หลวงปู่ท่อน ญาณธโร
วันศุกร์ที่ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๕๖ เวลา ๒๐.๐๐ น.
ณ วัดป่าม่วงไข่ ต.สานตม
อ.ภูเรือ จ.เลย
เป็นการดี เป็นการถูกต้องแล้ว ฟังพระเจริญปริตตมงคล ครบสูตรไปแล้ว วันนี้จะเล่าเรื่องบางอย่างให้เข้าใจสักหน่อย เพราะว่าเราเกิดมาในโลก มีความอุปถัมภ์บำรุงจากพ่อ จากแม่ ตั้งแต่วันเข้าถึงปฏิสนธิมา อุ้มท้อง อยู่กี่เดือน ๙ เดือนนี่เต็มกำหนดแล้ว แต่บางคนก็ ๑๐ เดือน พระสีวลีนั่นเพิ่นอยู่ในท้องแม่ตั้ง ๗ ปีนะ ในท้องแม่ตั้ง ๗ ปีน่ะ แม่อุ้มอยู่อย่างงั้นนะ เกิดเป็นพระสีวลีขึ้นมา เกิดขึ้นมาก็ไม่ใช่ธรรมดา
มีปาฏิหาริย์ เดินไปกรอกน้ำ เดินไปเอง ไปกรอกน้ำมาถวายพระ อืม อ้า กรอกน้ำใส่แก้ว ใส่เหยือก ใส่ขวด ใส่อะไรที่มันมีน่ะ คนทั้งหลายก็ โอ้ยๆๆ เด็กน้อย มองตามว่าจะล้มไปเฉยๆ น่ะ ผู้มีบุญวาสนา สมบรูณ์แล้วทั้งหลาย บารมีสมบรูณ์แล้วทั้งหลาย ย่อมมีปาฏิหาริย์ขนาดนั้น พระพุทธเจ้าของเราก็เหมือนกัน ท่านเกิดขึ้นมา ก้าวไปได้ ๗ ก้าว ก้าวไปได้ ๗ ก้าว เดินไปเฉยๆ ไปเฉยๆ ยกมือขึ้นนิ้วเดียว อือ ยกมือขึ้นนิ้วเดียว เป็นชาติสุดท้ายเราแล้ว เราไม่เกิดอีกแล้ว ความเกิดเป็นทุกข์ ทุกข์มาก อืม ไม่ได้ทุกข์แต่เรา แม่ก็ทุกข์ด้วยเหมือนกัน อุ้มท้องตั้ง ๙ เดือน ๑๐ เดือน อันนั้นอยู่ในท้องแม่ตั้งกี่ปี เฮ้อ นานมากอยู่ในท้องแม่ แก่แล้ว บารมีแก่แล้วจึงค่อยออกมา ไม่ล้ม ไม่หกล้มเลย เดินไปได้เลย อืม นั่นผู้มีบารมีแก่กล้า มันเป็นอย่างงั้นเพราะฉะนั้น คุณพ่อ คุณแม่ เป็นผู้เลี้ยงดูอุ้มชูเรามา เวลาทำบุญใหญ่ๆ ควรอุทิศ กัลปนาผลที่เกิดจากการกระทำครั้งนี้ ให้แก่ผู้บังเกิดเกล้าเราด้วย ผู้เลี้ยงดูอุ้มชูเรามา
ไม่ได้เดินได้เหมือนท่านหรอก อุ้ม แม่อุ้มไปอุ้มมาซะก่อน แล้วก็ จึงใหญ่กล้าหน้าบานขึ้นมา จึงใหญ่โตขึ้นมาตลอดปลอดภัยมา
หย้ำ(เคี้ยว)ข้าวคายบาย(จับ)ข้าวป้อน
