หลวงปู่ท่อน ญาณธโร

วันจันทร์ที่ ๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ เวลา ๑๖.๐๐ น.

ณ บ้านโยม ลาดกระบัง

เอาล่ะ ได้อยู่ อิมินา สักกาเรนะ ว่าพร้อมกัน

 

(หลวงปู่กล่าวนำ)

 

อิมินา สักกาเรนะ ตัง พุทธัง อะภิปูชะยามะ

อิมินา สักกาเรนะ ตัง ธัมมัง อะภิปูชะยามะ

อิมินา สักกาเรนะ ตัง สังฆัง อะภิปูชะยามะ

 

ก็ไหว้พระโดยย่อซะก่อน

อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา,

พุทธัง ภะคะวันตัง อะภิวาเทมิ

(กราบ)

 

ส๎วากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม,

ธัมมัง นะมัสสามิ

(กราบ)

 

สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ,

สังฆัง นะมามิ

(กราบ)

 

ว่าแล้ว นะโม รับศีลแล้วก็อะไร

 

มะยัง ภันเต, วิสุง วิสุง รักขะณัตถายะ,

ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สีลานิ ยาจามะ

ทุติยัมปิ มะยัง ภันเต, วิสุง วิสุง รักขะณัตถายะ,

ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สีลานิ ยาจามะ

ตะติยัมปิ มะยัง ภันเต, วิสุง วิสุง รักขะณัตถายะ,

ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สีลานิ ยาจามะ

 

โอ้ อ้า ตกลงเราเป็นพิธีกร พิธีกรเลย หึหึหึ นั่น มันเป็นอย่างงั้นแหละ แก่มาแล้วก็ต้องมีเป็น รู้จักพิธีทางศาสนา มีการไหว้พระ มีการอาราธนาศีล เออ มีการถวายทานดำเนินต่อไป มีเทศน์ด้วยเหรอ มีเทศน์ด้วยอ่ะเปล่า

พ๎รัห๎มา จะ โลกา ขึ้น ธิปะตี สะหัมปะติ ขึ้น

 

พ๎รัห๎มา จะ โลกาธิปะตี, สะหัมปะติ,

กัตอัญชะลี อันธิวะรัง อะยาจะถะ,

สันตีธะ สัตตาปปะระชักขะชาติกา,

เทเสตุ ธัมมัง อะนุกัมปิมัง ปะชัง.

 

ถ้าแปลเป็นภาษาไทย ก็อาราธนาแสดงธรรมให้ฟังหน่อย สักเล็กสักน้อย เออ

 

(จัดไมค์) ได้แล้วๆ เออ ได้แล้ว เท่านี้ก็ดังแล้ว

 

ตั้ง ตั้งใจฟังสักเล็กน้อยซะก่อน ธรรมดา คนเราเป็นมนุษย์ ไม่ใช่สัตว์เดรัจฉาน สัตว์ป่าสัตว์ดง มันไม่ได้แค่แต่ปาก สัตว์อยู่ป่าอยู่ดง ยังรู้จักรักษาศีลกันนะ สมัยก่อนโน้น ครั้งพระพุทธเจ้าเสวยชาติเป็นโพธิสัตว์อยู่ รู้จัก โอ้ วันนี้วันพระวันเจ้า พวกเราทั้งหลายต้องรักษาศีล วันนี้รักษาศีลกัน สมาทานศีลกัน เออ แล้วๆๆ ตะกี้นี่ รับศีลไปก่อนยัง หา รับแล้ว อาราธนาศีลแล้ว ให้ศีลไหม อ่ะ เอาๆๆ อาราธนาศีลแล้ว ตั้งนะโม ทำความนอบน้อมต่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก่อน ผู้เป็นเจ้าของพระพุทธศาสนา เราต้องนอบน้อม

 

นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ

นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ

นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ

 

แปลว่า ขอความนอบน้อมของข้าพเจ้า จงมีแด่พระผู้มีพระภาค ผู้เป็นอรหันต์ตรัสรู้ชอบเองพระองค์นั้น แน่ะ...

 

กัมมัง วิชชา จะ ธัมโม จะ สีลัง ชีวิตะมุตตะมัง

 

ฟังเทศน์ซะก่อนน่ะ

 

อิมัสสะ ปะริยายัสสะ อัตโถ

สาธายัสมันเตหิ สักกัจจัง ธัมโม โสตัพโพติ

 

เนี่ย นี่มันเป็นภาษิตที่จะแสดงธรรม ต้องขึ้น นะโม ก่อน ยกภาษิตขึ้นมาซะก่อน เป็นที่อ้างอิงซะก่อนได้ จึงเป็นการแสดงธรรม ธรรมดาแล้วถ้าเราอยู่อย่างไม่มีศีล ไม่มีธรรม ก็ไม่ผิดอะไรกับสัตว์เดรัจฉาน สัตว์เดรัจฉานนั้นเขาไม่มี อ้า บุญคุณอะไรต่อกันมากมายหรอก ที่เลี้ยงลูกได้อยู่ อ้า มีเป็นเป็ด เป็นไก่ เป็นลูกเกิดขึ้นมา ก็ตั้งใจเลี้ยงลูกได้อยู่ คุ้ยเขี่ยหาอาหาร อ้า เท่าที่มันมีมันเจอ เก็บเมล็ดผักหรือพวกเมล็ดไม้บางชนิดกินได้ มันก็เรียกลูกมากิน เออ มีอาหารแล้ว มันจะเรียกลูกของมัน กุ๊กๆๆๆๆๆๆ อืม เขี่ย ตีนก็คุ้ยเขี่ยตามแกลบตามนั้นไป ปากก็เรียกลูกมา มีอาหารกินแล้วลูกเอย มาเน้อ จะว่าอย่างงั้นน่ะ เนี่ย สัตว์เดรัจฉานยังมีวิธีอยู่ เขาเลี้ยงลูกเขาจนโต เออ

