หลวงปู่ท่อน ญาณธโร
โครงการส่งเสริมคุณธรรมและจริยธรรม
เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต
วันจันทร์ที่ ๑๑ มีนาคม ๒๕๕๖ เวลา ๑๕.๐๐ น.
ณ ห้องประชุมอานนท์ กรมประมง
นี่เขาเรียกว่าจบพิธี ในการเริ่มพิธีต้องเริ่มต้นว่า มีการไหว้พระ มีการสมาทานศีล เรียบร้อยแล้วบัดนี้อาราธนาให้เทศน์ ผู้เทศน์ยังนึกหาความที่จะเทศน์ให้ฟังไม่ค่อยออกเลย กัณฑ์อะไร อ่ะ เทศน์ก็เทศน์เรื่องของคนแหละ ไม่ได้เทศน์เรื่องของภูตผีปีศาจ ไม่ได้เทศน์เรื่องยักษ์เรื่องมารอะไรที่ไหน การเทศน์แสดงธรรมมีขึ้น เทศน์เรื่องของชีวิตของคน ทำยังไงชีวิตมันจึงจะบริสุทธิ์ผุดผ่อง ไม่มีโทษ ไม่มีมลทิน ที่ทำให้ใจเศร้าหมอง นั่นเรียกว่าปฏิบัติธรรมด้วย อาราธนาแล้วก็ตั้ง นะโม ซะก่อนน้อ ทำความนอบน้อมต่อสัมมาสัมพุทธเจ้า ทุกคนพวกเราทั้งหลาย
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
กัมมัง วิชชา จะ ธัมโม จะ สีลัง ชีวิตะมุตตะมัง
อิมัสสะ ธัมมะปะริยายัสสะ อัตโถ
สาธายัสมันเตหิ สักกัจจัง ธัมโม โสตัพโพติ
แน่ะ เอาว่าแค่นี้ ผู้ฟังทั้งหลายคง งง เพราะไม่ได้เรียนบาลี ไม่ได้เรียนอะไรสูงๆ จุดประสงค์ของภาษิตนี้ ก็มีความประสงค์อยากจะให้ทุกท่านทุกคน ชำระกาย วาจา ใจของตน ให้อยู่ในขอบข่ายของศีลธรรมเท่านั้น ไม่ได้นอกเหนือไปกว่านั้น ศีลธรรม นั้นเป็นเครื่องประดับของมวลมนุษย์ให้อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ไม่ได้ต้องการอย่างอื่น หากตั้งอกตั้งใจทุกคนๆ แล้ว พยายามสังวรระวัง กาย วาจา ใจของตน มันจะกระทบกระเทือนผู้อื่นเขา อะไรมันกระทบกระเทือน อย่าพูดเลยกันดีกว่า อย่ากระทำกันเลยดีกว่า ให้งดเว้นได้จริงๆ กัมมัง คือการกระทำทางกาย ทางวาจา ทางใจ นี้เป็นกรรมเบื้องต้นของพุทธบริษัททั้งหลาย ที่จะสังวรระวัง อันจึงแนะนำให้สมาทานศีลกันซะก่อน
กัมมัง วิชชา จะ ธัมโม จะ สีลัง ชีวิตะมุตตะมัง
ชีวิตมันจึงจะเจริญรุ่งเรืองได้ เพราะการกระทำดี ทางกาย ทางวาจา ทางใจ ให้อยู่ในขอบข่ายของศีลธรรมเท่านั้น ถ้าแวะออกจากหนทาง เอากายไปทำบาปทำกรรมต่างๆ มันทำได้หลายอย่าง กายเอาไปกินเหล้าก็ได้ เอาไปฆ่ากันก็ได้ เอาไปลักทรัพย์ก็ได้ เอาไปประพฤติผิดประเวณีหรือประพฤติผิดในกามก็ได้ วาจาของเราก็เป็นศีลเป็นธรรมเหมือนกัน ถ้าเรารักษาแล้ว ไม่กระทบกระเทียบผู้ใดผู้หนึ่งเลย ให้อยู่ในขอบข่ายของศีลธรรม ก็เป็นกรรมทางวาจาของเรา ไม่เป็นบาปเป็นกรรม
ถึงกับไปติดคุกติดตะรางก็มากมายเพราะว่าล่วงเกิน ล่วงเกินบาปทางวาจา มันหัวใจเป็นผู้บาปละเมิด ไม่งดไม่เว้น เอาให้ถึงพริกถึงขิง ถ้าด่าก็ด่าให้ถึงพริกถึงขิง ด่าให้เจ็บให้แสบที่สุด มันยังไม่สาใจ อยากจะด่าว่ากันเฉยๆ ยังไม่สาใจของกิเลส กิเลสมันอยากจะทุบหัวเอา มันอยากจะตีเอา มันอยากจะให้มีเอาอาวุธต่างๆ ออกมาใช้กัน อ๋อ ถ้ามนุษย์เหล่าใด ไม่ยับ ไม่ยั้ง ไม่อด ไม่กลั้น มนุษย์เหล่านั้นก็วุ่นวายพอได้ ก็อยู่ร่วมกันอย่างศัตรู ไม่ได้อยู่กันอย่างมิตร ถ้าตั้งอกตั้งใจรักษากัน สังวรระวังกันทุกคนๆ อยู่ร่วมกันอย่างพี่อย่างน้อง อย่างญาติสนิทมิตรสหายกันจริงๆ อาศัยไหว้วานกันได้ ช่วยเหลือกันได้ ทางกาย วาจา ใจนี่แหละ มันเกิดขึ้นที่นี่ บาปไม่ได้เกิดขึ้นที่อื่น จึงมีสุภาษิตว่า
