หลวงปู่ท่อน ญาณธโร

วันพฤหัสบดีที่ ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๕๖ เวลา ๑๙.๓๐ น.

ณ ปั๊มแก๊สเอ็นจีวี

อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี

เออ ศีลก็ได้สมาทานไปแล้ว ทุกสิกขาบท กล่าวไปแล้วว่าจะเว้น ว่าจะละ ต้องให้รักษาให้มันคุ้มไปหลายๆ วันหน่อย อย่าให้มันขาดซะล่ะ ออกจากเขตนี้ไป ออกไปข้างนอก ไปเห็นหมู่พวกดื่มกินสุราเมรัยอยู่ กลืนน้ำลายอยู่แล้วปะเนี่ย เหล้า แม้อยากจะดื่มซะก๊งหนึ่ง ๒ ก๊ง อดได้หรือไม่ได้ ถ้าอดไม่ได้ก็ชื่อว่าศีลขาด ต้องอด ต้องทน ได้ยินเสียงนกร้องให้ฟังอยู่ในป่า ไปอยู่ในป่าในเขา มีนกชนิดหนึ่ง มันร้องให้ฟัง อด อด อดเถิด อยู่อย่างนี้ล่ะ มันร้องอยู่อย่างงั้นละ ๓ จบ อด อด อดเถิดอยู่อย่างงั้นล่ะ เพิ่น บอกว่ามีในบาลีน่ะ นกชนิดนี้มันไปจับอาหาร มันไม่ได้อาหาร จับแล้วมันหลุดปากหนีไป อ้า มันก็เลยร้องอด อด อดเถิด อยู่อย่างงั้นทั้งวันทั้งคืน ไม่กินอะไรเลยอ่ะ วันนั้นไม่กินอะไร ถ้ามันหลุดปากมันไปแล้ว มันไม่กินอีก ไม่หากิน ไม่หา อันนกมีสัตย์ นกมีจริง มีสัจจบารมีอันหนึ่งเหมือนกัน อดทั้งคืนทั้งวัน จนว่าสว่างนู้นล่ะ ทั้งที่หัวค่ำไปร้องอยู่อย่างนั้น แน่ะ และแม้แต่นกก็ยังมีความอดกลั้นทนทาน เราเป็นมนุษย์ สิกขาบททุกข้อ ล้วนแล้วแต่ให้อดให้ทนทั้งนั้น

 

ปาณาฯ อะทินนาฯ กาเมฯ มุสาฯ สุราฯ

 

เหล่านี้มีแต่เจตนาอดกลั้นทนทานเอาทั้งนั้น มันจึงเป็นศีล ถ้าไม่อดไม่กลั้นแล้วก็ไม่เป็นศีล ศีลขาดอยู่เรื่อยๆ อย่าให้ได้ต่ออีกซะเลยก็ดี ไม่ให้ขาด ไม่ต้องว่า ข้าพเจ้าไม่ขาด ศีล ๕ ข้อ ข้าพเจ้าไม่ขาด ไม่ต้องว่า เหนื่อยเฉยๆ อ้า ต่อไปก็

 

พ๎รัห๎มา จะ โลกาฯ

 

แล้วอาราธนาเทศน์แล้ว เรื่องเทศน์ก็เรื่องของคนเนี่ยแหละ เทศน์ก็เทศน์เรื่องของคนอื่นไม่ได้ ของสัตว์อื่นไม่ได้ เรื่องมนุษย์ มนุษย์จะต้องมีศีลมีธรรม ต้องมีความอดกลั้นทนทาน เพิ่นยังบอกไว้ว่า

 

ขันติ ธีรัสสะ ลังกาโร

ขันติ ธีรัสสะ ลังกาโร

 

ขันติ ความอดกลั้นทนทาน เป็นเครื่องประดับอันมีค่าราคาสูงมาก ไอ้เพชรนิลจินดาเหล่านั้น ไม่มีค่าอะไรมากมายหรอก อ้า ขโมยลักเอาไปก็ได้ เขาปล้นเอา เขาจี้เอา เอาเพชรนิลจินดาเอาไปเฉยๆ เสียเฉยๆ เสียใจไปด้วย ถ้าเขามาลัก มาปล้น มาจี้เอาของมีค่าราคาตามนิยมของโลก ก็ทำให้เกิดความเสียอกเสียใจ พิร่ำพิไรรำพันต่างๆ นานา ถ้ารู้จักตนรู้จักตัว ก็ฟ้องร้องให้เจ้าหน้าที่ตามจับได้เลย เออ จับแล้วลงโทษ ของมีค่าราคาสูงๆ มีโทษขนาดไหน จำคุกกี่ปี ถ้ามีของมีค่าๆ สูงๆ ก็จำคุกติดตะรางหลายปี หัวโตพู้น(โน้น)ล่ะ แน่ะ เรื่องศีล เรื่องธรรม มันสำคัญอยู่ที่การมีเจตนางด มีเจตนาเว้น มันจึงเป็นศีล มันจึงเป็นธรรม เป็นข้อวัตรปฏิบัติของพระ ของญาติ ของโยมจริงๆ ไม่ได้มารับแต่ปากเฉยๆ ต้องมีเจตนางดเว้นด้วย เว้น งดเว้นจากการกระทำ
บาปทุกชนิด ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ ไม่ประพฤติผิดในกาม ไม่กล่าวโป้ปดมดเท็จผู้อื่น ไม่หลอกลวงอำพรางอย่างหนึ่งอย่างใดไม่ให้มี ไม่ดื่มกินสุราเมรัยอันเป็นเครื่องดองของเมา แอ้ เป็นยาเสพติดให้โทษอีกด้วย เออ