 

กุ๊กไก่ กุ๊กกา นมบ่มีส่างมาเลี้ยงลูกใหญ่อยู่เด้อ

 

เพิ่นเลี้ยงลูกก็ด้วยการคุ้ยเขี่ยขี้ดิน หาเม็ดพันธุ์ไม้ หรือเม็ดถั่วเม็ดงา ถ้ามันมีอยู่ที่ไหน มันก็คุ้ยเขี่ยซะก่อนแล้วก็เรียก พร้อมกับปากเรียกลูกมา อ้า มีอาหารแล้ว รีบๆ มาเด้อนั่นน่ะ พอได้ยินเสียงแม่ร้อง กุ๊กๆๆๆ แล้วคุ้ยเขี่ยที่ดิน ที่ดอนน่ะ ตามหัวมอง(หัวกระเดื่องด้านที่ติดกับสากตำข้าวของครกมอง) บ้านนอกก็มี มีแกลบ มีรำมีอะไร คุ้ยเขี่ยให้ลูกวิ่งมาได้กินอาหาร นั้นแม้แต่สัตว์บางชนิดเขาก็ยังมีเมตตาปรานีกัน เลี้ยงลูกของตัวเอง

ปลาอยู่ในน้ำ มันก็เลี้ยงลูกของมันเหมือนกัน ถ้าหากดูแลความปลอดภัยของลูก ปลาชะโด ปลาอะไร ถ้ามันเลี้ยงลูกอ่อนอย่าไปใกล้มันนะ มัน มันหวงลูกมัน มันโดดกัด โดดกัดคนเข้าให้ นี่เป็นตัวอย่างสัตว์บางชนิด มันไม่ทอดทิ้ง ไม่นิ่งดูดาย ลูกของมันที่เกิดขึ้นมา กับหัวอกหัวใจของมัน มันต้องดูแลรักษาและรับผิดชอบเอง ร้องเรียกหาอาหารที่ เออ ได้ๆ อาหารแล้วก็เรียกลูกมา ลูกทั้งหลายก็พากันรุมมาที่แม่คุ้ยเขี่ยมา ก็หากินกัน พวกสัตว์เลี้ยง กิ้งกือ สัตว์ตัวเล็กตัวน้อยมันมี มันก็จิกกินกัน เลี้ยงกัน

กุ๊กไก่ กุ๊กกา นมบ่มีส่างมาเลี้ยงลูกใหญ่หนอ

 

อ้า กุ๊กไก่ กุ๊กกาเอ้ย อ้า ปลาอยู่น้ำก็เหมือนกัน มันเลี้ยงลูกของมันจนโตซะก่อน จากแม่จากพ่อไปทำมาหากินเองซะก่อน มันจึงปล่อย มันจึงวาง

แต่เราเป็นมนุษย์นั่นแหละ ถ้าไปปล่อยทิ้งลูกของตัวเอง ให้แต่คนอื่นจะเลี้ยง อย่างเนี่ยตัวเองไม่เลี้ยง อย่างนี้ก็มี เราดูละครเรื่องอะไรเว้ย อยู่ในทีวี โอ้ มันมีลูกหลายคน ไม่เอาใจใส่กัน ดูแลกันนะ บางคนก็ได้ศึกษาเล่าเรียนดี บางคนก็ไม่ได้ศึกษาเล่าเรียนดีกับเขา คนไม่ได้รับการศึกษา มันก็ไม่ผิดกันกับสัตว์เดรัจฉาน เออ

ถ้าไม่ได้รับการศึกษาสูงๆ หน่อย ก็ไม่มีหวังที่จะได้ทำงานทำการอะไรเลย แม้ตั้งแต่อาชีพต่ำๆ เป็นชาวไร่ เป็นชาวนา ชาวเรือก ชาวสวนธรรมดา เขาก็มีวิธีเลี้ยงลูกของเขาให้ตลอดรอดฝั่งได้ เพราะฉะนั้น เราเป็นมนุษย์ เราต้องมีใจสูงกว่านั้น รักในวงการของตัวเอง ครอบครัวของตัวเอง รับผิดชอบในครอบครัวของตัวเอง ลูกของตัวแท้ๆ ไปโยนให้คนอื่นเขาเลี้ยงอย่างนี้มันจะใช้ได้ตรงไหน อ้า ต้องมีเมตตากรุณามุทิตาต่อลูก ลูกในไส้ ถือว่าเป็นลูกในไส้ของเรา เราต้องดูแลเอง ก็มีขึ้นมาแล้วก็รับผิดชอบให้หมดทุกอย่าง ส่งให้ได้เข้ารับการศึกษาในสถาบันสูงๆ ซะก่อน จึงจะเลี้ยงกันรอด ถ้าไม่อย่างงั้นเขาก็เลี้ยงตัวเองไม่รอด

 

(จัดไมค์) อ้า ทำไมมีไมค์ มาเพิ่มด้วยนะ เอาๆๆ นี่ เอาเท่านี้ล่ะเว้ยอันนี่มันอ่อนหน่วง มันอ่อนข้อแล้ว เอาอ่อนข้อแล้วเปิด เราเปิด เขาเปิดไมค์แล้วหรือเนี่ย ดังแล้วๆๆ

