หลวงปู่ท่อน ญาณธโร

วันอังคารที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๕๖ เวลา ๑๙.๐๐ น.

ณ ปั๊มแก๊สเอ็นจีวี

อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี

พระบ้านนอกเว้ย พระบ้านนอกเอามาเทศน์ในบ้านในเมืองที่เจริญ ไม่รู้ ไม่รู้ ไม่รู้จะว่ายังไงนะ ก็หันหลังแค่นี้ล่ะก็เอาเลยนะ บอกรีบๆ ไป อ้า ตั้งใจทุกคนเด้อ ความตั้งใจนั้นเป็นตัวกรรมที่ดี

กัมมัง วิชชา จะ ธัมโม จะ สีลัง ชีวิตะมุตตะมัง

 

เพิ่นบอกไว้อย่างงั้น นี่ข้อหนึ่ง อ้า อ่ะ

 

นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ

นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ

นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ

 

พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ

ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ

สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ

 

นี่ครั้งที่ ๑ ครั้งที่ ๒

 

ทุติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ

ทุติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ

ทุติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ

 

ครั้งที่ ๓ ต่อไปว่า

 

ตะติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ

ตะติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ

ตะติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ

ติสะระณะคะมะนัง นิฏฐิตัง

 

ต่อไปให้ตั้งเจตนาของตนขึ้น จะรับศีล สมาทานศีล ก็ต้องมีเจตนางดเว้นซะก่อน มันจึงเป็นศีล บางแห่ง บางที่ บางบุคคล ว่ารับศีลอยู่ดีๆ ปาณาติปาตา เวระมะณี ยังไม่จบเลย ยุงตายไปตัวหนึ่ง ๒ ตัว ตี แอ้ เมื่อมีเจตนา ไม่มีเจตนาที่จะงด จะเว้น จะละ จะพาว่าทั้งอรรถทั้งแปล

 

ปาณาติปาตา เวระมะณี

สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ

 

ข้าพเจ้าตั้งใจสมาทานสิกขาบท คือเว้นจากฆ่าสัตว์ทุกชนิดด้วยตัวเองและไม่ใช้ให้ผู้อื่นฆ่า

 

อะทินนาทานา เวระมะณี

สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ

 

ข้าพเจ้าตั้งใจสมาทานสิกขาบท คือเว้นจากถือเอาสิ่งของของท่านผู้อื่นที่เจ้าของเขาไม่ได้ให้โดยอาการแห่งขโมย

 

กาเมสุ มิจฉาจารา เวระมะณี

สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ

 

ข้าพเจ้าตั้งใจสมาทานสิกขาบท คือเว้นจากประพฤติผิดในกาม ร่วมประเวณีในภรรยาในสามีของท่านผู้อื่น

 

 

มุสาวาทา เวระมะณี

สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ

 

ข้าพเจ้าตั้งใจสมาทานสิกขาบท คือเว้นจากกล่าวเท็จ
คำไม่จริงและหลอกลวงอำพรางท่านผู้อื่นให้หลงเชื่อในคำไม่มีจริง

 

สุราเมระยะมัชชะปะมาทัฏฐานา เวระมะณี

สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ

 

ข้าพเจ้าตั้งใจสมาทานสิกขาบท คือเว้นจากดื่มกินสุราเมรัยอันเป็นเครื่องดองของเมา ทั้งเป็นฐานเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท อันนี้รวมความไปถึง ฝิ่น เฮโรอีน กัญชา ยาบ้า เสพติดให้โทษทุกชนิด ผิดทั้งกฎหมายด้วย ผิดทั้งศีลธรรมด้วย อ้า เป็นปัญหาในการปกครองอีกด้วย

หากปกครองอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ความสบายใจ ไม่มีขโจ.. ขโมยขโจรใดๆ ชิงของซึ่งกันและกันอีกด้วย และก็ไม่กินสุราเมรัยเครื่องดองของเมา อ่ะ ผิดศีลธรรมจริงๆ ล่ะผิดมากๆ เลย ในงานบุญครั้งใด ได้ร่วมกันเป็นหมู่เป็นพวกขึ้น ถ้าอย่างมี คนไม่มีศีลมีธรรมแทรกอยู่ในที่นั้น ก็อาจจะตีกันหัวร้างข้างแตก อ่ะเฮอะ ติดคุกติดตะรางก็เยอะแยะแล้ว มุ่งร้ายหมายผลาญซึ่งกันและกัน ฆ่ากันถึงตายก็มี ก็ยาเสพติด ให้โทษนั้นเอง

เพราะฉะนั้นพวกเราก็ต้องตั้งใจเว้น ตั้งใจละทุกข้อ ทุกข้อมา เออ ปาณาฯ อะทินนาฯ กาเมฯ มุสาฯ สุราฯ เว้นให้ได้ อย่าไปนิยมชมชอบมันเลย ความมั่นคงของประเทศชาติก็จะดีขึ้น ถ้ายังล้มเหลวอยู่ ไม่รักษาศีลกันแล้ว ความมั่นคงของประเทศชาติ
ก็ไม่ไว้วางใจกันแล้วปะแล้ว ผิดใจกันที่ไหน ที่ไหนก็จองล้าง จองผลาญกันอยู่อย่างนั้น อ้า มีเรื่องชุมนุมกันใหญ่โต อ้า ทั้งอำเภออะไร อำเภออะไร อำเภอนี้จังหวัดสุพรรณฯ เนาะ(นะ)
ถ้ารักษากันได้ทั้งอำเภอ ทั้งจังหวัด ภายในจังหวัด เออ สุพรรณบุรีของเรา ก็จะไม่มีปัญหาการปกครอง ไม่มีปัญหา เขาเรียกว่า โนพลอมแพลม(no problem ไม่มีปัญหา) เออ สบายมาก โนพลอมแพลม(no problem ไม่มีปัญหา)จริงๆ

อันนี้มัน คำพูดของอดีตผู้แทนราษฎร โนพลอมแพลม(no problem ไม่มีปัญหา)อยู่เรื่อย เพราะฉะนั้นพวกเราก็ต้องนึกถึงสังคม เราอยู่ร่วมกันจะมีสันติสุขเกิดขึ้น ก็เพราะความพร้อมเพรียงซึ่งกันและกัน เอาใจใส่ดูแลกันให้ทั่วให้ถึง อ้า อย่าอยากเป็นที่รักมักที่ชัง อิจฉาพยาบาทเหล่านี้ก็ผิดศีล ผิดธรรมด้วยเหมือนกัน

ถ้าเรารักษาศีล รักษาธรรมจริงจัง ปฏิบัติธรรมจริงๆ จังๆ แล้ว โอ้ย โนพลอมแพลม(no problem ไม่มีปัญหา)อย่าว่าเลย สบายมาก อ้า ไม่มีปัญหา เออ ไม่ ไม่มีการคิด เออ (คด)ในข้องอในกระดูกแต่อย่างใด เออ ทำให้อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขดีทีเดียว ยังนึกคำพูดยังไม่ออกเลยนี่นะ เอาล่ะ อาราธนาเทศน์แล้วเหรอ พ๎รัห๎มา จะ โลกาฯ แล้วบ่

ไอ้ผู้อาราธนาก็หลงอยู่เนาะ(นะ) อ้า เราอาจจะหลงกันด้วย ต้องท่องขึ้นใจไว้ดีๆ ที่จะเป็น เออ ประธาน พิธีกรใดๆ ก็ดี ตั้งใจ ไม่ต้องประนมมือก็ได้หรอก มันจะเมื่อย ตั้งใจฟังด้วยดี เพิ่นว่า

 

สุสสูสัง ละภะเต ปัญญัง

 

ฟังด้วยดีย่อมได้ปัญญา เพิ่นว่าอย่างงั้นน่ะ ฟังไม่ด้วยดีจะเกิดปัญญา ได้หรือไม่ล่ะ ฟังไม่ด้วยดีเอา เอาหูไปนา เอาตาไปไร่ เอาใจไปสวน ไปหาลูกหาผัว หาเมียอยู่ทางบ้าน เป็นห่วงบ้านห่วงช่องอยู่ ก็เลยไม่ได้ตั้งใจฟังด้วยดี

 

นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ

นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ

นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ

กัมมัง วิชชา จะ ธัมโม จะ สีลัง ชีวิตะมุตตะมัง

อิมัสสะ ธัมมะปะริยายัสสะ อัตโถ

สาธายัสมันเตหิ สักกัจจัง ธัมโม โสตัพโพติ

ไม่ได้พูดยากพูดลำบากอะไรหรอก พูดลึกๆ อ้า เอาไปมากหลาย คนผู้แสดงก็ไม่มีความรู้ พอที่จะพูดมากๆ ลึกๆ ยากๆ ให้ฟังเนาะ(นะ) พูดง่ายๆ กันดีกว่า

กัมมัง คือ การกระทำ แปลให้เป็นข้อๆ และ กัมมัง คือ การกระทำที่ผิดศีล ผิดธรรม มันเป็นการงานที่ไม่บริสุทธิ์สะอาด

วิชชา กัมมัง วิชชา ธัมโม ธรรมะก็เหมือนกัน ต้องมีความบริสุทธิ์แน่ใจแน่นอน มีความซื่อสัตย์ สุจริต บริสุทธิ์ยุติธรรมต่อกันจริงๆ อันทำมาค้าขายก็เหมือนกัน ไม่ใช่ว่าโกงได้โกงเอา อ้า ขี้ชักมักได้ ปากว่าตาขยิบอยู่อย่างนี้ อ่ะเอาได้ ได้แล้วเรา ได้แล้ว อ้า เรามีรวยเกิดขึ้นแล้ว มีเรื่องที่จะให้เรารวย ถ้าเราโกง โกงเขาได้หรือว่า โกหกเขาบ้างอย่างนี้ แล้วการค้าขายของเรามันจะบริสุทธิ์ยุติธรรมหรือเปล่า ถ้าใจเป็นอย่างงั้น มันก็ผิดทั้งศีล ผิดทั้งธรรมด้วย ผิดธรรมผิดวินัยด้วย การค้าขายจะอยู่ดีกินดี

จะเอาปัญหาของ สุภมาณพ บุตร โตเทยยบุตร ขึ้นมาบรรยายให้ฟังสักหน่อย

สมัยก่อนโน้น มีผู้สงสัยเป็นนักเป็นหนา ว่าคนเกิดมาทำไมไม่เหมือนกัน เกิดมาในโลกเดียวกัน เป็นมนุษย์เหมือนกัน แต่ไม่เหมือนกัน บุคลิกลักษณะหน้าตา ผิวพรรณก็เหมือนกัน ไม่เหมือนกัน ผิดแผกแตกต่างกันไป บางคนสูง บางคนต่ำ บางคนดำ บางคนขาว บางคน อ้า พอดิบพอดีไปงั้นล่ะ ทำไมไม่เหมือนกัน ทำไมไม่ผิดเหมือนกัน อย่างเขาผลิตรถยนต์ ผลิต เครื่องยนต์กลไกใดๆ ขึ้นมา ยี่ห้ออะไร ยี่ห้ออะไร ก็เหมือนกันเปี๊ยบ มันผิดกันตั้งแต่เลขหมายเท่านั้น แต่ว่าเครื่องยนต์กลไกอันเดียวกันทั้งนั้น ผืนเดียวกันหมด เครื่องยนต์กลไกมีพลังเท่ากัน ยี่ห้อไหน ยี่ห้อไหนก็ดี มีพลังแข็งแรงเหมือนกันอันนี้คนเราที่มีความผิดแผกแตกต่างกันนี้

สุภมานพ โตเทยยบุตร.. เพิ่นจึงสงสัยว่า ข้าพระพุทธเจ้ามีความสงสัยมานานแล้วพระเจ้าข้า แต่จะไปถามใคร มองไม่เห็น จะมีโอกาสได้มาเข้าใกล้พระบรมศาสดา อยากจะขอถามพระบรมศาสดา และพระผู้มีพระภาคให้หายสงสัยไปเลย แอ้ ว่าคนเกิดมาในโลก ในมนุษย์นี้ทำไมไม่เหมือนกันพระเจ้าข้า บางคนมีผิวดำ บางคนมีผิวขาว บางคนตระกูลสูง บางคนตระกูลต่ำ บางคนก็โง่เง่าเต่าตุ่น บางคนก็ความเฉลียวฉลาดเหลือเกิน เหล่านี้ล่ะผิดกันไปมากมาย มีอยู่หรือหนอสิ่งที่ให้เขาเป็นไปต่างๆ กันอย่างนั้นพระเจ้าข้า

แอ้ เออ ดีมาก พระพุทธเจ้าเพิ่น เพิ่นตอบว่า ดีมาก คำถามของเธอมีประโยชน์กว้าง จัดคือจัด จัดเอาไว้ในพระสูตรซะด้วย เออ แอ้ อยู่มีอยู่ในพระสูตรซะด้วย ไอ้คนที่มีผิวขาวก็ดี ตั้งแต่อดีตมาเขาเป็นคนมีความบริสุทธิ์ใจ ไม่โกรธกริ้ว ไม่ถือโทษโกรธใครเลย ยิ้ม ใครว่าให้ก็ยิ้มอยู่อย่างนั้น เป็นคนใจดี อโหสิ มีใจอโหสิเป็นหนึ่งอยู่อย่างนั้น ใครจะว่ายังไงก็ช่างเขา เรื่องของเราไม่ได้เป็นอย่างนั้น วางเฉยได้เขาเรียกอุเบกขา ใครจะด่าจะว่ายังไงก็เรื่องของเขา แอ้ คนเกิดมาในโลกก็เหมือนกันล่ะไม่เหมือน ไม่ ไม่เหมือนกันทุกคน ไม่ขาวเหมือนกันทุกคน ดำก็ไม่ดำเหมือนกันทุกคน เออ ขาวก็ไม่ ไม่ขาวเกินกันเท่าไหร่นัก บางคนสูง บางคนต่ำ บางคนดำ บางคนขาว บางคนก็มั่งมีศรีสุขร่ำรวย ทำมาค้าขึ้นซื้อง่ายขายคล่อง บางคนก็ยากจนข้นแค้นไม่เหมือนเขา

เนี่ยมันมี มีเหตุอะไรหนอ คนมันจึงต่างๆ กันอย่างงั้น มีคำถามของเธอ คำสงสัยของเธอนี่เป็นประโยชน์ในทางพระพุทธศาสนามาก เออ เพราะงั้นข้อนั้นเกิดในหลักในเกณฑ์ดี ตระกูลสูงนั้นเป็นคนมีการอ่อนน้อมถ่อมตนเป็นนิสัย ประจำชีวิตจิตใจของตัวเอง อ่อนน้อมถ่อมตนอยู่อย่างงั้น ไม่โอ้อวดอะไรเลย เป็นคนมีความเคารพต่อผู้หลักผู้ใหญ่เป็นหนึ่งแหละ ไม่ได้ดูหมิ่นถิ่นแคลนผู้หลักผู้ใหญ่ ผู้สูงอายุกว่า ผู้เกิดก่อนก็ว่าได้ ผู้มีหน้าที่การงานดีกว่า เหล่านี้ ไม่เคยเสียใจเลย ไม่เคยน้อยหน้าต่ำตาใครเลย เออ เป็นคนอุเบกขา มีอุเบกขาเป็นประจำอยู่อย่างงั้น เออ เพราะฉะนั้นการที่มีตระกูลสูง ก็เพราะเขาเป็นคนไม่ถือเนื้อถือตัว เป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตนต่อผู้หลักผู้ใหญ่ ผู้อายุสูงกว่า เคารพอยู่อย่างนั้น มีความเคารพไม่ดูหมิ่นถิ่นแคลนใครเลย บางคนก็ขี้โกรธ นี่ๆ ข้อที่ผิวดำเนี่ย บางคนก็มีความโกรธเป็นประจำ นิดๆ หน่อยๆ ก็ไม่ให้อภัยแก่กัน โกรธ ถือโกรธอยู่อย่างงั้น โกรธจนหน้าเหี้ยมเกรียมไหม้นู้นแหละ เออ หน้าดำคร่ำเครียด ถ้าโกรธจัดๆ ล่ะ หน้าดำคร่ำเครียด เหมือนดังเราเคยสังเกตไหม ถ้าโกรธล่ะเปลี่ยนสีไปเลย เปลี่ยนสีจากสีขาว สีเหลือง สี อ้า งามอยู่บ้าง แต่ถ้าโกรธบ่อยๆ เกิดหน้าดำคร่ำเครียดขึ้นมา หน้าเข้าฝ้าราคีมากมายหน้าดำ เออ คนขี้โกรธผิวพรรณขี้ริ้วเพิ่นว่างั้น คนขี้โกรธผิวพรรณขี้ริ้ว ไม่ได้ผิวพรรณผุดผ่องเหมือนดังเขาอื่น เพราะฉะนั้นใครอยากขาวบ้าง อยากผิวดีบ้าง อย่าสร้างความโกรธ อย่าอาฆาตมาดร้ายผู้หนึ่งผู้ใดเลย เพิ่นว่างั้น ไม่มี อาฆาตไม่มี มาดร้ายไม่มี จองเวรจองกรรมก็ไม่มี ให้อโหสิตลอด ไม่ค่อยผูกโกรธกับใครเลยอย่างเนี่ย

