หลวงปู่ท่อน ญาณธโร

ชมรมพุทธธรรมรามาธิบดี เนื่องในวันปีใหม่ไทย

วันอังคารที่ ๙ เมษายน ๒๕๕๖ เวลา ๑๒.๐๐ น.

ณ ห้องประชุมอารี วัลยะเสวี ชั้น ๒

คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี

อันนี้ขอแสดงธรรมสิ ขอให้แสดงธรรมสิ เทศนาและวาทีแหม เสียงไพเราะเหลือเกิน เราผู้แสดง เสียงไม่ค่อยออกเลย อายๆๆๆ อายเสียงพิธีกรๆ อุบาสก อุบาสิกา รู้ทุกอย่างในวิธีอาราธนาเทศน์ วิธีอาราธนาธรรม วิธีอาราธนาพระปริตร อาราธนาอะไรๆ ก็ขอให้มันได้คล่องตัวให้เป็น อุบาสก เป็นอุบาสิกาที่สมบูรณ์ ไม่ต้องอึกอักๆ ล่าช้า อย่าเก้อๆ กังๆ ว่าอะไรก็ไม่ถูกอย่างไม่สมบูรณ์ จับใส่หน้าใส่หลังอย่างงั้น มันขายหน้าเขาเป็นคนคล่องตัว สมควรจะเป็นพิธีกรในทางพระพุทธศาสนา จะอาราธนาเทศน์ อาราธนาธรรม อาราธนาพระปริตต(ปริตร)มงคลใดๆ ก็ให้มันคล่องตัว อย่าให้มัน อึกอักๆ อย่างนั้น แด่เทวดายกมือสาธุการด้วย สาธุ ขนลุกขนพองนะ ว่าให้เต็มภูมิขนลุกขนพอง ซู่ซ่าๆ เว้ยนะ เทวดาก็อยู่ไม่ได้ ก็ต้องอยากมาฟัง แต่ก็อาตมาเองผู้แสดง ก็ยังอายเทวดาเหมือนกันนะ เอาอะไรมาแสดง ยังอายเทวดา เชิญเทวดามาแล้วก็จะเอาอะไรมาแสดง

 

ธัมโม สุจิณโณ ธัมมา สุขาวะหัง

 

อืม เอาอัน อย่างนี้แหละ

 

นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ

นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ

นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ

 

ขอให้เราท่านทั้งหลายทุกคน จงนอบน้อมแด่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้เป็นเจ้าของพระศาสนาพระองค์นั้น ด้วยกาย วาจา ใจ จริงๆ

กัมมัง วิชชา จะ ธัมโม จะ สีลัง ชีวิตะมุตตะมัง

อิมัสสะ ปะริยายัสสะ อัตโถ

สาธายัสมันเตหิ สักกัจจัง ธัมโม โสตัพโพติ

 

อนุสนธิพระสุทธิธรรมเทศนา มีบุพพาประ สืบเนื่องมาจากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้เป็นพระศาสดาของมนุษย์และเทวดาทั้งหลายด้วย พวกเราก็อยู่เป็นมนุษย์ปุถุชนอยู่ แม้องค์แสดงธรรมก็ยังเป็นปุถุชนอยู่ ยังไม่ได้เป็นอริยชนเลยก็ยังต้องการฟังอยู่เหมือนกัน ต้องศึกษาอยู่เหมือนกัน ศึกษาเรื่องบุญบาปเรื่องคุณเรื่องโทษ ประโยชน์มิใช่ประโยชน์อันนี้จนกว่าจะเข้าใจแจ่มแจ้งเสียก่อนจึงจะไม่ศึกษา ทุกคนแหละให้เข้าใจแจ่มแจ้งและก็ไม่ต้องศึกษาบ่อยๆ