กัมมัง วิชชา จะ ธัมโม จะ สีลัง ชีวิตะมุตตะมัง
ถ้ามีครบอยู่ในจิตใจของตัวเองเป็นศีลเป็นธรรมต่อกันจริงๆ และอยู่ร่วมกันอย่างพี่อย่างน้อง อย่างญาติสนิทมิตรสหายกันจริงๆ เรียกว่ารักกันจริง ไม่มีการยุยงส่งเสริมให้กิเลสมันกำเริบ ถ้ามีการยุยงส่งเสริมกันแล้ว กิเลสมันกำเริบได้ ก็ลุกขึ้นมาจากใจนะ ไฟมันเกิดที่ไหน มันเกิดที่กาย วาจา ใจ นี่แหละ ถ้ายุให้รำ ตำให้รั่ว ยั่วให้แตก แยกให้ออก มันเป็นได้ ถ้าหากว่าไม่ยึดเอาธรรมะมาเป็นเครื่องประดับแล้ว มันจะแตกร้าวฉาน แตกฉาน ซ่านเซ็นกันไป จับกันเป็นกลุ่มเป็นก้อนไม่อยู่เลย บ้านแตกสาแหรกขาด มันก็เคยมีมาแล้ว ตั้งแต่ครั้งโบร่ำโบราณ ฆ่าฟันกันเหมือนปานผักเหมือนปานปลา ยิงกันปานผักปานปลา ตีกันหัวร้างข้างแตก อย่างนี้เรียกว่าไม่มีศีลธรรม ไม่มีข้อบังคับประจำตัวของเราเลย ปล่อยมันออกมาให้มันเต็มที่ มันเกิดที่ใจเรานี่ละ ความแตกร้าว การตีกันมันเกิดขึ้นที่ใจของมนุษย์นี่แหละ อ้า
(เสียงไอ) อย่าอาย(ไอ) อย่าอาย(ไอ) มันอาย(ไอ)อยู่ ไม่มีใครหรอก มีแต่ใจเราเท่านั้นนี่แหละ อย่างอื่นไม่ต้องอายหรอก พูดไปเลย อ้า มัน มันอาย(ไอ) ครอกๆ แครกๆ แล้วมันจะเป็นเครื่องรบกวนเหมือนกัน เออ
เพราะฉะนั้นขอฝากธรรมะข้อนี้ไว้กับญาติกับโยมทุกคน ทุกผู้ทุกนาม ให้ยึดเอาไปประพฤติปฏิบัติ ให้มีขอบข่ายอยู่ในเครือของศีลธรรมให้ได้
ถ้าเราอยู่ด้วยกัน ด้วยความเมตตาปรานีอารี(อา)รอบจริงๆ มันก็เย็นไปหมดๆ ในบ้านในเมืองไม่มีศัตรู หมู่มารใดๆ ทั้งคน ตั้งตน ต่างคนต่างตั้งใจอยู่ในขอบข่ายของศีลธรรมจริงๆ จังๆ เย็นไหมล่ะ สบายไหมล่ะ สบายมากๆ เลย ไม่มีโจร ไม่มีผู้ร้าย ไม่มีใครอิจฉา ริษยา ตาร้อนซึ่งกันและกัน ไม่มีการแข่งดี แข่งเด่นกันใดๆ เอาแต่ศีลธรรมเท่านั้น เราจะแข่งเขาก็ได้ แข่งกันมีศีล มีธรรมอยู่ในตัว ไม่เคยก่อการร้าย ไม่เคยรบกวนโสตประสาทของท่านผู้อื่นให้เกิดแตกร้าวกัน มันเกิดขึ้นที่การยุยงส่งเสริมนั่นแหละ ยุให้รำ ตำให้รั่ว ยั่วให้แตก แยกให้ออก ให้ซะก่อนทำ ยังไง มันจะแตกกันได้ เราก็เอาระเบียบของโลกมาใช้กันอยู่ อย่างที่เราตั้งกีฬาขึ้นทุกประเภท กีฬาชกมวย กีฬาฟุตบอล กีฬาเล่นอะไรต่ออะไรกันก็แข่งขันกันไป ด้วยความสามัคคีดีต่อกัน ไม่มีความทะเลาะเบาะแว้ง แข่งดีกันอย่างไร ไม่มี ไม่มีเกิดขึ้นอย่างนั้น ถ้าใครเป็นมิตร ยุให้รำ ตำให้รั่ว ยั่วให้แตก แยกให้ออกนั่นแหละ เรียกว่าทำลายความมั่นคงของสถาบันภายในชาติ เคยมีไหมเรื่องยุให้รำ ตำให้รั่ว ยั่วให้แตก แยกให้ออก เคยมีบ้างไหม มี แต่ว่ามันก็ยังสงบอยู่ ก็ยังรักษาศีลกันอยู่ ไม่กินเหล้าเมามายอะไรขึ้นมา ไม่มี ไม่มีอย่างนั้นเกิดขึ้น ใครจะยุให้รำ ตำให้รั่ว ยั่วให้แตก แยกให้ออก ไม่มี ไม่มีเลย มีแต่ความกลมเกลียวสามัคคีดีต่อกัน