เลี้ยงดูอุ้มชู มีอะไรงอแงเวลาไหน ก็เอานมยัดใส่ปาก ให้ดูดนมอยู่นั้น กี่เดือนกี่ปี ถึงจะเลิกจากการกินนมแม่แม่อุ้ม แม่พาไปมาแล้ว ขี้ออกมาแม่รังเกียจไหม ไม่รังเกียจ เยี่ยวออกมาช่างมัน ซักเอา ต๋บ(ซัก)เอา ทำความสะอาดเอา ทั้งขี้ทั้งเยี่ยวออกมาพร้อมกันก็มีเวลาท้องเสีย เวลาท้องเสียแล้วไม่ได้นอนแหละ แม่ไม่ได้นอนแหละ พ่อแม่มีบุญคุณต่อเรา เพิ่นจึงยกย่องให้เป็นพระ เป็นพระ แม่ก็เป็นพระ พ่อก็เป็นพระของลูก เลี้ยงดูอุ้มชู เลี้ยงมาพาใหญ่โตขึ้นมาได้ อีกได้บวชเรียนเขียนอ่านในศาสนาอีกด้วย
นี่ก็เป็นบุญใหญ่โตของพ่อของแม่เหมือนกันแม่ก็ไม่ได้ห่วงใยสิแค่นั้น อืม ห่วงใยอยู่ ๒ คนแล้ว มีลูกอยู่ ๒ คนผู้ชายได้บวชให้พ่อ ให้แม่อีกด้วย มาสร้างวัดวาศาสนา เป็นถิ่นเป็นหลักเป็นฐาน ได้ที่พึ่งของประชาชนอีกด้วย ประชาชนทั้งหลาย ก็มีเคารพเลื่อมใสนับถือ ไม่ให้ลำบาก ทุกข์ยากลำบากยังไงญาติโยมก็ไม่ทิ้ง ดูแลอยู่อย่างงั้นล่ะ อืม เพิ่นก็เป็นใหญ่เป็นโต บวชมาจนได้เป็นพระเถระ ผู้หลักผู้ใหญ่เป็นที่เคารพนับถือของประชาชนทั่วไป ทุกจังหวัด มาแล้วก็ต้องไปเรียกอาจารย์ขันตี(หลวงพ่อขันตี ญาณวโร)ซะก่อน เป็นกราบอาจารย์ขันตีซะก่อน อาจารย์พุธ(หลวงพ่อพุธ ฐานิโย) หลวงพ่อพุธ เหมือนกันองค์หนึ่งอยู่ทางโน้น เป็นเนื้อนาบุญของโลก
อะนุตตะรัง ปุญญักเขตตัง โลกัสสะ
เพิ่นว่าเป็นเนื้อนาบุญของโลก ผู้ใดได้สงเคราะห์สงหา ตามมีตามได้ บุญไม่น้อยเลย บุญมีมากได้อุปถัมภ์บำรุงผู้บังเกิดเกล้า เต็มความสามารถ ของตนๆ ที่ได้บวชเป็นพระ เป็นเณร มาอีก ก็เป็นเพิ่มพลังใจ ให้พ่อให้แม่อีก พ่อแม่ก็มีกำลังใจมาก แล้วก็บวชตามลูกชายด้วย พ่อจนตาย ได้มาเผาอยู่ที่วัดด้วยกันน่ะนะ แม่ก็เหมือนกันบวชเป็นชีมา อายุได้ ๙๐ ปี แก่กว่าเราอีกหลายปีอืม นั่นความลำบากยากแค้นใดๆ แบกคำแพง(แก้วตาดวงใจของพ่อแม่)แบกหาม กลัวจะลูกจะไม่มีอยู่มีกิน ทุกข์ยากลำบาก บุกเบิกอะไรๆ ไร่นาสาโทอะไรๆ ทุกข์ขนาดไหนก็บ่ว่า ขอให้ลูกปลอดภัย ขอให้ได้เป็นท้าว เป็นโท เป็นร่มโพธิ์ ร่มไทร เลี้ยงลูกมาพาลูกใหญ่ ด้วยหยาดเหงื่อแรงงานจริงๆ คิดดูสิ คิดดูให้ดีๆ สิ พวกเราทุกคน เป็นอย่างงั้นกันทุกคน