เพราะว่าของเหล่านั้นมันมีอยู่ในโลก บาปก็มีอยู่ในโลก บุญก็มีอยู่ในโลก ความเสื่อม ความเจริญก็มีอยู่ในโลก วัฒนาสถาพร สืบมาตั้งแต่องค์ภควัน พระมหาบพิตรโน้น มาจนถึงเราวันนี้ ๒,๕๕๖ ปีแล้ว แน่ะนับแต่พระศาสนาตั้งขึ้นมา ตั้งแต่ปีเท่าไหร่นั้น ๒,๕๕๖ ปีแล้ว นานขนาดไหน ถ้าเราเกิดแล้วตาย ตายแล้วเกิด หลายชาติแล้ว หลายชาติ หลายชั่วคนแล้ว เกิดปีละร้อยๆ ฮ่ะโอ้ ๒,๐๐๐ กว่าปี ๕๐๐ อีก อ้า นานมาก อยู่มานานแล้ว ถึงพวกเราจนถึงทุกวันนี้

พวกเราเอาจริงเอาจังกับการเคารพศาสนาปฏิบัติศาสนากันจริงจังหรือเปล่า หรือจะมาล้อพระเจ้าพระสงฆ์มานั่งเอวคด เอวโค้ง ปวดหลังปวดเอวเฉยๆ อยู่หรือ มันไม่ดี ต่อตนเองก็ปวดด้วย ตัวผู้ฟังก็ไม่ดีนะต้องตั้งใจ ว่าอ๋อ อะไรมันเป็นบาป อะไรมันเป็นบุญ อะไรมันเป็นกุศลเหล่านี้เป็นต้น ต้องสนใจแท้ๆ

บาปมันเกิดขึ้นที่ความทำไม่ดีของคน บาปมันเกิดขึ้นที่นั้น บุญมันเกิดขึ้นที่ไหน เกิดขึ้นที่ใจของผู้ตั้งใจจริง เป็นกุศล มีความเฉลียว มีความฉลาดรู้จักที่ต่ำที่สูง รู้จักธัมเมา ธัมโม ธรรมะ รู้จักพุทธวินัย รู้จักอ่อนน้อมถ่อมตน

เกรงกลัวต่อการกระทำบาป พูดบาป กิริยาอาการใดๆ ที่ทำไม่ถูกต้องตามคำสั่งคำสอนของพระพุทธเจ้าเรียกว่ากิริยาอาการเหล่านั้นเป็นบาป เราก็เลิกซะ เว้นซะ ให้มันได้ กินเหล้าเมามาย อ้อแอ้ๆ ตามถนนหนทางเหล่านั้น ถูกรถบี้ไปด้วยกันจำนวนไม่น้อย เกินคำสั่งคำสอนของพระพุทธเจ้า

ธรรมชาติมันบี้มันเองหรอก รถบี้บ้าง รถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ รถเก๋ง รถไฟมีหมดทุกอย่าง มันบี้เอาคนที่ประมาทนั่นแหละ ในที่สุดคนที่ประมาทเหล่านั้นก็เกิดขึ้น ขึ้นมาด้วยกิเลสของตนแสดงอิทธิวิธี แสดงฤทธิ์แสดงเดช ดึงค้อนดึงดาบออกมาทำท้าทาย มันก็ฮึดขึ้นมา.. เกิดหมั่นไส้กันขึ้นมา ทำไง หามันจะแก้ไขขึ้นมา คนบางคนใจถึง มันจะแก้ไขไงว่ะ อ้า เราเขาก็คน เราก็คน อย่ายอมแพ้เพื่อนทั้งฝูง นี่เราก็ได้ฝึกซ้อมร้องเพลงมาแล้ว เออ หัวใจมันก็เป็นลูกเสือเก่ามานานแล้ว อ้า หัวใจมันก็ขึ้นอีกล่ะ ต่างคนต่างกิเลสขึ้น เอาอยู่หรือเปล่าล่ะ เอาไม่อยู่

เป็นไฟลามทุ่ง แค่ไม่รู้จักอด ไม่รู้จักข่ม ไม่รู้จักออม ไม่รู้จักละอาย มีแต่รับความละอาย ความอดแปลว่า ความกลั้น ทนทานเอาไว้ อดในสิ่งที่เป็นโทษ สิ่งที่ไม่เป็นโทษ ไม่ต้องอด ทำบุญให้ทานอะไรก็ได้

