,๐๐๐ ตำลึง(จีน) น้ำหนัก ๑๕๒,๐๐๐ กรัม

ถ้าทองคำหนัก ๑ บาท น้ำหนัก ๑๕.๒ กรัม มูลค่า ๒๐,๐๐๐ บาท

(มูลค่าจึงเป็น ๒๐๐ ล้านบาท)

ถ้าเงินหนัก ๑ บาท น้ำหนัก ๑๕.๒ กรัม มูลค่า ๓๐๐ บาท

(มูลค่าจึงเป็น ๓ ล้านบาท)

 

เฟิงสุ่ย หรือ ฟงสุ่ย (สำเนียงจีนกลาง)

ฮวงจุ๊ย (สำเนียงจีนกวางตุ้ง)

ฮวงจุ้ย (สำเนียงจีนแต้จิ๋ว)

ฮวงซุ้ย (สำเนียงไทยที่เพี้ยนไป)

ที่อยู่คนเป็น (บ้านเรือน) และที่อยู่คนตาย (สุสาน)

ล้วนเป็น ฮวงจุ้ย เหมือนกันหมด

 

ราชวงศ์โจวตะวันตก (หรือซีโจว)

ช่วง ๕๘๐ ถึง ๒๒๘ ปีก่อนพุทธศักราช

อ๋อง(กษัตริย์) ปกครองอาณาเขตกว้างใหญ่

ส่ง สามนตราช(เจ้าประเทศราช) ปกครองแคว้น เมืองไกลๆ

เช่น กง(เจ้าพระยา) โหว(พระยา) ป๋อ(พระ) จื่อ(หลวง)

ต้องส่งบรรณาการต่อ อ๋อง (ยุครุ่งเรืองด้านการปกครอง)

 

ราชวงศ์โจวตะวันออก (หรือตงโจว) ยุคชุนชิว

ช่วง ๒๒๘ ปีก่อนพุทธศักราช ไปอีกนาน ๓๐๐ ปี

โจวอ๋อง ไม่มีอำนาจบังคับสามนตราช(เริ่มตั้งตัวเป็นอ๋อง)

จึงเกิดสงครามใน นอก ระหว่างแคว้นที่มีกว่า ๑๐๐ แคว้น

เพื่ออำนาจปกครอง โจวอ๋องถูกลดบทบาทลงเรื่อยๆ

 

ราชวงศ์โจวตะวันออก (หรือตงโจว) ยุคจ้านกว๋อ

กินเวลาประมาณ ๒๕๐ ปีต่อจากยุคชุนชิว

เหลือ ๗ แคว้นใหญ่ (ฉิน ฉู่ ฉี เอียน จ้าว หาน เว่ย)

ทุกเจ้าแคว้นตั้งตัวเป็นอ๋อง ไม่เคารพ โจวอ๋อง

ฉินอ๋องเจิ้ง แคว้นฉิน รวมแผ่นดินสำเร็จตั้งราชวงศ์ฉิน

สถาปนาเป็น ฉินสือหวงตี้ (จิ๋นซีฮ่องเต้) จักรพรรดิจีน

 

ราชวงศ์ฉิน อยู่ได้เพียง ๑๕ ปี ก็มีราชวงศ์ฮั่น ขึ้นแทน

 

พงศาวดารเรื่อง ไซฮั่น

(ชำระใหม่ในสมัยรัชกาลที่ ๑)

สมัย ฮั่นโกโจฮ่องเต้ จักรพรรดิจีนแห่งราชวงศ์ฮั่น

ปรากฏชื่อแม่ทัพคนสำคัญผู้เอาชนะ ฌ้อป้าอ๋อง

ได้รับบรรดาศักดิ์เป็น

เจ๋อ๋องฮั่นสิน ปกครองเมืองเจ๋

หรือจีนศึกษาในยุคปัจจุบัน จะเรียกท่านว่า

ฉีอ๋องหานซิ่น ผู้ปกครองเมืองฉี

 

ในราชวงศ์โจวตะวันตก

เจ้าแคว้นฉี บรรดาศักดิ์เป็น กง หรือ เจ้าพระยา เรียกว่า ฉีกง

ในราชวงศ์โจวตะวันออก ยุคจ้านกว๋อ

เจ้าแคว้นฉี สถาปนาตนเป็น อ๋อง หรือ กษัตริย์ เรียกว่า ฉีอ๋อง

 

บางครั้งคำว่า อ๋อง ก็เรียกว่า หวาง

แปลว่า กษัตริย์ เหมือนกัน

ทั้งระยะทาง เวลาในการเดินทางระหว่างเมือง

ดังนั้น พระเจ้าหวางตื้อ แห่งเมืองเจ๋ จึงน่าจะเป็น

กษัตริย์แคว้นฉี หรือ ฉีอ๋อง ในยุคจ้านกว๋อ แห่งราชวงศ์โจว

 

เมืองเจ๋ (เป็นดินแดนทิศตะวันออก)

เมืองเย่ (เป็นดินแดนทิศใต้)

๑๕