นี่พูดเรื่องสัตว์ เอ้า สัตว์โลกทั้งหลาย เขาต้องรับผิดชอบเลี้ยงลูกของตัวเอง หรือว่าหลานของตัวเอง ขอเขามาเลี้ยงก็รับผิดชอบเอาเองปะเนี่ย การศึกษา ได้รับการศึกษาสูงๆ จึงจะพอเลี้ยงตัวไหว ถ้าขาดการศึกษาไปแล้ว มันก็จะไม่ผิดกันกับสัตว์เดรัจฉานทำมาหากิน อ้า มีแต่จะเอาอย่างเดียว เออ ไม่ถูกต้อง ต้องรับการศึกษาสูงๆ ผู้ได้รับการศึกษาสูงๆ แล้วก็คงมีมารยาท ดีงามต่อสังคมมนุษย์ แต่ว่าพ่อแม่ทอดทิ้งหรือยังไง ถึงได้มา เขาเกลี้ยกล่อมให้เข้าเดินขบวนเรียกร้องสิทธิเสรีอันนั้นอันนี้อย่างนี้ ไม่ได้รับการศึกษาหรือยังไง ทำไมจึงต้องประท้วงเอา เออ ประท้วงเรียกร้องอันนั้น เรียกร้องอันนี้ ทำให้วุ่นวาย บ้านเมืองวุ่นวาย คนที่ไม่ได้รับการศึกษาสูง แล้วก่อความเดือดร้อนให้แก่ผู้อื่น เออ ถ้ายังก่อความเดือดร้อนให้เกิดมีแก่ผู้อื่น ก็ชื่อว่าเป็นผู้ไม่ได้ศึกษา ไม่ได้ศึกษาสังคมมนุษย์เลย

 

ธรรมดามนุษย์นี่ต้องมีศีลมีธรรม

 

มีจรรยาบรรณที่ใช้ได้ซะก่อนน่ะ หากมีอะไรปล่อยมา อ้า เรียกร้องกันมา มาเดินขบวนประท้วงอันนั้น ประท้วงอันนี้ แล้วมันจะได้สมปรารถนาหรือเปล่า ก่อความอย่างงั้นก็ รั้งความคิดของตัวไม่อยู่ อ้า มีความคิด เห็นคนอื่นได้ดี ได้ทำงานทำการแล้ว ก็อยากจะได้กับเขา เรียกร้อง เรียกร้องจากใคร เรียกร้องจากพ่อจากแม่คือรัฐบาลนั่นเอง รัฐบาลปกครองเราอยู่ จะไปเรียกร้องจากรัฐบาล ก็ทำไมถึงเป็นอย่างงั้น การงานเรามี ไร่นาสาโทเรามี มีที่ดินที่ดอน ที่จะทำมาหาเลี้ยงชีพ มีมากมายทำไม่ไหวพู้น(โน้น)แหละ เนี่ยมาเรียกร้อง ขอความเมตตาหรือช่วยเหลือซะก่อน นั่นคนที่ไม่ได้รับการศึกษา เวลาต้องการอย่างนั้นอย่างนี้ ก็เลยขอร้องเอา ถ้าไม่ให้ก็เดินขบวนขับไล่คนนั้นคนนี้ อ้า ให้ออกจากการจากงานไป อ้า กระทบกระเทือนถึงจิตใจของผู้อื่นเขา อย่างนี้ ชื่อว่าไม่ได้รับการศึกษา คนได้ศึกษาดีๆ ก็ต้องได้ทำการทำงาน

สมัยหนึ่ง ไปงานอะไร งานบ้านของ เออ อะไรล่ะ ลืมแล้ว นิมนต์หลวงปู่ทั้งหลาย หลวงปู่เหรียญ(หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ) หลวงปู่อะไรอีก หลวงปู่จันทร์โสม(หลวงปู่จันทร์โสม กิตติกาโร) แล้วก็เรา อ้า คนหนึ่ง แล้วก็นอกนั้นก็เป็นพระน้อยลงไป นิมนต์ให้แสดงให้พระองค์โสมฯ ฟัง เออ ไม่ใช่พระองค์โสมฯ น่ะ พระองค์อะไรลูกสาวของ เออ (สมเด็จฯ)ฟ้าชายนั่นแหละ ผ่าน ผ่านซื่อ(เฉย)ๆ เออ หลวงปู่อันนั้นท่านก็ไม่แสดง หึ หลวงปู่อุตตมะ(หลวงพ่ออุตตมะ อุตตมรัมโภ)ก็ไม่แสดง หลวงปู่เหรียญ(หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ) ท่านแก้ตัวว่าเสียงไม่ดี หลวงปู่จันทร์โสม(หลวงปู่จันทร์โสม กิตติกาโร)ก็ไปกันใหญ่อีก ก็เสียงไม่ดี นิมนต์อาจารย์ท่อนเป็นผู้แสดงอ่ะ อะไรอ่ะ ทำไมอ่ะ โยนไปหาใครอีกปะเนี่ย ก็เราเป็นก็คนสุดท้าย เป็นคนที่สี่แล้ว ต่อไปก็ลูกศิษย์ลูกหาสามเณรน้อยไป เอ้า เอาก็เอาสิ เทศน์ก็เทศน์นะ ก็เทศน์

 

สุสสูสัง ละภะเต ปัญญัง

 

ฟังด้วยดีย่อมได้ปัญญา อ่ะ เอาข้อนี้ขึ้นมาพรรณนา ก็จะได้ความรู้วิชาพาตัวรอด ก็ต้องได้ศึกษาสูงๆ ซะก่อน ได้ปริญญา ตรี โท เอก ดอกเตอร์ซะก่อน จึงจะเอาตัวรอดได้ เราก็พรรณนาไปเรื่องอย่างนี้แหละ ถูกใจพระองค์โสมฯ ตั้งใจอย่างนี้ อย่างให้ลูกได้ฟังอย่างนี้ อ้า ลูกของพระองค์โสมฯ ที่เกิดกับ(สมเด็จฯ)ฟ้าชายองค์หนึ่งน่ะ เนี่ย อาศัยกันอยู่ทางความรู้วิชาทางอื่น เพื่อต้องการให้ลูกมีความเจริญรุ่งเรือง เทศน์จบแล้วก็ถูกใจพระองค์โสมฯ เทศน์เรื่องการศึกษาดี มีปัญญา