รักษาศีลก็ได้ไม่ต้องอด อ้า กิเลสที่น่าอายก็เอามาเป็นเครื่องประดับสติปัญญาของเรา สิ่งนี้เป็นสิ่งน่าอายประชาโลกเขา ไม่ควรเอามาพูด ไม่ควรเอามาแสดงให้หมู่ให้พวกได้ดูได้ชม เขาไม่อยากดูอยากชมหรอก กิเลสหยาบๆ พูดจาวาทีอะไรก็ไม่เรียบร้อย มีหยาบที่สุด กูๆ มึงๆ ขึ้นมา อ้า ไม่มีความเคารพยำเกรงต่อผู้หลักผู้ใหญ่ท้าทายกันไปเรื่อยๆ อย่างงั้น นี่หรือ พุทธบริษัทที่ปฏิบัติธรรมกับพระบรมศาสดา ใช้วาจาหยาบคายถึงขนาดนั้นหรือ

โอ้ย เทวดาก็หัวเราะเอาดี้ เอาแล้ว บริษัทของพระโคดม บรมมุนี สัมมาสัมพุทธเจ้ากำลังแสดงฤทธิ์ ฤทธิ์ของตัวไม่มี กินเหล้าให้มันเกิดมีฤทธิ์ขึ้นมา มึนเมาขึ้นมา เมามาย กินฝิ่น กินเฮโรอีน สูบกัญชา ยาเสพติดให้โทษทุกชนิด กล่อมมันลงไป มอมมันลงไปอย่างนั้นหรือ พุทธบริษัทขององค์สมเด็จพระผู้มีพระภาค เขาทำอย่างนั้นกันหรือ ถูกต้องหรือเปล่า หรือว่ามันผิด

ถ้ามันผิด ก็ควรมีหิริ ความละอายต่อการกระทำที่เป็นบาปเหล่านั้น ขอขมาลาโทษ ยกใส่เกล้าเอาใส่หัว ขอขมาลาโทษพระพุทธเจ้า ขอขมาลาโทษพระธรรม ขอขมาลาโทษพระสงฆ์ อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน มีดอกไม้ธูปเทียนก็มาคารวะอยู่อย่างนั้น อันนี้เป็นการปฏิบัติดีปฏิบัติชอบของชาวพุทธทั้งหลาย ท่านทำกันอย่างนั้น ท่านไม่ได้ดื้อรั้น ดันทุรังต่อคำสั่งคำสอน ถ้าเราไม่ได้ทำผิดล่วงเกิน ด้วยกาย วาจา ใจ อะไร ก็รีบสัมมาคารวะ ทำใจของตนให้อ่อนลงน้อยลง จากทิฏฐิ มานะ อวิชชา ความมืด ความเมาทั้งหลายก็ให้อโหสิโทษให้แก่ข้าพเจ้าด้วยเถิด ข้าพเจ้าเป็นคนมืดหนาสาโหด มืดหนาสาหัส การประพฤติปฏิบัติไม่เคร่งครัดถึงข้อวัตรปฏิบัติที่พระองค์ได้ทรงตรัสไว้แล้ว ขอประทานได้อภัยโทษแก่ข้าพเจ้าด้วยเถิด เนี่ยอ่อนน้อมถ่อมตนอยู่เสมอๆ เออ ก็เป็นคนเบา คนบางลงได้

เรามาพักอยู่ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งก็ดี แห่งใดแห่งหนึ่งก็ดี พักอยู่ที่นั้นเขาก็มีดอกไม้ธูปเทียนมาถวายกองพะเนินเทินทึก เฮ็ดจั่งใด๋หนอ(ทำยังไงหนอ) แก้ความเห็นของคนให้เข้าใจหนอ เอาอย่างงี้ก็แล้วกัน

ดอกไม้ทั้งหลายทั้งปวงนี้ โยมให้มา บูชาอาตมาแล้ว หลวงปู่แล้ว อันนี้หลวงปู่รับไม่ไหวมันหลาย เอาห่อกลับวัดกลับบ้าน ก็คงไม่สมควร มันก็จะเหี่ยวทิ้งไปตามทางเฉยๆ นี้เห็นว่าควรแจก แจกดอกไม้ แล้วให้ญาติโยมผู้ถือมาทั้งหลายให้ได้ทุกคนๆ เพื่ออะไร