ทางกฎหมายเขาก็บอกมาอย่างงั้น เป็นยาเสพติด และให้โทษอีกด้วย และเป็นที่นำมาซึ่งพาหะของเชื้อโรคด้วย เป็นพาหนะนำเชื้อโรคมาสู่ร่างกายเป็นโรค ได้เข้าโรงพยาบาล เออ มากมาย ไปเต็มอยู่โรงพยาบาลนู้นล่ะ คนที่กินเหล้าเมามายจนติด จนชินจนเคยสมาทาน เอาจริงเอาจัง ก็เลยเกิดโรคขึ้นมา โรคโลหิตจางบ้าง โรคอะไรต่ออะไร หัวใจโต หัวใจเตไป เป็น เป็นเหตุให้เกิดโรคถ้ากินมันบ่อยๆ นานเข้าๆ เป็นยาเสพติด อ่ะ ติดแล้วทำไง ตัวเองก็เกิดโรคขึ้นมา อยู่ดีๆ ก็เกิดบวมขี้นมา โลหิตไม่วิ่ง ทางเดินโลหิตไม่เดินสะดวกเกิดอุดตันขึ้นมา โรคหัวใจก็เอากันใหญ่แหละ แต่เราไม่งด ไม่เว้น มันก็เป็นเหตุพาหนะ หรือเป็นสิ่งนำมาซึ่งเชื้อโรคทั้งหลาย เออ ถ้าเราเชื่อพระพุทธเจ้า เชื่อครูบาอาจารย์แล้วก็ปฏิบัติตาม ไม่ให้ขาดตกบกพร่อง ไม่ให้ด่าง ไม่ให้พร้อย

 

สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ

 

เออ สมาทานตั้งมั่นจริงๆ เพราะเป็นผู้มีศีล เป็นผู้มีธรรม ไปไหนมาไหนเทวดารักษาด้วย เออ

 

มะนุสสานัง ปิโย โหติ

อะมะนุสสานัง ปิโย โหติ

เทวะตา รักขันติ

 

เพิ่นว่า เพิ่นบอกไว้ ถ้าหากประพฤติปฏิบัติ ๓ ข้อไว้ ปฏิบัติเรื่อง ศีล สมาธิ ปัญญา จริงๆ เทวดารักษา ไม่ปล่อยให้พวกภูตผีปีศาจมาย่ำยีบีฑา(เบียดเบียน)แต่อย่างใด เพราะเรามีสรณะที่พึ่งทางใจแล้ว ที่พูดไปแล้วนั้นล่ะได้ทุกคนๆ แล้ว ว่าตามทุกคนๆ ได้แล้ว ได้ที่พึ่งทางใจแล้วไม่ต้องห่วง ไม่ต้องวิตกวิจารณ์ว่ามันจะมีสิ่งมารบกวนราวีเรา ไม่มี ไม่มีภูตผีปีศาจ อาฮัก หลักคุณ ปู่ตาย่าบ้าน ผีฟ้า ผีแถน ผีแนนตาทอก ตีนจุ้มอลินทุม ก็แล้วแต่ ไม่มีมารบกวนเราเลย เวลามีศีลมีธรรมจริงจัง สมาทานไปแล้วเวลาจะนั่งสมาธิภาวนาก็ระลึกถึง พุทโธ ธัมโม สังโฆ ซะก่อน ๓ จบอย่างน้อย พุทโธ ธัมโม สังโฆ ซะก่อน ๓ จบซะก่อน และก็รวมต้อม(แคบ)ลงมา มาอยู่กับคำบริกรรมเป็น ๒ คำ เวลาหายใจเข้า พุท เวลาหายใจออกก็ โธ หายใจเข้า พุท หายใจออกก็ โธ เนี่ยมี พุท โธ ๒ คำนั้นแหละ หายใจเข้ารู้ หายใจออกรู้ รู้อยู่ทุกลมหายใจเข้าหายใจออก เออ แม้เป็นโรคหัวใจอยู่ ก็เบาลง เป็นโรคหัวใจ อ้า ปอด หัวใจอะไรๆ ก็มีพลังเกิดขึ้น หายใจได้เต็มดวง หายใจเข้าได้เต็มปอด

ปอดนะมันๆ เป็นที่สื่อ หน... หนทางของวัณโรคเกิดขึ้นที่นั้น เกิดขึ้นที่ปอด ถ้าเราภาวนาพุทโธ พุทโธ หายใจเข้ารู้ หายใจออกรู้ ชื่อว่าภาวนาตามคำบริกรรมนั้นๆ เกิดโรคภัยไข้เจ็บอยู่ก็หายเลย หายปานปลิดทิ้ง หายจริงๆ หายได้ยังไง ไม่ได้กินยาอะไร หายได้ยังไง มันหายไปเฉยๆ ภาวนาพุทโธอยู่ มันหายไปเลย เบาไปๆ วันนี้ได้เบาแค่นี้ วันหน้าเบามากกว่าอีก ไม่หนักหนาสาโหดอะไรเลย ก็เลยเป็นยาโอสถ เป็นธรรมโอสถ

 

สักกัตตะวา พุทธะระตะนัง

 

ความเลื่อมใสศรัทธาในคาถานั้นๆ

 

 

สักกัตตะวา พุทธะระตะนัง ธัมมะระตะนัง

สังฆะระตะนัง ติณณัง รัตตะนานัง อานุภาเวนะ

 