เพิ่นก็ว่าไว้ในเพลงสมัยก่อน ถ้าเราสามัคคีดีต่อกัน จึงจะจรรโลงไทยให้รุ่งเรือง เพลงสมัยก่อนๆ ตั้งแต่เราเป็นลูกเสือ โน้น ไปพักแรมที่ไหนๆ ก็ร้องเพลงกันไปเรื่อยๆ ไม่มีทะเลาะ วิวาทบาดถลุง ฆ่าฟันกันเลย สงบสบาย ไปพักแรมตั้งหลายตำบล ไปในตำบลของเรา ไปทุกตำบล ไปทุกหมู่บ้าน ไปสมานสามัคคีดีต่อกัน ทำให้สนุกสนานไปในตัว ไม่มีใครทะเลาะเบาะแว้งกันแต่อย่างใด ผู้ปกครองก็สบายใจ สบายยังไง สบาย ไม่ได้มีเรื่อง มีเสียงกันเกิดขึ้น ทะเลาะกันเกิดขึ้น ในระหว่างหมู่คณะนักกีฬาด้วยกัน ไม่มี ไม่มีเกิดขึ้น มีแต่ถูกต้อง ปรองดองกันไปเรื่อยๆ ไปพักบ้านไหน เมืองไหน ก็เป็นหน้าที่ของบ้านนั้น ตำบลนั้น เมืองนั้น เป็นเจ้าภาพเอง เป็นเจ้าภาพดูแลความสงบเรียบร้อย และก็ดูแลอาหารการกินให้ทั่วให้ถึงกัน ไม่ให้อดอยากปากแห้ง และก็จบลงซะก่อน จบแล้ว การจารีตหรือว่าการแข่งขันกีฬากันพักแรมกันได้รับความสุข ไม่มีความทุกข์ใจเลย ผู้ปกครองก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ สบาย ไม่ทำให้ลูกเต้าของเขาทะเลาะวิวาทบาดถลุงกัน ไม่มี มีแต่ความกลมเกลียวสามัคคีดีต่อกันอยู่อย่างนั้น
แม้เกิดอุบัติเหตุ เป็นลมอะไรอย่างใดอย่างหนึ่งขึ้นมา หามกันช่วยกันหามกันข้ามภูข้ามเขา อยู่จังหวัดทางภาคอีสานมีภูเขา ข้ามจากภูนี้ไปภูนั้น ข้ามจากภูนั้นไปภูนี้ไปเรื่อยๆๆ ไปด้วยความสนุกสนานกันและก็ช่วยเหลือกัน ใครเป็นอะไรๆ อย่าทอดทิ้งนิ่งดูดายกัน ช่วยเหลือกันและก็เกิดความสุข ขบวนนั้นเกิดความสุข ไม่มีการทะเลาะวิวาทบาดถลุงกัน สิ่งของทุกสิ่งทุกอย่างที่ติดไม้ติดมือไป ไม่เสียหาย แค่รักษาช่วยกัน รักษาสิ่งการของด้วยกัน แต่ก่อนมันเดินด้วยเท้า เดินด้วยเท้า ทำแคร่แบกหามกันไป ถ้ามีสิ่งของอะไรที่หนักๆ หน่อยก็ช่วยกันหาบ ช่วยกันหามไป จากบ้านนี่ถึงตำบลโน้น จากตำบลโน้นถึงตำบลโน้น ข้ามภูข้ามเขาตั้งหลายขั้นตอน ไม่มีใครเป็นอะไร เมื่อถึงพักผ่อนแล้วก็สบาย ข้ามภูเขาไปลงบ้านหนองเซียงซุย แตกกันตรงนี้ แตกกันกลับบ้านไผกลับบ้านมัน บ้านใครอยู่ที่ไหน ตำบลอะไรก็แยกกัน แยกย้ายกันไปที่นี่ ยานพาหนะไม่ค่อยมีหรอก ยวดยานพาหนะก็ไม่มี ไปด้วยกำลังใจ กำลังศรัทธาแท้ไป ไปพักแรม เขาไปพักแรม ลูกเสือทั้งหลายออกพักแรมกันได้มีความสุข ไม่มีการทะเลาะวิวาทบาดถลุงกันแม้แต่อย่างใด ฉะนั้นความสุขกลับบ้านด้วยความปลอดภัย
อย่างนี้เป็นตัวอย่างนักเรียนกลุ่มน้อยๆ ไม่มีกลุ่มใหญ่ ถ้าอย่างในกรุงเทพฯ มันก็หลายจังหวัด มารวมพลังกันที่กรุงเทพฯ หลายจังหวัด หลายหัวเมือง เขาจะเป็นอย่างไร จะคุ้มครองป้องกันกันได้ไหม ถ้าในหมู่นี้ในหมู่นักกีฬาใหญ่ๆ ถ้าไม่อยู่ในระเบียบวินัยแล้วก็เกิดทะเลาะวิวาทบาดถลุงกัน ฆ่าตี ตีโบยกัน ไปต่างๆ นานา
เพราะฉะนั้นความพร้อมเพรียงสามัคคีเป็นของดีมากทำให้เกิดพลังขึ้นในหมู่ เกิดความเข้มแข็งขึ้นในหมู่ ไม่อ่อนแอ ไม่ทอดทิ้งนิ่งดูดายกัน ใครจะเป็นนี่ รู้สึกป่วยไข้ก็อย่างใด อย่างหนึ่ง ช่วยกันหามกัน เราก็เป็นผู้ใหญ่กว่าหมู่ ไปเป็นลูกเสือกับเขา ไม่ได้ฝึกซ้อมอะไรหรอก บ้านนอกไม่ได้ฝึกซ้อมลูกเสืออะไรหรอก แต่ระเบียบวินัยเรารู้ การอยู่ร่วมกัน การปฏิบัติงานร่วมกันให้เกิดสุขได้จริงๆ เกิดสุขสนุกสนานกันจริงๆ ไม่มีแตกร้าวสามัคคีกันเลย อันนี้ อันเมืองกรุงเทพฯ เป็นเมืองหลวง เป็นที่รวมของประชาชนทุกจังหวัด ทุกภาคมารวมกันที่นี้ หากก่อความทะเลาะวิวาทบาดถลุงกันเกิดขึ้นมันจะเป็นยังไง ไม่มีความสนุกสนานแล้ว มันจะมีความทุกข์ไหม เกิดความแตกร้าวสามัคคีกันไปต่างๆ นานา
(เสียงไอ) บอกว่าอย่าไอๆ อายเขา มันไอ อย่าไอ ไม่ต้องไอ