เพื่อเอาไปกราบเท้ากราบตีนของพ่อของแม่ด้วยนะ พอได้อยู่ด้วยกันมา ได้เลี้ยงดูกันมา มีทั้งขม มีทั้งเย็น มีทั้งเปรี้ยว มีทั้งหวาน อ้า มันออกจากปากกระทบกระเทือนจิตใจพ่อแม่ของตัวเอง เพราะฉะนั้นหรือสมควรแล้วจะต้องไปกราบสักครั้งหนึ่ง ได้ไหว้สักครั้งหนึ่งในชีวิตหนึ่ง ในวันเกิดก็ดี ไม่วันเกิดก็ดี วันใดวันหนึ่งมีโอกาส เอาเลย ขอขมาลาโทษพ่อแม่ผู้มีพระคุณ หรือผู้ที่ท่านมีพระคุณเลี้ยงดูเรามาพาเราโต

เหมือนดังพระบรมศาสดา พระแม่เจ้า อ้า โคตมี มหาประชาบดี มหาประชาบดีโคตมี เป็นผู้มาอาสา กินน้ำร้อนน้ำไฟ เพราะว่าพระแม่เจ้าสิริมหามายาคลอดบุตรได้ ๕ ๖ วัน หรือ ๗ วัน เอ้าไม่สมควรจะอยู่ในโลกอีกแล้ว คงไม่ ควรได้เกิดคนเดียวเท่านั้นในครรภ์อย่างนี้ ไม่ให้มี ๒

เทวโลกเพิ่นมองเห็นแล้วว่าเอาไป เอาไปอยู่เทวโลกดีกว่า อย่าให้สัตว์อื่นเข้ามาวุ่นวายกับครรภ์ ของอันบริสุทธิ์นี้ ขันธ์อันนี้ เป็นขันธ์ที่พระบรมศาสดาหรือมหาบุรุษที่ได้เป็นพระพุทธเจ้า พุทธชิโนรสจริงๆ อ้า ให้มีอันเดียวเท่านั้น เหมือนดังภาชนะประดับเพชร จะเอาเพชรเม็ดอื่นเข้ามาใส่ก็ไม่ดี จะเอาแก้วนวรัตนา
มาใส่ก็ไม่ดี
มีแต่เพชร เพชรเม็ดเดียวเท่านั้น สมควรจะใส่พานแก้ว อันวิจิตรงดงามและงามเลิศเชิดชู มีอันเดียวเท่านั้นที่จะบรรจุได้ อันนี้ก็เหมือนกันของมารดาพระแม่เจ้าสิริมหามายาเทวี เป็นครรภ์ที่บริสุทธิ์ที่สุด ที่สุด เกิดจากอุทรของพระแม่เจ้า เป็นพระโพธิสัตว์จริงๆ ไม่เป็นธรรมดา เป็นมหาบุรุษในโลกจริงๆ เหมือนดังเพชรไม่ปนเปื้อนอะไรเลย บริสุทธิ์จริงๆ เพราะฉะนั้นเทพเจ้าทั้งหลายจึงดลบันดาลให้พระแม่เจ้าสลบไปซะ อ้า สลบไปจากชาตินี้ แล้วก็เอารูปร่างอันวิเศษวิสุทธิ์อันนี้ เป็นไปอยู่เทวโลกซะ ว่างั้น อย่าให้สัตว์อื่นมาเข้าปนเปื้อนในพระครรภ์พระแม่เจ้าอีกแล้ว คนที่มีกิเลสหนาจะมาเกิดแล้วก็จะเกิดวุ่นวายอีก ไปซะไปที่อื่น จะไปอยู่เสวยความเป็นสุขอยู่ในเทวโลกนู้น