อันนั้นก็เป็นคาภาป้องกันโรคภัยไข้เจ็บเหมือนกัน ขอให้เราทำจริงๆ ทำจริงๆ ได้ผลจริงๆ เออ ให้ภาวนาอยู่บนภูเขา ภูพานคำ เขามีการละเล่นอยู่ข้างๆ ล่างภูเขาลงไปนู้น บ้านกุยกอก มันบ้านกุยกอก หนองผือ กุยกอก มันอยู่ต่อๆ กันนั่นแหละ แต่เขามีงานมหรสพอะไรไม่รู้ เขาตีกลองกันอยู่ทั้งวันทั้งคืน เอ้ รำคาญ เราไปรำคาญเสียงกลองนั้น มันรู้จักภาษาอยู่

 

ป๊ะโท่นๆ โท่น ป๊ะโท่นๆ

 

อยู่อย่างงั้น ไม่อยู่ ไม่ๆ ไม่สงบระงับ ว่า ป๊ะโท่นๆ โท่น ป๊ะโท่นๆ อยู่อย่างงั้น คู่เต้นรำก็คงจะเต้นอยู่ตลอดไป อืม เอ้ เปลี่ยนเสียงใหม่ดีไหมก็ว่า เราปรับเสียงกลองให้เป็นเสียงธรรม ทำจริงๆ ได้ผลจริงๆ เอาอย่างงี้ดีไหม เออ

 

ทำจริงๆ ได้ผลจริงๆ ทำจริงๆ ได้ผลจริงๆ

 

เอาอยู่เป็นเสียงนี้ ให้มันดังอยู่ในหัวใจเรา เราก็ยึดเอาคำนี้มาให้ดังอยู่ในหัวใจของเรา ปรากฏว่าสงบลงได้ เสียงป๊ะโท่นๆ ไม่มีแล้ว มีแต่ทำจริงๆ ได้ผลจริงๆ อยู่อย่างงั้นแหละ หายใจเข้าก็ทำจริงๆ ได้ผลจริงๆ แอ้ แล้วลมเข้าและลมออก ก็ดูลมหายใจตัวเอง ก็เลยสงบ เสียงไม่รำคาญ ไม่รำคาญเสียงโทนเลย อ้า มีแต่คำบริกรรมว่า ทำจริงๆ ได้ผลจริงๆ ทำจริงๆ ได้ผลจริงๆ อยู่อย่างงั้นแหละ ก็เลยได้รับความสงบ จนนอนหลับ นอนหลับกับเสียงกลองนั่นแหละ เสียงทำจริงๆ ได้ผลจริงๆ อ่ะแหละ นอนหลับไปเลย สบาย เออ ไม่มีเสียงรบกวนใดๆ ทั้งนั้น แต่ว่าในภูเขาลูกนั้นมีเสืออยู่บ้าง เสือใหญ่ก็มี เสือน้อยก็มี อ่างอึ่งก็มี เสียงปุดจุมๆ ก็มี เสียงปึดจึงๆ ก็มี เออ เสียงนี้มันน้อย ตัวน้อยลงมา เสือปึดจึงๆ เนี่ย เสือน้อยๆ ไม่ใหญ่หรอก มันมักจะร้องให้ฟังเป็นบางวัน

วันไหนจะฝนตก ฟ้าจะร้อง มันสนุกสนานเพลิดเพลินมัน มันร้องไปตามประสาของมันหรอก ก็ไม่เห็นน่ากลัวอะไร ก็เราเอา พุทโธ ไว้ให้มั่นคง ไม่หวั่น ไม่ไหว เออเนี่ย ทำอะไรทำจริงๆ ได้ผลจริงๆ อ้า นั่งสมาธิภาวนาก็ได้รับความสงบจริงๆ ได้ความสงบกายสงบใจจริงๆ ไม่ฟุ้งซ่าน ไม่ได้รำคาญกับเรื่องอะไร นั่งภาวนาอยู่นั่นแหละ เอาอันนี้ตายกับอันนี้ เกิดมามีลมหายใจแต่เราไม่ได้กำหนดสักที หายใจเข้า พุท หายใจออก โธ เนี่ย มันลมเข้าและลมออก นี่ระบอบแห่งชีวิต ชีวิตมีอยู่ เพราะเราหายใจเข้าหายใจออก แล้วก็เกิดสบายขึ้น ผู้ที่มักๆ เกิดโรคหัวใจอยู่ เกิดโรคหัวใจ หัวใจเต้น หัวใจวาย หัวใจโต หายใจไม่อิ่มบ้าง อ้า

ถ้าเอาอันนี้มาภาวนาจะเอาภาวนา เอาอันนี้แหละมา ภาวนา เอาพุทโธนี่แหละ ก็เลยได้พลังใจขึ้นมา ได้พลังใจขึ้นมา หัวใจเต้นสม่ำเสมอ แรงขึ้น แรงขึ้น ไม่เหนื่อยเหมือนแต่ก่อน แต่ก่อนว่าอะไรก็เหนื่อย กายก็เหนื่อย พอเอาพุทโธมาเป็นกำลัง ดีขึ้นจริงๆ เว้ย ดีขึ้นๆ ไม่ต้อง อ่า ไปฉีดยาอะไรต่ออะไรหรอกไม่ต้อง ไปเพิ่มโลหิตอะไรทั้งนั้นแหละ มันแข็งแรงขึ้นมาเองมัน ดังนี้