พ่อแม่เลี้ยงดูอุ้มชูเราลำบากขนาดไหนอึออกมา ท่านขี้เกียจรังเกียจไหม เยี่ยวออกมาขี้เกียจรังเกียจไหม มันต๋บ(ซัก)ได้ ทำความสะอาดได้หรอกช่างมันเถอะ หาอะไรๆ ซะก่อน กินจนอิ่มซะก่อน จึงจะไปชำระทำความสะอาดให้ ขนาดนั้นนะ ลูกผู้มีบุญคุณ ระลึกถึงตรงนี้ให้มากๆ ระลึกถึงพ่อแม่อุ้มเลี้ยงดูอุ้มชูเรามา ต๋บ(ซัก)ผ่า(ผ้า)ขี้ ตี่(แยก)ผ่า(ผ้า)เยี่ยว ขี้มูกออกมาขี้เกียจไหม ไม่ขี้เกียจ ไม่รังเกียจ เอามือช่วยออกให้ หายใจไม่ออก
พระเจ้าพิมพิสารเลี้ยงลูกมา เวลาลูกหายใจไม่ออก เอาปากดูดจมูก เอาปากอมจมูก แล้วดูด ปื๊ดๆๆๆ คายออก ดูดปื๊ดๆ คายออก ถ้าตันดัง(จมูก) เวลาไหนหายใจไม่สะดวก พ่อแม่ก็ต้องเป็นผู้รู้เอง อ๋อ ทำยังไง พ่อ พระเจ้าพิมพิสารอมจมูกลูกดีๆ แล้ว ดูดปื๊ดๆๆ ขี้มูกอยู่ในมันสมองหรือในรูจมูก มันตัน ออกมาหมด หายใจได้สะดวกสบาย ขนาดนั้นน่ะ อืม แต่ว่าได้ ฟังคำของผู้ยุยง มีผู้ยุยง ให้ฆ่าพระบิดาซะ เราก็จะได้เป็นใหญ่เป็นโตขึ้นมา เป็นเจ้าเมือง เป็นอะไรนะมา เพิ่นสืบทอดมรดกได้กว้างขวาง เราจะเป็นศาสดา จะปลงพระชนม์พระพุทธเจ้าซะ ฆ่าพระพุทธเจ้าแล้ว เราก็จะได้เป็นพระพุทธเจ้าแทนนะ นี่แหละความเห็นผิด อืม ความเห็นผิดเพราะกิเลสมันเกิดขึ้น ความอยาก อยากเป็นใหญ่ อยากเป็นโต ได้เป็นพระเจ้าแผ่นดิน ถ้าพ่อยังมีชีวิตอยู่ เราก็ไม่มีโอกาสได้ครองแผ่นดิน ไม่มียศถาบรรดาศักดิ์อะไรเลย
ก็นั่นแหละ ทำสามารถปลงชีวิตของพระเจ้าพิมพิสาร ด้วยการทรมานเอา อืม จับไปขังซะก่อน ขังแล้วไม่ให้กินข้าว ไม่ให้กินน้ำ เดินจงกรมเฉยอยู่ ไปดูเวลาไหนก็ยังเดินจงกรมอยู่ สั่งให้เจ้าหน้าที่เอามีดไปกรีดฝ่าพระบาท ให้เป็นบาดเป็นแผลซะ ยังจะเดินจงกรมไม่ได้ อืม ให้อดข้าวอดน้ำ แม่เอาข้าวไปส่งในเรือนจำ ก็ห้ามไม่ให้แม่ไป เอาข้าวเอาน้ำไปฝากเพิ่นก็ไม่ได้ จะขังทรมานให้ตาย
เออ นี่ ยกตัวอย่าง คนสมัยครั้งพระพุทธเจ้า อืม มีพระเจ้า