นี่ตามประวัติที่อ่านลวกๆ มา อ่านประวัติลวกๆ ไม่ละเอียด
หรอก เป็นอย่างนั้น เออ เรา พวกเรานี้เกิดในครรภ์เดียวกันนับไม่ถ้วนๆ ตั้งแต่ ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ ๑๑ ๑๒ ๑๓ ๑๔ ๑๕ ๑๖ ๑๗ ๑๘ ๑๙ ๒๐ พู้น(โน้น)น่ะ มากมายเหลือเกินนะที่เกิดร่วมครรภ์กัน อย่างงั้นนางมหาสิกาอุบาสิกา วิสาขาอุบาสิกา มีลูกเกิดในท้องตั้ง ๒๐ คน ออกลูกอยู่อย่างนั้น เดี๋ยวก็หาย เดี๋ยวก็ตั้งครรภ์มาใหม่ ๒๐ คน เวลาโตมาเป็นสาวมาพร้อมกันหมด ผู้หญิงมันล้วนหมดเลย เดินไปในถนนใหญ่ เดินไปวัด เขาพาทายกันว่า ใครจะชี้นางวิสาขาถูก มัน ๒๐ ๒๑ คนเดินไปด้วยกัน คนไหนเป็นนางวิสาขา นางวิสาขาจะทายใครจะทายถูก ไม่มีคนจะทายถูก แต่งตัวแบบเดียวกันหมด ทรงผมก็แบบเดียวกันไปหมด ไม่มีหัวหงอกหัว หัวหงอกหัวขาวอะไรเลย งามเสมือนกันหมด เปรียบกันเสมือนกันหมด ตรงต่อปรารถนา นางวิสาขาได้มาปรารถนาอย่างนั้น

ปรารถนาถ้าหากว่า ข้าพเจ้ามีงานแต่งการแต่งงาน ขออย่าให้ข้าพเจ้าจงเนื้อย่น หดหู่หรือว่าผอมแห้งแรงน้อยอะไร ให้แข็งแรงอยู่อย่างเก่า ผมก็ให้ดกดำอยู่อย่างเก่า จะเฒ่าจะแก่ขนาดไหน ขอให้มีผมดกดำเป็นเงางามและงอนอ่อนช้อย น่าดูอยู่อย่างนั้น ฟันก็เหมือนกัน ก็ให้แข็งแรงจนเฒ่าจนถึงวันตาย อย่าได้หลุดหล่นเป็นผู้เฒ่าผู้แก่อะไรเลย ให้มีฟันเคี้ยวอาหารกิน หน้าตาก็อย่าได้ย่นเหี่ยว ย่นยู่ บู้บี้อย่างใดเลย ให้แจ๋วอย่างนั้น อล่องฉ่อง เพราะฉะนั้น หน้าตาของลูกสาวของนางวิสาขามหาอุบาสิกา ตั้ง ๒๐ คนเดินไปรวมกลุ่มกันไป

ไม่มีใครกล้าจะทักทายว่า นางนั่นเป็นนางวิสาขา นางนี้เป็นนางวิสาขา ไม่มีใครกล้า ไม่มีใครกล้าจะทักทายใครเป็นพระแม่เจ้าวิสาขาอุบาสิกา ไม่มีเว้ย ไม่มีๆ ใครทายถูก เออ จนกว่าไปนั่งเรียบร้อยแล้ว โน้นทำพิธีกราบไหว้พระรัตนตรัยซะก่อน ก็เป็นหัวหน้าพาไหว้พระพุทธเจ้าตั้งแต่

 

อิมินา สักกาเรนะ

 

ไผผู้ใด๋(ใด)เป็นหัวหน้า

 

มะยัง ภันเต ติสะระเณนะ สะหะ

ปัญจะ สีลานิ ยาจามิ

 

เอ้า คนนั่นแหละ เพิ่นนั่งอยู่บนนั่นแหละเป็นประธานเขาเรียกว่าเป็นหัวหน้าอุบาสิกา มหาอุบาสิกา เพิ่นก็ถือยกย่องให้เป็นมหาอุบาสิกาเป็นผู้เป็นใหญ่จริงๆ

นี่ความผิดแปลกแตกต่างกันของบุญกุศล ที่ตกแต่งให้เพื่อนมนุษย์ทั้งหลายผิดออกจากธรรมชาติ ไม่ยอมแก่ไม่ยอมเฒ่า แล้วก็ไม่ยอมตายง่ายซะด้วย มีอายุมั่นขวัญยืนตั้งร้อยกว่าปี ๑๖๐ หรือเท่าไหร่ฮึ เนี่ยเราจำได้ ๑๖๐ ปีจึงค่อยละสังขาร แต่ปานนั้นก็ยังจะมาเกิดอยู่อีกน่ะ ในสมัยข้างหน้าโน้นพระพุทธเจ้าอ่ะ อะไรอ่ะ ศรีอริยเมตตรัยโย ลงมาเกิดอีกซะก่อน เพิ่นจะลงมาปรนนิบัติอุปัฏฐากพระศรีอริยเมตตรัย ยุคพระศรีอารย์อีกเสียก่อน จึงจะ ปรินิพพาน แล้วพ้นความปรารถนาของเพิ่น