โอ้ย วิธีนั่งสมาธิภาวนาของครูบาอาจารย์เพิ่น บอกอย่างนี้ อืม แอ้ หลวงปู่คำดี(หลวงปู่คําดี ปภาโส) หลวงปู่ชอบ(หลวงปู่ชอบ ฐานสโม) หลวงปู่มั่น(หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต) หลวงปู่เสาร์ (หลวงปู่เสาร์ กันตสีโล) หลวงปู่อ่อน(หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ) หลวงปู่สิงห์(หลวงปู่สิงห์ ขันตยาคโม)เหล่านี้ ท่านก็เอาตั้งแต่อันนี้แหละ เป็นเครื่องบริกรรมภาวนา ท่านก็มีกำลังใจ มีสมาธิ ไม่หวั่นไม่ไหว มั่นคงจนตลอด จนถึงวันละสังขาร ไม่ได้ทิ้ง ไม่ได้ทิ้งอันนี้เลย เกิดความสบายเป็นระยะๆ ไป เกิดความสบายขึ้นได้รับความสงบน่ะ เออ เพิ่นก็ยังมาบอกลูกศิษย์ทั้งหลายอ่ะ พวกท่านทั้งหลายเอย อย่างอื่นก็ดีหรอก ภาวนาอย่างอื่นก็ดีหรอก ไม่เห็น

 

อะยัมภะทันตา

 

เหมือนดูลมหายใจเข้าหายใจออก ถ้าอยู่กับลมหายใจเข้าหายใจออก ไม่เพ้อ ไม่หลง มีพลังวิเศษ เป็นพลัง กำลังใจ ไม่เหนื่อย ไม่เหน็ด ไม่เหนื่อย ไม่ฟุ้งซ่านรำคาญใดๆ ทั้งนั้น เข้าไปเป็นหนึ่งอยู่ มันเข้าไปรวมรู้อยู่เป็นหนึ่ง พุทโธ พุทโธ เออ อยู่ตามคำบริกรรมนั่นแหละ หายใจเข้า พุท เวลาลมออกก็ โธ ตาม ถ้าเมื่อทำหลายๆ ครั้ง หลายๆ รอบ กำลังพลังจิตของเราก็เข้มแข็ง แข็งแรงขึ้นมา ไม่มีอะไรมารบกวน ไม่ต้องสงสัยว่าโรคภัยไข้เจ็บอย่างอื่นๆ หรือภูตผีปีศาจทางอื่นมาเบียดเบียนอย่างงั้น
อย่างงี้ไม่มี พวกภูตผีปีศาจทั้งหลาย เทวดา อาฮัก หลักคุณ ก็เหมือนกัน มีแต่ยกมือสาธุการ เคารพ เคารพในพระพุทธ เคารพในพระธรรม เคารพในพระสงฆ์ ยกมือสาธุการ ไม่มีภูตผีปีศาจที่ไหนจะมารังแก ดูถูกเหยียดหยามไม่ได้ อ้า ไม่ได้ๆ ไปหลอก ไปหลอนบุคคลผู้ภาวนาพุทโธอยู่น่ะ มันเป็นบาปน่ะ ระวังน่ะ อย่าไปรบกวนพระคุณเจ้า พระคุณเจ้ากำลังนั่งภาวนาพุทโธอยู่นั้นน่ะ ขี้กากจะกินหัวน่ะ อ่ะฮึ อ้า ถ้าหากว่าไปรังแกทำให้ท่านรำคาญ ลำบากใจ ขี้กากจะกินหัว เว้ย เออ มันเป็นบาป

 

อะยัมภะทันตา

 

ทำให้ใจฟุ้งซ่าน รำคาญมากขึ้นๆ ก็เป็นโทษทางใจ เพราะฉะนั้น พวกเราเป็นพุทธบริษัท ไม่ใช่เป็นคนธรรมดา เป็นพุทธบริษัท เป็นบริษัทของพระพุทธเจ้า เป็นพระ เป็นเณร ก็ชื่ออยู่ในเป็นลูกศิษย์ของพระพุทธเจ้า เป็นอุบาสก เป็นอุบาสิกา ก็ชื่อว่าอยู่ในคุณพระรัตนตรัย ไม่มีแล้ว อื่นแล้ว จะยิ่งไปกว่า อันนี้เป็นคุณของพระรัตนตรัย รักษาโรคภัยไข้เจ็บตัวเองก็ได้อีก

ภูตผีปีศาจทั้งหลายไม่รบกวนแล้ว ให้เข้าใจอย่างนี้นะ อ่ะ มีอานุภาพขนาดนั้น เพราะฉะนั้น เราทุกคนเป็นชาวพุทธ หรือชาวพุทธแต่ปากเฉยๆ ใจมันๆ ไม่เอาอย่างอื่นมาเป็นที่พึ่ง มันไม่มั่นๆ มันไม่มั่นคง มันไม่แข็งแรงพอ เอาเทวดา อาฮัก หลักคุณ ปู่ตาย่าบ้าน ผีฟ้า ผีแถน ผีแนนตาทอก ตีนจุ้มอลินทุม เหล่านั้น เป็นของมาต้มมาตุ่น มาโกหกพกลมเรา ต้อง เขาก็ต้องสั่งอยากกินไก่ เขาก็บอกว่าอยากกินต้มไก่ ไปเอาไก่มาต้มให้กินหน่อยเว้ย แอ้ ผีมันสั่งมีไหมล่ะ อยากกินหมูก็ต้องไปฆ่าหมูมาเลี้ยงมัน อยากกินเป็ดอยากกินไก่ อ่ะ อยากกินก็ไปหามากินดี้ เออ จะให้เราไปฆ่าสัตว์เราไม่เอา เราไม่ฆ่าสัตว์ไม่เอา ฆ่าเป็ด ฆ่าไก่ ฆ่าหมู ฆ่า อ้า สัตว์ต่างๆ มาเลี้ยงผี