ไอ้เรื่องกิเลส ตัณหา เรื่องที่พาให้แตกให้แยกจากกัน ไม่เหนียวแน่นกัน มันมีอยู่ เรื่องทะเลาะวิวาทบาดถลุง บาดหมางกัน มันเกิดขึ้นเพราะความไม่มีคุณธรรม ไม่มีคุณธรรมมาเกิดแยกกัน จึงเป็นก๊ก เป็นเหล่ากันไป และจะหาความสุข สนุกสนานที่ไหนได้ละ ไม่มี เพราะฉะนั้น พวกเราจึงต้องยึดเอาธรรมะ คำสั่งคำสอนของพระพุทธเจ้า ท่านผู้รู้ ผู้เห็น ผู้ตื่นแล้ว ท่านเห็นความจริงของโลกแล้ว ท่านจึงนำเอามาเผยแพร่ ความสามัคคีให้รู้กันในทุกหมู่ ทุกเหล่า ทุกบ้าน ทุกตำบล ทุกอำเภอ ทุกจังหวัดให้มีคุณธรรมต่อกันอย่างนี้ แล้วก็จึงเป็นพลังอย่างหนึ่งทำให้งานสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี
สมัยก่อนท่านๆ ครั้งพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ท่านไปทัศนาจรต่างประเทศ ไปทางยุโรป ไปทางโน้น ไปเห็นบ้านเมืองเขา เจริญรุ่งเรือง มีรถฟืนรถไฟวิ่งขวักไขว่ไปมา บ้านเราก็ไม่มีอะไร รถก็ไม่มี รถยนต์ก็ไม่มี รถไฟก็ไม่มี แม้แต่ยวดยานคานหาม ก็ทำเป็นไปตามความสะดวกตามฝ่ายของตนๆ นั่นเอง ท่านจึงตั้งพระทัยไว้ว่า เรากลับไปเมืองไทยคราวนี้ เราจะนำเอารถไฟไปวิ่งในเมืองไทยให้ได้ ให้มีรถฟืนไฟขึ้นมาตั้งแต่รัชกาล
ที่ ๕ พระปิยมหาราชท่านคิดท่านไปประชุมโลกทุกประเทศ ไปประชุมกับเขาแล้วเห็นความเจริญของเขา มีหลายอย่าง เขาเจริญคืบหน้าไปไกล มีรถฟืน มีรถไฟ มีรถยนต์ มีถนนหนทาง สะดวกสบาย มีไฟฟ้า น้ำประปาไหลสะดวกสบาย ทุกอย่างเราจะไปพัฒนาเมืองไทยของเรา ให้มันมีไฟฟ้า ให้มันมีน้ำประปา ให้มีรถยนต์วิ่งไปมาหาสู่กันได้ ที่ไม่เหลือบ่ากว่าแรงจะเอาให้ได้
ตั้งศูนย์ตรงไหน ตั้งศูนย์ที่หัวลำโพง มีตั้งศูนย์อยู่ที่หัวลำโพงนี่แหละ แยกออกไป แยกสายเหนือ ไปถึงเชียงใหม่พู้น(โน้น)แหละ สายตะวันออกเฉียงเหนือขึ้นไป ไปทางสายโคราช แยกขึ้นไปทางภาคอีสาน ทางโน้น ขอนแก่นไปถึงหนองคาย ภาคตะวันออกก็มีอีก ทางรถไฟวิ่งไปถึงจังหวัดอุบลฯ มันเป็นปลายทาง ตะวันออกหนึ่งใกล้ๆ เรานี่แหละมีแยกไปทางนี้ มีทุกสาย ก็ไม่มีอะไร ช่างเราๆ เราจะเอาคนนี่แหละเป็นกำลังใจ พัฒนาประเทศ ไม่มีแบคโฮ ไม่มีรถตัก รถไถอะไร ไม่มีทั้งนั้น เอาคนเอากำลังของคนที่มันทำความผิดต่อชาติบ้านเมืองไปติดคุกติดตะรางเสียเวลาอยู่เฉยๆ เอามันออกมาทำงาน ออกมาทำงาน มาหาบดิน หามดินใส่รางรถไฟ จนเสร็จสุดสายราง แล้วจึงเอาไม้หมอนไม้แหมนมาวาง และสั่งรางมาจากประเทศนอกโน้น รางรถก็เป็นเหล็ก จากประเทศนอก ขนเข้ามา ขนตามเข้าเรือเข้ามา มาขึ้นที่ท่าเรือและก็แจกไปตามส่วนระยะทางมากน้อยเท่าไหร่ แจกกันไปๆ ก็เอาเงินของเรา ของตนเองบ้าง เอาเงินของประชาชนที่ร่ำรวย เอาไปช่วยเหลือบ้าง เกิดมีรถยนต์ รถไฟวิ่งไปวิ่งมา
แต่สมัยก่อนมันไม่ หัวดีเซลไม่มี หัวน้ำมันไม่มี เอาฟืนเป็นเชื้อเพลิง เวลารถวิ่งไปแตกตวดๆ ปลิวไป คนอยู่ข้างหลังนะสิ มันแย่ ปลิวไปไหม้ผ้าไหม้เสื้อผ้า อาภรณ์ทุกอย่าง ทนอยู่ กี่ปีจึงค่อยพัฒนาขึ้นมาเอาหัวดีเซล ดีเซลรางมาวิ่ง ไม่มี ไม่มีไฟ ควันไฟไม่มี ไม่ ไม่เกิดไหม้คน ไม่ไหม้ผู้โดยสาร เสื้อผ้าอาภรณ์ไม่ไหม้ ปลอดภัย เดี๋ยวนี้ไปไหนปลอดภัยกันหมด
ทุกอย่าง