เพิ่นได้ปรารถนา เป็นมนุษย์ชาติเดียวนี้เท่านั้น แต่หลายภพหลายชาติมาแล้ว กกุสันโธ โกนาคมโน กัสสโป โคตโม ได้อุปัฏฐากมาตั้ง ๔ องค์แล้ว ๕ อริยเมตตรัยโย เพิ่นจะได้ลงมาเป็นคนอุปถัมภ์อุปัฏฐากอีกเหมือนกัน เป็นคนมีบุญวาสนา พากันตั้งจิตอธิษฐานตั้งแต่สมัยยังเป็นมนุษย์อยู่ร่วมโลก เลี้ยงควายเลี้ยงวัว คิดนึกคึกขึ้นมา ปั้นเจดีย์ทราย เจดีย์ทราย เอาทรายมาปั้นๆๆๆ ให้เป็นยอดเจดีย์ แล้วก็เอาดอกไม้มาปักๆๆๆ ปักแต่ละต้นก็ปรารถนาขอให้ข้าพเจ้าได้เป็นพุทธอุปัฏฐากพระบรมศาสดาองค์ใดองค์หนึ่งจนได้ และชาติใดภพใดอย่าได้ไปนรกเลย ขอให้เกิดอยู่ในมนุษยโลกนี้ ได้ทำคุณงามความดีในพระพุทธเจ้าองค์หนึ่งองค์ใดก็ค่อยว่ากัน

องค์ที่ ๑ องค์ที่ ๒ กกุสันโธ โกนาคมโน กัสสโป โคตโม ๔ แล้ว อริยเมตตรัยโย นี่แล้วจึงของนางวิสาขามหาอุบาสิกาอ้า หรือว่าเป็น.. นางอะไร ก้อฮึ มาเป็นผู้อุปัฏฐากอีกคนหนึ่ง มหาอุบาสิกานั่นล่ะ นี่เป็นอย่างนั้นเรื่องวิบากกรรมของสัตว์ ผู้เวียนว่ายตายเกิดอยู่ในโลก ในภพน้อยในภพใหญ่ ตามความปรารถนาของตนๆ สำเร็จเป็นประโยชน์แก่ตนเอง เป็นการฝึกและขัดเกลาจิตใจ ให้สะอาดหมดจด สมควรกับแก่พานทอง เป็นดอกไม้ก็สมควรจะใส่แจกันทองอย่างสูงๆ ถ้าเป็นมนุษย์ก็ให้เป็นอุบาสก อุบาสิกาอย่างสูงๆ อย่าได้ตกต่ำระกำ ตกระกำลำบากยากเข็ญแต่อย่างใดเลย ความปรารถนาของท่านเหล่านั้นถึงความบริสุทธิ์ผุดผ่อง ก็ได้สมปรารถนาทุกอย่าง

 

เพราะฉะนั้นพวกเรากระทำบำเพ็ญทุกครั้งไป นี่การประชุมนุมกันวันนี้ เป็นจำนวนมากไม่น้อย มีความปรารถนาอะไร จะบำเพ็ญกุศลอะไร ตามคำหัวหน้า เชิญชวนให้ท่าน ทราบและรู้อยู่แล้วว่า วันนี้จะทำอะไรกันต่อไป ขอเชิญทำตามสบายเถิด

 

อาตมาก็เป็นพระป่วย ไม่ค่อยแข็ง และก็ไม่ค่อยแรง อ้า นั่งนานก็ไม่ค่อยได้ เพราะฉะนั้น ก็ขอฝากความคิดเหล่านี้ ให้ท่านทั้งหลายขบคิดพินิจพิจารณาด้วยพินิจพิจารณาอย่างละเอียด ด้วยชาญฉลาดของตนๆ เถิด อัปปมาทธรรม ไม่มีความประมาท ตั้งอกตั้งใจประพฤติปฏิบัติกันอยู่ในขอบข่ายของศีลธรรม อุบาสก อุบาสิกาที่เป็นยอด ขอให้ความสำเร็จสมความตั้งใจปรารถนาทุกภพทุกชาติเทอญ ดังที่แสดงมา ก็หมดลมแล้ว เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้ (หัวเราะ) โอ้ย เอาแล้วเนาะ(นะ)