คนรักษาธรรมะข้อนี้ได้ย่อมเกิดในตระกูลสูง ๑ เกิดเป็นผู้มีผิวขาวบริสุทธิ์ผุดผ่อง ๑ เออ ไม่ ไม่แต่งเท่าไหร่หรอก มัน มันเป็นไปเองโดยอัตโนมัติของมัน ถ้าโกรธแล้วมันทำลายผิวพรรณ ทำลายผิวพรรณตัวเอง เออ ตระกูลสูง ตระกูลต่ำ อันนี้ก็เหมือนกันล่ะ ตระกูลสูงท่านผู้นั้นเป็นผู้ที่รักษามารยาทในสังคม เคารพผู้สูงอายุกว่า ไม่ดูหมิ่นถิ่นแคลนผู้อื่นเขาเลย นี่ เพราะฉะนั้นจึงให้ทำให้ผิวพรรณต่างกันไป ทางนั้น ไม่มี ไม่เอามาถือสาหาความ ไม่เอามาผูกโกรธใส่ตัวเอง อโหสิให้อภัย เออ ถ้าพูดผิดไปก็นึกอยู่ในใจนั้น หรือประนมมือขอโทษ พูดผิดไปแล้วขอโทษเน้อ ขอโทษ ขอโทษพูดผิดไปแล้ว เออ ไม่ได้คิด มันออกมาโดยไม่ได้นึก ไม่มีเจตนาที่จะโกรธแค้นชิงชังใคร เออ บางคนสูง บางคนต่ำ บางคนผิวดำ บางคนผิวขาว อ้า

มีหลวงตาองค์หนึ่ง ท่านมาบวช แต่ว่าเป็นคนดำ หลวงตาองค์นั้น ก็เลย.. จนตายแหละ พูดเถียงความขึ้นมาบอกว่า อาจารย์พูดอย่างงี้ก็ไม่ถูกหรอก อืม อาจารย์น่ะพูดได้ พ่อแม่พาขาว มันก็เลยขาว ผมมันพ่อดำแม่ดำ ผมเลยดำ

อ่ะเฮอะ อ้า มันเป็นก็ว่านู้น ไม่ใช่ว่า (หลวง)ตา อ้า เข้าใจอย่างงั้นก็ผิดอีกแหละ เป็นการเถียงคำสั่งคำสอนของพระพุทธเจ้า เอ้า ขอถามอีกหน่อยเถอะว่า ไก่ดำ เคยมีลูกตัวขาวๆ วิ่งตามหลังไปมีไหม เออ ๒ ตัว ๓ ตัว มันทำไมไม่ดำเหมือนแม่มัน มันทำไมขาวตั้งแต่มันตัวเดียวหรือ ๒ ตัวนั้น เออ วิ่งตามแม่ไป ควายดำออกลูกเผือกหรือออกลูกด่อน(ขาวเผือก) อย่างนี้เคยเห็นไหม เออ ก็ ก็ แม่มันสิ เพิ่นก็ว่าแม่นั่น แม่นั่น

 

 

เถียงไม่ได้หรอก อันนี้คำสอนพระพุทธเจ้า เพิ่นสอน เออถ้าเอาความโกรธมาบริหารงาน บริหารการงานอะไร มัน มันไม่สะอาด การกระทำก็ไม่สะอาด ความคิดก็มีอาฆาตมาดร้ายพยาบาทผู้อื่น อันนี้มันทำให้เป็นคนเกิดชาติต่อๆ ไป เป็นคนมีผิวดำ ดำอำมหิตจริงๆ อืมเนี่ย มองเห็นแต่ตาแมบๆ (รวดเร็ว)กับแข่ว(ฟัน) หัวเราะออกมา เออ เห็นฟัน นอกนั้นดำหมดทุกอย่างอ่ะเนาะ(นะ) เออ

ผิวดำ ผิวขาว ตระกูลสูง ตระกูลต่ำได้ ก็ไอ้ที่ว่าตระกูลสูง เพิ่นไม่เอาคำหยาบช้าสามานย์มาคุยกัน เออ อย่างในตระกูลพระราชามหากษัตริย์ทุกสมัยมา ท่านไม่เคยเอาความโกรธด่ากันอย่างจริงๆ จังๆ อ้า จนจะฆ่ากันตีกัน พระไม่ได้เอาความโกรธอย่างนั้นมาใช้ เอาแต่มธุรสวาจาที่ไพเราะเสนาะโสต ไม่ให้ความโกรธเกิดขึ้นในหัวใจของท่าน รักษาธรรมะข้อนี้เป็นหนึ่งมาโดยตลอด เพราะฉะนั้นท่านจึงมีคุณธรรมสูง เป็นควรที่ เป็นบุคคลที่ควรเคารพบูชาได้อยู่ ผู้เป็นตระกูลสูงตระกูลนั้นท่านมีมารยาทดี คำพูดคำจามีมารยาทดี ไม่เคยกระทบกระเทียบ เปรียบเปรยผู้หนึ่งผู้ใด ให้เจ็บช้ำน้ำใจเลยแม้แต่น้อย ถ้าพูดผิดไปก็ขอโทษๆ แล้ว พูดผิดแล้ว ตรงนี้ อ้า ขอโทษเน้อ พูดผิดแล้ว ไม่มีเจตนาที่จะดูหมิ่นถิ่นแคลนท่านผู้อื่นเลย เออ อ้า

บางคนเกิดในตระกูลสูง แต่ว่าผิวดำ ตระกูลสูงแต่ว่าผิวดำ เพราะว่าไม่รักษาความโกรธของตัวเอง ไม่ได้ขัดเกลาจิตใจ ตอนนั้นลุอำนาจแก่ความโกรธบ่อยๆ อยู่เรื่อย เป็นถึงพระราชามหากษัตริย์ แล้วถ้าโกรธขึ้นมาล่ะ ลูกน้องแตกแหกเป็นแถวไป เออ

มีนิทานทั้งหลายนิทานเอามาเปรียบเทียบกันดู เออ มันเป็นอย่างงั้น บางคนก็ร่ำรวยมหาศาล บางคนก็ยากจนข้นแค้น ยากเงินจนทอง ไม่มีใครเคารพนับถือ เออ เป็นคนขี้โกรธเป็นประจำ เรื่องที่ผ่านไปแล้วนาน ยังฟื้นขึ้นมาทะเลาะกันอีกต่อไปอยู่อย่างงั้น แล้วความโกรธมันทำลายผิวพรรณ เพิ่นว่าอย่างงี้ ทำลายผิวพรรณ ทำลายทรัพย์สินด้วย เออ ทำให้เป็นคนยากจนข้นแค้นเข็ญใจไร้ทรัพย์ แล้วก็ปัญญาที่จะเกิดขึ้น กับชีวิตจิตใจน่ะ ก็นึกไม่ออก นึกไม่ออก นึกไม่ถึง ปัญญาพาตัวรอดเป็นยอดดี ไม่เอามาใช้ ไม่เอามาใช้กัน เอาแต่ความน่าเกลียดน่าชังเอามาพูดกัน ด่ากัน ด่าแค่นี้ยังไม่พอใจ ต่อโคตรพ่อโคตรแม่เพิ่นพู้น(โน้น)ล่ะ อ้า คำนำด่า ด่าพ่อด่าแม่ว่านี่เมื่อผิดไปทั่ว ทำยังไงเขาเจ็บใจ หาเรื่องอย่างนั้นมาพูดให้จนได้ นั่นแหนะสำหรับคน ทำลายผิวพรรณตัวเอง จะพูดดีๆ จรรยา.. ไม่ได้รับการศึกษาสูงก็ตาม แต่มีธรรมชาติของมันเป็นอย่างงั้นเอง เป็นคนมีจรรยาบรรณที่ดี อืม รักษาสมบัติของตัวเอาไว้ได้ ไม่โกรธให้ใคร ไม่ด่าให้ใคร ไม่ว่าใคร ทั้งนี้ตีแม่หรือด่าต่างๆ นานาก็ไม่ด่า ด่าไปทำไม ด่าไปมันก็ไม่เป็นไปตามนั้นหรอก เห็นว่าให้อภัยซึ่งกันและกันดีกว่า ดีกว่าผูกโกรธหาความโกรธมาใส่ตัว สร้างผิวพรรณให้ตัวเอง ไม่น่าดูเลย หน้าดำคร่ำเครียด เออ เป็นอย่างงี้