 

สุสสูสัง ละภะเต ปัญญัง

 

ฟังด้วยดีย่อมเกิดปัญญา ปัญญามีไว้ทำไม มีไว้สำหรับพาตัวรอดได้ ถ้าไม่มีวิชา มันจะพาตัวรอดได้ยังไง ฮะ ต้องมีวิชา ต้องมีความรู้ซะก่อน อย่างน้อยๆ ก็ได้ปริญญา ปริญญาตรี โท เอก ขึ้นไป เออ หรือว่าดอกเตอร์ ดอกเตอร์อะไรไปซะก่อน มีความรู้ซะก่อน มันจึงจะพาตัวรอดได้ ถ้าไม่มีความรู้ ไม่มีวิชาจะพาตัวรอดได้ยังไง ฮะ

 

 

(หลวงปู่ฉันน้ำชา)

 

เอ้า อืม คอแห้งๆ เอ้าปะเนี่ย ได้ ก็ไปเทศน์ให้พระองค์โสมฯ กับลูกสาวเพิ่นฟัง ต่อหน้าต่อตาหลวงปู่อุตตะมะ(หลวงพ่ออุตตมะ อุตตมรัมโภ) ต่อหน้าต่อตาหลวงปู่เหรียญ(หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ) ต่อหน้าต่อตาหลวงปู่จันทร์โสม(หลวงปู่จันทร์โสม กิตติกาโร) เป็นพระผู้ใหญ่กว่าเรา เราก็พูดอย่างไม่ ไม่ต้องเกรงใจ เพราะอาราธนาแล้วก็ต้องพูด ไม่ต้องเกรงใจ การศึกษา

สุสสูสัง ละภะเต ปัญญัง

 

ถ้าฟังด้วยดีก็จะได้ปัญญา ถ้ามีปัญญาแล้วก็พาตัวรอดเป็นยอดคน ถ้าได้รับการศึกษาดีๆ แล้วก็พาเอาตัวรอดได้ อ้า ถ้าไม่ได้รับการศึกษาก็เป็นคนโง่อยู่อย่างงั้นแหละ โง่เง่าเต่าตุ่นไม่มีการศึกษา

 

(เตรียมขันน้ำมนต์) อะไรอ่ะ

เอามาจุดไฟมานี้ จุดไฟมานี้ แน่ะ มี มีกรวยไหม กรวยๆ อ้า อ้า เอามาตั้งตรงหน้านี่ล่ะ เออ มันติดดีแล้วบ่ ติดดีแล้วบ่

 

อันนี้เรื่องของความเชื่อของพุทธบริษัททั้งหลาย เชื่อว่าทำน้ำมนต์แล้วก็เป็นสิริเป็นมงคล และก็เป็นบุญเป็นกุศลสำหรับตัวเองด้วย ทำให้ใจสว่างสบาย ถ้าได้รับน้ำมนต์จากครูบาอาจารย์แล้วก็มีความสบายใจ เออ ไม่ต้องเกรงกลัวอะไร พวกอาฮัก หลักคุณ ปู่ตาย่าบ้าน ผีฟ้า ผีแถน ผีแนนตาทอก ตีนจุ้มอลินทุม เหล่านั้น ผีข้อแก่แค่ฮั้ว มาเนี่ย มารบกวนคนไม่มีศีลธรรม ไม่เป็นไร ดีเหมือนกัน ศักดิ์สิทธิ์เหมือนกัน อันนี้มันเป็นกำลังใจของเจ้าภาพและหมู่คณะที่เชิญมา และวันนี้เป็นกำลังใจเพราะได้ทำอธิษฐานจิต แล้วมันก็เป็นสิริเป็นมงคล เป็นบุญเป็นกุศล

อ้า เอามา เอามาเรียงมา เอาเก็บมาซะก่อน เอามาเลยๆ มันอยู่ไกล เออ ยืนถืออยู่ตลอดไปไหม มานั่งแล้วๆ ก็

 

พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ

ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ

สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ

 

ข้าพเจ้าขอถึงพระพุทธเจ้า ขอถึงพระธรรม ขอถึงพระสงฆ์ ว่าเป็นที่พึ่งที่ระลึก อย่างอื่นเราไม่ถือแล้ว ภูตผีปีศาจเราก็ไม่ถือ เทวดาอารักษ์อะไรก็ไม่ถือ คือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นสรณะที่พึ่งทางจิตใจจริงๆ ย่อมเป็นบุญด้วย เป็นกุศลด้วย ทำให้เกิดความสบายใจด้วย

 

สัพพะโรคะวินิมุตโต

สัพพะสันตาปะวัชชิโต

สัพพะเวระมะติกกันโต

ยะถา ทีโป จะ นิพพุโตติ ฯ

 

(เสียงดับเทียนน้ำมนต์)

(สาธุ)

 

(หลวงปู่แจกเทียนน้ำมนต์) เอานี่แจกหมู่เหรอ เอาแจกหมู่เลย แจกหมู่ ละน้อยๆ มันหลายคน อันไหนที่ละน้อยๆ หมดแล้ว ผ่ากันน้อยๆ ตัดเป็นแว่นน้อยๆ แจก

 

เอาละ พูดมาแล้วพอให้ได้ใจความ เพราะว่าการศึกษาดีย่อมได้ปัญญา

 

สุสสูสัง ละภะเต ปัญญัง

 