แต่ปานนั้น ผู้ที่มุ่งร้ายหมายผลาญ ก็ยังก่อกวนความสงบ ไปเผาทางรถไฟบ้าง เผาสะพานทางรถไฟบ้าง อันนี้ว่าลูกหลานจัญไร ลูกหลานจัญไร มันทำลายทรัพยากรของชาติบ้านเมือง ที่พ่อของมันจัดหา จัดทำไว้ ยากลำบาก เสียสละชีวิตอยู่ในดงพญาไฟ ดงพญาเย็น กันเป็นจำนวนมาก ชาติเดือดร้อน แต่ทำสำเร็จ ท่านทำมาแล้วสำเร็จแล้ว ได้เอารถฟืนรถไฟมาวิ่งในประเทศไทยกันแล้ว แต่คนที่ขี้อิจฉาริษยา มันเอาทั้งนั่นแหละ อิจฉาริษยา แม้แต่เครื่องบินก็เผาของกันและกัน เครื่องบินสายนั้นสายนี้ ถ้าคู่อริจะเดินทางไปสายนั้น วันที่เท่านั้นเท่านี้แหละก็อันตราย ไปเผาเครื่องบินกันและกันหวังจะให้เขาตายในเครื่องบิน ทำไมคิดถึงขนาดนั้น เพราะฉะนั้น คุณธรรม มันจึงเป็นของร่มเย็นเป็นสุข ถ้ามีคุณธรรม มีเมตตา มีกรุณา มีมุทิตา มีอุเบกขา มีความสามัคคีดีต่อกัน ซะก่อน จึงจะจรรโลงไทยให้รุ่งเรือง ถ้าแตกแยกกันแล้วอะไรจะเกิดขึ้น บ้านเมืองก็จะถูกเป็นเหยื่อของพระเพลิงไป เผาบ้านเผาเมืองของกันและกันไป
อย่างนี้ อันนี้ควร ควรใส่ใจ พวกเราเป็นนักปฏิบัติธรรม มาประชุมในที่นี้ขอฝากด้วยทุกคน ขอฝากความสามัคคี มีในหมู่ใด ความสุขย่อมมีในหมู่นั้น ถ้าสามัคคีคลาดไปหรือขาดไปจากหมู่ใดแฮ ภัยย่อมเข้าฟาดฟันหมู่นั้นฉิบหาย เพิ่น บอกไว้นี่ เพิ่นมีคุณธรรมอยู่ในตัวของท่านแล้ว
พระปิยมหาราช เป็นพระบิดาของแผ่นดิน ซึ่งพระปิยมหาราช
เป็นบิดาของคนไทย ช่วยคนไทยทุกระบบ ไม่ว่าใครจะดี ใครจะชั่ว ให้ช่วยกันหมดทุกจังหวัด ให้ทั่วถึงทุกจังหวัด เงินทองมันมีเท่าไหร่ก็บวกกันเอา พี่น้องที่มั่งมี เหลือกินเหลือใช้ก็ช่วยกันหน่อย ช่วยเสียสละกันหน่อย เป็นค่ารถค่าลา ค่าน้ำมงน้ำมันที่นำเข้ามาพัฒนาประเทศ ได้แก่ ใช่แต่เท่านั้นนะ น้ำประปาๆ ไฟฟ้าเหล่านี้
ท่านก็คิดขึ้นมาอยากให้บ้านเมืองเสมอกัน เสมอหน้าเสมอตากัน ไม่เอารัดเอาเปรียบกันและกัน ให้ได้ทั่วถึง ให้ได้ใช้รถไฟทั่วกันทุกภาค ภาคเหนือจนถึง เชียงใหม่พู้น(โน้น) แม่ฮ่องสอน ภาคตะวันออกจังหวัดหนองคายเป็นจุดปลายทาง จังหวัดอุบลฯ ไม่มีปลายทางอยู่ ภาคตะวันออกแถวอรัญประเทศนี้ก็มี มีทางรถไฟไปทั่วถึง ไปถึงสุดแดนเขตพู้น(โน้น)ล่ะ นั้นได้รับความสะดวกสบายพอสมควร ถ้าไม่คิดอิจฉา ริษยา พยาบาท อาฆาตกันแล้วบ้านเมืองก็จะเจริญรุ่งเรือง ทำให้ลูกหลานได้อยู่ดีกินดี ได้ใช้ได้สอย ไฟฟ้า น้ำประปาหรืออะไรก็สะดวกสบายขึ้น ต่อมาก็มีถึงโทรทัศน์ พัดลม หรืออะไร ถ่ายทอดผ่านดาวเทียมมาให้เราได้ดู ได้เห็น ได้ชมกัน นั่นก็เป็นความคิดของเจ้าบ้านสะพานเมือง ท่านคิดกันให้พวกหลวงออกไป ให้มีเป็นประโยชน์ต่อลูกต่อหลาน
การซื้อขายหงายมือ หรือการทำมาหากินก็สะดวกสบายขึ้น ติดต่อกันต่างประเทศก็สะดวกสบาย
เพราะฉะนั้น พวกเราอยู่ในวงงานที่เจริญ บ้านเมืองที่เจริญแล้ว ก็อย่าเอาของไม่เจริญมาใช้กัน อย่าของๆ ไม่เจริญก่อให้ความเดือดร้อนเกิดขึ้น อย่าเอามาใช้กันเป็นอันขาด ถ้าเห็นอยู่ไหนที่ไหนๆ แล้วก็อย่าปกปิดกัน อุบอิบกัน ออกมาแฉให้เขาดู คนคนนี้มีจิตใจอย่างงี้ๆๆ แล้วก็ทำให้บ้านเมืองปรักหักพัง ล้มละลายไป เอาไฟเผาบ้านเผาเมือง ที่ไหนมันมีน้ำมันเชื้อเพลิง มีหลายๆ ก็ต้องรักษาอย่างแท้อย่างเข้มงวดกวดขันที่สุด ทอดธุระไม่ได้ ถ้าทอดธุระแล้วถูกเขาเอาหมด ความอิจฉาริษยามันมี อิจฉาริษยาพยาบาท ให้ผู้(โง่)เง่าเป็นเจ้าเป็นนายกัน นั่งเอ้เต(ปล่อยตัวตามสบาย มีท่าสง่าผ่าเผย) ไม่ได้ซื่อๆ ไม่ได้ตรวจตราบ้านเมืองของตนเองให้คงที่ ให้เจริญรุ่งเรืองเต็มที่ อันนี้ต้องครองศีลธรรม การประชุมกับการฟังเทศน์อยู่บ่อยๆ อย่างนี้ ไม่ว่าที่ไหนๆ มีการฟังเทศน์อยู่บ่อยๆ เพราะฉะนั้น ก็ย่อมนำมาเทศน์ ให้ฟังบ้างเท่าที่ท่านมีความรู้ มีความเข้าใจในธรรมะธัมโม