บางคนยากจนข้นแค้น อันนั้นก็เป็นความตระหนี่ถี่เหนียว ความตระหนี่ถี่เหนียว เหนียวแน่นหวงแหน ไม่ค่อยจับค่อยจ่าย ไม่ค่อยเลี้ยงดูพี่ป้าน้าอาที่ไหนเลย เป็นคนเห็นแก่ตัวจัด อ้า แม้แต่คนอื่นมาบอกบุญ ทำอะไรกันนี้ ยังไปว่าเขาอีก เออ ยังไปว่าเขาต่อไปอีก ไปบอกเขาทำไม เออ ตัวเองรวยก็จงทำไปเถอะ อืม ว่าไปนู้น ไม่ต้องให้ผู้อื่นเดือดร้อนอย่างงั้นอย่างงี้ เปล่าหรอก การที่บอกบุญสุนทาน ให้กันและกันนี้เป็นคนใจกว้าง เป็นคนใจไม่คับแคบ เป็นคนใจกว้าง มี

 

เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

 

อยู่ในนั้นพร้อมเสร็จ เนี่ยจึง.. จึงเป็นคนใจกว้างใจขวางขึ้นมา ไม่คับแคบ อ้า ไม่เห็นแก่ตัว ไม่เก็บ ไม่กำ ไม่กอบ ไม่โกย ไม่โกง ไม่กินใครเลย ซึ่งมันผิดศีลผิดธรรมด้วย ผิดธรรมะคำสอนของพระพุทธเจ้าด้วย เพราะฉะนั้นคนเกิดมาเป็นตระกูลยากจนข้นแค้น เห็นแก่ได้ทรัพย์ อับปัญญา ไม่มีปัญญา เห็นเขาทำก็นึกหมั่นไส้อยู่เฉยๆ ไม่คิดจะสาธุ ยินดีปรีดาปราโมทย์ อ่ะ โมทนาสาธุการด้วย ถึงตัวไม่ได้ทำก็ต้องโมทนาสาธุด้วย ไปทอดกฐิน ผ้าป่า หากฐินอะไรสร้างอันนั้นอันนี้ สาธุอยู่ในใจ เออ เรียกว่าโมทนาส่วนบุญ เราก็ได้บุญเหมือนกันถึงไม่ได้ทำ แต่ว่าไม่มีใจอิจฉาริษยาอาฆาตอย่างหนึ่งอย่างใด มีใจเผยแผ่มากว้างขวางอยู่อย่างนั้น ใจกว้างใจขวางอยู่อย่างนั้น เป็น

 

นิสสะยะปัจจัย

 

ติดตามตนไปทุกภพ ทุกชาติ พระพุทธเจ้าสร้างบารมีมาเท่าไหร่ ทำบุญทำทานมาเท่าไหร่ชาติ ๔ อสงไขยกำไรแสนมหากัป เออ เกิดจากไหน เออ ภพไหนก็ตาม เกิดในตระกูลสูงสุด ตระกูลต่ำก็ตาม มีใจโมทนาสาธุการกับผู้อื่นเขาอยู่อย่างนั้น ไม่อิจฉา ไม่ตาร้อนผู้หนึ่งผู้ใดเลย โมทนาด้วยความจริงใจ ถ้าโมทนาแล้วตัวเองก็ได้ ได้ส่วนบุญเหมือนกัน เออ

การอิจฉาริษยา หาเรื่องกลั่นแกล้งกันต่างๆ นานา เขาไม่ผิดก็หาเรื่องเขาใส่ให้เขาผิด เขาถูกอยู่ขนาดไหนก็ยังไม่โมทนา ยังหาเรื่องอิจฉาเขาอยู่อย่างงั้น ถ้าใจอย่างงั้นเรียกว่า ใจริษยา หาเรื่องอิจฉาผู้อื่น อ้า ทำให้ตนเกิดในตระกูลต่ำ เออ แล้วก็ผิวดำ ไม่ขาวกับเขาล่ะ อืม บางคนก็เกิดโรคต่างๆ นานา ของเขาหาย แต่ของเราไม่หายเลย เขากินยาอะไรก็ถูกไปหมด ดีไปหมด อ้า เพราะว่าเขาประพฤติดี เขาประพฤติดี ไม่อิจฉาตาร้อน ผู้ใดให้..(เสียงไอ) สาธุไปหมดทุกคน

(เสียงไอ) ก็บอกว่าไม่ต้องอาย(ไอ) ไม่ต้องอาย(ไอ) คนกันเอง ยังอาย(ไอ)ได้อยู่ ไม่ต้องอายกันหรอกกับคนอื่นที่มาที่นี่ก็ เป็นญาติเป็นโยม ผู้มีศรัทธาในพระพุทธศาสนากันทั้งนั้น พอใจที่จะประพฤติปฏิบัติตนตามคำสั่งคำสอนของพระพุทธเจ้า แอ้ ถ้าอยากสวย อยากงาม หน้าตาสะสวย ผิวพรรณผุดผ่อง ก็อย่าเป็นคนขี้โกรธ เพิ่นว่าอย่างงี้นะ อย่าเป็นคนขี้โกรธ อย่าผูกโกรธ อย่าอาฆาตมาดร้ายผู้อื่นเขา อ้า อย่าแช่งชักหักกระดูกผู้อื่นเขา อ้า เฉยๆ เอาใจเฉยๆ ไว้ เฉยไว้ก็ดีเอง แต่ว่างานการของหมู่ของพวก เอาใจใส่เป็นพิเศษ เอาใจใส่ เอาใจช่วยเป็นพิเศษ มีงานอะไรเกิดขึ้นทางบ้านบ้าง จะทำบุญบ้านบ้าง ทำบุญผ้าป่ามหากฐินอะไรบ้าง อ้ามีความยินดีปรีดาปราโมทย์ เออ ใจเราก็โชติช่วงชัชวาล ยิ้มแย้มแจ่มใสเบิกบานร่าเริง ไม่ใจฮอม(ระทมใจจนเหี่ยวแห้ง) ใจตรอม อ้า ไม่ใจฮอม(ระทมใจจนเหี่ยวแห้ง) ใจตรอม ใจคับแคบ ทำใจให้กว้างเอาไว้ เออ จึงสามารถไปเกิดในตระกูลสูงได้ ถ้าอิจฉาริษยาพยาบาท อาฆาต จองเวรคนโน้นคนนี้ ไปเกิดในตระกูลสูงกับเขาไม่ได้ ไปเกิดเป็นคนต่ำๆ พู้น(โน้น)ล่ะ เป็นคนเลว ต่ำๆ เลวทรามต่ำช้า เป็นคนยากคนจนด้วย เพราะไม่มี กุศลจิต ไม่ยินดีปรีดาปราโมทย์ในการทำบุญทำทาน ไม่โมทนาสาธุการด้วย อ้า