ดอกไม้นี้ อาตมาก็จะถือเป็นพิเศษ ให้คืนเจ้าของผู้ถวาย
กัณฑ์เทศน์ นี่เอาๆๆ ถือเอาๆๆ เอาไว้ไหว้แม่ไหว้พ่อผู้มีพระคุณด้วย เอออ่ะ เอาวางตรงนี้ๆ อ่ะ เคยบอกเขาไว้แล้ว เอาดอกไม้นี่ คืนไปไหว้พ่อไหว้แม่ตัวเองนะ อ้า เอาใส่มือแล้วก็กราบที่ตักก็กล่าวคำวาจาที่ได้ประมาทล่วงเกิน ด้วยกายก็ดี ด้วยวาจาก็ดี ด้วยใจก็ดี ที่เป็นบาป ขอมารดาหรือว่าพ่อ มารดาบิดาก็ดี จงอโหสิโทษให้อันเป็นไปล่วงแล้วนั้น ให้แก่ข้าพเจ้าทั้งหลายหรือข้าพเจ้าด้วยเทอญ

พ่อแม่ พอยังงั้นแล้วป่านนี้ แม่จะให้พร ให้พรไม่ได้เว้ย มันคาน้ำตา น้ำตาพัง(ไหลพราก) ซึ้งใจ เพราะว่าลูกมาขอขมาโทษ ไม่มีคำที่จะให้พรเขา อึกอักๆ อึกๆ คาน้ำตาอยู่อย่างนั้นนะ อ๋อ แม่ก็เหมือนกันล่ะ พอให้ท่านผู้ที่ถวายผ้าป่าบังสุกุลเป็นสาธารณประโยชน์ ทั้งนี้ขอจงอุทิศกัลปนาผลให้แก่ เปตชน บิดามารดา ครูบาอาจารย์ ปู่ย่าตายายทั้งหลายดังกล่าวมาแล้วนั้น ด้วยตนเหมือนตนกระทำเองเถิด

อ้า อันนี้บังสุกุลอย่างหนัก อ่ะนี่นะ ให้.. มรณภาพนะฮึ แล้วก็มีพระบรมศาสดาก็อุ้ม อุ้มไว้ พระราหุลเปล่าฮึ มันจะมีอยู่ในเล่มนี่แหละ เป็นเรื่องที่สลดสังเวช เมตตาที่สุดแล้ว

 

ธัมโม สุจิณโณ สุขะมาวะหาติ

ธรรมที่ประพฤติดีแล้ว นำมาซึ่งความสุข

 

กัมมัง วิชชา จะ ธัมโม จะ สีลัง ชีวิตะมุตตะมัง

การงาน ๑ วิชา ๑ ธรรม ๑ ศีล ๑ ชีวิตอันอุดม ๑

 

อิมินา สักกาเรนะ

ด้วยสักการะ นี้

 

อาราธนาศีล

 

มะยัง ภันเต ติสะระเณนะ สะหะ

ปัญจะ สีลานิ ยาจามะ

ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ข้าพเจ้าทั้งหลาย

ขอศีล ๕ พร้อมทั้งไตรสรณคมณ์ เพื่อจะรักษา

 

 

บุพพาประ [บุบ-พา-ปะ-ระ] เรื่องทั้งก่อน และหลัง

 

กัลปนา [กัน-ละ-ปะ-นา]

เจาะจงให้ ยกให้ ส่วนบุญที่ผู้ทําอุทิศให้แก่ผู้ตาย

(ต่อมาความหมายขยายกว้างไปกว่าเดิม

หมายถึง ที่ดิน เรือกสวน ไร่นา สิ่งของและคน

ซึ่งผู้เป็นเจ้าของหรือเจ้านายอุทิศให้แก่ศาสนาด้วย)