สุขา สังฆัสสะ สามัคคี สะมัคคานัง ตะโป สุโข
สัพเพสัง สังฆะภูตานัง สามัคคี วุฑฒิสาธิกา
อ่ะอ่ะ ความสามัคคีมีในหมู่ใดแล้ว หมู่นั้นมีความเจริญขึ้นมา ถึงความวุฒิ เจริญ วุฑฒิสาธิกา อ่ะ ถ้ามีแต่จะเอารัดเอาเปรียบกันละก็ ห้ำหั่นกันอย่างนี้ มันไม่เข้าท่าๆ การบ้านการเมืองไม่เจริญได้ เพราะความอิจฉา ริษยา พยาบาท อาฆาต ซึ่งกันและกันแล้วมันเป็นข้อที่บกพร่องและฉิบหาย ทำให้ฉิบหาย บ้านเมืองฉิบหาย ภัยร้าย คนเรามันคนน้อย ไม่มาก กี่ล้านคน ถ้าต่างช่วยกันช่วยเป็นหูเป็นตา ให้รู้จักต้นจักปลายมัน มันเกิดขึ้นเพราะเหตุอะไร มันถึงเป็นอย่างนี้ เกิดเพราะความอิจฉาตาร้อนแค่นั้นเอง มันจึงเกิดเรื่องวางเพลิงกัน ทำเผาบ้านเผาเมืองของกันและกัน ความอิจฉาตาร้อนมันเป็นไฟ เพิ่นว่า โทสัคคินา(ไฟคือโทสะ) ไฟคือความโกรธ เกิดขึ้นย่อมเผาผลาญบ้านเมืองให้ย่อยยับ โมหัคคินา(ไฟคือโมหะ) โลภัคคินา(ไฟคือโลภะ) ราคัคคินา(ไฟคือราคะ) เหล่านี้เป็นไฟทั้งนั้น ทำให้เกิดไฟเกิดขึ้น ในหมู่บ้านของเรา พัฒนาไว้เยอะๆ แล้วตัวอิจฉาริษยามันเผาที่เฉยๆ
นี่แหละ มันน่าเสียดายของ อิจฉาริษยาไม่ดี มันเป็นไฟ โทสัคคินา(ไฟคือโทสะ) โมหัคคินา(ไฟคือโมหะ) โลภัคคินา (ไฟคือโลภะ) ราคัคคินา(ไฟคือราคะ) เป็นไฟทั้งนั้น อย่าเอามันมาใช้ในสังคมมนุษย์ เราเป็นมนุษย์ผู้มีศีลธรรมได้รับการศึกษาสูง ก็ควรจะกำจัดมันเสีย อย่าให้มันมีเกิดขึ้นในวงกลุ่มมนุษย์ของเรา ในวงคนไทยของเรา ให้เอาใจช่วยกันเป็นพิเศษด้วย เทศน์ไปเทศน์มาเขาก็จะหาว่าเราพูดการเมือง ไม่ใช่ๆ การเมือง การอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขต่างหาก ต้องมีคุณธรรม มีคุณธรรมประจำใจทุกคนๆ มีเมตตา มีกรุณา มีมุทิตา มีอุเบกขา อโหสิกรรมให้กันและกัน ให้อภัยแก่กันและกัน เราก็จะหันหน้าเข้าหากันด้วยความรัก ความเคารพ น้ำใจไมตรีจิตมิตรภาพได้ทั่วถึงกัน แล้วอยู่กันจบไหม ถ้าหากไม่มีอิจฉา ริษยา พยาบาทแล้ว อยู่ร่วมกันเป็นสุขไหม เป็นสุขที่สุด บ้านเมืองอยู่เย็นเป็นสุขที่สุดและก็เป็นที่เบาพระทัยของในหลวงซะด้วย เบาใจท่านด้วย ทำให้พระองค์นอนตาหลับ
ถ้าประชาชน ไม่ทะเลาะวิวาทบาดถลุง ท่านสบายถ้าคราใดประชาชน ทะเลาะวิวาทกัน กำลังใจของท่านทรุด ทรุดอย่างเห็นได้ชัด ทรุดเกือบจะไม่ฟื้นตัว เพิ่นล่ะเสียใจ ก็อุตส่าห์ประคบประหงม ป้องกันภยันตรายทุกด้าน ทุกอย่างให้อยู่แล้ว แต่ทำไมจัญไรอย่างนั้น เป็นคนจัญไรอย่างนั้น จัญไรๆ สามารถเผาบ้านเผาเมือง เผาสะพาน เผาอะไรเหล่านี้ มันคิดนอกคอก ไม่อยู่ในขอบข่ายของความเมตตา กรุณา มุทิตาเลย ขอให้ทุกคนใส่ใจไว้ เก็บไว้ในหัวใจของเรา อย่าคิดอาฆาตมาดร้ายเบียดเบียนอิจฉาริษยา อย่าเอามาใช้เป็นอันขาด เอาแต่ความเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา เอาขึ้นมาใช้กันเถอะ