ฟังด้วยดีย่อมได้ปัญญา ความเฉลียวฉลาดนั่น ปัญญาขึ้นมา ได้ใช้ปัญญาเลี้ยงตัว ไม่ใช่เกิดขึ้นมาแล้วไม่ได้ศึกษาอะไร จ้องแต่จะเอารัดเอาเปรียบคนอื่นเขา จ้องจะฉกจะลัก อ้า อะไรพอเอา เจ้าของเผลอๆ หน่อยก็ขโมยเอาทำนองนี้ คนที่ไม่ได้ศึกษาเป็นอย่างงั้น คนที่ได้ศึกษาดีแล้ว ได้ฟังธรรมแล้ว สิ่งใดได้มาด้วยกำลังของตัวเอง ปัญญาของตัวเอง สิ่งนั้นจึงเป็นของบริสุทธิ์ อ้า ได้เป็นของบริสุทธิ์มาเลี้ยงครอบครัวและพัฒนาที่อยู่ที่อาศัย อ้า ให้มันทันสมัยกว่าเก่า อย่างบ้านหลังนี้ก็เหมือนกัน ต้องมาพัฒนาเอา จึงมีที่อยู่ที่อาศัย น่าดูน่าชม เป็นที่สบาย เกิดจากปัญญา เกิดจากหลักทรัพย์ของเราเอง น้ำพักน้ำแรงของเราเอง ใช้หัวคิดใช้ปัญญา อ้า จึงได้บ้านมีที่อยู่ที่อาศัย ถ้าไม่มีวิชาความรู้ก็จะหาเงินจากไหนมาสร้างบ้าน อืม ก็ต้องมี มีความรู้เสียก่อน มีความรู้ซะก่อนจึงสร้างบ้านของตัวอยู่ได้ดี ตั้งหลักตั้งฐานได้ อ้า

ไม่ว่าตั้งแต่มนุษย์เลย หรือแม้แต่พวกสัตว์อื่น มันยังทำรังแล้วก็วางไข่ตัวเองใส่ในรังซะก่อน นกทั้งหลาย จะว่านกอะไร ตัวอะไรก็ตาม ตัวหนอนตัวใหญ่ก็ตาม มันก็ทำรังของมันซะก่อน แล้วจึงวางไข่ได้ มันจะไข่แล้ว มันก็รู้จัก จะวางไข่ได้แล้ว ลูกจะได้อาศัยรังซะก่อน เราจะเป็นผู้วิ่งหาอาหารและเหยื่อเป็นอาหารเลี้ยงลูกได้ มันมีอยู่ที่ไหนไป เราไปจากลูกอ่อนไป ไปหาอาหารมาเลี้ยงลูก นั่น แม้มันสัตว์ เป็นสัตว์เดรัจฉาน มันยังรู้จักเป็นห่วง เป็นห่วงลูกของตัวเอง ยังทำมาหากินอะไรไม่ได้ เออ จะหากินเองอีกหาไม่เป็น

 

กุ๊กไก่ กุ๊กกา นมบ่มีส่างมาเลี้ยงลูกใหญ่

 

เออ นั่นน่ะนะ คนก็ต้องมีปัญญาพอที่จะเลี้ยงตัวได้

 

สุสสูสัง ละภะเต ปัญญัง

 

ฟังด้วยดีย่อมได้ปัญญา

 

กัมมัง วิชชา จะ ธัมโม จะ สีลัง ชีวิตะมุตตะมัง

 

แล้วก็เข้ามาในธรรมะเหมือนกัน ธรรมะเพิ่นก็บอกว่า การงาน มีการมีงานซะก่อนจึงมีรายได้ ไม่ใช่ไปหาฉก หาลัก หาฉ้อ หาโกงกระบัด(ฉ้อโกง) เอาของคนอื่นมาเป็นของตัว ไม่ใช่อย่างงั้น ถ้าเราเป็นมนุษย์แล้ว เราต้องขวนขวายหาทางได้ ที่จะมาเลี้ยงตัวเองและครอบครัว ต้องมีปัญญาพาตัวรอดซะก่อน ถ้าไม่มีปัญญาก็พาตัวไม่รอด มันจะตายจริงๆ แน่ะ ถ้าไม่หาได้อะไรมา ก็ไม่พ้นจากไปฉก ไปลัก ไปฉ้อ ไปโกง หนักๆ เข้าเป็นนักเลง ขี้เกียจ ก็ถูกปล้น ไปหาปล้นหาจี้เอา เอาของมาเป็นของตัว นั่นแหละไม่มีความรู้วิชาทางอื่น อ้า ต้องเอาทางง่ายๆ อ่ะ ไปฉก ไปลัก ไปปล้น ไปจี้ ไปฉ้อ ไปโกงคนอื่นเขา แล้วจึงจะได้สมบัติมาเลี้ยงตนและครอบครัว พัฒนารากฐานของครอบครัวให้เป็นล่ำเป็นสันขึ้นอย่างนี้ ต้องรับการศึกษาสูง มีปัญญาดี จึงมีที่อยู่ที่อาศัย ถ้าได้รับการศึกษาสูงๆ ก็ได้ทำการทำงานในทางราชการได้สูงๆ ก็ได้เงินดาวน์เงินเดือน ไม่ใช่จะมาเดินขบวนเนี่ย เอาเงินเดือนเฉยๆ ไม่ใช่อย่างงั้น เดินขบวนน่ะ เพื่อก่อความวุ่นวาย ความเดือดร้อนให้แก่ผู้อื่นเขา เรียกว่ายังโง่อยู่ ยังหาทรัพย์สมบัติ โง่ อย่ามานะโง่ๆ ในทางฉ้อ ทางโกง โกงเขา กระบัด(ฉ้อโกง)เขา ทิ้งเขาแล้วก็ไม่เคยแนะเขาทำนองนี้ เป็นคนเอารัดเอาเปรียบสังคม ไม่ดีเลย