อย่างนั้นก็เรียกว่าตัดลาภสักการะของตัวเอง ซึ่งควรที่จะได้กับเขาบ้าง ก็เลยไม่ได้ทำกับเขาเลย พาอิจฉา พาความอิจฉาริษยา พยาบาทอาฆาต เอ้ย ไปเล่นอะไรก็เอารัดเอาเปรียบหมู่อย่างงั้นน่ะ เอาไก่ไปชนกัน ก็ เอออยากชนะเขาจนเกินไป เอาไม้ไปจิ้มตา หรือเอาอะไรจิ้มตาไก่เขานะ ให้มันตาบอดข้างหนึ่งนะทำนองนี้ เออ แล้วมันจะแพ้เขาเหล่านี้ หลายอย่างเรื่องอิจฉาริษยาเนี่ย ไม่ควรจะเอามาใช้สำหรับพวกเราผู้ถือพระพุทธศาสนา ถือตามคำสั่งคำสอนของพระพุทธเจ้าเพิ่นกล่าวไว้ ให้ละเว้นเวรกรรมทั้งหลาย เออ อาฆาตมาดร้ายอย่าให้มีในหัวใจ ให้กว้าง เอาไว้ ใจกว้างใจขวางจึงเกิดเป็นเศรษฐีมีมั่ง นั่งกินนั่งทาน

 

เป็นคนใจกว้างใจขวาง อย่าเป็นคนคับแคบ ถ้าคนคับแคบแล้วจัดงานจัดการอะไรเกิดขึ้น ไม่มีใครไปเหลียวแลเลย ไม่มีใครเอาใจใส่ช่วยเหลือเลย อย่างนี้ก็มีเราอยากจะเป็นอย่างงั้นหรือ เราอยากจะเป็นอย่างงั้นเราก็สร้างเอาสิปะเนี่ย ตาให้คับให้แคบเข้า ให้เป็นคนคับแคบเข้า อ้า ขี้ตระหนี่ถี่เหนียว เหนียวแน่นหวงแหน อ้า แล้วก็อิจฉาริษยาด้วย อาฆาตมาดร้ายด้วย จองเวรจองกรรมผู้อื่นด้วย อย่างนี้ไม่ดีเลยเออเนาะ(นะ)ไม่ดี สำหรับเราต้องการความเจริญ ขอโภคสมบัติ จงมีแด่ข้าพเจ้าในความเป็นธรรมทุกอย่างเลยแน่ะ เออ เกิดมั่งมีศรีสุข เจริญรุ่งเรือง ค้าขายหงายมือก็ได้กำไรมหาศาล อ้า เป็นอย่างนั้น

ถ้าใจคับแคบแล้ว ไม่มีใครเหลียวแลล่ะ แอ้เฮ้อ ไม่มีใครเหลียวใครแลเท่าไหร่ เชิญชวนยังไงๆ ก็ไม่มีใครดูแล ไม่มีใครยินดีด้วย โอ้ย ทำแต่บุญๆ อยู่นั่นแหละเขาก็ว่าเขาไปงั้นแหละ เห็นเขามาเชิญชวนเพื่อสร้างบุญสร้างกุศลเหล่านั้นอันนี้ ก็ไปดูถูกเขาอีก อย่างนี้ไม่ถูกต้อง ถ้าอยากให้ถูก ถูกต้อง ต้องยินดีปรีดาปราโมทย์โชติช่วงชัชวาล อย่าอิจฉาตาร้อน โมทนาสาธุการด้วย ถ้าทำดีแล้วโมทนาทุกอย่างไป

แม้แต่เอาปลาไปปล่อยก็ยังสาธุ แม้ เออ เอานกไปปล่อยก็ยังสาธุ เออ อยู่อย่างงั้น เคยเห็นไหม เคยเห็นในหลวง เออ ไปปล่อยปลาแต่ละครั้งไหม อ้า ราชธิดา ราชบุตร ราชธิดาก็ทำตาม ตัดเชือกให้มันไหล ลงในหนอง ไหลๆๆๆๆๆๆ เสียก่อน เออ เออ ไม่มีตัวไหน ยินร้ายนี่ อาฆาตพยาบาทเลย มีแต่ที่ ดีอกดีใจหลายนี่ ว่าเป็นเสรีภาพแล้ว ดีอกดีใจหลาย ปล่อยปู ปล่อยปลา ปล่อยนก อะไรทำนองนี้ อย่านึกถือ อย่าถือว่าเป็นของต่ำๆ เป็นของสูง นก หนู ปู ที่เมื่อได้รับความเสรีภาพเต็มที่ เออ โมทนาสาธุ

อันนี้หลวงปู่เคยไปปล่อยปลากับหลวงตานู หลวงตานู เพิ่นก็มาบวชอยู่ด้วย แกให้ไปจำพรรษาอยู่บ้าน อ้า หนองบัว โน่น ลูกสาวเพิ่น เคยบวชเป็นชีมา ไปซื้อปลาตัวใหญ่ๆ มาขังไว้ ขังไว้หม้อหนึ่ง เพิ่นก็เดินไป หลวงตานูเพิ่นก็เดินไป ไป เสียงมันดัง ครึกๆ เอ้ เสียงแปลกๆ อย่างนี้ มันแปลก เพิ่นเอาหยั่งมาขังไว้เน้อ ไปดู ไปดูล่ะ อาจารย์ๆ ไปเบิ่ง(ดู)อันนี้น่ะ มัน เอาอะไรมาขังไว้ดังครึกๆ สมมติว่าเราเอาไปปล่อยจะบาปไหม โอ้ย ไม่บาปหรอก อ้า เขาก็ได้บุญด้วยถ้าเขาโมทนา ผู้เขาซื้อมา เขาก็จะได้บุญด้วย เอาเลยหลวง หลวงตาเอาเลย มีอยู่ในครุ(ภาชนะสาน ใช้ตักน้ำ)ถัง เออ เอาปลาใส่ครุ(ภาชนะสาน ใช้ตักน้ำ)ถัง ไปกี่ตัว มันมีเท่าไหร่เอาหมดล่ะ เทออกหมดล่ะ เทไปก็ลงปืด ก็ลงสระน้ำ ฝายบ้านหนองบัว วัดป่าบ้านหนองบัว ลงไปโน้น ลงไปตามสะพานลงไป ลึกๆ นู้นล่ะ

เอ้า อโหสิกันเด้อปะเนี่ย ให้ ให้ปล่อยแล้ว เออ ปลาตัวนั้นก็ปรากฏว่ามันรู้จักภาษาอยู่ ก็ปลาตัวนั้นมันเหมือนๆ เขา ตามันแดงหรือว่ามันร้องไห้ก็ไม่รู้ ตามันแดง มองดู มัน มันตาแดงอยู่ ได้รับกักขังมานานหรือยังไง พอเอาไปปล่อยเท่านั้นล่ะ ปล่อยลงน้ำแล้ว ไม่ได้ไปเลยนะ ปล่อยลงน้ำ กลับคืนมาซะก่อน กลับคืนมาหาผู้ปล่อยเสียก่อน แล้วก็ผงกหัว มาผงกหัว อ้า เรียกว่าดีอกดีใจหลายที่มาปล่อยให้ คิดว่าอย่างนั้นนะ ไปซะ ไปซะ ไปซะ ไม่ต้องนั่นหรอก ไม่ ให้อภัยแล้วทุกอย่าง เออ ก็มันปลาขี้ป่วย เออ คึก ดีใจหลาย โดดครึม ไปเลย ไป.. ลงหนองใหญ่ๆ กว้างๆ นู้นแหละ หนองบ้านหนองบัวเนี่ย ตามบ้านหนองบัว

มีอีกครั้งหนึ่ง พวกนกทั้งหลายก็เหมือนกัน ถ้าเอาไปปล่อย เอานกไปปล่อยเว้ยเนี่ย บอกเขาซะ ไม่มีเวรไม่มีภัยกันนะ บัดนี้นะ อ้า อโหสิแล้ว ให้อโหสิแล้ว ให้อภัยแก่กันและกันน่ะ เออ ไปดีมาดีนะ ปล่อยออกจากกรงแล้ว บินไปสักพักหนึ่ง กลับคืนมา มาบินแป๊บๆๆๆๆๆ หันหน้ามาโมทนาหรือยังไงอ่ะเนี่ย…ไปๆๆ ไปได้แล้ว ไปได้แล้ว ไม่ได้หรอกมันจะไม่ทันหมู่เขา เออ ไปได้แล้วหมู่เขา แน่ะ เขาดีใจ ถ้าได้รับการปลดปล่อยอย่างงั้น เขาดีใจหลาย เออ