อยู่ร่วมกันอย่างพี่อย่างน้องกันได้ ช่วยเหลือเจือจุนกันได้ อย่างทางภาคอีสานของเราเป็นภาคที่แห้งแล้งกันดารลำบาก ก็ได้รับความเมตตาจากส่วนกลาง นำสิ่งของต่างๆ ใส่ตู้รถไฟไป ใส่ตู้รถเทนเนอร์ไปส่งถึงภาคอีสาน ได้รับความสงเคราะห์สงหา ต่างมีต่างได้ช่วยกัน.. เรียกว่าเอาใจใส่กัน ไม่ได้เอารัดไม่ได้เอาเปรียบกันเลย เอาให้ทั่วให้ถึงความประสงค์ผู้ปกครองประเทศท่านคิดอย่างนั้น อยากจะให้ประเทศชาติไทยของเราได้รับความสนับสนุนหรือได้รับการสงเคราะห์สงหาอย่างทั่วถึง ไม่อิจฉาตาร้อนซึ่งกันและกัน อยู่ด้วยความเมตตาปรานีกัน อารีกัน ฉะนั้น ถ้าเป็นการอย่างนั้นได้ น่ามีความสุขมาก มีความสุขมาก
การศึกษาเราก็จัดการขึ้นมีมากมายมีวิทยาลัยขึ้นในเมืองไทยเป็นจำนวนมาก วิทยาลัยอะไรต่างๆ ไอ้นี่เป็นวิทยาลัยหนึ่งในนั้นเหมือนกัน วิทยาลัยหนึ่งเป็นองค์กรอันหนึ่ง เรียกว่า กรมประมง เปล่าหือ เขาว่ากรมประมง ที่นี่กรมประมงส่งเสริมการเลี้ยงสัตว์น้ำทั้งหลาย สงเคราะห์เขา ให้ได้เกิดได้ออกลูกแพร่ ลูกมากมายกลายเป็นพะเนินเทินทึกหมด นี่กรมประมง แต่สำหรับผู้จำศีลเด็ดขาด ไม่ ไม่แหยม ไม่ ไม่เบียดเบียนเขาเลยๆ ส่งเสริมอยู่ ให้อาหารปลา ให้อะไรๆ ให้อยู่ สัตว์ทั้งหลายทั้งปวงได้รับการสนับสนุนจนออกแม่แพร่ลูกทั่วบ้านทั่วเมืองนั่นแหละประมง กรมประมง กรมสงเคราะห์
ประเทศชาติบ้านเมืองให้เจริญรุ่งเรืองให้มีอาหารการกินทั่วถึงกัน แม้ในสมัยนั้นแห้งแล้ง น้ำท่วม นั้นก็เหมือนกัน ภาคอีสานก็ถูกน้ำท่วมไปตั้งหลายจังหวัด ก็ได้รับความสงเคราะห์จากภาคกลางเขา ภาคกลางเขามีส่วนซื้อขายกันหลายสิ่งหลายอย่างแล้ว รวมผนึกกำลังกันส่งไปสงเคราะห์ ภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคกลาง ภาคใต้โน้น ได้รับความสงเคราะห์สงหาอย่างนี้ ก็นับว่าเป็นบุญโขอยู่แล้ว เป็นบุญโข มีผู้เมตตาปรานีอารี(อา)รอบ ดูแลความสารทุกข์สุขดิบให้แก่บ้านแก่เมือง และขอโมทนาน้ำใจไมตรีจิตมิตรภาพนั้นด้วยใจจริง มีความดีอกดีใจด้วย ในหลวงท่านก็เอาอยู่เรื่อยมีงานมีการอะไร สามัคคีกันขึ้นช่วยกันพัฒนาบ้านเมือง ได้รับความร่วมมือจากหลายฝ่าย
ท่านก็ภาคภูมิใจ เออ เมืองไทยเราไม่ใช่ย่อยเว้ย มีน้ำใจไมตรีจิตมิตรภาพทั่วถึงกันดี รู้จักสงเคราะห์สงหากัน อันนี้ทำให้อยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข มีความสรรค์จรรโลงบ้านเมืองของตัวเอง ไม่อดอยากปากแห้ง ที่พรรณนามานี้ เพื่อต้องการให้ท่านทั้งหลาย นำไปใคร่ครวญพินิจพิจารณาด้วยปัญญาอันชาญฉลาดของตนๆ เองเถิด เราได้รับการศึกษาสูงจนถึงมหาวิทยาลัยแห่งเกษตรศาสตร์ หรือมหาวิทยาลัยรามคำแหง มหาวิทยาลัยอะไรมากมายก่ายเกิน
หรือจะเอาความรู้เหล่านั้นมาพัฒนาประเทศของตัวเอง ให้มันทันสมัยเขา และให้มันใหม่เสมอ อย่าให้ล้าสมัยถอยหลังเขา ให้เป็นคนเข้มแข็งไม่เอารัดเอาเปรียบซึ่งกันและกัน ถ้าทำอย่างนี้อยู่เรื่อยๆ บ้านเมืองของเราเป็นศรีวิไล สบายมาก เป็นความเจริญรุ่งเรือง ทันนำสมัย และก็ใหม่เสมอ ไม่ล้าหลังเขา ขอให้ทุกคนยึดเอาในหลวงเป็นตัวอย่าง
ในหลวงท่านเอาจริงเอาจัง จนพวกสุขภาพร่างกายของท่านทรุดโทรมลงไป เห็นได้ถนัดเอาใจใส่ พู้น(โน้น)ไปช่วยตามชาวป่าชาวเขาที่ไหนที่ใด ขาดแคลนน้ำ หรือขาดแคลนอะไรๆ ไปดูแลเขาอยู่โน้น เครื่องปลูกของฝังก็มากขึ้นๆ ไอ้เรื่องฝิ่น เฮโรอีน กัญชา เหล่านั้นท่านก็ปราบปรามไม่ให้ทำ ให้ทำอย่างอื่น ดีกว่า ปลูกป่าให้เกิดประโยชน์แก่บ้านแก่เมือง แก่ประเทศชาติของเรา ถ้าเอาจริงเอาจริงขนาดนั้น เหนื่อยหนักขนาดไหน