เพราะฉะนั้น การเทศน์วันนี้ มันก็ไปยาวถึงตัดลง เออ ที่นี่ก็เป็นที่การศึกษา ศึกษา เป็นที่ศึกษาของประชาชนไหม เป็นมหาวิทยาลัยไหม นับว่าเป็นผู้ได้รับการศึกษาสูง ได้ๆ หาการหางานทำเป็นล่ำเป็นสันดี เออ เลี้ยงลูกปลูกโพธิ์ ก็ไปตลอดรอดฝั่ง ถ้าไม่มีงานทำแล้วมันก็จน ถ้าจนก็หาทางออกไม่มี เอาทางง่ายๆ ไปฉก ไปลัก ไปปล้น ไปจี้เขา

 

(ขอเทียนน้ำมนต์แจกเพิ่ม)

อะไรอีก ขอน้ำมนต์เนี่ย เพิ่นจะเอาเนี่ย

 

พุทโธ ทีปังกะโร โลกะทีปัง อากาสะ กะสินัง วิโสทะยิ

ธัมโม ทีปังกะโร โลกะทีปัง อากาสะ กะสินัง วิโสทะยิ

สังโฆ ทีปังกะโร โลกะทีปัง อากาสะ กะสินัง วิโสทะยิ

 

พุทธะระตะนัง ธัมมะระตะนัง สังฆะระตะนัง

ติณณัง รัตตะนานัง อานุภาเวนะ

จะตุราสีติสะหัสสะ ธัมมักขันธานุภาเวนะ

ปิฏะกัตตะยานุภาเวนะ ชินะสาวะกานุภาเวนะ

สัพเพ เต โรคา สัพเพ เต ภะยา

สัพเพ เต อันตะรายา สัพเพ เต อุปัททะวา

สัพเพ เต ทุนนิมิตตา สัพเพ เต อะวะมังคะลา ฯ

 

วินัสสันตุ อะเสสะโต

ชะยะสิทธิ ธะนัง ลาภัง โสตถิ ภาค๎ยัง สุขัง พะลัง

สิริ อายุ จะ วัณโณ จะ โภคัง วุฑฒี จะ ยะสะวา

สะตะวัสสา จะ อายู จะ ชีวะสิทธี ภะวันตุ เต ฯ

 

สัพพะโรคะวินิมุตโต สัพพะสันตาปะวัชชิโต

สัพพะเวระมะติกกันโต ยะถาทีโป จะ นิพพุโต ฯ

 

(สาธุ)

 

เออ เนี่ย เนี่ยเอาไปแจกอีก ถ้าใครถูกใจก็ภาคภูมิใจอ่ะน่ะ อะไรไม่ถูกใจก็ไม่ดีใจ ไม่ภาคภูมิใจ ต้องว่าให้มันดีๆ ซะก่อน

 

ก็ได้เจ้าภาพทั้งหลาย ผู้เป็นเจ้าภาพก็ดีมีเพื่อนฝูงที่มารู้จากข่าวว่า หลวงปู่จะมาเทศน์ มาแสดงธรรมที่นี่ ก็ฟังกันแล้วก็กรูกันมาหลายคนอยู่นะ อะไรพาเจริญ

 

วิชชาพาเจริญ ความรู้พาเจริญ

 

เพราะฉะนั้น การศึกษา การเล่าเรียนศึกษา ก็เอาใจใส่พิเศษ ศึกษาให้รอบรู้ อ่ะ ทางได้ทางเสียซะก่อน อ่ะ และมีการศึกษามาสูง ถ้าใครจะทำบ้านอยู่ได้สวยๆ งามๆ ทำยังไงจะได้ทรัพย์สินเงินทองมาเลี้ยงตัวเองและครอบครัว ให้เกิดความสะดวกสบายขึ้นเหล่านี้ ได้จากการศึกษา มีการศึกษาสูงๆ นี่เขาเรียกวิชาพาตัวรอด ถ้ามีวิชาความรู้แล้วพาตัวรอดได้ ถ้าไม่มีวิชาแล้วก็หาทางลัดแล้ว ถ้าไม่มีวิชา ไม่มีความรู้ คิดอะไรไม่ออก บอกอะไรไม่ถูก ไปลักเขาเอา ไปปล้นเขาเอา ไปจี้เขาเอา ทำเหล่านี้ นั้นเรียกว่าหาเงินด้วยการโง่ของตัวเอง เออ ทำบาปทำกรรมใส่ตัวเอง อย่างนี้ก็ทำลายศีลธรรมของตัวเอง ให้หมดความเชื่อถือของสังคม ไปที่ไหนๆ เขาก็ว่า ไอ้หมาเห่าเมีย อ่ะนะ ภาษาบ้านนอก หมาเห่าเมีย กัดเมีย เออ ไปหาหมาไม่ได้ เมียก็ด่าเอา ไปหาเงินไม่ได้เมียก็ด่าเอา ไม่มีทางออก มีแต่ฉก แต่ลัก แต่ปล้น แต่จี้ไป หาทางอื่นไป หาทางลัด อันนี้เราไม่มีอย่างนั้น ทำบ้านทำช่อง ทำด้วยปัญญา ได้ทรัพย์สินเงินทองมีอยู่ก็ขนออกมา สร้างบ้านสร้างช่องของตัว ที่อยู่ที่อาศัย เป็นที่รับรองแขกด้วย อ่ะ แขกไปใครมาก็ได้พึ่งพาอาศัย อันนั้นก็เป็นที่พึ่งของผู้อื่นได้เหมือนกันนะ เออ เรามีที่พึ่ง เออ ที่อาศัยแล้ว พอที่จะต้อนรับขับสู้ เลี้ยงดูปูเสื่อ ให้แขกเหรื่อที่มาได้พึ่งพาอาศัย ไม่ได้ใจจืดใจดำกับเพื่อนมนุษย์เลย