ถ้าเป็นใจมนุษย์เราก็เรียกว่า โมทนาสาธุน่ะ มีความปลื้มอกปลื้มใจ ชีวิตรอดคราวนี้เพราะคนคนนี้ มันจึงลอยพอกลับถึงบ้านมองหน้าซะก่อน เออ ดูสิอาจารย์ อาจารย์ดูสิ มัน มัน มันเห็น มันไม่ไป มันลอยกลับคืนมา เออ มันมาโมทนาส่วนบุญที่เราให้อภัยแก่มันเน้อก็เออ แอ้ ทำอะไรทำด้วยใจจริงๆ อย่า อ้า ปากว่าตาขยิบ ไม่ใช่อย่างนั้น ต้องให้อภัยจริงๆ ในใจเราจริงๆ ให้อภัยจริงๆ ปล่อยนก ปล่อยปลา ปล่อยกบ ปล่อยเขียดก็เหมือนกัน อ้า เอาลงไปปล่อยที่น้ำแล้วยังลอยกลับคืนมา อ้า มาสวัสดีซะก่อนหรือยังไงเหรอ นั่น นั่นๆ นั่นก็มีเขาไปปล่อยอยู่ ปล่อยกบก็เหมือนกัน ลักษณะเดียวกัน เขาดีอกดีใจ

เพียงแต่ว่าเขาหักขาหรือเปล่า ถ้าเขาหักขา เขาจะลำบากลำบนอยู่ต่อไปล่ะ แอ้ ถ้าปล่อยด้วยความเมตตาปรานีจริงๆ ได้บุญจริงๆ

 

อะยัมภะทันตา

 

เออ ในชาตินี้เสียด้วย หลวงปู่เคย เออ ตั้งแต่เป็นโยมนู้นหรอก แต่เป็นโยมก็เคย ก็เคยทรมานสัตว์ เออ เคยขังสัตว์ไว้ มานี่มาเจ็บป่วยเข้าโรงพยาบาล ถูกผ่าตัดท้องเนี่ย ผ่าตัดท้องเออลำไส้มันปีนกันหรือไง ก็เขาเย็บให้ดีแล้ว ดีแล้ว กินข้าวได้สบายแล้ว อ้า ได้นิมิตกบตัวนั้นน่ะ กบตัวใหญ่ๆ น่ะ มานั่งอ๊บๆๆๆ อยู่ มานั่งอ๊บๆ เออ เห็นแล้วรู้แล้วว่า เรารู้แล้วล่ะ อ้า แต่ก่อนไม่ได้รู้จักอะไร ฆ่าทุกสิ่งทุกอย่าง ผ่าท้องทุกสิ่งทุกอย่าง หักขาเขาทุกอย่าง แต่ก่อน แต่เดี๋ยวนี้บวชมาแล้ว ๒๐ กว่าปีแล้ว ๓๐ กว่าปีแล้ว ให้อภัยแก่สัตว์อื่นทุกอย่างล่ะ เพราะฉะนั้นจงโมทนาเอาเด้อเพิ่นเนาะ(นะ) อ้า บอกกบตัวนั่นน่ะ ตัว ตัว มัน มันมานั่งก็ทำ อ๊บๆๆๆ อยู่อย่างงั้นหรอก ทำปาก อ๊บๆๆ มันถึงจะร้องเอ่ย โมทนาเอาเด้อ เออ ก้มหัวลง ก้มหัว เงยคอขึ้นมา แต่ว่ามันทำบ๊ายบาย(bye bye ลาก่อน)ไม่เป็นนะ มันทำบ๊ายบาย(bye bye ลาก่อน)ไม่เป็น ทีนี่ก้มหัวลงรับเท่านั้นแหละ ต่อจากนั้นมาเลยดีวันดีคืนมา ท้องก็หาย เออ ที่ผ่ามาแล้วแผลก็หายดี

เออนั่น เรียกว่า จิตของสัตว์มีความสำนึกรู้สึกบาปบุญคุณโทษ รู้สึกดีชั่ว รู้สึกเหมือนกันว่ารู้สึกเหมือนกัน พวกเป็ดพวกไก่เราเคยที่ทรมานเขาอย่างไรล่ะเลย ตั้งใจเมตตาอโหสิให้เขาบ้างเด้อ สำหรับผู้มีศีล มีธรรมอยู่แล้วไม่ต้องห่วง ไม่ไปเอาสัตว์เป็นๆ มาทุบหัว ไม่ได้เคยหักแข้งหักขาเขาหรอก อ้า มีเมตตาปรานีอยู่อย่างนั้น อย่า อย่าไปกระทำเช่นนั้น อ้า มันเกิดอุบัติเหตุอันนั้นอันนี้มา ขาหัก แขนหักก็มี เออ เพราะว่าเคยได้เบียดเบียนเขามาแต่ปางก่อนน่ะ ให้อโหสิกันซะ ให้อโหสิกันซะ ถ้าเป็นอย่างงั้น ให้อโหสิ อย่าไปถือโทษโกรธกันเลย เนี่ย เมื่อพรรณนามาแล้วเพิ่นก็ว่าไป บุญสูง ตระกูลต่ำ ผิวดำ ผิวขาว อ้า มีโรคมาก มีโรคน้อยต่างกัน บางคนไม่มีโรคเอาเสียเลยก็มี เพราะไม่เคยเบียดเบียนสัตว์

เพราะฉะนั้นเราก็ต้องเอาอันนี้ล่ะจริงกว่า พวกเราเป็นชาวพุทธ เออ อย่าหาเรื่อง เออ เป็นเวรเป็นกรรมกับสัตว์อื่นอีกต่อไป ให้เมตตาจริงๆ เมตตาจริงๆ เออ เคยปล่อยนก ปล่อยอะไรมันก็บินวนเวียน กลับคืนมาสั่งอีก เออ พอมันไปแล้ว มันก็บินไปแล้ว มันก็บิน บินกลับคืนว่า หันหน้ามาสั่งเหมือนกัน เออ วันนี้ปลอดภัยๆ เออ แอ้ เขาจะมีความดีใจอยู่ เออ ปลื้มใจแล้วจ๊ะ ได้ปล่อยอย่างงี้

 

เพราะฉะนั้นในหลวงท่าน เห็นว่าการปล่อยสัตว์ ให้อภัยแก่สัตว์อื่นนี้ เป็นบุญเป็นกุศลอันหนึ่ง อ้า ควรทำบ่อยๆ บอกลูกบอกหลานให้ทำบ่อยๆ อ้า แผ่เมตตาบ่อยๆ ให้แก่เพื่อน เท่านั้นเพื่อนร่วมโลก ประเทศ อ้า พม่า น้ำท่วมบ้านเมืองไม่มีที่อยู่ที่อาศัย ภูเขาพังถล่มทลายมาปีนั้น ในหลวงท่านสั่งว่า โอ้ สงสารเขาเน้อ ไม่มีที่อยู่ที่อาศัย ข้าวปลาอาหารก็ลอยไปกับน้ำหมด ไม่มีกินอะไร เพราะฉะนั้นเพิ่นจัดตั้งกองทุนมูลนิธิขึ้นไว้ให้ แล้วเอาของเหล่านี้ไปส่งพม่าให้หน่อยนะ ไปส่งพม่าให้ถึงมือนายกฯ เขานะ อ้า สมัยนั้น สมัคร สุนทรเวช เป็นผู้แทนใหม่ๆ รับอาสาไป ไปส่งเอง

ไปทาง ทางรถ ไม่ได้ไปทางเครื่องบิน เอารถยนต์ไป ออกทางเชียงรายไปทางนี้ล่ะ ออกไปเชียงรายเชียงตุงไปทางนี้ล่ะ เออ ไปแล้วเข้าในบ้านในเมือง เขาก็ตกใจอ่ะ