ใครจะเป็นคนรับบาปปะเนี่ย เราคนผู้ลงมือแหละ รับบาปแทน ไปตกนรกหมกไหม้ ก็ตัวของเราเองแหละ ที่จะได้ใช้กรรม ผู้อื่นเขาไม่ได้ใช้หรอก ตัวของเราเป็นคนกระทำ ทำด้วยกายเป็น กายกรรม ทำด้วยใจก็เรียกว่า มโนกรรม ทำด้วยวาจาก็เรียกว่า วจีกรรม เอากายทุบหัวเขา เชือดคอเขา เอากายนี่แหละทำ ใครล่ะเป็นคนได้บาปก็ตัวของเราเองเป็นคนได้บาป ไม่เอาแล้ว ใครอย่ามาบังคับให้เราฆ่าสัตว์ตัดชีวิตให้กิน มันไม่ใช่ทีพึ่งอย่างประเสริฐหรอก เป็นที่พึ่งลอยๆ เลือนไปอย่างงั้นล่ะ อ้า ให้เด็ดขาด การทำความพากความเพียร ให้เด็ดขาด อย่าไปกลัวใดๆ ทั้งนั้น ภูตผีปีศาจ อาฮัก หลักคุณ ปู่ตาย่าบ้าน อ้า ผีฟ้า ผีแถน ผีแนนตาทอก ตีนจุ้มอลินทุม เหล่านั้นเป็นของ โอ้อวดมดเท็จกันเฉยๆ ว่ากันมา เล่ากันมา ฟังตามคำเล่าลือเขามา เชื่อไปตามนั้น ที่จริงมันไม่ถูกต้องหรอก เราไม่ต้องฆ่าสัตว์ตัดชีวิต สมัยนี้ตลาดมันเจริญรุ่งเรืองแล้ว ตลาดสด สัตว์ สัตว์ตายทั้งหลาย มันไหลเข้าตลาด ตลาดมากมาย เป็นผักอางนางหญ้า ผลหมากรากไม้ ไหลเข้าอยู่ตลาด อยู่สู่ตลาด จนแมลงวันตอมหึ่งนู้นล่ะ มันตายแล้ว อ้า ถ้าเราจำศีล จำธรรมแท้ เราก็หาของที่ตายแล้วเหล่านั้นมา ไม่สั่ง ไม่ได้สั่ง ไม่ได้บอกให้ใครฆ่าให้ เขาฆ่าไว้แล้ว เขาหลบขนลนปีกไว้เรียบร้อยแล้ว เพียงแต่เอาสับปับ ยำ ต้มยำทำแกงเอาเอง คั่วเอาเอง ทำให้มันสุกเอาเองอ่ะน่ะ เราไม่ได้ลงมือทำ ไม่เป็นบาปเป็นกรรมหรอก เพราะเขาทำเองเขา พวกนู้นเขาจะได้รับ ยังไงๆ ก็ไม่ต้องสงสัยล่ะ เรื่องของเขา แต่เรื่องของเราจะหาแต่ของตายแล้ว มาเลี้ยงอัตภาพร่างกาย มาทำบุญสุนทาน อะไรก็ดี เอาของที่สำเร็จรูปแล้ว ของที่สุกแล้วทั้งนั้น แต่ทางบ้านหลวงปู่ นู้น ภาคอีสานนู้น โอ้ ไม่ใช่ธรรมดานะ กินลาบเลือด ลาบแดงๆ เขาเรียกว่าลาบอ่ำ ถ้าไม่ได้เลือด เขาก็ไม่เอา ให้ได้เลือดมาถุงหนึ่งซะก่อน เอามาปรุงเป็นลาบเลือด ลาบแดง เขาเรียกว่าลาบอ่ำ อ่ะ เออ อ้า เอามาต้มใส่ไส้ ใส่พุงมาต้มอะไรใส่เหมือนกับ เอาดีเทลงใส่บ้าง เอาเพี้ย(ขี้อ่อน)หรือขี้อ่อนมันน่ะ เฮอะ เทลงใส่รวมต้มลงน้ำกันน่ะซดน้ำ มันอร่อยดี เออ คล่องคอดี มันเป็นไปสิอย่างงั้นล่ะ มันติดรส พาให้เราได้ทำบาปทำกรรม ก็เพราะเราติดรส รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ธรรมารมณ์ ของเหล่านี้ทำให้เราทำบาปได้ อ้า อย่าไปเชื่อความมันหลาย มากมายหลาย แน่ะ ความอยากความหิวเหล่านี้ มันกินอะไรแล้วก็แล้ว เออ กินผักกินหญ้า เออ กินป่น(น้ำพริก) กินแกงอะไรก็แล้ว เลี้ยงง่าย ธรรมเหล่าใดเป็นไปเพื่อความเลี้ยงง่าย เป็นธรรมเป็นวินัย เป็นคำสั่งคำสอนของเราตถาคต

เพิ่นว่าอย่างงั้น ธรรมเหล่าใดเป็นไปเพื่อความเลี้ยงยาก ถ้าไม่มีอย่างงั้นๆ เราก็ไม่กิน ถ้ามีเหล้าแก้มลงไปอีกซะก่อน จึงกินข้าวอร่อยดี อะเฮอะ อ้า เห็นแก่ปากแก่ท้อง กินมีเหล้ามียาปลาปิ้งซะก่อน มันจึงสนุกสนานดี ร้องรำทำเพลงก็ได้ ถ้ากินเหล้าแกล้มเข้าไป เช่น ลาบอ่ำ(ลาบเป็ดใส่เลือดสด) ลาบอะไร ลาบเลือด ลาบย่างเข้าไป เต้นรำทำเพลงได้สนุกสนานตลอดคืน นั่น เรียกว่าติดรส รสพาเราไปหาทุกข์ อ้า ไม่ใช่ของดีอะไรหรอก รู้จักหลีก รู้หลบเป็นปีกรู้หลีกเป็นหาง อ้า ถ้าหลบไม่เป็นมันก็โดน แม้แต่ขี่รถจักรยาน มันก็โดนเขาเหยียบเขาชนเอา เขาไม่รู้หลบ ไม่รู้หลบ หลบซ้ายหลบขวาก็ไม่รู้ กฎจราจรเขาก็ไม่รู้ ว่าถูกรถกระแทก ขยี้เอาจนแหลก ขาหัก แขนหัก หัวร้างข้างแตก ถ้าไม่ตายก็อานไปพอสมควรน่ะ เพราะฉะนั้น การงดเว้นทางศีลธรรมเป็นของดี ของวิเศษมาก เทวดารักษา