เพื่อนมนุษย์เกิดมาในโลกเป็นเพื่อนอาศัยซึ่งกันและกัน อ้า เป็นที่อาศัยให้พึ่ง พึ่งชาวบ้านชาวเมือง พึ่งหมู่พึ่งพวกไป เรียกว่าใช้ได้ เป็นคนใช้ได้ สังคมไม่รังเกียจ ถ้าหากไปฉก ไปลัก ไปปล้น ไปจี้ ไปฉ้อ ไปโกงมา ก็เป็นคนสังคมไม่ยอมรับ สังคมไม่นับถือ อ้า ก็หมดหนทางทำมาหากิน หาแต่ทางง่ายๆ ใส่ตัวเอง เออดังนั้น เรียกว่าคนไม่ได้ศึกษาสูง ย่อมหาทางได้เป็นส่วนตัว ถ้าไม่อย่างงั้น ก็ไม่มีของจะใช้จะจ่าย เออ แล้วก็เป็นหนี้สินพะรุงพะรังต่อไป ถ้าหากไม่มีปัญญา มีวิชา มีปัญญาพาตัวรอด เป็นยอดมนุษย์ ดีจริงๆ

เออ เข้าใจแล้วๆๆ เออ คนมีปัญญาต้องพาตัวรอด เป็นยอดมนุษย์ จะพาตัวรอดเป็นยอดมนุษย์ พาตัวรอดได้ เออ เอาตัวรอดได้ ไม่ได้เป็นหนี้เป็นสินผู้ใดเลย เอาตัวรอดได้ด้วยปัญญา วิชาพาตัวรอดเป็นยอดดี แต่สมัยครั้งพุทธกาลก็ยังมี อ้า พาตัวไม่รอด ก็เลยหนีจากบ้านเมืองของตัวเองไปอาศัย เออ

พอแล้ว ดีแล้ว รู้จักพอ พอเข้าใจแล้วนะ พอเข้าใจแล้ว ที่พูดมานี้ พอเข้าใจเพื่อต้องการอยากให้ พวกเราเป็นคนขยันมั่นเพียร เล่าเรียนศึกษา หนังเสี้ยนหนังสือ ตำรับตำรา บาปบุญ ก็ไม่อดไม่อยาก มีการศึกษาสูงก็ได้ทำงานดี เออ

 

 

 

กัมมัง วิชชา จะ ธัมโม จะ สีลัง ชีวิตะมุตตะมัง

การงาน ๑ วิชา ๑ ธรรม ๑ ศีล ๑ ชีวิตอันอุดม ๑

 

สุสสูสัง ละภะเต ปัญญัง

ฟังด้วยดี ย่อมได้ปัญญา

 

 

คำบูชาพระรัตนตรัย

 

อิมินา สักกาเรนะ ตัง พุทธัง อะภิปูชะยามะ

ข้าพเจ้าทั้งหลายขอบูชาพระพุทธเจ้าด้วยการสักการะนี้

 

อิมินา สักกาเรนะ ตัง ธัมมัง อะภิปูชะยามะ

ข้าพเจ้าทั้งหลายขอบูชาพระธรรมเจ้าด้วยการสักการะนี้

 

อิมินา สักกาเรนะ ตัง สังฆัง อะภิปูชะยามะ

ข้าพเจ้าทั้งหลายขอบูชาพระสังฆเจ้าด้วยการสักการะนี้

 

 

คำกราบพระรัตนตรัย

 

อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา,

พระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นพระอรหันต์

ดับเพลิงกิเลสเพลิงทุกข์สิ้นเชิง

ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง

 

พุทธัง ภะคะวันตัง อะภิวาเทมิ

ข้าพเจ้าอภิวาทพระผู้มีพระภาคเจ้า ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน

(กราบ)

 

ส๎วากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม,

พระธรรมเป็นธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสไว้ดีแล้ว

 

ธัมมัง นะมัสสามิ

ข้าพเจ้านมัสการพระธรรม

(กราบ)

 

สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ,

พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า ปฏิบัติดีแล้ว

 

สังฆัง นะมามิ

ข้าพเจ้านอบน้อมพระสงฆ์

(กราบ)

 

อาราธนาศีล

 

มะยัง ภันเต, วิสุง วิสุง รักขะณัตถายะ,

ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สีลานิ ยาจามะ

ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ข้าพเจ้าทั้งหลาย

ขอศีล ๕ พร้อมทั้งไตรสรณคมณ์ เพื่อจะรักษา

ต่างๆ กัน หรือแยกรักษาแต่ละข้อ

 

ทุติยัมปิ มะยัง ภันเต, วิสุง วิสุง รักขะณัตถายะ,

ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สีลานิ ยาจามะ

แม้ครั้งที่ ๒ ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ข้าพเจ้าทั้งหลาย

ขอศีล ๕ พร้อมทั้งไตรสรณคมณ์ เพื่อจะรักษา

ต่างๆ กัน หรือแยกรักษาแต่ละข้อ

 

ตะติยัมปิ มะยัง ภันเต, วิสุง วิสุง รักขะณัตถายะ,

ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สีลานิ ยาจามะ

แม้ครั้งที่ ๓ ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ข้าพเจ้าทั้งหลาย

ขอศีล ๕ พร้อมทั้งไตรสรณคมณ์ เพื่อจะรักษา

ต่างๆ กัน หรือแยกรักษาแต่ละข้อ

 

 

สรณคมน์

 

พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ

ข้าพเจ้า ถือเอาพระพุทธเจ้า เป็นสรณะ

ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ

ข้าพเจ้า ถือเอาพระธรรม เป็นสรณะ

สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ

ข้าพเจ้า ถือเอาพระสงฆ์ เป็นสรณะ

 

 

อาราธนาธรรม

 

พ๎รัห๎มา จะ โลกาธิปะตี, สะหัมปะติ,

กัตอัญชะลี อันธิวะรัง อะยาจะถะ,

สันตีธะ สัตตาปปะระชักขะชาติกา,

เทเสตุ ธัมมัง อะนุกัมปิมัง ปะชัง.