อาบเหงื่อต่างน้ำท่านก็สู้ เคยเห็นภาพของท่านไหม เอามือชี้ใส่จมูกเจ้าของเนี่ย เห็นเหงื่อไหลลงจมูกจริงๆ พ่อเหนื่อยยากลำบากเสียสละ เพื่อให้ไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินมีอยู่มีกินนั่นเอง ให้ทันเขา ให้ทันกับประเทศที่เขาเจริญแล้วทั้งหลาย ไม่เอารัดเอาเปรียบ ถ้าคิดอย่างเนี่ยเอามาเปรียบเทียบใส่ตัวเอง เรามีน้ำใจอย่างนั้นเหมือนท่านไหม มันต้องมี มีน้ำใจอย่างนั้น อยากจะช่วยเหลืออย่างนั้น ขอให้มีอยู่มีกิน ขอให้ร่ำรวย อยากได้ช่วยพี่ป้าน้าอาได้ทั่วถึง
ดังที่แสดงมาเป็น ปกิณณกนัย เพื่อต้องการให้ท่านทั้งหลาย นำไปพินิจพิจารณาด้วยปัญญาอันชาญฉลาดของตนๆ เองเถิด อัปปมาทธรรม ไม่มีความประมาท นอกเหนือไปจากนี้แล้ว ต่อจากนั้นก็จะได้ประสบพบเห็นเป็นความสุขความเจริญทั้งทางคดีโลกและทางคดีธรรมทุกประการ รับประทานฝอยมา หรือวิสัชนา ก็ยุติด้วยเวลา เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้
ขอฝากทุกคนๆ เอาใจช่วยกัน น้อยไม่หลาย ตายไม่หมด อย่างอยู่ประเทศน้อยๆ หลายจังหวัดแค่นี้ ก็กลมเกลียวสามัคคีกันดีอยู่ เห็นรถประชาสงเคราะห์นำสิ่งของขึ้นภาคอีสาน ภาคเหนือโน้น รถบรรทุกสิ่งของจากส่วนกลางด้วยล่ะ ไปสงเคราะห์จังหวัดที่น้ำท่วมหลายๆ จังหวัด โอ้โฮ น้ำใจไทยไม่ใช่ธรรมดาโว้ย น้ำใจประเสริฐ เพราะอะไร เพราะว่า พระเจ้าแผ่นดินเป็นผู้มีน้ำใจประเสริฐ ประเสริฐเลิศกว่าประเทศอื่นเขา ดูแลไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินของพระองค์ไม่ให้อดอยากปากแห้ง พัฒนาทุกอย่างให้มันก้าวทันเขา อย่างนี้ เราก็ชื่นชมยินดีในน้ำพระทัยของในหลวง ดังที่แสดงมา ก็ยุติด้วยเวลา เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้
กัมมัง วิชชา จะ ธัมโม จะ สีลัง ชีวิตะมุตตะมัง
การงาน ๑ วิชา ๑ ธรรม ๑ ศีล ๑ ชีวิตอันอุดม ๑
สุขา สังฆัสสะ สามัคคี
ความพร้อมเพรียงของหมู่ ให้เกิดสุข
สะมัคคานัง ตะโป สุโข
ความเพียรของผู้พร้อมเพรียงกัน ให้เกิดสุข
(พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๗
ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ ธรรมบท
อุทาน อิติวุตตกะ สุตตนิบาต
คาถาธรรมบท พุทธวรรคที่ ๑๔ ข้อ ๒๔)
สัพเพสัง สังฆะภูตานัง สามัคคี วุฑฒิสาธิกา
ซึ่งสมเด็จพระสังฆราช (สา) วัดราชประดิษฐ์
ทรงผูกขึ้นแปลได้ความว่า
“ความพร้อมเพรียงของชนผู้เป็นหมู่ยังความเจริญให้สำเร็จ”
สัญลักษณ์ของความสามัคคีนั้นเห็นได้จากการ
ประดิษฐานตราแผ่นดินที่มีคาถาภาษิตว่า
“สัพเพสัง สังฆภูตานัง สามัคคี วุฒิสาธิกา”
ซึ่งแปลว่า ความพร้อมเพรียงของคนทั้งปวง
รวมกันเป็นหมวดหมู่ด้วยความสามัคคี
เป็นเครื่องทำความเจริญให้สำเร็จ
อยู่ที่เสาทั้ง ๔ มุมของพระบรมรูปทรงม้า
ในขณะที่ชาติไทยกำลังถูกล่าเป็นเมืองขึ้น
เพลงรวมไทย
(สร้อย) รวมไทยร่วมใจ
รักษาอำนาจชาติไทย
เทอดไทยทูนไทย
ด้วยน้ำใจมั่นคง
สามัคคีระหว่างไทยคงได้ผล
ไทยทุกคนรวมทั้งชาติและศาสนา
เหมือนหนึ่งได้เกิดกำเนิดมา
จากบิดรมารดาคนเดียวกัน
(สร้อย)
ถ้ารวมไทยได้สิ้นทุกถิ่นแคว้น
คงจะเป็นปึกแผ่นสามารถมั่น
ขอให้ไทยสามัคคีมีต่อกัน
จึงจะจรรโลงไทยให้รุ่งเรือง
(สร้อย)
๒