พม่า โอ้ มากันหลายอย่างงี้ มายังไงกันหนอ แล้วแจ้งความจำนงมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลเป็นห่วงพี่น้อง เออ ชาวพม่า บ้านใกล้เรือนเคียงกัน ได้รับความกระทบกระเทือนอย่างหนัก เออ บ้านที่พักพาอาศัยพัก พังไปหมด ก็ได้ใช้ให้ ข้าพเจ้า เออ ได้เป็นผู้แทน ได้เป็นนายกรัฐมนตรีใหม่ๆ อยู่สมัยหนึ่ง ให้ข้าพเจ้านำของเหล่านี้ กี่คันรถบัสอ่ะ กี่คันรถแบคโฮล่ะ กี่ตู้ รถตั้ง ๕ ตู้ ๖ ตู้ หลายตู้เวอะ รถน้อยๆ ก็ติดตามไปหลายอยู่ นี่ เอาของนี่มา มอบให้พี่น้องที่ได้รับกระทบกระเทือน อ้า ในการแผ่นดินไหวหรือภูเขาถล่ม ตาย เสียหายร้ายแรง ผู้ตายก็มี เพราะฉะนั้นขอรับของขวัญนี้จากในหลวงท่าน ท่านนึกถึงพี่น้องพม่าลำบาก จึงได้สั่งให้ข้าพเจ้านำของเหล่านี้มาช่วย อันนี้ครั้งหนึ่งล่ะ อ้า

นายกฯ ของพม่า เป็นรัฐมนตรีหรือเป็นประธานาธิบดีแล้ว น้ำตาพัง(ไหลพราก) น้ำตาพัง(ไหลพราก) เอ้า โอ้ เสียแรง ประกาศต่อหมู่ เสียแรงเราเป็นข้าศึกกันมา เป็นศัตรูกันมานับสมัยไม่ถ้วน บัดนี้เราเลิกแล้ว เราจะไม่เป็นศัตรูกับในหลวงแล้ว เออ ไม่เอาแล้ว เออ การรบทัพจับศึกอะไรก็เลิกกันแล้ว ไหมล่ะ พี่น้องทั้งหลายฟังนะ เออ ข้าพเจ้าขอพูดด้วยความจริงใจ เลิกจองเวรจองกรรมกับประเทศไทยแล้ว เออ นี่คราวหนึ่ง

ประเทศญี่ปุ่นนี้ ได้รับความอนุเคราะห์จากในหลวง เพื่อตั้งกองทุนมูลนิธิไว้ให้ด้วย เออ ประเทศญี่ปุ่น อ่ะได้สงเคราะห์น้อยไปหน่อย เออ ได้ตั้งกองทุนมูลนิธิไว้ให้นี่ มันช่วยประเทศญี่ปุ่น ตั้งกองทุนมูลนิธิคอยช่วยประเทศญี่ปุ่น แต่มันดันนายกฯ ยัง เออ ยังอยากจะขอแบ่ง ขอแบ่งกองทุนมูลนิธินั้น เอาไว้เป็นส่วนตัวหรือเป็นไร จะว่าพัฒนาอะไร เอาล่ะอันนี้ให้เขาไว้แล้ว ให้เขาไปแล้ว ให้เขาไปแล้ว ตั้งกองทุนไว้ให้เขาแล้ว อย่ามาแบ่งเลยนะ เออ เออ

พู้น(โน้น)ประเทศเฮติพู้น(โน้น)นี้ แผ่นดินถล่มไถลอีก บ้านเมืองไม่มีที่อยู่ที่อาศัยอีก ที่อยู่ที่กินก็ไม่มี ที่นั่งที่นอนก็ไม่มี แผ่นดินถล่มพังมากมาย ในหลวงก็ประกาศ ทหารช่างทั้งหลาย ผู้ใดเป็นทหารช่าง พอจะซ่อมบ้านแต่งเมืองให้เขาอยู่อาศัยได้ อ้า แล้วปูสะพานไปก่อน ใครจะ มีใจสมัครจะไป ทหารยกมือกันหมดเลย ยกมือกัน ไปประเทศเฮติ อ่ะ เอ้า เอาคัดเลือกเอาคนที่จะเบิ่ง(ดู)สำคัญ เพิ่นเป็นนายช่างอยู่ ให้นำสิ่งของไปช่วยเขาหน่อย เขาลำบากจริงๆ ไม่มีที่อยู่ที่อาศัย อาหารการกินก็ลำบากยากแค้นจริงๆ ประเทศเฮติเนี่ย เนี่ย

อีกหนึ่งประเทศจีนก็เคยส่งไปให้ ส่งไปให้ นั่นในหลวงท่านก็เป็นอยู่ บ้านเมืองของเราก็ยากจนอยู่เหมือนกัน แต่น้ำใจของท่าน น้ำพระทัยของท่านประเสริฐขนาดนั้น ไม่เคยถือโทษโกรธเคืองใครเลย ใครจะไปโทษ แม้โกรธกับเรา เป็นเจ้าเวรเจ้ากรรมกับเราก็ตามใจเพิ่นว่า เราขอได้ทำ พอใจอย่างนั้น

เพราะฉะนั้นเมืองไทยเรา ถึงว่ามีพระเจ้าแผ่นดินน้ำใจเป็นพระ น้ำใจมีเมตตาสูง สงเคราะห์สงหาพี่น้อง บ้านใกล้เรือนเคียงกัน อ้า ประเทศพม่า ประเทศเขมร ประเทศอะไรเหล่านี้ก็เหมือนกัน ท่านไม่เป็นศัตรูกับใคร เออ ท่านเป็น เป็นมิตรเท่านั้น ไม่ได้เป็นศัตรูกับใคร ใครเป็นถ้อยเป็นความกันและกันอะไรๆ เนี่ย ให้เลิกกันซะ อย่ายุ่งกัน อ้า แต่อยู่รวมกันอย่างเป็นสุขกันดีกว่า อ้า

 

อัพ๎ยาปัชฌัง สุขัง โลเก

 

เออ ความไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกันเป็นความสุขอย่างยิ่ง เพิ่นว่าอย่างงี้ อ้า นี่เราก็จะถือแบบตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้านั่นแหละ อ่ะ

พวกเราก็เหมือนกัน อยู่จังหวัดสุพรรณฯ ถึงคนละอำเภอก็ตาม อยู่จังหวัดเดียวกันก็ดูแลกัน อ้า เอาในหลวงเป็นตัวอย่าง แอ้ ดูแล ไม่ใช่แต่สมัยนี้เท่านั้น

สมัยรัชกาลที่ ๕ เออ ท่านยังอุตส่าห์ไปเที่ยวยุโรป ไปเห็นบ้านเขา ประเทศยุโรปมีรถฟืนรถไฟวิ่งขวักไขว่ไปมา ท่านก็ตั้งใจไว้ รัชกาลที่ ๕ พระปิยมหาราชไปเห็นแล้ว อ๋อ บ้านเขาสะดวกสบายอย่างงี้ กลับไปทีนี้เราจะเอารถไฟไปวิ่งเมืองไทยให้ได้ เออ มาเอาจริงๆ พอกลับไป ไปจากประ.. ประพาสประเทศยุโรป กลับมาแล้วก็ ตั้งกองทุนขึ้นจะนำรถไฟมาวิ่งในเมืองไทยให้ได้ เออ ทำยังไงเราไม่ใช่บ้านเศรษฐีอะไรหรอก แต่ว่าเรามีหัว นักโทษที่เขาติดเหลือ ติดเรือนจำ ติดห้องขังมาเป็นเวลานาน และก็สิ้นอายุขัยเพิ่นล่ะ เออ จะลดโทษให้เขา ถ้าเขาช่วย เออ มาเป็นเจ้าภาพ เออ หามดิน ใส่ทางรถไฟ หาไม้หมอนอะไรมา เอาวางทางรถไฟ เวลาทำทางเสร็จแล้วเรียบร้อย ผ่านราชสีมานี่ ดงพญาเย็นนี่ ลำบากเหลือเกิน