มะนุสสานัง ปิโย โหติ

อะมะนุสสานัง ปิโย โหติ

 

พวกมนุษย์ทั้งหลายก็ยำเกรง อมนุษย์ทั้งหลายก็ยำเกรง เออ ไม่ได้ย่ำยี ไม่ได้บีฑา(เบียดเบียน) ไม่ได้ดูถูกหรอก แต่ว่าไม่ ไม่รบกวนให้เดือดร้อน ผู้ถือพระรัตนตรัย ดังที่นำพาว่ามาเบื้องต้นแล้ว

 

พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ

ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ

สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ

 

เนี่ย อ่ะเนี่ย ๓ ว่าทุติ(ยัมปิ) ครั้งที่ ๒

 

ทุติยัมปิ พุทธัง (สะระณัง คัจฉามิ)

ทุติยัมปิ ธัมมัง (สะระณัง คัจฉามิ)

ทุติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ

 

แน่ะ ว่า เป็น ๓ ครั้ง ๓ คราวมาแล้ว มันต้องดีแน่นอน เราได้ของดีไปแล้ว สมาทานตั้งมั่นหรือเปล่า ถ้าเราสมาทานตั้งมั่นแล้ว เราต้องได้บุญ ได้กุศลด้วย แผ่เมตตาให้สัตว์อื่นก็ได้ ถึงปู่ย่าตายาย อ่ะ อาฮัก หลักคุณ ปู่ตาย่าบ้าน ทั้งหลายทั้งปวง เขาโมทนากับเรา เขาก็ได้ไปเกิดแน่ะ ไม่ได้ ไม่ได้ทุกข์ลำบากยากแค้นอะไรเลย เขาโมทนากับเราได้ทำความดี ได้รักษาศีล กินทาน ภาวนา เราก็ได้บุญได้กุศลมหาศาลน่ะ เพราะเราเป็นสาธารณกุศล ไม่ได้เอาเฉพาะตน เป็นสาธารณกุศล ทำบุญครั้งนี้เป็นอามิสบูชา(บูชาด้วยสิ่งของ)ก็ดี ปฏิบัติบูชาก็ดี ขออานิสงส์ผลของบุญทั้งหมดนี้ จงให้สำเร็จประโยชน์สุขแก่สัตว์ทั้งหลายที่ไม่มีประมาณ สัตว์ทั้งหลายที่รักก็ดี ที่มีคุณก็ดี มีบิดามารดา ครูบาอาจารย์ ปู่ย่าตายาย ญาติสนิทมิตรสหาย เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย เราให้ทั้งนั้น จงอนุโมทนาเอาเหมือนตนทำเองเถิด พวกวิญญาณทั้งหลายได้รับทราบแล้วก็ สาธุ เอา ก็ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยเหมือนกันกับเราผู้ได้กระทำมา

เพราะฉะนั้น พวกเราอย่ามาทำเล่นๆ ทำหลอกๆ หลอนๆ ขอให้มั่งคงจริงๆ ปากว่าตาขยิบก็ไม่เอา ถ้าหากว่าเว้น เวระมะณี จะเว้น ตาขยิบ ถลึงใส่ จัดการอันนั้น จัดการอันนี้ แสดงว่าบอกเขา เป็นอุบายอ่ะ จัดการอันนั้น จัดการคือให้ฆ่า ให้ฆ่าเป็ด ฆ่าไก่ ฆ่าหมู ฆ่าวัว ฆ่าควาย ไปจัดการ นั่นเรียกว่าทำตาม ความบงการชนิดนั้น มันเป็นการบงการเป็นบาป เป็นอกุศลแน่นอน ทำให้ใจเศร้า ใจหมอง ใจขุ่น ใจมัว เทวดาไม่โมทนาเลย เออ มันทำปากว่าตาขยิบ ไม่ดี อย่าไปขยิบตาใส่ลูกศิษย์ลูกหา แล้วแต่มันจะมี วันนี้จะไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตแล้ว

จะไปตลาดสดนู้น ตลาดสด เขามีตลาดสดของเขาอยู่ อ้า มีทั้งหมู ทั้งเป็ด ทั้งไก่ เขาแขวนไว้ เขาเอาขอแล้วมาห้อยตามสายเป็นแถว โอ้โฮ หลายจริง ใครทำบาปทำกรรมมาแต่ปางก่อน เขาอาจจะได้ใช้กรรมแล้วเนี่ย เขาได้ทำอย่างงี้ๆ แล้วเขาได้ใช้กรรมของเขาแล้ว ส่วนวิญญาณล่ะคงจะได้ไปเสวยอยู่ที่ในอเวจีมหานรก อยู่ใน เออ ขุมที่เท่าไหร่พู้น(โน้น)เนี่ย แน่ะ พูดไปก็ไม่มีหนทางที่จะหลบหลีกได้ เพราะฉะนั้น

 

เจตะนาหัง ภิกขะเว กัมมัง วะทามิ

 

จะเป็นบาปเป็นกรรม ก็เพราะเจตนา เจตนาเราหลีกเว้นแน่นอน หลีกเว้น งดเว้นแน่นอน นี่ทั้งอด ทั้งกลั้น เว้นได้แล้วเป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่มีบาปมีกรรมติดตัวแล้ว เทวดาอารักษ์ทั้งหลายก็โมทนาสาธุการด้วย เออ เพิ่นม้วนท้าย(สรุป)ของศีล

 

สีเลนะ สุคะติง ยันติ

 

น่ะ พวกเจ้าจะไปสู่สุคติก็เพราะอำนาจของศีล

 

สีเลนะ โภคะสัมปะทา

 

พวกเจ้าจะมีโภคสมบัติล้นเหลือมากมายก็เพราะศีล

 

สีเลนะ นิพพุติง ยันติ

 

จะได้ถึงมรรคผลนิพานไปสู่สุคติได้ก็เพราะศีล เพราะฉะนั้น อย่าเข้าใจว่าทำเล่นๆ เรารักษาศีล ต้องรักษาจริงๆ ไม่ได้ว่าแต่ปาก อ้า เราก็จะมีศีลติดเนื้อติดตัวเป็นที่ภาคภูมิใจของเรา อานิสงส์ของการถือศีลเนี่ย

 

สีเลนะ โภคะสัมปะทา

 

 

ทำมาค้าขาย ก็ทำมาค้าขึ้น ซื้อง่ายขายคล่องเข้า ไม่ได้เดือดร้อนเรื่องบาปเรื่องกรรมใดๆ ดังนั้นขอให้ท่านทั้งหลายจงสำเนียก ระลึกไว้เสมอว่าเราจะจำศีลภาวนาจริงๆ อ่ะ เราจะรักษาศีลไม่ให้ขาดตกบกพร่องด้วยการฆ่าสัตว์ตัดชีวิตใดๆ เลย ให้มันปลอดภัยจริงๆ

ดังที่... ดังที่แสดงมาเป็น ปกิณณกนัย เพื่อต้องการให้ท่านทั้งหลาย นำไปใคร่ครวญคิดพินิจ พินิจพิจารณาด้วยปัญญาอันชาญฉลาดของตนๆ เองเถิด อัปปมาทธรรม ไม่มีความประมาท มีความชื่นอกชื่นใจแท้ เออ ตั้งอกตั้งใจงดเว้นจริงๆ ต่อแต่นั้นจะได้ประสบพบเห็นแต่ความสุขความเจริญทั้งทางคดีโลกและทางคดีธรรมทุกประการ รับประทานวิสัชนามา ก็เหนื่อยแล้ว หมดลมแล้ว ก็ยุติด้วยเวลา เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้

อย่าขี้โลภ ถ้าโลภเกินไป กำเอา กำเอา

คนอื่นทีหลังมาก็ไม่ได้ เห็นว่ามันหลาย กำเอา กำเอา

เปรต หึ เมื่อไหร่ความโลภจะหมดไปจากใจเรา

 

อ้า มายากเหลือเกิน ทั้งฝนยังเป็นอุปสรรคด้วย วันนี้ มันตกจริงๆ เลย มันหยุดได้จริงๆ หรือเปล่า ฮ่ะ ดีเนาะ(นะ) เรานึกบริกรรมอยู่ในใจ เฮ็ดจั่งใด๋(ทำยังไง) ฝนจั่ง(จึง)ไม่ตกว่ะ คาถาดีแท้ๆ เด้อ คาถา นึกถึงนั่น

 

โอมน้ำมันงา มาทาหมีค่าง

ตกหว่างพู้น(โน้น) หว่างนี้อย่าตก

 

อ่ะน่ะ นี่คาถาอาคม หลวงพ่อทองผุด(หลวงพ่อทองผุด ญาณวโร) โอ้ แน่ะ

 

ต้องเรียกหลวงพี่น่ะ

 

หลวงปู่ เนี่ยมันใจอ่อนถ้าเรียกหลวงปู่ เรียกหลวงพี่ มันคึกคักขึ้นหน่อย เว้ย (หัวเราะ) อ้า มีกำลังใจ อืม

 

 

สรณคมน์

 

พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ

ข้าพเจ้า ถือเอาพระพุทธเจ้า เป็นสรณะ

ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ

ข้าพเจ้า ถือเอาพระธรรม เป็นสรณะ

สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ

ข้าพเจ้า ถือเอาพระสงฆ์ เป็นสรณะ

 

ทุติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ

แม้ครั้งที่ ๒ ข้าพเจ้าถือเอาพระพุทธเจ้าเป็นสรณะ

ทุติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ

แม้ครั้งที่ ๒ ข้าพเจ้าถือเอาพระธรรมเป็นสรณะ

ทุติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ

แม้ครั้งที่ ๒ ข้าพเจ้าถือเอาพระสงฆ์เป็นสรณะ

 

ตะติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ

แม้ครั้งที่ ๓ ข้าพเจ้าถือเอาพระพุทธเจ้าเป็นสรณะ

ตะติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ

แม้ครั้งที่ ๓ ข้าพเจ้าถือเอาพระธรรมเป็นสรณะ

ตะติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ

แม้ครั้งที่ ๓ ข้าพเจ้าถือเอาพระสงฆ์เป็นสรณะ

 

สิกขาบท ๕

 

ปาณาติปาตา เวระมะณี

สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ

เว้นจากการฆ่า เบียดเบียนสัตว์อื่น

 

อะทินนาทานา เวระมะณี

สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ

เว้นจากการถือเอาของที่เขามิได้ให้ ด้วยอาการแห่งขโมย

 

กาเมสุ มิจฉาจารา เวระมะณี

สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ

เว้นจากการประพฤติผิดในกาม ผิดลูกผิดเมียผู้อื่น

 

มุสาวาทา เวระมะณี

สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ

เว้นจากการพูดเท็จ พูดส่อเสียด พูดคำหยาบ พูดเพ้อเจ้อ

 

สุราเมระยะมัชชะปะมาทัฏฐานา เวระมะณี

สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ

เว้นจากของเมา คือ สุราอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท

 

อานิสงส์ของการรักษาศีล

 

อิมานิ ปัญจะ สิกขาปะทานิ

สิกขาบท ๕ เหล่านี้

 

สีเลนะ สุคะติง ยันติ

ศีล นั้นจักเป็นเหตุให้ถึงสุคติ

 

สีเลนะ โภคะสัมปะทา

ศีล นั้นจักเป็นเหตุให้ได้มาซึ่งโภคทรัพย์

 

สีเลนะ นิพพุติง ยันติ

ศีล นั้นจักเป็นเหตุให้ได้ไปถึงนิพพาน

 

ตัส๎มา สีลัง วิโสธะเย

เพราะฉะนั้น ศีล จึงเป็นสิ่งที่วิเศษ

 

 

อาราธนาธรรม

 

พ๎รัห๎มา จะ โลกาธิปะตี, สะหัมปะติ,

กัตอัญชะลี อันธิวะรัง อะยาจะถะ,

สันตีธะ สัตตาปปะระชักขะชาติกา,

เทเสตุ ธัมมัง อะนุกัมปิมัง ปะชัง.

 

ท้าวสหัมบดีพรหม ผู้เป็นอธิบดีแห่งโลก

ได้ประคองอัญชลี ทูลวิงวอนพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐว่า

สัตว์ผู้มีธุลีในดวงตาน้อยมีอยู่ในโลก

ขอพระคุณเจ้าโปรดแสดงธรรมอนุเคราะห์ด้วยเถิด

 

 

อาฏานาฏิยสูตร (บทคัดบางส่วน)

 

สักกัตตะวา พุทธะระตะนัง

เพราะทำความเคารพพระพุทธรัตนะ

 

มงคลจักรวาลน้อย (บทคัดบางส่วน)

 

พุทธะระตะนัง ธัมมะระตะนัง สังฆะระตะนัง

ติณณัง รัตตะนานัง อานุภาเวนะ

ด้วยอานุภาพแห่งรัตนะ ๓ คือ

พุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ สังฆรัตนะ

 

ขันติ ธีรัสสะ ลังกาโร

ขันติเป็นเครื่องประดับของนักปราชญ์

 

เจตะนาหัง ภิกขะเว กัมมัง วะทามิ

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เจตนาเป็นตัวกรรม

 

 

อะยัมภะทันตา

ท่านผู้เจริญทั้งหลาย

(บางแห่งใช้หมายถึง ทำแล้วได้รับผล ทันตาเห็น)

 

 

อุทยานแห่งชาติภูเก้า-ภูพานคำ

ภูพานคำ เป็นแนวทิวเขายาวในเทือกเขาภูพาน

ซึ่งเป็นหุบเขาขนาดใหญ่ สภาพป่าเป็นป่าเต็งรังและ

ป่าเบญจพรรณซึ่งขึ้นอยู่ในพื้นดินปนหิน

ต่อมามีการสร้างเขื่อนอุบลรัตน์ ภายหลัง

 

บีฑา [บี-ทา] เบียดเบียน บีบคั้น รบกวน เจ็บปวด

(ฆ่าตีบีฑ์โบย)

 

ม้วนท้าย [ม้วน-ท้าย] สรุป/ตอนสุดท้าย/ตอนจบ/

ท้ายๆ/ท้ายเรื่อง/อวสาน/สุดท้าย

เป็นคำเก่า พบมากในกลอนผญา

อานิสงส์การเจริญเมตตา ๑๑ ประการ

 

๑.สุขัง สุปะติ หลับก็เป็นสุข

 

๒.สุขัง ปะฏิพุชฌะติ ตื่นก็เป็นสุข

 

๓.นะ ปาปะกัง สุปินัง ปัสสะติ ไม่ฝันร้าย

 

๔.มะนุสสานัง ปิโย โหติ เป็นที่รักใคร่ของเพื่อนมนุษย์

 

๕.อะมะนุสสานัง ปิโย โหติ เป็นที่รักใคร่ของเหล่าอมนุษย์

 

๖.เทวะตา รักขันติ เทวดาย่อมคุ้มครองรักษา

 

๗.นาสสะ อัคคิ วา วิสัง วา สัตถัง วา กะมะติ

ไฟและยาพิษหรือแม้แต่ศัตราวุธ ก็ไม่กร้ำกราย

 

๘.ตุวะฏัง จิตตัง สะมาธิยะติ จิตตั้งมั่นเป็นสมาธิได้เร็ว

 

๙.มุขะวัณโณ วิปปะสีทะติ สีหน้าผ่องใส

 

๑๐.อะสัมมุฬฬะโห กาลัง กะโรติ ไม่หลงสติเวลาตาย

 

๑๑.อุตตะริง อัปปะฏิวิชฌันโต พรัหมะโลกูปะโค โหติ

เมื่อไม่สามารถบรรลุธรรมชั้นสูงในภพนี้ได้

ก็ย่อมเข้าถึงพรหมโลก

๒๔