 

ท้าวสหัมบดีพรหม ผู้เป็นอธิบดีแห่งโลก

ได้ประคองอัญชลี ทูลวิงวอนพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐว่า

สัตว์ผู้มีธุลีในดวงตาน้อยมีอยู่ในโลก

ขอพระคุณเจ้าโปรดแสดงธรรมอนุเคราะห์ด้วยเถิด

 

 

หลวงพ่อพุธ ฐานิโย

บทอบรมกรรมฐาน ครั้งที่ ๑๑

วันที่ ๒๗ เมษายน พ.ศ. ๒๕๒๑

สัมมาสมาธิ - มิจฉาสมาธิ (บทคัดบางส่วน)

 

การภาวนาหรือนั่งสมาธิไปดูนรกไปดูสวรรค์นั้น

ตามตำรับของไสยศาสตร์มันมีแบบมีแผนให้ศึกษากัน

ซึ่งมีหลักฐานปรากฏอยู่ในหนังสือ “กรรมฐานสิบสองยุค”

ของเจ้าคุณพระเทพญาณวิศิษฐ์ (ใจ ยโสธโร)

รวบรวมไว้ที่วัดบรมนิวาส (กรุงเทพฯ)

มันมีคาถาบทหนึ่ง ซึ่งเรียกว่าคาถาพระเจ้าเปิดโลก

คาถาพระเจ้าเปิดโลกนี้ ตอนที่ ๒

หลวงพ่อจำได้ว่า ข้อความว่า

 

พุทโธ ทีปังกะโร โลกะทีปัง วิโสทะยิ

ธัมโม ทีปังกะโร โลกะทีปัง วิโสทะยิ

สังโฆ ทีปังกะโร โลกะทีปัง วิโสทะยิ

 

เมื่อว่าคาถานี้จบแล้ว ก็อธิษฐานในจิตในใจว่า

 

พระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระสงฆเจ้า

เป็นดวงประทีปส่องโลก ขอโปรดส่องทางนรกทางสวรรค์

ให้ข้าพเจ้าเห็นจริงแจ่มแจ้งในกาลบัดนี้ด้วยเถิด

 

 

มงคลจักรวาลน้อย (บทคัดบางส่วน)

 

พุทธะระตะนัง ธัมมะระตะนัง สังฆะระตะนัง

ติณณัง รัตตะนานัง อานุภาเวนะ

ด้วยอานุภาพแห่งรัตนะ ๓ คือ

พุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ สังฆรัตนะ

 

จะตุราสีติสะหัสสะ ธัมมักขันธานุภาเวนะ

ด้วยอานุภาพแห่งพระธรรมขันธ์แปดหมื่นสี่พัน

 

ปิฏะกัตตะยานุภาเวนะ

ด้วยอานุภาพแห่งพระไตรปิฏก

 

ชินะสาวะกานุภาเวนะ

ด้วยอานุภาพแห่งพระสาวกของพระชินเจ้า

 

สัพเพ เต โรคา สัพเพ เต ภะยา

สรรพโรคทั้งหลายของท่าน สรรพภัยทั้งหลายของท่าน

 

สัพเพ เต อันตะรายา สัพเพ เต อุปัททะวา

สรรพอันตรายทั้งหลายของท่าน สรรพอุปัทวะทั้งหลายของท่าน

 

สัพเพ เต ทุนนิมิตตา สัพเพ เต อะวะมังคะลา ฯ

สรรพนิมิตร้ายทั้งหลายของท่าน สรรพอวมงคลทั้งหลายของท่าน

 

ระตะนัตตะยานุภาวาทิคาถา (บทคัดบางส่วน)

 

วินัสสันตุ อะเสสะโต

จงพินาศไปโดยไม่เหลือ

 

ชะยะสิทธิ ธะนัง ลาภัง

ความชนะ ความสำเร็จ ทรัพย์ ลาภ

 

โสตถิ ภาค๎ยัง สุขัง พะลัง

ความสามัคคี ความมีโชค ความสุข กำลัง

 

สิริ อายุ จะ วัณโณ จะ

สิริ อายุ และวรรณะ

 

โภคัง วุฑฒี จะ ยะสะวา

โภคะ ความเจริญ และความเป็นผู้มียศ

 

สะตะวัสสา จะ อายู จะ

แลอายุยืน ๑๐๐ ปี

 

ชีวะสิทธี ภะวันตุ เต ฯ

แลความสำเร็จกิจในความเป็นอยู่ จงมีแก่ท่าน

 

 

คาถาดับเทียนชัย (บทสุดท้าย)

 

สัพพะโรคะวินิมุตโต

จงพ้นจากสรรพโรคทั้งปวง

 

สัพพะสันตาปะวัชชิโต

จงเว้นจากความเดือดร้อนทั้งปวง

 

สัพพะเวระมะติกกันโต

จงล่วงเสียซึ่งเวรทั้งปวง

 

ยะถา ทีโป จะ นิพพุโตติ ฯ

ดับสิ้นไปเหมือนประทีปดวงนี้

 

 

เพลงกุ๊กไก่

 

กุ๊ก กุ๊ก ไก่

เลี้ยงลูกมาจนใหญ่

ไม่มีนมให้ลูกกิน

ลูกร้อง เจี๊ยบ เจี๊ยบ

แม่ก็เรียกไปคุ้ยดิน

ทำมาหากิน

ตามประสาไก่เอย

๕๑