แต่ท่านมีพระปรีชาฉลาดมากเลย แผ่นดินนี้ไม่ใช่แผ่นดิน ของใคร แผ่นดินของเรา เราเป็นพระเจ้าแผ่นดินเอง ทั้งรูปของเรา รูปในหลวงนี่ นี่ เอาไปติดตามทางไปเรื่อยๆ มันผ่าน ไม่ ไม่ไหว อันนี้เจ้าของแผ่นดิน เพิ่นมาแล้วนี้ เพิ่นสั่งว่าให้ทำได้ อ้า แต่ก่อนก็ตัดต้นไม้ใหญ่ก็ไม่ได้ เออ ผีมันดุ เนาะ(นะ) แต่ที่จริงไม่ใช่ผีดุหรอก ยุงมันชุม เออ ไข้มาเลเรียมันกิน แล้วก็พากันเจ็บป่วยอยู่ในดง พากันตายในดงก็มี เพิ่นก็เอารูปอันนี้ ผู้เป็นผู้สั่งให้ทำทางรถไฟจากกรุงเทพฯ ตั้งต้นที่หัวลำโพงขึ้นไปทางอีสานขึ้นไปทางเชียงใหม่ เออ ลำปางไปนู้นล่ะ ทางตะวันออก ต่อไปทางปักษ์ใต้จนถึงปาดังเบซาร์ โครงการเพิ่นล่ะ... นักโทษทั้งหลาย ช่วยกัน เป็นเรี่ยวเป็นแรง เสียสละ อ้า กำลังของตัว เขาจะลดโทษให้ตามสมควรแก่การงานที่ ที่ได้ติดคุกติดตะรางอ่ะน่ะ แอ้ นี่เป็นปัญญาของ อ้า พระเจ้าแผ่นดินท่านคิดออก ทางรถไฟก็จะให้มีในเมืองไทย ไฟฟ้าในเมืองไทยยังไม่เจริญ ก็จะนำไฟฟ้ามาเข้า อ้า เป็นบางจังหวัดเรื่อยๆ ไป ให้มันทั่วถึงทางรถยนต์ ทางรถไฟ ให้มันสะดวกๆ แน่ะ หัวใจท่านพัฒนา ท่านต้องเป็นอย่างงั้น ต้องการให้ไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินอยู่ดีกินดี ไม่ได้ให้เดือดร้อน เออ

แม้ตั้งแต่ คนไปเป็นหนี้เป็นสินเขาแล้ว ไปข้าเขา เป็นขี้ข้าเขา อยู่มาหลายชั่วคนแล้ว ก็ยังไม่มีเงินใช้หนี้เขาเลย เพิ่นก็เลยมาออกเงินค่าไถ่ ค่าไถ่หนี้ให้ ค่าทาส ทาสที่ติดหนี้ติดสินเขา มีกี่คนๆ มีกี่ตระกูลๆ เพิ่นไถ่ออกหมด ไถ่ออกหมด ไถ่เอาคนติดโทษทั้งหลายอ่ะ ก็ยังอำนวย อยู่ในอนุสาวรีย์เห็นไหม เห็นนักโทษที่ปล่อยออกไหม นั่นล่ะเพิ่นเอาใส่อนุสาวรีย์ไว้เป็นอนุสรณ์ อ้า ไถ่โทษให้แล้ว ไม่ต้องไป ไปประพฤติปฏิบัติตนผิดศีล ผิดธรรมกฎหมายบ้านเมือง มีไว้สำหรับปกครองคนดี

เพราะฉะนั้นขอให้ประชาชนทั้งหลายจงเป็นคนดี อย่าเอาคนชั่วมาใช้ อย่าเอาความชั่วมาก่อความเดือดร้อนให้แก่บ้านเมืองของตนอีกเลย อืม เพิ่นขอในเวลานั้น เพิ่นก็เสียเงินค่า อ้า ไถ่ถอน อ้า นักโทษจำคุกตลอดชีวิตก็มีหรือถูกประหารชีวิตก็มี ไถ่เอาจนหมด เออนั่น เรียกว่า ปล่อยนักโทษทั้งหลายนั่นก็เป็นการไถ่โทษกัน ทำให้เหมือนกัน

เพราะฉะนั้นเรามีเสรีประชาธิปไตยเต็มที่แล้ว อ้า อย่าเกี่ยงงอนกัน อย่าทะเลาะวิวาทบาดถลุงซึ่งกันและกัน หันหน้าเข้าหากัน พึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน อ้า ให้มันเหมือน เออ อดีตพระเจ้าอยู่หัว อ้า เป็น เป็นพระเจ้าแผ่นดินเหรอท่านเป็น ทำเป็นตัวอย่างให้พวกเราแล้ว พวกเราก็ยึดเอาข้อปฏิบัติของท่านเหล่านั้นมาใช้เป็นประโยชน์แก่บ้านเมืองของตัวเอง ให้มันสะดวกสบายทุกอย่าง

 

อัน เมืองอะไรเนี่ย จังหวัดเนี่ย

 

อู่ทอง โอ้ เมืองนี้คงจะรวยนะ อู่ทอง ตั้งเป็นอำเภอได้เลย อันนี้อ่ะ ประวัติของจังหวัดของเราก็ยังมีผู้ช่วยพัฒนาอย่างเต็มที่ ทางรถไฟ ไม่ค่อยผ่าน.. ผ่านไปทางนี้ ไปทางนี้ ออกนี้

เออ อะไรอ่ะ เช็ดน้ำตาเหรอ พูดไปแล้วเห็นความประพฤติ เห็นการกระทำของ อ้า เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินท่านยังเสียสละขนาดนั้น พวกเราเป็นไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินของพระองค์ ก็เป็นนักเสียสละให้มากที่สุดเด้อ ให้มีชื่อเสียงโด่งดัง เออ ในจังหวัดของเรา

 

 

ที่บรรยายมาเป็น ปกิณณกนัย เพื่อต้องการให้ท่าน
ทั้งหลาย ได้นำไปใคร่ครวญพินิจพิจารณาด้วยปัญญาอันชาญฉลาดของตนๆ เองเถิด อัปปมาทธรรม ไม่มีความประมาท ถูกต้องปรองดองกันไปเรื่อยๆ ต่อแต่นั้นก็จะได้ประสบพบเห็นแต่ความสุขความเจริญทั้งทางคดีโลกและทางคดีธรรมทุกประการ รับประทานวิสัชนามา ก็สมควรแก่เวลา เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้

 

ขอให้มีความสุขความเจริญเน้อ

 

กัมมัง วิชชา จะ ธัมโม จะ สีลัง ชีวิตะมุตตะมัง

การงาน ๑ วิชา ๑ ธรรม ๑ ศีล ๑ ชีวิตอันอุดม ๑

 

สุสสูสัง ละภะเต ปัญญัง

ฟังด้วยดี ย่อมได้ปัญญา

 

พรหมวิหาร ๔ (ธรรมเครื่องอยู่อย่างประเสริฐ)

เมตตา(ปรารถนาดี ให้มีสุข) กรุณา(สงสาร ให้พ้นทุกข์)

มุทิตา(ยินดี เมื่อผู้อื่นมีสุข) อุเบกขา(วางใจ เป็นกลาง)

 

นิสสะยะปัจจัย

ปัจจัยโดยเป็นที่อาศัย

 

อัพ๎ยาปัชฌัง สุขัง โลเก

ความไม่เบียดเบียน เป็นสุขในโลก

 

 

อะยัมภะทันตา

ท่านผู้เจริญทั้งหลาย

(บางแห่งใช้หมายถึง ทำแล้วได้รับผล ทันตาเห็น)

 

 

คำให้ไตรสรณคมน์ และ สิกขาบท ๕

 

นมัสการ

 

นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ

นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ

นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ

 

สรณคมน์

 

พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ

ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ

สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ

ทุติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ

ทุติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ

ทุติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ

ตะติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ

ตะติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ

ตะติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ

 

ติสะระณะคะมะนัง นิฏฐิตัง

ถึงแก่สรณะแล้ว

 

สิกขาบท ๕

 

ปาณาติปาตา เวระมะณี

สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ

เว้นจากการฆ่า เบียดเบียนสัตว์อื่น

 

อะทินนาทานา เวระมะณี

สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ

เว้นจากการถือเอาของที่เขามิได้ให้ ด้วยอาการแห่งขโมย

 

กาเมสุ มิจฉาจารา เวระมะณี

สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ

เว้นจากการประพฤติผิดในกาม ผิดลูกผิดเมียผู้อื่น

 

มุสาวาทา เวระมะณี

สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ

เว้นจากการพูดเท็จ พูดส่อเสียด พูดคำหยาบ พูดเพ้อเจ้อ

 

สุราเมระยะมัชชะปะมาทัฏฐานา เวระมะณี

สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ

เว้นจากของเมา คือ สุราอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท