หลวงปู่ท่อน ญาณธโร

วันอาทิตย์ที่ ๑๘ สิงหาคม ๒๕๕๖ เวลา ๑๗.๐๐ น.

ณ ห้องประชุมชั้น ๒๒

อาคารศูนย์การแพทย์วิชัยยุทธ

โรงพยาบาลวิชัยยุทธ

ศีลก็รับแล้ว รับศีล สมาทานศีล เราก็รับไปแล้ว อันนี้เป็นของสำคัญประจำชีวิตพุทธบริษัททั้งหลายขาดไม่ได้ ต้องมีศีลอยู่ทุกเมื่อ ศีล ๕ ข้อนั่นน่ะ ถ้ายังไม่ได้ ละไม่ได้อยู่ ก็ไม่รู้ว่าจะใครมาโปรดเราล่ะปะเนี่ย พระพุทธเจ้าองค์ไหนท่านมา ท่านก็มาแสดงธรรมให้ฟัง แล้วก็รับศีลเหมือนกันเนี่ยล่ะ แล้วก็

 

พ๎รัห๎มา จะ โลกาฯ

 

อันนี้ เขาแต่งร้อยกรองกันขึ้น สมัยโบร่ำโบราณ ว่าอย่างนี้ ไม่ได้อาราธนาอะไรหรอก นิมนต์แสดงธรรมะให้ฟัง แค่นั้นถึงหรอก ไม่ต้องว่ามากหรอก อันนี้กล่าวสหัมบดีพรหม เป็นบรมในเทวดาทั้งหลาย ใน

 

พ๎รัห๎มา ฯ

 

กล่าวถึง ท้าวมหาพรหมที่อาราธนาพระพุทธเจ้าแสดงธรรม แต่ว่าพวกเรานั้นความเจริญมาแล้ว รุ่งเรืองแล้ว ไม่ใช่เป็นคนโง่แล้ว เป็นคนฉลาด ว่าได้ทุกคนๆ ไว้จดจำพุทธวจนะอันนั้น คำพูดอันนั้น โอ้ย อาราธนาเทศน์ อาราธนาพระปริตร เออ แต่มีการสวดมนต์ก็มี การอาราธนาพระปริตร เหมือนกัน

วิปัตติปะฏิพาหายะ สัพพะสัมปัตติสิทธิยา,

 

เหมือนกันล่ะ ว่าไปจนจบน่ะ นี้เป็นพิธีของชาวพุทธ ทั้งหลายทำกันอยู่ ไม่ได้ทิ้ง ไม่ได้ทอดธุระ ให้ว่าได้ แต่ว่าธรรมะคำสั่งคำสอนนั้น มันมีปกิณณกนัยหลายสิ่งหลายอย่างด้วยกัน ที่จะนำมาขัดเกลาจิตใจตัวเอง ให้ถึงความสะอาดหมดจด ที่รับไปแล้วนี้ถ้าเอาไปประพฤติปฏิบัติจริงๆ ก็เป็นสิ่งขัดเกลาจิตใจให้ถึงความสะอาดได้ เขาด่ามาก็ช่างเขาเถอะ เอาหูทวนลมซะ ไม่โกรธตอบหรอก เขาโกรธเรา เราก็ไม่โกรธตอบ เขาว่าอะไรให้เรา เราก็ไม่ถกเถียงเขา ให้เขาชนะซะ จงชนะความโกรธของเขาด้วยความไม่โกรธของเรานะ เพิ่นบอกไว้ จงชนะความตระหนี่ของเขาด้วยความเสียสละของเรา ไม่ไปตระหนี่ถี่เหนียว และก็ไม่เอารัดเอาเปรียบคนอื่นด้วย ไม่แข่งขันในการโลภโมโทสันผู้อื่น ไม่โกรธแค้นชิงชังผู้อื่นด้วยความโกรธแค้น ห้องหัวใจเราอย่าให้มีเลยอ่ะ สบายมาก นอนสบาย นั่งสบาย ไปไหนมาไหน หน้าเบิกบานไม่ได้หน้านิ่วคิ้วขมวดใส่ผู้หนึ่งผู้ใดเลย ยิ้มแย้มแจ่มใสอยู่อย่างนั้น เป็นคนมี

 

อะโสกัง วิระชัง เขมัง

 

เพิ่นบอกว่าเป็นมงคลชีวิตเนี่ย

 

อะโสกัง วิระชัง เขมัง เอตัมมังคะละมุตตะมัง ฯ

 

เป็นมงคลชีวิตด้วย ไม่โกรธตอบ ไม่เศร้าโศก ไม่ตระหนี่ถี่เหนียว ไม่ต่อความร้ายกาจของเขา เราก็ไม่ร้ายกาจตอบ อย่างนี้ชื่อว่าเป็นคนอดได้ อดได้แล้วเรื่องแค่นี้ จะเก็บมาหนักอกหนักใจทำไม มาทำลายบุคลิก ทำให้เสียบุคลิก เป็นผู้หญิงก็เสีย

 

อิตถีลักขณา

 

ไป อ้า เป็นคนขี้โกรธ ไปที่ไหนเห็นคนขี้โกรธแล้วไม่เป็นมงคลในตาเลย อ่ะ อันนี้ไม่ได้ว่าอะไรหรอกเป็นความจริง ไปบวชเป็นแม่ขาวแม่ชีอยู่ที่วัดเราแหล่ะ ท้าตีท้าต่อยกันขึ้นมา ด่ากันแล้วก็ท้าตีท้า ท้าตีท้าต่อยกันขึ้นมา อ่ะฮะ กำปั้นกำหมัดกัดฟันขึ้น ทำท่าจะเอาจริงเอาจัง เพิ่นบ่อายเทวดาหนอ อยู่ในวัดในวา ทำไมไปทำอย่างงั้น เทวดาเขาก็หัวเราะ เรามาจำศีลภาวนา เอาความโกรธมาทะเลาะเบาะแว้งกัน กูดีมึงดีอย่างงั้นอย่างงี้ อย่างนี้ไม่เป็นคนเสียสละ ถ้าเป็นคนเสียสละ ก็ยิ้มดู ยิ้มฟังเขา เขาจะว่ายังไงก็เชิญตามสบาย ถ้าไม่เมื่อยหูทั้งวันทั้งคืน ก็ตามใจ เราจะนั่งยิ้มฟัง นี่เป็นคนนักปราชญ์แท้

ปราชญ์บัณฑิตแท้ ไม่ว่าตอบ ไม่โกรธตอบ แม้แต่ความตระหนี่ถี่เหนียวของเรา เราก็จงเอาชนะความตระหนี่ถี่เหนียวด้วยการให้ทาน ด้วยการบริจาคทาน ไม่ตระหนี่ถี่เหนียวเลย ไม่โลภโมโทสันด้วย ไม่ตระหนี่ถี่เหนียว ความตระหนี่ถี่เหนียวมาเป็นมารหัวใจของเราเฉยๆ ให้เราหันเหออกจากทางธรรม ไปลุอำนาจแห่งความโลภ ความโกรธ ความหลง ไม่ดีทั้งนั้นแหละ อืม ถ้าไปลุอำนาจ โป้ง ออกไปแล้วคำหนึ่ง นั่นก็เสียแล้ว เสียแล้วคำพูดเราเสียแล้ว ไม่มีสติตาม ต้องมีสติอยู่ทุกเมื่อ ผู้ปฏิบัติธรรมต้องมีสติรู้ตัวอยู่ทุกเมื่อ เออ เสียงไม่ดีกระทบหู ก็อย่าให้มันเข้าไปถึงใจ อืม ได้ยินอยู่แค่หูนี่รำคาญ คลานอยู่แค่หูนี่แหละ อย่าไปถึงใจ ถ้าใจไปตอบเขา มันก็ลุกฮือขึ้นมากิเลส กิเลสมันลุกฮือขึ้นมา ไหม้ตัวเองล่ะปะเนี่ย เออ เขาด่าก็อย่าตอบเขา ก็อย่าด่าตอบ เขาตระหนี่ถี่เหนียวก็เป็นเรื่องของเขา เรื่องของเราไม่ให้มันมาเป็น นายกุญแจ ปิดกุญแจเราไม่ให้บริจาคอะไรเลย นั่นเรียกว่าปิดกุญแจตัวเอง เมื่อไหร่มันจะสิ้นไปซึ่งอาสวกิเลส ล่ะ คำปรารถนาน่ะ

 

ขอให้ถึงซึ่งความสิ้นไปแห่งอาสวกิเลสเป็นสมุจเฉทปหาน

ขอให้ถึงพระนิพพานในอวสานของชาติด้วยเทอญ

 

เนี่ย ความปรารถนาของ(พุทธ)บริษัทเขาปรารถนาอย่างนั้น ไม่ได้ปรารถนาที่สะสมความโลภ สะสมความโกรธ สะสมความหลง โลภ โกรธ หลงไป เดินทางไม่ถูกทาง ไม่ ไม่ชำระกิเลสตัวเองให้มันเบามันบาง อย่างงี้อ่ะ เออ

 

พ๎รัห๎มา ฯ

 

แล้วเนาะ(นะ) ตั้งนะโมกัน เว้ย

นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ

นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ

นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ

กัมมัง วิชชา จะ ธัมโม จะ สีลัง ชีวิตะมุตตะมัง

อิมัสสะ ธัมมะปะริยายัสสะ อัตโถ

สาธายัสมันเตหิ สักกัจจัง ธัมโม โสตัพโพติ

 

มันนึกอะไรไม่ออก มันก็เลยเอาคำเก่านั่นแหละ

 

กัมมัง

 

หมายถึงการงาน การงานของเราทำทางกาย เรียกว่า กายกัมมัง พูดด้วยวาจาเขาเรียกว่า วจีกัมมัง นึกคิดด้วยใจ โมโหโกรธาอยู่ในใจ แต่ก็เป็นมโนกัมมังเหมือนกัน เป็นกรรม เป็นสิ่งที่ทำลงไป ด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ แล้วมันได้แก่ใครล่ะปะเนี่ย แล้วถ้าเราไปลุอำนาจแก่ความโลภ ความโกรธ ความหลง ถ้าลุอำนาจไปแล้วเอาคืนมา มันก็น่าขยะแขยงนะ เหมือนเขฬะแล้วเขฬะน้ำลาย มันไอแตกโป๊ะ หรือไอแตกโพละลงมา บ้วนไปแล้ว ยังไปเอากำมาใส่ปากอีกอยู่ อย่างเนี่ยเหมือนๆ น้ำลายที่บ้วนไปแล้ว แล้วจะเอาคืนมาใส่ปากเราทำไมล่ะ ให้มันแล้วไปเลย ตกดินไปแล้ว ตกเข้าป่าเข้าหญ้าเข้าพงไปแล้ว อย่าไปเอานะตามเขาเข้ามาอมอีก เสียดายน้ำลายหรือยังไง เป็นอย่างงั้นซะหรือเปล่า อ้า เรียกว่าไม่ทิ้ง น้ำลายที่บ้วนออกจากปากไปแล้ว อย่าเอาคืนมาอมอีก เป็นของน่าเกลียด น่าขยะแขยง เออ ถึงกินข้าวอยู่ ต้องไปบ้วนเอาออกให้หมดซะ อย่าให้มันแตกโพละออกมาเฉยๆ หนีไปบ้วน หาที่บ้วนในห้องน้ำห้องท่าไปซะ อ้า อย่าถ่มระเทระทาย อ้า เลอะเทอะเปรอะเปื้อนไป อ้า ถ้าน้ำลายของเราก็พอกลืนกินได้ กลืนน้ำลายลงไปในท้อง ถ้าเป็นน้ำลายของคนอื่น ขี้เสลดของคนอื่นเป็นนั่นอยู่ จะเอามาเข้าปากเราได้อีกหรือเปล่า แม้ของเราแท้ๆ อย่าเอาคืนมาใส่ปากไม่ได้ ของคนอื่นเราจะยึดเอามาทำไม ทิ้งไปเลยซะ ให้ไปตามหญ้า ตามน้ำ ตามหญ้า ตามดิน ตามดอยไปซะ อย่าเอาคืนมาอมอีก อ้า เสลดน้ำลายทั้งหลายทั้งปวง อันนี้เหมือนกันนะการละกิเลส การละกิเลส ละความโลภ ละความโกรธ ละความหลง ละความรัก ละความชัง ละความอิจฉา ริษยา พยาบาทของเหล่านั้นมันของทิ้ง พระพุทธเจ้าบอกว่าให้ทิ้ง ให้ทิ้งของเสียแล้ว อย่าเอามาอมอีก ถ้าถ่มไปแล้วบ้วนไปแล้วยังเอาคืนมาอมอีก มันจะเป็นยังไง ท่านผู้ฟังทั้งหลาย ผู้ได้เห็นทั้งหลาย จะขยะแขยงในหัวใจหรือเปล่า

 

มูตร(ปัสสาวะ) คูถ(อุจจาระ)

 

ก็ดี น้ำเยี่ยวก็ดี ที่กระโถนน้ำลายก็ดี ของเหล่านี้มันของเสียแล้ว มันยังไอแตกโพละออกมา แล้วก็บ้วนๆ แล้วถ่มบ้วนทิ้งไปซะ อ้า แต่โดยมารยาทในสังคมและก็มีความละอายอยู่ โอ้ จะไปบ้วนตรงไหนๆ คนอื่นเขาก็จะเห็นเรา ให้เก็บกำไว้ก่อนแล้ว เวลามีเวลาว่างก็ไปบ้วนทิ้งซะ อย่างนั้นของนี้ของน่าเกลียด น่าชัง น่าขยะแขยง รูปร่างสวยๆ ถ่มน้ำ บ้วนน้ำลายคายขี้มูก ไปทุกหนทุกแห่ง อย่างนี้เสียความสวยงามหมด เสียบุคลิกหมด ไม่ดีเลย อ่ะ เพราะฉะนั้น ของที่ทิ้งแล้วอย่ากลืนลงไป ของมันเสียหายแล้วอย่ากลืนลงไปในท้องอีกน่ะ เออ ไปหาบ้วนทิ้งก็ได้ ในกระดาษทิชชู่สักอันหนึ่งก็ได้หรอก ไม่เป็นไรหรอก กระดาษทิชชูสักอันหนึ่ง แล้วก็มาม้วนๆ แล้วก็บ้วนใส่นั่นล่ะ อ้า จึงค่อยไปทิ้ง อ่ะ ไม่ใช่ไอแตกโป๊ะ ขากออกมาแล้วบ้วนทิ้งไปตามถนนหนทาง สถานที่นั่ง ที่นอน ที่ทำงานต่างๆ เหล่านี้ ห้ามไม่ มากระทำอยู่ในสถานที่ประชุมแห่งนี้ ถ้ามีสักคนหนึ่งแล้วทำอย่างงั้นล่ะเป็นยังไง มองกันหมดเป็นตาเดียว เอ๋ ทำไมไอแตกโป๊ะแล้วเอาไปไหน กลืนกินหรือยังไง งง ที่ประชุมทั้งหลายคนทั้งหลายงง ส่ายหัวเลยล่ะ หึหึ ส่ายหัวเลย ก็เพราะฉะนั้น อ้า ของเสียแล้ว ควรระมัดระวัง อย่าถ่มน้ำลายคายขี้มูก ใส่ในสถานที่สาธารณะ

 

(ไอ)

บอกแล้วว่าอย่าไอๆ เดี๋ยวมันจะแตกโป๊ะ ไม่ดี ไม่ต้องอายหรอกมีแต่คนกันเองเนาะ(นะ) มานี้มีแต่คนกันเอง อ้า ไม่ว่าอะไรหรอก

 

นี่อันนี้ เรื่องภายในกิริยามารยาทสังคมของมนุษย์ ต้องรักเสงี่ยมเจียมตัว อย่าประเจิดประเจ้อ อย่าบ้วนน้ำลายคายขี้มูก ตรงไหนๆ ก็จะบ้วนไปตามเรื่องราว อันนี้ก็เสียมารยาทอย่างหนักเลย ที่เคยรักเคยหอมกันอยู่ แต่ว่าทำอย่างงั้นให้เห็น ๒ ที่ ๓ ที่ก็ เลิกตาใส่ โอ้ ทำไมทำอย่างงั้นล่ะ อ้า ถ้าอยู่ด้วยกันก็เลยรู้จักกันหรอก จะได้รู้ใจว่าคนนี้ทำไม่ถูก เออ ของเสีย ของถ่ายเสีย ของบ้วน ทิ้งไปเลยก็ได้ แต่ก็ทิ้งบ้วนทิ้งเป็นที่เป็นทาง อยู่ในชุมนุมถ้าบ้วนไปทุกหนทุกแห่งก็ไม่ดีอีกล่ะ เรามีกระดาษติดกระเป๋าเราอยู่เสมอ คนกรุงเทพฯ เขามีกระดาษทิชชู่ติดกระเป๋าไว้เสมอ ถ้ามันมีอะไรจนเจียนมา จะสั่งขี้มูกหรือจะบ้วนน้ำลายคายขี้มูกก็ มีวิธีหลบอย่าให้คนอื่นรังเกียจ เฮอะๆ คนอื่นรังเกียจเขาจะส่ายหัวเอา ส่ายหัวขยะแขยงด้วย อันนี้ของเสียไปแล้ว อย่าเอามาคุยกัน อย่าเอามาถกเถียงกัน ของมันเสียไปแล้ว พูดไปแล้วมันแล้ว อืม ถ้าอยู่ใกล้กันล่ะ ขอโทษๆ เออ มันเป็นหวัด มันเป็นขี้มูกน้ำลาย มันเป็นหวัด มีการขอโทษซึ่งกันและกัน เขาจะหาว่าเหยียดเขา เหยียดหยามเขา ถ่มน้ำลายคายขี้มูก ใส่ต่อหน้าต่อตา อันนี้ก็เป็นมารยาทของสังคม ที่จะต้องปฏิบัติต่อกันอย่างเคร่งครัด อ้า ตามถนนหนทางเหล่านี้เป็นสาธารณะ อ้า ประโยชน์ที่ใช้ร่วมกัน คือถนนหนทาง ที่นั่งที่นอน ที่พักพาอาศัย ทุกอย่าง ต้องเคารพสิทธิเสรีซึ่งกันและกัน เสรีภาพไม่ใช่เสมอกัน จะทำยังไงก็ได้ ไอบ้าง ของไม่ดีก็บ้วนอยู่ในห้องน้ำก็ได้ เข้าไปบ้วนในห้องน้ำก็ได้ ไปเบาไปหยังอะไร
ก็ปลดไปเบาในห้องน้ำ เวลาไปอึไปหยังก็อึในห้องน้ำ ก็คงไม่เป็นไร

เพราะฉะนั้น สถานที่อย่างนี้ห้องน้ำห้องส้วม เขาทำไว้เพื่อความเรียบร้อย ผู้ที่ไม่มีมารยาทใดๆ ก็สังวรระวังอย่าไปทำในที่สาธารณะให้คนอื่นเขาเห็นเข้า จะน่ารังเกียจอันนี้ก็ไม่ดี อันนี้เทศน์ต่ำๆ หรอกแล้วแต่ว่ามันเป็นมารยาทของสังคม มารยาทของสัง... สังคมที่ต้องเคารพ ตัวเองเขาน่ะเคารพในตัวเองแหละ ผู้อื่นอย่าให้ผู้อื่นขยะแขยงรังเกียจอีเดียด(idiot โง่เง่า)เรา อืม ตื่นขึ้นมาก็ล้างหน้าล้างตา ขี้หูขี้ตาเช็ดให้เรียบร้อย หึหึ หรือเปล่า อ้า บางคนก็ลืมล้างหน้าล้างตาก็มี อืม แป้งทาไว้แต่เมื่อวานเนี่ยยังเหมือนเดิม เสียดายมันหรือยังไง จะไปล้างหน้าให้เอาอล่องฉ่องเสียก่อน เออ จึงมาทาเอาใหม่ นั่นจรรยาบรรณ ควรประพฤติปฏิบัติต่อสังคมให้เรียบร้อย อย่าให้เขารังเกียจเรา คนรังเกียจเราก็มี น่ารังเกียจ ถ่มน้ำลายคายขี้มูกเหล่านี้ เป็นจรรยาบรรณของมนุษย์ ผู้ที่ได้ศึกษาอบรมมาแล้ว ให้เรียบร้อยอยู่ในสังคมมนุษย์ ต้องระมัดระวังหน่อย อย่าให้เลอะเทอะเปรอะเปื้อนไปได้เลย เออ อันนี้จรรยาบรรณของเรามี

จะเอาอะไรธรรมะอะไรมาเล่าให้ฟังหนอ เออ มีหลายอย่างอยู่ ฉายหนังจีนก็มี หนังไทยก็มี หนังลาวเว่า(พูด)อีสานก็มี เออ อะไรพอเป็นคติพอจะนำมาเล่าสู่ฟัง น่าสงสารก็มี บุคคลผู้น่าสงสารก็มี แต่ถูกไล่ออกจากการจากงานไปแล้ว แต่บัดนี้ทางเมืองเจ๋นั่น เขามีคนกบฏ กระบัด(ฉ้อโกง) กินเงินหลวง กินเงินราษฎร์์กันมา อุตลุด อ้า เอ้าแล้วคุ้มเงินไม่อยู่แล้วปะเนี่ย คิดถึง ลูกศิษย์เก่า ลูกศิษย์เก่าแก่ของพระเจ้าแผ่นดิน เป็นคนซื่อที่สุด แต่ว่าถูกด่าทุกวัน ถูกด่าทุกวัน แกทำไมไม่นั่น แกทำไมไม่รู้ว่า ด่าแบบหยาบๆ เออ ลื้อ อั๊ว ลื้อ ภาษาจีน ลื้อทำไมไม่จำ ลื้อทำไมไม่ดูไม่แล ตัวๆ นั่นแหละ อั๊วเห็นแล้ว เออ เป็นคำพูดเปลี่ยนออกไปเพราะมันเป็นภาษาต่างประเทศ มีตระกูลๆ หนึ่ง ได้เป็นขุนนาง ได้เล่าเรียนศึกษาสูงพอสมควร ได้เป็นขุนนาง ฝ่ายการเงินของพระเจ้าหวางตื้อ ดูความเรียบร้อยของข้าราชการ ทุกแผนก ทุกกรม ทุกกอง เขาคนนั้นเขาชื่อว่ามิ่งกงฝ่าน่ะ มิ่งกงฝ่าเนี่ยเป็นคนโสดอยู่ซะก่อน เออ เพิ่นก็เอาไปชุบเลี้ยง ให้ทำงานทำการ ฝ่ายเงินการทอง ให้ดูแล ขาวสะอาดทุกเดือน ไม่ให้มีการขาดบัญน้ำบัญชีไม่มี ไม่เคยมี แต่ว่ามันมีเพื่อนมาเยอะๆ ข้าราชการมาทำงานการเงินการคลังเข้าเยอะๆ เงินทองเลยขาดดุลไป ขาดงบประมาณไป เอ้ โมโห พระเจ้าหวางตื้อโมโห ก็ไปปล่อยความโมโหโกรธาใส่คนที่อยู่ใกล้ แกไม่รู้ๆ แกทอดทิ้งการงานก็ว่าไป เจ็บๆ แสบๆ อ้า โฮ เราอุตส่าห์ทำงาน ซื่อสัตย์สุจริตขนาดนี้ ก็ยังกระทบกระเทือนเราได้ขนาดนี้ ถ้าเราอยู่ในราชการนี้ต่อไปจนเกษียณ ก็คงจะได้รับกระทบกระเทือน มากกว่านี้อีก อืม ก็ๆ ขอลา ขอลาออกจากการจากงาน อ้า เพราะว่า มิ่งกงฝ่าขอลาออกจากงาน อยู่ที่นี่ไม่ ไม่สบายใจ ก็โกรธโมโหแรง เขาลาแล้ว พระเจ้าหวางตื้อโกรธ แกเห็นว่าข้าเลี้ยงแกไม่ได้ แกจะไปจากไหนก็ไป จะไปที่ไหนก็ไป ไล่ส่งเลยเพิ่นน่ะ ก็เข้าใจว่าพระเจ้าหวางตื้อ อ้า อนุญาตแล้ว ไล่ให้ส่งไปแล้ว ออกจากงานไปแล้ว วันไหนว่างๆ ก็เลยแต่งตัว เตรียมตัว จะเดินทางไปที่หัวเมืองอื่น เออ เตรียมตัวหมดเรียบร้อยแล้วก็ เหมาล่อ เหมาเกวียนหรือเหมารถหรือเปล่าสมัยก่อนน่ะ

สมัยไม่มีรถนู้นล่ะ เดินทางหาบหามของไปธรรมดา ไปถึงหมู่บ้านลิ้วฉี่ หมู่บ้านลิ้วฉี่เป็นบ้านนอก ออกจากเมือง เมืองเจ๋หรือเมืองเย่ ออกไปเดินทางไป รอนแรมไปอยู่นู้น ชาวบ้านนั่น เขาเห็นขุนนาง ผู้หลักผู้ใหญ่ไป เขาก็ช่วยเหลือ ช่วยเหลือเจ้านาย เป็นขุนนางของพระเจ้าหวางตื้อ เออ เป็นผู้หลักผู้ใหญ่พอสมควร ถ้าเป็นรัฐมนตรีก็เป็นถึงพู้น(โน้น)น่ะ สูงๆ นู้นล่ะ เข้าเห็นเจ้านายของ บ้านเมืองมา พักพาอาศัยก็จัดการ ที่พักพาอาศัย อยากได้ที่ไหนปลูกบ้าน ที่อยู่ที่อาศัยพอได้ซุกหัวนอน หลบแดด หลบฝนหน่อย ชาวบ้านชาวเมืองน่ะเขาช่วยกันทุกอย่าง ไม่ให้ลำบาก ขอให้อยู่ที่นี่ ขอให้กินที่นี่ หาอยู่หากินที่นี่ เพิ่นไล่มาก็ช่างเขา เพิ่นเถอะ แต่ว่าพวกเราไม่ทิ้งกัน เราก็บ้านนอกคือกัน อืม เมื่อไปแล้วก็เสียใจหลายไปเลย เป็นคนเสียใจจากตกการตกงานไปเล่นการพนันไม่ลืมหูลืมตา เล่นการพนันบ้าง กินเหล้าเมามายบ้าง แล้วก็ไปเที่ยวผู้ญาผู้หญิงที่ไหนก็ไป ไม่มองเห็นหัวอกของภรรยาเลย มีแต่ใช้มีแต่เล่นอย่างหนึ่ง เงินทองก็ร่อยหรอลงไปทุกวันๆ ไปเที่ยว เล่นการพนัน ต่อมาเป็นคนจน อาศัยชาวบ้านชาวเมืองเขาให้ ได้กินบ้าง แต่ยังไม่หายพยศ ยังพยศอยู่นั่นแหละ คนดื้อ ไปเที่ยวผู้ญาผู้หญิงก็ไป ไปเล่นการพนันก็ไปอยู่อย่างงั้นแหละ ต่อไปต่อมาก็ ยากจนลงๆ ดิ ภรรยาสู้ไม่ไหว พัก ตามหัวใจอาเฮียเถอะ พี่เถอะแล้วแต่ แต่ฉันไม่ยอมแหละ อย่างนี้ไม่ยอมหรอก

ฉันจะตามข้ามภูเขาไปนู้น เออ เมืองเจียงหนัน เมืองกังไส อยู่ที่ไหนเขาว่ามีใบชาพันธุ์ดีๆ อยู่เมืองแถวนั้น เราจะไปนำเอาใบชาจากเมืองนั้นมา ปลูกให้เป็นล่ำเป็นสัน เป็นที่พึ่งอาศัยให้มันอาศัยได้ เดินไปตั้งแต่เช้า เย็นพู้น(โน้น)ล่ะไปนอนนู้น ไปขอพันธุ์ใบชาจากเขา เขาก็ไม่เรียกไม่แพงหรอก เอาเท่าไหร่ อาซิ้มเอย อ่ะ อ้า เดี๋ยว เออ จะเอาเท่าไหร่ เอาได้ตามชอบใจนะ มีแรงเท่าไหร่เอาไป ใบชาเมืองเจียงหนัน เมืองกังไสน่ะมันพันธุ์ดีที่สุด ได้ใบชาก็พักผ่อนบ้างเถอะ เดินทางกลับมาบ้าน มาถึงบ้านก็เมื่อยแล้ว เออ ตื่นเช้าจึงเอาไปที่ไร่ ไปขยายพันธุ์ ในไร่แห่งนี้มันมีภูเขามีน้ำตกผ่านมาทางนี้ เป็นสมรภูมิหรือชัยภูมิที่เหมาะสมกับปลูกใบชา ขยายใบชาจนแน่น เอาของเก่าที่เอาแล้วมันแน่นไปก็ ขยายออกๆ มันไม่เพียงพอกับการขยายก็ ไปข้ามภูข้ามเขา ไปอีกอยู่อย่างนั้นหลายรอบ จนได้ตามประสงค์แล้ว อ่ะที่ก็ไม่มีใครมาแย่ง ไปแย่งไปแบ่งเอาที่ไหนก็เป็นของเขาหมด อืม ในภูเขาแห่ง ภูเขาเป็นวงกตอยู่ที่นี่ ในวงนี้เป็นของเราหมด ผู้หญิง ไปคิดทำอย่างงั้นก็เหนื่อยยาก ขึ้นๆ ลงๆ จากภูเขาก็เหนื่อยพอแรง แถมยังเดินทางไปเอาใบชาจากเมืองเจียงหนัน เมืองกังไสมา เออ เอามาเพาะปลูกจนมากมาย จนพอขายแล้ว พอเก็บขายได้แล้ว แต่ว่าตัวเองนะสิว่าทำงานหนัก ผู้หญิงทำงานหนัก ร่างกายก็เมื่อยล้าไป เดินทางปลอมแปลงตัวเองไปนะ ไม่ได้ธรรมดา เป็นผู้หญิงเดินทางข้ามภูข้ามเขา เป็น แต่งตัวเหมือนหนัง อาตี๋อาเต้อไปนู้นล่ะ เออ ข้ามไปได้แล้วก็มา ก็ขยับขยายจนเต็มในไร่ในสวนพู้น(โน้น)ล่ะ ไร่ใบชาแห่งนั้นจนมีชื่อ เป็นใบชาอย่างดี

ทางมิ่งกงฝ่าก็สอนลูกว่า ลูกเอย ใบชาที่แม่ของเจ้านำมาปลูกฝังไว้นะ เป็นยานะลูกนะ มันเป็นยานะใบชา พันธุ์นี้เป็นยาใช้แก้อสรพิษได้ สัตว์กัดต่อย เคี้ยวๆ ปะ ก้มดูดออกหมด หรือว่ามันเป็นร้ายแรง พิษร้ายแรง เคี้ยวๆ แล้วบ้วนใส่ปากให้กลืนกินเลย หรือว่าต้มน้ำร้อน แล้วเอามาต้มซะก่อนแล้วจึงให้กิน มันจะแก้อสรพิษได้อย่างดี ให้รู้จักอยู่ รู้จักคุณภาพของใบชา อืม ถ้าเป็นแมงป่อง หรือตะขาบ แมงป่อง สัตว์น้อย สัตว์ใหญ่ มันต่อย มันขบกัดนิดๆ หน่อยๆ เคี้ยวใบชาปะลงไป มันก็ดูดออกหัวมาจนหมด จะไม่เจ็บ ไปทำงานได้สบาย เนี่ยคุณภาพของใบชามันดี ท้องร่วง ท้องเสีย ต้มใบชาแก่ๆ ให้กิน กินใบชาถ้วยเดียวเท่านั้นแหละหายเลย ท้องร่วงนั่นหายเลย มันเป็นยาขนาดนั้น นั่นอยู่ต่อมาเรื่อยๆ

ภรร... ภรรยาของมิ่งกงฝ่า อ้า ป่วยเป็นไข้ เดินทางบ่อยๆ แล้วเป็นไข้ ทนไม่ไหวก็เลยตาย ภรรยาตายแล้วก็เลยเลี้ยง เออ ลูกกำพร้า มิ่งกงฝ่าเลี้ยงลูกกำพร้า แต่ว่าสอง คนหนึ่ง มันเป็นนักเลงไปแล้ว ๒ คนลูกหัวปี ไอ้จุ๊กฝ่า ไอ้ฉิ่นฝ่า ๒ คนนั้นเป็นๆ นักเลงหัวไม้ ว่าตัวเป็น ตัวเป็นลูกขุนนางแล้วไม่กลัวใคร เป็นนักเลงน่ะ เขาเลยจับเอาไปขังคุกขังติดตะรางไว้ เวลามาบ้านก็มาไถพ่อไถแม่ เป็นอย่างงั้นแหละ อ้า เขาจับขังไว้แล้วไม่มีโอกาสที่จะออก นั่นดี ไถพ่อไถแม่กิน ยาเสพติดให้โทษทุกชนิดเอาทุกอย่าง นี่หมายถึงว่าไอ้จุ๊กฝ่า ไอ้ฉิ่นฝ่า หัว ลูกหัวปี เป็นคนติดคุกติดตะราง จนว่าชาวบ้านชาวเมืองเขาเอือมระอา เวลามาบ้านก็มารีดนาทาเร้น น้องสาว อ้า น้องสาวคนหนึ่ง น้องสุดท้อง
คนหนึ่ง กำลังเป็นสาวขึ้นมา เอามา มีเงินเท่าไหร่เอามาให้กู กูป่วยน่ะ ป่วยแล้วไม่มีเงินรักษาตัว ต้องเอาไปให้เขาทุกเดือน เออ

แท้ที่จริงมันกินยาเสพติดให้โทษแต่มันไม่บอกโดยตรง อยู่ต่อไปต่อมาเนี่ยภรรยา แม่ตาย แม่ตายลงไป ไอ้มิ่งกงฝ่าเคยเล่นการพนัน เคยกินเหล้ากินยา เราเสียเมียที่ดี ดีที่สุด แม่เขาเองดีที่สุด ขยันที่สุด เราจะเลิกเหล้า ไม่กินเหล้า จะไปสร้างสืบสานต่อฝีไม้ลายมือของเมีย อ้า เอาเมียไปฝังไว้ อ่ะ ไร่ใบชาทำฮ่อง ทำฮ่องซุ้ย(ฮวงจุ้ย) ทำอะไรไว้ตรงนู้นล่ะ ขึ้นไปแล้วก็ไปไหว้ซะก่อน ไหว้ภรรยาซะก่อน เออ แล้วจึงค่อยไปทำงานต่อ เป็นอย่างงั้นเป็นประจำ เลิกจากการกินเหล้า เลิกจากการเล่นการพนัน เออ ตัวเองก็แก่แล้ว ๖๐ กว่า หลงอ่ะ เกษียณมาแล้ว อืม

ลูกกำลัง กำลังเป็นหนุ่ม เป็นบ่าว เป็นชายหนุ่ม ผู้หญิงก็ซอน(สวย)ขึ้นมาเป็นผู้หญิง ไอ้นี่อยู่กับพ่อ อยู่กับพ่อกับแม่ ไม่ได้ไปไหนหรอก อยู่ช่วยงานช่วยการช่วยพ่อแม่อยู่ที่บ้าน ไม่มีงานอะไร เก็บเอาเสื้อผ้าอาภรณ์ชาวบ้านเขามา มาสอย มาสอยมาเย็บให้ มาทำมาตาก มาปะให้ ที่ไหนมันไม่ดีเก็บให้ เพราะอาศัยได้เงินซื้อ เพราะว่าได้อีแปะ อ้า ซื้อข้าวซื้อน้ำซื้ออาหารการกิน ให้พ่อได้กิน เออ เป็นคนขยัน ชื่อว่า ชิ้วหลั่น เออ คนสุดท้องเนี่ย ชิ้วหลั่น เพิ่นซ้อม ไอ้จุ๊กฝ่า ไอ้ฉิ่นฝ่า มันเป็นพี่ชาย แต่ไปเสพติดให้โทษ เขาจับไปติดคุกติดตะราง ลำบาก มาหาน้องก็มาไถน้องทุกวันๆ ถ้ามาก็ มาแล้วมาไถเอาของน้องล่ะ น้องก็เก็บหอมรอมริบเอาไว้ มันจะถึงวันไหว้เตี่ยไหว้ ไหว้แม่แล้ว แม่เราเอาไปฝังไว้หลายปีแล้ว เออ ยังไม่ได้ไปวันสารทผี ไม่เคยได้ไปไหว้ๆๆ ไหว้แม่ เก็บเงินไว้จะไปไหว้แม่ล่ะ เออ แต่ว่าพี่ชายมาค้นหาเอา มาแล้วไม่รู้จะเอาไว้ไหน เออ

มึงจะโกงเอาเงินของพ่อของแม่แต่คนเดียวเหรอ พ่อของเราเป็นถึงขุนนาง ผู้หลักผู้ใหญ่มีเงินมีทองมีแก้วเก้านวรัตน์ มีมากมาย ขนมาแล้วมันเอาไปไหนหมดล่ะ โอ้ย เฮียเอย อยากพูดอย่างงี้ พ่อไปกินฝิ่น กินยาเสพติด กินเหล้า กินยา แม่เราก็ตายไปแล้ว เดี๋ยวนี้พ่อก็เลิก เลิกอ่ะ เลิกจากเหล้า จากเหล้ายาปลาปิ้งเลิกแล้ว ไปทำงานทุกวันอยู่ในไร่ เวลาค่ำมืดถึงค่อยได้ลงมาหาลูก ลูกก็บ่หนีจากบ้านจากช่อง อยู่กับบ้าน อยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือนนะ แต่ต่อมานี้ เออ พ่อตายอีก พ่อป่วยตายอีก แล้วมารีดนาทาเร้นน้องสาวปะเนี่ย

พวกนั้นผ่านมาแล้วรีด มีเท่าไหร่เอามา ถ้าไม่ให้ ไอ้ตัวมันเล็กแต่มันใจร้อน เตะน้อง เตะเข้าทรวงอกเนี่ย ขาคมๆ ขาน้อยๆ มีแต่กระดูก มันๆ กินยาเสพติดให้โทษ เตะแล้วก็จุก แอ้กๆๆ น้องก็ยกมือไหว้ อย่าเลย พี่เอย อย่าทำร้ายน้องเลย ถ้าอยากได้ก็อยู่ในไท่(ถุงยาวใช้คาดเอว)เหรอ อยู่ในไท่(ถุงยาวใช้คาดเอว) ห่ออยู่นั่นแหละ แต่ว่าฆ่าตีน้อง มันผิดธรรมเนียม ไม่ขัดข้องหรอก แต่ว่าน้องเก็บไว้สำหรับเป็นค่าขนมสารทผี เอาไปไหว้แม่ เออ เก็บไว้ที่นั่นเอาไปไหว้แม่ ไม่ได้ไหว้มาหลายปีแล้วว่า เออ ได้แล้วจะ ได้เงินแล้วจะไปเลย ได้เงินแล้วจะไปเหรอ น้องก็บอกอ้อนวอนพี่ พี่จะอยู่กับน้องสักคืนหนึ่งไม่ได้หรือ ตื่นเช้ามาจะได้ไปไหว้แม่ด้วยกัน ไปไหว้แม่ เอ้ คนตายแล้วจะให้กูไหว้อย่างงั้น จะให้กูไหว้ยังไงก็เอามา เอามา กูจะเอาไปซื้อยากิน อืม เป็นคนรีดนาทาเร้นขนาดนั้น ถ้าน้องไม่ให้เงิน เตะน้อง เออ ขาคมๆ มันบางๆ มาเตะน้อง เข้าที่ท้องแล้วก็จุกแอ้กๆ ต้องยกมือไหว้ทุกครั้งแหละ อันนี้เรื่องมันเป็นอย่างงี้

อันต่อมาน่ะมี แม่เฒ่าหยู้หลั้ง เห็นว่าชิ้วหลั่นน่ะ เขาอยู่แต่ตัวแม่ก็ตายหนีจาก พ่อก็ป่วยอยู่ๆ ไปไหนไม่ได้ ก็เลยมาอยู่เป็นเพื่อน แม่เฒ่าหยู้หลั้ง เป็นญาติห่างๆ กัน อืม ก็ได้ช่วยแลกัน เออ อยู่ไปอยู่มานี่พ่อก็มาป่วยลงดับอีก เออ หลั่นเอย สั่งลูก หลั่นเอย พ่อไม่มีอะไรจะให้เจ้านะ อ้า หลังคามันรั่วแล้ว หลังคาข้างบนก็รั่วๆ แล้ว มองที่ไหนก็มีแต่รั่วๆ เออ ข้างล่างก็พออาศัยได้ นอนบนเตียงไม้ไผ่เฉยๆ ทั้งตนเองสิใครจะดูแลให้ เออ ลูกก็ปลอบใจว่า เตี่ย ไม่ต้องห่วงหรอก เตี่ยไม่ต้องห่วงมัน อ้ามันจะเป็นยังไงช่างมัน แต่ห่วงเตี่ยเนี่ยแหละ อั๊วให้กินยา ให้ยากินยาเข้าให้ดี ปะเดี๋ยวก็หาย เป็นโรคไอ ไอ ไอก็โรคปอดหรือว่าเป็นปอดมา สูบบุหรี่มากเกินไป ไอ ไอโขกแตกออก ทุกครั้งๆ แหละน่าเกลียดอยู่ เอาไปเอามาก็ตาย ตายแล้ว แม่เฒ่าหยู้หลั้ง ก็มาอยู่เป็นเพื่อน แม่เฒ่าหยู้หลั้งเป็นญาติห่างๆ มาอยู่เป็นเพื่อนชิ้วหลั่น

ยายๆ สมบัติของเตี่ยมีอยู่นะ มีอยู่สมบัติของแม่ของเตี่ยแม่ได้ไปพัฒนาไว้ ไร่ใบชาไปดูกันเถอะ ขึ้นไปดูกัน พากันขึ้นไปดู ที่จากนี้ไปนี้ จากนี้ไปนี้ โน้น ตรงโน้น แม่เฒ่าหยู้หลั้งก็บอกว่า ไม่ตายแล้วหลานเอย ไม่ตายแล้ว เรามีไร่ใบชามหาศาลขนาดนี้ เราจะไปยอมตายทำไม เราจะไป เออ ยายจะจัดการกับมันเองอ่ะ ไปเก็บเอาใบชามาบ่มไว้ๆๆ จนใบมันงอมแล้วก็เอาไปขายในตลาด แม่เฒ่าหยู้หลั้งไปเอง เดินข้ามภูข้ามเขา เข้าไปเมืองเจ๋ ไปตลาดเมืองเจ๋ เออ

แต่ว่ามิ่งกงฝ่าเขาตามหา เขาตามหาอยู่ ไม่เจอ ถึงมาก็ไม่รู้จักกัน เพราะว่ามิ่งกงฝ่านั้นปลอมตัว หน้าตา ขนคางก็ยาว ขนหนวดก็ยาว ใส่งอบ ใส่งอบใส่หมวกน่ะ กันฝน หาบของไปขาย มาอยู่ มาตามหาอยู่ ตามหามิ่งกงฝ่า ขุนนางเจ้าหน้าที่มาตะเวน บ้านเมืองมันเกิดเดือดร้อน มีคนกินเงินกินทอง แล้วก็อยากได้มิ่งกงฝ่าคนเข้าไปทำงานอีกเออ ต่อไปต่อมา ก็ได้ยินข่าวว่าตายแล้ว เออ ตายแล้ว มิ่งกงฝ่าก็ตายแล้วเอา บอกชาวบ้านชาวเมืองให้ช่วยด้วย ช่วยด้วยฉันไม่มีใคร อ้า ขอให้ไปเอาศพของเตี่ยไปทำฮ่องซุ้ย(ฮวงจุ้ย) ทำอะไรไว้ติดกันกับแม่ แม่ฝังอยู่ที่โน่น ไปเอาเตี่ยไปฝังไว้ที่นี่ อ้า ให้อยู่ด้วยกัน อืม

บัดนี้แม่เฒ่าหยู้หลั้งป่วย โอ้ย เหงื่อเป็นไข้ตะครั่นตะครอ ไปไม่ได้แล้ว เอาสะพายตะกร้าใบชาหรือ ไอ้นั่นใบชา ๒ ถังใหญ่ๆ ๒ ชะลอมใหญ่ๆ พาข้ามภูข้ามเขาก็ลำบาก เอาไอ้นั่นอ่ะๆ เออ อืม ชิ้วหลั่นจะไปเองๆ ห้ามไม่ให้ไป ชิ้วหลั่น ไม่ให้ไปข้ามภูข้ามเขา ข้ามป่าข้ามลม เป็นหญิงเป็นนาง ไปไม่ได้หรอก ทหารเขารู้จักว่าเป็น เออ หญิงเป็นนางน่ะ เขาจะรุมป้อมทำชำเราอะไรก็ได้อยู่ อย่าไปเลย อย่าไป เอาไว้นั่นแหละ เสียช่างมันเถอะ อ้า ชิ้วหลั่นเสียดายของ เสียดายก็เลย อ้า ทำยังไงของนี้มันตั้งหลายตะกร้า เออ ถ้าทิ้งไปก็เสียเงินไปเฉยๆ เข้าไปในห้อง เข้าไปในห้องนอนของตัว ไปแต่งตัวปลอมองค์ เป็นอาตี๋ เออ เขียนคิ้วๆ ให้มันโค้งเหมือนผู้ชาย หนวดบ้างให้มันเป็นเหมือนผู้ชาย มีหนวดขึ้นมา ขนคางไม่มีก็แต่งเอาๆ ขนคางไม่มี ใส่หมวกอาตี๋ นุ่งเสื้อก็นุ่งเสื้ออาตี๋ออกมา ออกมาจะบอกยาย ยายๆ จำข้าพเจ้าได้ไหมยาย จำได้ เอ้ ใครล่ะ อาตี๋มาจากไหน เออ มองแล้วมันแต่งตัวอาตี๋ อ้า ยายไม่รู้จริงๆ เหรอ เออไม่รู้จริงๆ เดี๋ยวก็รู้ล่ะยาย ตะกร้าใบชามันมีกี่ตะกร้ายังเหลืออยู่ ฉันจะไปเอง ไม่ได้ๆ ไม่ให้ไป ไปไม่ได้ๆ เป็นสาวเป็นนาง ไปไม่ปลอดภัยๆ อ้า แล้วจะไปแต่งตัวอาตี๋ออกมา มาให้ยายเห็นหน้า นี่จำได้ไหม ยายๆ จำได้ไหม พูดเป็นเสียงผู้ชายสักหน่อยหนึ่ง แต่งตัวแล้วก็เสียงมันเป็นผู้หญิง แล้วก็แปลงตัวให้เป็นผู้ชาย ยายๆ จำได้ไหมได้ เออ มองไปมองมา เออหลั่นนี่เอง เออ ถ้าไปอีท่านี้ ค่อยยังชั่วให้ระวังให้ดีนะ จมูกมันเป็นผู้หญิงอยู่ ปากแดงๆ ถึงแต่รูป เอาแต่หนวดมา ยังปากแดงๆ อยู่ แก้มแดงๆ เออ มันรูปร่างหน้าตามันบอกผู้หญิงเต็ม เต็มร้อย แต่ว่าไปต้องไปขายที่บ้านนายหวางนะ เออ ไปขายที่บ้านนายหวาง ยายไปๆ ในนายหวาง เอาหมดคนเดียว

นายหวางเนี่ยหมายถึงพระเจ้าหวางตื้อ อ้า แต่ว่ายายไม่รู้จักว่าพระเจ้าแผ่นดิน พระเจ้าหวางตื้อ ไปขายให้ที่นั่น ถ้านายหวางมาซื้อ ก็ได้เงินหลายเหรียญ หลายเป็นตำลึงๆ พู้น(โน้น)ล่ะ เออ ถ้านายหวางมาซื้อล่ะได้หลาย คนเอาไปเลี้ยงแขก อืม ไปเลี้ยงเจ้าหน้าที่ แขกในบ้าน แขกเมือง บ้านเขาอยู่ไหน ก็บอกยายบอก ยายบอกว่าบ้านของนายหวาง ข้ามคลองไป ซะก่อน ข้ามคลองไปแล้วก็ไปเห็นกำแพงใหญ่ๆ แล้วข้ามกำแพงเข้าไป เห็นว่ารับเอาที่นั่นแหละ แน่ะไม่รู้จักว่าวัง ไม่รู้จักว่าวังพระเจ้าวังหวางตื้อ ว่าบ้านนายหวางเฉยๆ ได้ราคาดี ไปขายแต่ละเที่ยวๆ ได้เงินมากินเป็นเดือนๆ ก็ไม่หมดน่ะ นั่นล่ะเธอไปขายให้บ้านนายหวางน่ะ เออ สั่งกันอย่างงี้

ไปซะแล้ว สะพายตะกร้าออกมาที่เกวียน สะพายมาลัดทางเกวียน ขออาศัยเกวียนเขามา ขออาศัยไปด้วยคนเถอะ อาแป๊ะเอย ลุงเอย เออ ขออาศัยไปด้วยคนได้ไหม ดีสิ อาตี๋ๆ ขึ้นมาเลยๆ เอาตะกร้าใบชามา ที่นี่ก็นั่งข้างหลังไปก็ได้ อืม แม้ตั้งแต่อาแป๊ะน่ะก็บ่รู้จักว่าเป็นผู้ชาย ว่าเป็นอาตี๋เฉยๆ เพราะเหลียวดูหน้าดูตามัน มีหนวดมีเครา เออ ขึ้นเกวียนแล้วได้นอนแล้ว

บัดนี้จะกล่าวถึง ในเมืองเจ๋ ในเมือง เพิ่นลูกชายพระเจ้าหวางตื้อ เป็นคนคึกคะนอง ชอบเที่ยวป่า เที่ยวเขาไป ขอลาพระบิดา เออ ตั้งนานแล้วพระบิดาไม่อนุญาต เพราะว่าไปในป่าจะแต่งตัวแบบนี้ไม่ได้หรอก แต่งตัวกุมารแบบนี้ไม่ได้หรอก ต้องแต่งตัวชาวป่า นุ่งเสื้อหม้อห้อม(ม่อฮ่อม) นุ่งผ้าขาวม้ารัดเอว แต่ก่อนและก็ จัดการให้คนหาบของ มีลูกหาบหาบของไป อาหารการกินก็มี ไปสำหรับหุงต้มอาหารก็เอา เตาไปหุงต้มอาหารกินเองในป่า อย่าให้คนอื่นเขารู้ เขารู้จักว่าเป็นขุนนาง เป็นลูกพระเจ้าหวางตื้อ เขาอาจจะฆ่าก็ได้ แย่งลาภแย่งยศกันก็ได้ ต้องปลอมองค์ อย่าให้เขารู้เลย แต่ว่าอยู่มาหลายวันแล้วก็ แต่งครบล่ะวันนั้น วันชิ้วหลั่นนั่งเกวียนมา

ทางนี้ก็ถูกงูกัดอยู่ในป่า งูเห่าดำกัดที่นิ้วหัวแม่มือเท้า เลือดออกตามไรฟัน ตามขุมขนทุกแห่งล่ะ งูเห่าดำนั่นก็หมายงูจงอางน่ะ แย่เลย ตายล่ะเขาก็หามแล้วพอได้ก็หามกุมาร หามกุมารออกไปใส่ทางเกวียน เออ ได้อาศัยเกวียนเขาเข้าไปบ้าง น่ะ ถ้าให้ปล่อยไปตายในป่า มัน พระราชาอาจจะสงสัยพวกเราประหาร ประหารกุมาร หรือนั่นเอา เอาออกไปเป็นๆ นี่แหละ อืม กำลังเลือดออกตามไรฟันนี่แหละ หามออกไป ไปนั่ง นั่งคอยอยู่ทางเกวียน คอยเกวียนจะมา สักหน่อยก็มาแล้วล่ะเกวียน เคาะกระดิ่งก็แรงป๋องแป๋งมาแล้ว เออ เอาแล้วๆ ใหญ่ มีขุนนางคนสำคัญออกไปโค้งคำนับ เออ ลุงเอย ลุงเอยหรืออาแป๊ะเอย มีชายเคราะห์ร้าย ถูกงูกัดอาการสาหัสสากรรจ์ กรุณาช่วยเหลือหน่อยเถอะ อืม ขออาศัยไปด้วยคน อาแป๊ะก็มองหน้าไปหาอาชิ้วหลั่น อา อาตี๋ปลอม ทางนี้ก็ไม่ว่า เอามาเลยๆ ฉันเดินเอาก็ได้ เออ ให้เอาคนไข้นั่นขึ้นมาบนเกวียนซะก่อน เข้ามาบนเกวียนซะก่อน ออกเกวียนแล้วก็ ขึ้นนั่งดีแล้วก็ออกเกวียนเดินทางไป หูแว่วขึ้นมา หูชิ้วหลั่นมันแว่วขึ้นมา เตี่ยสั่ง อืม ใบชานี่มันอย่างดีนะ มันเป็นแก้อสรพิษก็ได้แล้วเน้อ เอาปะ เคี้ยวๆๆ ปะที่แผลมันก็ใช้ได้หายแล้ว หรือถ้ามีเวลาพอ ก็ต้มน้ำร้อน ชงใบชาเอาไว้ให้ ให้คนไข้ได้กิน เออ ก็ทำตามพ่อสั่งล่ะ ทำตามพ่อสั่ง เพราะว่าเคี้ยวปับ เคี้ยวแหลกๆ ละเอียดไม่ละเอียด ก็พอกเข้าไปที่ๆ แผล แล้วก็พันด้วยผ้าซะ พันไว้มันก็ดูดออก เพราะว่าถูก เออ เนี่ยมันดูด ดูดพิษที่มันแดงๆ ขึ้นมา มันเป็นแดงๆ มันจะช้ำจนบวมแล้ว

ให้ถึงเวลากินข้าว ก็พักเหนี่อยกินน้ำ เพิ่นก็ปล่อยให้เพิ่น ๒ คนนี่อยู่ในเกวียน อาตี๋ปลอมแล้วกับกุมารล่ะ อู๋เหล็งกุมารหรอก อืม เขาเกิดปีเดียวกัน พระเจ้าหวางตื้อ เป็นผู้แต่งงานให้ เขาเกิดออกมา คนตัวพี่น่ะมันชื่อ จุ๊กฝ่า คนน้องลงมาน่ะชื่อ ฉิ่นฝ่า ผู้หญิงเกิดสุดท้ายเนี่ยว่า ชิ้วหลั่น เนี่ยพระเจ้าหวางตื้อแต่งชื่อ ลงชื่อให้หมด เออ แต่งให้หมดทุกอย่าง เอาแล้วปะเนี่ย ไปแล้วไป ไปฮอด(ถึง)ตลาดแล้ว พวกคนเกรียน เขาก็ย้ายกันไปเข้าโรง โรงเตี๊ยม โรงใบชาไป กินเที่ยว กินใบชา กินกาแฟกัน เออ ปล่อยให้คน ๒ คนนั้นคุยกันอยู่ในเกวียนปะเนี่ย แหม นี่ลุก ไม่มีเสียงไม่รู้จักใครเป็นใคร นั่นอาตี๋ อาตี๋แหละ เรียกเป็นอาตี๋ ก็อาตี๋กับเขา อืม อาตี๋ได้ช่วยให้กินใบชา ให้ได้กินใบชา อาตี๋ปลอมน่ะ เคี้ยวใบชา ประคบเข้าที่ปากแผลงู ปากแผลงูกัด มันก็ดูด สิปะเนี่ย มันก็ดูดใหญ่ เลือดก็หยุดออกตามไรฟันก็หยุด ออกที่ไหนก็หยุด หาย แล้วคุยกันรู้เรื่อง ก็คุยกันรู้เรื่อง ก็คิดสงสัยอยู่ เอ้ หน้าตามันเหมือนผู้หญิง แต่ว่ามันแต่งตัวอาตี๋ อาตี๋เอยอย่างงั้นอย่างงี้ แน่ะ เอาล่ะรู้จักกันไว้ ผู้มีบุญคุณต่อเรา ถ้าหากขายใบชาเสร็จแล้ว เราขอเชิญไปพักที่บ้านเรา สักเพลาราตรี เออ ก็ได้ มีที่พักพาอาศัย อืม โอ้ย ฉันมีคนเดียว ยายเฝ้าบ้านอยู่คนเดียว จะอยู่ยังไงไปยังไง เอาเถอะน่าไม่เป็นไรหรอก ยายป่วยอยู่ทางนู้นไม่ ไม่ได้กินยา เอาไปเอามาเขาก็ตามออกมา ตามออกมาหาคนที่รักษากุมารน่ะ เอ้า ไปเอาตัวมาดู พระเจ้าหวางตื้อก็แต่งสถานที่ไว้ เอาเก้าอี้ล้อมวง โต๊ะอยู่กลาง พระเจ้าหวางตื้อ ก็นอน เออ นั่งคอยอยู่นั่นแหละ

แล้วให้ขุนนางขุนพล เออ ขุนพลเป็นหัวหน้าพาไปเอา จำได้ไหม จำได้ เออ ไปที่นู้นก็บอกไม่เห็น ไปที่ขายของก็บอกว่าไม่เห็น เห็นสะพายตะกร้าไปนั่งอยู่ม้าหินทางโน้น ม้าหินที่เขาขายของนั่นแหละ ดอกเฟื่องฟ้าราตรีมันมี ไป ไปนั่งเล่นอยู่นั้น ชิ้วหลั่นนั่ง เราจะนอนที่ไหนวันนี้ มันค่ำแล้ว ถ้านอนที่เกวียน ก็ไม่ปลอดภัยอีกล่ะ เราเป็นผู้หญิง ถ้าเขารู้จักอะไรๆ เขาจะรังแกเรา แล้วจะไปที่ไหนดี นั่งเป็นทุกข์เป็นร้อน อยู่ อืม

ไปทางโน้น เขาก็ไปบอกไว้ล่ะ เอาอู๋เหล็งกุมารไปถึงบ้าน เอางูใหญ่ไปด้วย เนี่ยเขาตัดคอแล้วมัน งูใหญ่ๆ ตัวนี้ กัดกุมาร เออพอได้ล่ะ เอาตัวมา แล้วพวกขุนนางทั้งหลายก็มา มาสะพายเอาตะกร้าใบชา คนหนึ่งถือตะกร้าใบชา คนหนึ่งสะพายเอา ถือกระบี่นำหน้า เป็นขุนนาง เป็นลูกเจ้าเมือง ตายล่ะว่ะ เว้ย ข้ามคลองเข้าไป ไปเห็นกำแพงใหญ่ นึกแล้วบ้านคนทำไม นี่ล่ะบ้านนายหวางอ่ะน่ะ บ้านายหวางทำไมกำแพงใหญ่โตอย่างนี้ เออ เอาฉันคืนที่นี่เถอะ เธออย่าเอาเข้าไปเถอะ ไม่ได้ๆ เนี่ยบ้านนายหวางคือพระเจ้าหวางตื้อ เพ่ิ่งจะบอก ยายที่มาขายของไม่เป็นไรหรอก นั่นหลอกเฉยๆ เนี่ยพระเจ้าหวางตื้อสั่งรับปากให้เอาเข้าไป ไปแล้วก็เห็น อะไรล่ะ เข้าไป เออ รั้วเหล็กกล้า ไปเห็นรั้วเหล็กกล้า ตกใจใหญ่ โฮ มันบ่เป็นบ้านธรรมดา เป็นวังใหญ่น่ะ เอาฉันคืนเถอะ รีบแย่งใบชากัน แย่งตะกร้าใบชา เอามาๆ ของฉันจะไปฉันไม่เข้าไปหรอก เออ ในวัง เออ ของพระเจ้าหวางตื้อ เพิ่นสั่งไว้แล้ว เข้าไปเถอะน่า เฉยๆ พระเจ้าหวางตื้อแต่งตัวคอยแล้ว แต่งตัวคอยอยู่ นั่งเก้าอี้อยู่โซฟานู้นล่ะ

พอเห็นหน้าเท่านั้นแหละพระเจ้าหวางตื้อตกใจ เอ้ คนที่แก้งู หายพิษงู อาตี๋คนนี้แหละ มันใช่หรือเปล่า หน้าตามันเหมือนกันกับแม่มัน แม่มันเมียไอ้ ไอ้ เมียไอ้ ของ แม่ของชิ้วหลั่น เนี่ย เมียของไอ้อะไรเนี่ย เราเป็นคนแต่งงานให้มันเอง เราเป็นคนแต่งงานให้เขาเอง นี่คงเป็นลูกสาวของเขาเนี่ย ได้ลูก ๓ คน ไอ้จุ๊กฝ่า แต่งตั้งชื่อให้ไอ้ฉิ่นฝ่า แต่งตั้งชื่อให้ ไอ้คนนี้มันต้องเป็นชิ้วหลั่นแน่นอน เพราะมันเหมือนแม่มันเหลือเกิน เออ เห็นหนวดหยุบหยับๆ อยู่ โอ้ เป็นไปได้ยังไง ตามหาแทบจะพลิกแผ่นดินก็ไม่เห็น คราวนี่ลูกของเขา มาช่วยลูกของเราเอง ไม่เป็นคนอื่นไม่ได้หรอก ต้องเป็น ลูกของมิ่งกงฝ่าแน่นอน เพราะเราเป็นคนแต่งงานให้เขา หาเมียให้เขา หน้าตามันไม่เหมือนใคร เหมือนแม่มันเหลือเกิน มีผมหยักศกน้อยๆ เหมือนกับใบหน้าแม่มันเหมือนกัน เห็นหนวดหยุบหยับๆๆ อยู่

พระเจ้าหวางตื้อก็สงสัยหา พอมาได้นั่งที่ถวายบังคม แล้วก็นั่งก้มหน้าอยู่ เจ้าชื่ออะไรอ่ะ เจ้าของใบชาเจ้าชื่ออะไรอ่ะ ชื่อชิ้วหลั่น เพคะ เออ นี่คำเริ่มต้นจากที่แรก ชื่อชิ้วหลั่นเจ้าค่ะ เพคะ เออ เอ้ ชิ้วหลั่น ไอ้จุ๊กฝ่า ไอ้ฉิ่นฝ่า มันก็มาติดตะรางอยู่ในเมืองนี้แหละ ชิ้วหลั่นก็เลี้ยงแม่เลี้ยงพ่ออยู่ ตัวของเจ้า ชื่อ ชิ้วหลั่นใช่ไหมน่ะ อย่าโกหกน่า อย่าปดข้านะ อย่าปดข้านะ ข้าคือคนแต่งงานให้พ่อเจ้า หน้าของเจ้าก็เหมือนแม่ เหมือนไม่มีผิด เหมือนแม่ จะขอถามเจ้าสักคำ ๒ คำ พอให้หายสงสัย สงสัยว่าจะเป็นลูกขุนนางของข้าหรือเปล่า ตามหาเป็นปีๆ หลายปีแล้วไม่เห็น พอได้ทราบก็ตายแล้ว เออ ตายทั้งสามีและภรรยา ลูก ลูกชายก็มาติดอยู่นี่ ติดคุกติดตะรางอยู่นี่ ๒ คน ไอ้จุ๊กฝ่า ไอ้ฉิ่นฝ่า ตัวของเจ้าชื่อว่าอะไร ชิ้วหลั่น เพคะ จะถามอีกข้อ เจ้าเป็นหญิงหรือเจ้าเป็นชาย หึ อย่าปดพ่อนะ อย่าปดข้านะ ปดคนอื่นปดได้ ปดข้าปดไม่ได้ เพราะว่าข้าเป็นคนแต่งงานให้พ่อเจ้า แม่เจ้าก็เหมือนกันนี่แหละ เหมือนกับชิ้วหลั่นนี่แหละ

 

ชื่อ ชิ้วหลั่นเพคะ เออ เจ้าเป็นหญิงหรือเจ้าเป็นชาย เออ ตอบ เป็นหญิงเพคะ เออ เจ้ามีคู่หมั้นหรือสามีแล้วหรือยัง เออ บอกให้ตอบคำเดียว ถ้ามีบอกว่ามี ถ้าไม่มีก็ยัง แค่นั้นก็พอใจแล้ว ยังเพคะ เออ ยังไม่มี ยังเป็นโสดอยู่ เออ ดีแล้ว ขุนนางทั้งหลายเอย ให้เอาลูกของข้าเนี่ย ไปพักบ้านหลวงในหลวง ให้เอาตะกร้าใบชา เจ้าจะขายเท่าไหร่น่ะเออ ตะกร้า ๒ ๓ ตะกร้านี้ เจ้าจะขายเท่าไหร่ เออ ฉันจะเหมาเอง เออ ขอถวายเพคะๆ ไม่ได้ๆ เรื่องเงินเรื่องทอง ทรัพย์สินเงินทอง พระราชาจะเอาเฉยๆ ไม่ถูกต้อง ต้องมีค่าตอบแทน เขาทำงานหนัก เออ เอา ไปเอาเงินของข้า อยู่ในคลังของข้านั่นแหละ ๔,๐๐๐ ตำลึง ๔,๐๐๐ ตำลึงเอามาให้ข้านะ เขาเอาชีวิตลูกชายของข้าไว้ได้ เออ แล้วเขาก็เป็นลูกขุนนางของข้าเอง เออ ที่หากันมาตั้งหลายปีแล้วไม่เห็น ได้ยินข่าวว่าตายแล้ว เออ ไปซะแล้ว เขาเอาไปพักบ้านหลวง เป็นบ้านรับรองหลวง มีมุ้งนอนหมอน... หมอนมุ้ง ที่นอนหมอนมุ้งดีมาก อืม ไฟสว่างไสวเหมือนกับ อ้า ที่รับรองของในหลวงล่ะ นอนสบาย นอนไม่หลับเลยวันนั้นน่ะ

ตื่นเช้ามา พระเจ้าหวางตื้อ ก็สั่งให้คนนำทางเอากลับไปส่งซะก่อน ไปจัดสถานที่รับขันหมากหลวงนะ เออ เราจะไปขอเขาเนี่ยเป็นลูกสะใภ้หลวง หึ เออ ขอชิ้วหลั่นเนี่ยเป็นลูกสะใภ้หลวงเลย ประชาชน ไพร่ฟ้าประชาชนจะเห็นด้วยหรือเปล่า เป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างยิ่งเพคะ ที่พระองค์ไม่รังเกียจประชาชนคนธรรมดา เออ เขาเอาชีวิตลูกชายของ ของเราไว้ได้เพราะเขา ถ้าไม่มีเขา ลูกๆ ชายของข้าก็คงตายเพราะเปล่าๆ อันนี้เขารักษาพยาบาลจนหายจากพิษงู เลือดออกตามไรฟันก็หาย อ้า พิษงูก็หายปกติ เดินได้ปกติเลย

เพราะฉะนั้นบุญคุณอันนี้ มันมีต่อกันแล้ว เราก็ไม่ทอดทิ้งเขา ก็เลยแต่งตั้งให้ ให้เพิ่นจัดสถานที่รับกับ รับขันหมากหลวงที่บ้านของชิ้วหลั่นนั่นแหละ จัดใหม่แต่งใหม่ เคยเป็น อ้า นั่นใหม่ วันดีคืนนี้พระเจ้าหวางตื้อก็ไปแล้ว วันนี้ไปแล้ว แม่เฒ่าหยู้หลั้ง ได้ยินข่าวว่าพระเจ้าหวางตื้อ ขอเอาไปเป็นลูกสะใภ้หลวง ร้องไห้ ยายหยู้หลั้ง ร้องไห้เอยน่ะ อ้าวเป็นยังไงล่ะ เพิ่นจะนำขันหมากหลวงมาวันพรุ่งนี้แหละ อืม คอยรับอยู่นี่ ถึงวันเวลาแล้วก็ไปแล้วพระเจ้าหวางตื้อ ขบวนช้าง ขบวนม้า ตามกันออกไปหมู่บ้านลิ้วฉี่ แต่ไม่ต้องแต่งมากมายหรอก ไปแล้วก็ไปทำพิธี ตกลงกับ แม่เฒ่าหยู้หลั้ง เป็นคนรับขันหมากหลวง พ่อเขาก็ตายแล้วแม่เขาก็ตายแล้วอยู่บนไร่ ขึ้นไปบนภูเขาซะก่อน

เราไปขอขมาโทษมิ่งกงฝ่าซะก่อน เราตามหาตั้งหลายปีดีดัก ทำยังไงก็ไม่เห็น จนได้ยินข่าวว่าตายแล้ว นี้เราจะไป เออ ไหว้ศพเขา ก่อนจะไหว้ศพแล้วก็ทำพิธีซะก่อน เอาดอกไม้ธูปเทียนใส่ขันใหญ่ๆ กล่าวคำขอขมาลาโทษ ข้าพเจ้าได้ประมาทล่วงเกินท่านแล้ว ท่านมิ่งกงฝ่า ท่านไม่มีความผิดแต่ได้หนีจากบ้านจากเมืองออกมา รอนแรมมาหลายปีแล้ว จนว่าลูกเขาโตแล้ว ข้าพเจ้าขอแล้ว ขอกับแม่เฒ่าหยู้หลั้งแล้ว เออ แล้วจะมาขอขมาโทษมิ่งกงฝ่ากับภรรยาที่เราแต่งงานให้นะ ขอจงโมทนาเถอะ ข้าพเจ้าไม่ทิ้งลูกของท่านหรอก ลูกของมิ่งกงฝ่าก็เหมือนลูกของเรา เราจะเลี้ยงดูอย่างเป็นธรรมที่สุด ตกลง เอาขันหมากให้ยายหยู้หลั้งเป็นคนเฝ้าสวนอยู่ที่โน้น เออ เก็บเอาไปขายได้สบาย เป็นของหลวงแล้วล่ะทีนี้ อ้า นี่แหละตกทุกข์ได้ยากลำบากยังไง เออ ก็ได้ดีคนมีบุญมีวาสนา ได้เป็นลูกสะใภ้หลวง ก็รับขันดอกไม้กันแล้วก็เอาขบวนช้าง ขบวนม้ากลับมา

พอจะเข้าเมือง จะเข้าเมืองไม่ได้ ประชาชนติดตามมาเป็นจำนวนมาก ติดตามขบวนมา แต่ว่าชิ้วหลั่น ว่าพระเจ้าแผ่นดินพระเจ้าหวางตื้อ ขอเอาเป็นลูกสะใภ้หลวงเออ มันก็ดีใจไชโยโห่ฮิ้วมา เออ ดีหลาย ขออนุญาต อนุญาตพระบิดาซะก่อน ข้าพเจ้าขอลงที่นี่ พบปะกับประชาชนซะก่อน ขอให้พบปะกับประชาชนซะก่อน พี่น้องหัวหน้าหมู่บ้าน มา ข้าพเจ้ามีเงินแล้ว ข้าพเจ้าขายใบชาได้ ๔,๐๐๐ ตำลึง เนี่ย ๔,๐๐๐ ตำลึงจะแจกให้พี่น้อง ครอบครัวละเท่าๆ กัน ว่า มารับเด้อ มารับครอบครัวละเท่าๆ กัน ถึงจะมีกี่ครอบครัวบ้านเรา ให้ไปขยับขยายใบชาอยู่ในไร่น่ะแบ่งกัน ออกกันทั่วหมู่บ้านลิ้วฉี่ให้ทั่วถึงหมด อืม แล้วกองทุนนั่นส่วนนั่นเราให้เอง ทุนนี้เป็นทุน อ้า แผ่ใบชาขยายใบชาให้ได้ทุกครัวเรือน เพราะว่าเรา เพิ่นเมตตาเราก็เพราะว่าใบชานี้แหละ เออ เป็นเหตุช่วยได้ เพราะฉะนั้น ขออนุญาตไว้แล้วที่จะแจกพี่แจกน้องหมด เออ พระ พระเจ้าหวางตื้อนั่งอยู่คอช้าง ทำหนวดหยึบหยับๆ ทำหนวดหยึบหยับๆ อืม อืม

ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดา เป็นกัลยาณีอย่างดี เป็นหญิงแบบรู้จักสงเคราะห์สงหาไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินให้ ไปให้ทั่วถึง ดูสิดูเอาสินี้ตัวอย่าง อ้า ใครจะแต่งงานแต่งการก็ให้ได้อย่างนี้ ให้ได้อย่างลูกสะใภ้ข้านี้ เออ แจกเงินแจกทองแล้วๆ ก็เคลื่อนขบวน ลาเข้าไปในวัง ในรั้วในวัง จัดหอจัดอะไรไว้แล้ว เรียบร้อย ได้เป็นลูกสะใภ้หลวง แต่ว่าเป็นคนดี มีศีลธรรม มีเมตตากรุณาต่อชาวบ้านชาวเมือง เหมือนพี่เหมือนน้อง เออ ไม่ทะเลาะ อย่าทะเลาะกัน เบาะแว้งกัน ให้ดูแลกัน ช่วยเหลือกัน ใครเจ็บป่วย สั่งไว้หมดชิ้วหลั่นเป็นคนสั่งเอง เพราะฉะนั้น ก็แต่งงานแต่งการ อ้า ได้เลื่อนยศเลื่อนอะไรขึ้นมา อู๋เหล็งตื้อ ก็กลาย อู๋เหล็งกุมารก็ได้เลื่อนขั้นเป็นอู๋เหล็งตื้อ ชิ้วหลั่นก็เป็นคุณหญิงคุณนายขึ้นมาแล้วปะเนี่ย เออ เออ พระเจ้าหวางตื๊อรักเหมือนลูกในไส้ เออ ไม่ได้กระทบกระเทือนจิตใจ

นี่เพราะว่า ด้วยคุณธรรมที่ประพฤติปฏิบัติมา อ้า จึงได้เป็นลูกสะใภ้หลวง ก็เลยได้ตกทุกข์ได้ยากลำบากได้ดี อ้า พวกเราก็เหมือนกันล่ะน่ะ อยาก สันติสันโดษมักหลาย ของได้ก็จะได้เองหรอก พอรวยมันก็จะรวยเองหรอก อ้า เหมือนกับชิ้วหลั่นเป็นตัวอย่าง ชิ้วหลั่นเป็นคนซื่อ คนตรง ปฏิบัติพ่อ ปฏิบัติแม่ จนถึงวาระสุดท้าย เออ ในที่สุดได้เป็นลูกสะใภ้หลวง ด้วยประการฉะนี้

 

(สาธุ)

ถ้าบรรยายให้ละเอียดรอบคอบก็จะมากไป เออ ได้เป็นลูกสะใภ้หลวงน่ะ อ้า เพิ่นไม่ขี้ปด

 

 

อาราธนาพระปริตร

 

วิปัตติปะฏิพาหายะ สัพพะสัมปัตติสิทธิยา,

สัพพะทุกขะวินาสายะ ปะริตตัง พ๎รูถะ มังคะลัง,

ขอพระคุณเจ้าโปรดสวดพระปริตรอันเป็นมงคล

เพื่อป้องกันความวิบัติ เพื่อสำเร็จสมบัติทุกประการ

เพื่อให้ทุกข์ใดๆ ทุกชนิด จงพินาศสูญไป

 

วิปัตติปะฏิพาหายะ สัพพะสัมปัตติสิทธิยา,

สัพพะภะยะวินาสายะ ปะริตตัง พ๎รูถะ มังคะลัง,

ขอพระคุณเจ้าโปรดสวดพระปริตรอันเป็นมงคล

เพื่อป้องกันความวิบัติ เพื่อสำเร็จสมบัติทุกประการ

เพื่อให้ภัยใดๆ ทุกชนิด จงพินาศสูญไป

 

วิปัตติปะฏิพาหายะ สัพพะสัมปัตติสิทธิยา,

สัพพะโรคะวินาสายะ ปะริตตัง พ๎รูถะ มังคะลัง,

ขอพระคุณเจ้าโปรดสวดพระปริตรอันเป็นมงคล

เพื่อป้องกันความวิบัติ เพื่อสำเร็จสมบัติทุกประการ

เพื่อให้โรคใดๆ ทุกชนิด จงพินาศสูญไป

 

อาราธนาธรรม

 

พ๎รัห๎มา จะ โลกาธิปะตี, สะหัมปะติ,

กัตอัญชะลี อันธิวะรัง อะยาจะถะ,

สันตีธะ สัตตาปปะระชักขะชาติกา,

เทเสตุ ธัมมัง อะนุกัมปิมัง ปะชัง.

 

ท้าวสหัมบดีพรหม ผู้เป็นอธิบดีแห่งโลก

ได้ประคองอัญชลี ทูลวิงวอนพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐว่า

สัตว์ผู้มีธุลีในดวงตาน้อยมีอยู่ในโลก

ขอพระคุณเจ้าโปรดแสดงธรรมอนุเคราะห์ด้วยเถิด

 

 

กัมมัง วิชชา จะ ธัมโม จะ สีลัง ชีวิตะมุตตะมัง

การงาน ๑ วิชา ๑ ธรรม ๑ ศีล ๑ ชีวิตอันอุดม ๑

 

 

มังคะละสูตร (มงคล ๓๘)

อะโสกัง วิระชัง เขมัง

ไม่เศร้าโศก ๑ ปราศจากธุลี ๑ เป็นจิตเกษม ๑

 

เอตัมมังคะละมุตตะมัง ฯ

นี้เป็นอุดมมงคล

 

อิตถี [อิด-ถี] หญิง สตรี

เบญจกัลยาณี ความงามของสตรี ๕ ประการ คือ

๑. เกสะกัลยาณัง (ผมงาม) คือ

หญิงที่มีผมยาวถึงสะเอวแล้วปลายผมงอนขึ้น

 

๒. มังสะกัลยาณัง (เนื้องาม) คือ

หญิงที่มีริมฝีปากแดงดุจผลตำลึงสุกและเรียบชิดสนิทกันดี

 

๓. อัฏฐิกัลยาณัง (กระดูกงาม) คือ

หญิงที่มีฟันสีขาวประดุจสังข์และเรียบเสมอกัน

 

๔. ฉะวิกัลยาณัง (ผิวงาม) คือ

หญิงที่มีผิวงามละเอียด

ถ้าดำก็ดำดังดอกบัวเขียว ถ้าขาวก็ขาวดังดอกกรรณิกา

 

๕. วะยะกัลยาณัง (วัยงาม) คือ

หญิงที่แม้จะคลอดบุตรถึง ๑๐ ครั้ง

ก็ยังคงสภาพร่างกายสาวสวยดุจคลอดครั้งเดียว

 

ลักษณะอิตถี ๖๔ ประการ

ในครั้งพุทธกาล ผู้ที่มีลักษณะครบถ้วน ๖๔ ประการ คือ

พระนางสิริมหามายา พระมารดาของเจ้าชายสิทธัตถะ

(พระพุทธมารดาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า)

 

ม่อฮ่อม (เป็นคำภาษาถิ่นล้านนา)

มอ ม่อ หมายถึง สีมืด สีคราม

ฮ่อม หมายถึง คราม

ไม่ได้หมายถึงเสื้อและลักษณะการแต่งตัว

แต่หมายถึง สีของเสื้อ ที่เป็นสีครามอมดำ

 

ให้ยุติในรูปของการเขียนว่า หม้อห้อม

ยึดหลักแนวเทียบเสียงคำทางภาษาศาสตร์

โดยวิธีเทียบเสียงคำไทยเชียงใหม่กับคำไทยกรุงเทพฯ

 

 

อีแปะ

เหรียญตะกั่วมีตราจีน โบราณใช้อย่างเบี้ยสตางค์

 

ตามบันทึกในสมัยกรุงศรีอยุธยา

ไทยเป็นศูนย์กลางค้าขายในภูมิภาค ทั้งกับจีน แขก ฝรั่ง

ไทยมีมาตราชั่งกำหนดขึ้น

๔ ไพ เป็น ๑ เฟื้อง

๒ เฟื้อง เป็น ๑ สลึง

๔ สลึง เป็น ๑ บาท (น้ำหนัก ๑๕.๒ กรัม)

๑๐ สลึง(ไทย) เป็น ๑ ตำลึง(จีน) (น้ำหนัก ๓๘ กรัม)

ค้าขายแลกเปลี่ยนตามน้ำหนักของทองคำหรือเงิน

๔,๐๐๐ ตำลึง(จีน) น้ำหนัก ๑๕๒,๐๐๐ กรัม

ถ้าทองคำหนัก ๑ บาท น้ำหนัก ๑๕.๒ กรัม มูลค่า ๒๐,๐๐๐ บาท

(มูลค่าจึงเป็น ๒๐๐ ล้านบาท)

ถ้าเงินหนัก ๑ บาท น้ำหนัก ๑๕.๒ กรัม มูลค่า ๓๐๐ บาท

(มูลค่าจึงเป็น ๓ ล้านบาท)

 

เฟิงสุ่ย หรือ ฟงสุ่ย (สำเนียงจีนกลาง)

ฮวงจุ๊ย (สำเนียงจีนกวางตุ้ง)

ฮวงจุ้ย (สำเนียงจีนแต้จิ๋ว)

ฮวงซุ้ย (สำเนียงไทยที่เพี้ยนไป)

ที่อยู่คนเป็น (บ้านเรือน) และที่อยู่คนตาย (สุสาน)

ล้วนเป็น ฮวงจุ้ย เหมือนกันหมด

 

ราชวงศ์โจวตะวันตก (หรือซีโจว)

ช่วง ๕๘๐ ถึง ๒๒๘ ปีก่อนพุทธศักราช

อ๋อง(กษัตริย์) ปกครองอาณาเขตกว้างใหญ่

ส่ง สามนตราช(เจ้าประเทศราช) ปกครองแคว้น เมืองไกลๆ

เช่น กง(เจ้าพระยา) โหว(พระยา) ป๋อ(พระ) จื่อ(หลวง)

ต้องส่งบรรณาการต่อ อ๋อง (ยุครุ่งเรืองด้านการปกครอง)

 

ราชวงศ์โจวตะวันออก (หรือตงโจว) ยุคชุนชิว

ช่วง ๒๒๘ ปีก่อนพุทธศักราช ไปอีกนาน ๓๐๐ ปี

โจวอ๋อง ไม่มีอำนาจบังคับสามนตราช(เริ่มตั้งตัวเป็นอ๋อง)

จึงเกิดสงครามใน นอก ระหว่างแคว้นที่มีกว่า ๑๐๐ แคว้น

เพื่ออำนาจปกครอง โจวอ๋องถูกลดบทบาทลงเรื่อยๆ

 

ราชวงศ์โจวตะวันออก (หรือตงโจว) ยุคจ้านกว๋อ

กินเวลาประมาณ ๒๕๐ ปีต่อจากยุคชุนชิว

เหลือ ๗ แคว้นใหญ่ (ฉิน ฉู่ ฉี เอียน จ้าว หาน เว่ย)

ทุกเจ้าแคว้นตั้งตัวเป็นอ๋อง ไม่เคารพ โจวอ๋อง

ฉินอ๋องเจิ้ง แคว้นฉิน รวมแผ่นดินสำเร็จตั้งราชวงศ์ฉิน

สถาปนาเป็น ฉินสือหวงตี้ (จิ๋นซีฮ่องเต้) จักรพรรดิจีน

 

ราชวงศ์ฉิน อยู่ได้เพียง ๑๕ ปี ก็มีราชวงศ์ฮั่น ขึ้นแทน

 

พงศาวดารเรื่อง ไซฮั่น

(ชำระใหม่ในสมัยรัชกาลที่ ๑)

สมัย ฮั่นโกโจฮ่องเต้ จักรพรรดิจีนแห่งราชวงศ์ฮั่น

ปรากฏชื่อแม่ทัพคนสำคัญผู้เอาชนะ ฌ้อป้าอ๋อง

ได้รับบรรดาศักดิ์เป็น

เจ๋อ๋องฮั่นสิน ปกครองเมืองเจ๋

หรือจีนศึกษาในยุคปัจจุบัน จะเรียกท่านว่า

ฉีอ๋องหานซิ่น ผู้ปกครองเมืองฉี

 

ในราชวงศ์โจวตะวันตก

เจ้าแคว้นฉี บรรดาศักดิ์เป็น กง หรือ เจ้าพระยา เรียกว่า ฉีกง

ในราชวงศ์โจวตะวันออก ยุคจ้านกว๋อ

เจ้าแคว้นฉี สถาปนาตนเป็น อ๋อง หรือ กษัตริย์ เรียกว่า ฉีอ๋อง

 

บางครั้งคำว่า อ๋อง ก็เรียกว่า หวาง

แปลว่า กษัตริย์ เหมือนกัน

ทั้งระยะทาง เวลาในการเดินทางระหว่างเมือง

ดังนั้น พระเจ้าหวางตื้อ แห่งเมืองเจ๋ จึงน่าจะเป็น

กษัตริย์แคว้นฉี หรือ ฉีอ๋อง ในยุคจ้านกว๋อ แห่งราชวงศ์โจว

 

เมืองเจ๋ (เป็นดินแดนทิศตะวันออก)

เมืองเย่ (เป็นดินแดนทิศใต้)

๒๗