อชาตศัตรูนี่ล่ะ ฆ่าบิดาของตนเอง อืม ท่านก็แต่งการแต่งงานไปล่ะปะเนี่ย ใหญ่โตมาแล้ว แต่งงานแต่งการ มีครอบมีครัวแล้ว จะได้เป็นพระเจ้าแผ่นดินแทน ทางเนี่ย อ้า พ่อตายเท่านั้นล่ะ ตายแล้ว พ่อตายเท่านั้นล่ะ ลูกของตัวเกิดขึ้นมาเอง ลูกพระเจ้าอชาตศัตรู เกิดขึ้นมาไปเป็นผู้ชาย เขาทูลอะไร
เจ้าหน้าที่จะทูลเรื่องไหนก่อน จะทูลเรื่องพระบิดาสวรรคตในเรือนจำแล้ว ไม่เป็นมงคล หรือทูล ทูลเรื่องลูกเกิดก่อน ลูกเกิดวันนั้น เอาว่าทูลเรื่องมเหสีคลอดบุตรเป็นชาย เท่านั้นล่ะ ตาแจ้งจ่างป่าง(สว่าง)ขึ้น โอ้
หูหนาตามืด จะฆ่าพระบิดาซะ บัดนี้ เขาก็ทูลคำต่อไป เอาว่าพระบิดาของฉันเป็นยังไง พระเจ้าพิมพิสารเพิ่นเป็นยังไง สวรรคตแล้วเจ้าข้า ตายแล้ว ตายเวลาเดียวกับคลอดนะ จะมาเกิดเป็นลูกหรือเป็นอะไรอีกต่อไป อืม ตายแล้ว ตายเวลาลูกคลอดจึงค่อยมีสติ รู้ตัวว่า ปัดโธ่ คุณของพ่อยังไม่ได้ตอบแทนอะไรเลย หาเรื่องใส่ร้ายป้ายสี ในคำยุยงของพระเทวทัต ยุยงให้ฆ่าพระบิดาซะ แล้วก็ได้เป็นพระพุทธเจ้าแทน อืม ได้ๆ เป็นพระเจ้าแผ่นดินปกครองแผ่นดินแทน เราก็จะฆ่า พระพุทธเจ้าซะ ทำลายพระพุทธเจ้าให้สิ้นพระชนม์ซะ เราก็จะได้เป็นพระพุทธเจ้าแทน ปกครองพระเจ้าพระสงฆ์แทน อย่างเนี่ย ความเห็นผิดนิดหน่อยเท่านั้นน่ะ เห็นผิดนิดหน่อยเท่านั้นน่ะ
ด้วยความยุยงของผู้อื่น เพราะว่าบิดาสิ้นพระชนม์เวลาเดียวกันกับลูกชาย พระโอรสเกิดขึ้นมาเป็นผู้ชาย ความรักก็เลยมาอยู่กับลูกชาย ความอาฆาตมาดร้ายพยาบาทพระพุทธเจ้านั้น ไม่เชื่อ ไม่เชื่อแล้ว ไม่ ไม่นั่นแล้ว พระเทวทัตยุยงให้เราทำบาปกรรม สาหัส สากรรจ์ อืม ในที่สุด ก็ถูกแผ่นดินสูบเอา พระเทวทัต พยายามจะฆ่าพระพุทธเจ้า แต่ว่าระลึกได้จะไปขอขมาโทษ ให้บริษัททั้งหลายหาม หามไปกราบไหว้พระพุทธเจ้า ขอขมาลาโทษท่าน ยังไม่ได้ถึงวัดเลย
พระพุทธเจ้าท่านว่า เทวทัตมาแล้ว เออ เธอจะไม่เห็นฉันหรอก เธอจะไม่เห็นเราตถาคตหรอก เพิ่นนี่ก็บอกอย่างนี้ พอใกล้ๆ วัด ใกล้ๆ วัด เอาเราลงที่นี่เราจะเดินเอา หมู่พวกว่าอย่าลงเดินๆ หามไป ไม่ได้เราต้องเคารพพระพุทธเจ้าล่ะ ขอลง พอเอาลงเหยียบพื้นดินเท่านั้น แผ่นดินก็แยกเอาเลย แยกเอา แล้วดูดลงไป ดูดลงไป พระพุทธเจ้ายังมีเมตตา เออ
แผ่นดินสูบพระเทวทัตแล้ว ลงไปแล้ว ถึงคอถึงคางแล้ว นั่น ไม่ฟัง เราจะเดินเอา เคารพพระพุทธเจ้า เราได้ทำบาปอะไรกับท่านมากมาย ไปขอขมาลาโทษซะก่อน พอย่างเท้าลงจากคันหามเท่านั้นแหละ แผ่นดินแยกเอาเลย แยกเอา ดูดเอาๆๆ ขาดูดเอาๆ ขึ้นหัวเข่า ขึ้นมาบั้นเอว มือก็ดูดไปด้วย มือก็ดูดลงไปข้างล่างแผ่นดินสูบ อยู่ที่หน้าวัด ใกล้ๆ วัดเชตวันน่ะ ที่พระพุทธเจ้าประทับอยู่ที่นั่น ดังนี้เป็นต้น ถูกแผ่นดินสูบไปเลย ผู้ประพฤติปฏิบัติไม่ถูกทาง จนถูกแผ่นดินสูบไปขนาดนั้น เพราะฉะนั้น พวกเรามีพ่อมีแม่ มีผู้เรียนรู้อุ้มชูเรามาขนาดนี้ อย่าไปดูหมิ่นถิ่นแคลน อันผู้มีพระคุณเห็นปานนั้น ยกตัวอย่างพระเทวทัตแผ่นดินสูบเอาไปต่อหน้าต่อตาประชาชน พระพุทธเจ้าก็มาเยี่ยมดู เวลาเห็น... แหงนหน้าเห็นพระพุทธเจ้ามา เท่านั้นน่ะ ขอบูชา อ่า พระผู้มีพระภาคเจ้าด้วยดูก(กระดูก)คาง เอาคางแหงนขึ้นอย่างเนี่ย อ่ะ แผ่นดินก็กระสูบเอาเลยไป นั่นเธอ พระเทวทัต ยังระลึกได้เวลานั้นว่าจะได้เป็น พระพุทธเจ้าองค์หนึ่งเหมือนกัน หรือเป็นพระอรหันต์เหมือนกัน ในชาติต่อไป อืม เพิ่นก็บอกไว้ เออ ไปมหาอเวจีแล้ว เธอยังเป็น มีดวงตา มองเห็นว่า ต่อไปเขาจะเป็นยังงั้นๆๆๆ หลายชาติไป โอ้ เธอยังมี ความจงรักภักดีเราครั้งสุดท้าย เคารพเราครั้งสุดท้าย บูชาเราด้วยดูก(กระดูก)คาง เท่านั้นแผ่นดินก็สูบเอาไป นี่แหละ อันนิสัยอันนั้น จะได้เป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า หรือจะเป็นพระพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่งบ่เป็นยังงั้นเรี่องมัน อืม
พ่อแม่นี้หนักเกิ่งธรณี ไผผู้ยำแยงนบ
หากจะดีเมื่อหน้า เจริญเมื่อหน้า
พ่อแม่นี้หนักเกิ่งธรณี ไผผู้ยำแยงนบหากเจริญเมื่อหน้า
อย่าไปดูหมิ่นถิ่นแคลนผู้บังเกิดเกล้า อย่าไปดูถูกดูหมิ่น อย่าให้น้ำตาออก พอลูกว่ายากสอนยาก มันเป็นบาปเป็นกรรมจริงๆ เพราะฉะนั้น เราทุกคนก็มีพ่อมีแม่กันทุกคน ควรเคารพ นับถือ พ่อแม่เหมือนดังพระ เพิ่นบอกไหว้พระประจำชีวิตเรา คือพ่อ คือแม่
พ่อแม่นี้หนักเกิ่งธรณี ไผผู้ยำแยงนบหากจะดีเมื่อหน้า
ผู้ใดด่าพ่อด่าแม่ล่ะ ประตูนรกเปิดไว้แล้ว ประตูนรกเปิดไว้แล้ว ไว้คอยแล้ว อืม จะไปนรกอย่างเดียว อืม ถ้าไปฆ่าพ่อฆ่าแม่ตัวเอง (เสียงเป่าลม) ยุงมันมากัด เป่าเอา มันจะตาย
เพราะฉะนั้น เราทั้งหลายเป็นชาวพุทธ นับถือพระพุทธเจ้า นับถือพระธรรม นับถือพระสงฆ์ เป็นสรณะ ให้เอาจริงเอาจังกับพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ตายเป็นตาย ปฏิบัติบูชาเอาให้ได้ ก็เป็นผู้เจริญ อยู่ในโลกก็เป็นผู้เจริญ (เสียงเป่าลม) เจริญไปเรื่อยๆ ในอาชีพการงาน ทุกสิ่งทุกอย่าง หน้าที่การงานที่เล่าเรียนศึกษามา ทางครู ทางรัฐบาล เพิ่นก็จ้างผู้สอนเด็กให้เป็นเด็กดี ถ้าผู้ใดได้ด่าพ่อด่าแม่แล้ว มันเป็นบาปเป็นกรรมติดตามตนไปทุกภพ ทุกชาติ อืม เป็นแนวกีดกันมรรคผลนิพพานนี้ด้วยไปตกนรกหมกไหม้ ใช้ชาติอยู่อย่างงั้น เป็นบาปเป็นกรรม อันนี้ขอฝากให้ทุกคนๆ
จงใส่ใจดูแลพ่อแม่ของตัวเอง อย่าเป็นคนว่ายากสอนยาก ให้พ่อแม่เบาอกเบาใจ ถ้าทำให้พ่อแม่เบาอกเบาใจได้ก็ชื่อว่า ไม่เป็นคนหนักแผ่นดิน แผ่นดินไม่สูบเอาหรอก ดังที่แสดงมา เป็น ปกิณณกนัย นำไปใคร่ครวญพินิจพิจารณาด้วยปัญญาอันชาญฉลาดของตนๆ เองเถิด อัปปมาทธรรม ไม่มีความประมาทตั้งอกตั้งใจประพฤติปฏิบัติบูชาคุณของพ่อของแม่ให้มากๆ เพิ่นมีบุญคุณ
ทุกข์ยากปากหมอง
ขนาดไหนเพิ่นทนเอา ป่าไหนรก น้ำไหลท่วมที่เลิง(ที่ลุ่มกว้างใหญ่แต่ไม่ลึก มีน้ำขังตลอดปี) เอาทุกอย่าง พ่อแม่เอาทุกอย่างเพื่อให้ลูกมีอยู่มีกิน เพื่อให้ลูกมีชีวิตอยู่ ลำบากขนาดไหน อืม โอ้ย เพิ่นมีโครงการสงเคราะห์อนุเคราะห์ ตัวของเราเอง ลูกหลานเราเกิดมา เพิ่นก็อุ้มเอา ดูแล ต๋บ(ซัก)ผ่า(ผ้า)ขี้ ตี่(แยก)ผ่า(ผ้า)เยี่ยว ไม่ขี้เกียจ ไม่รังเกียจแต่อย่างใด ท่านเหล่านั้นเป็นพระ เพิ่นว่า
อาหุเนยยะ ปุคคะโล จะ
บุคคลเสมือนพระอรหันต์ คือพ่อกับแม่ เป็นพระของเรา ยกไว้ที่สูง ก็จะเป็นผู้เจริญงอกงามในข้อวัตรปฏิบัติทั้งทางคดีโลกและทางคดีธรรมทุกประการ รับประทานวิสัชนามา ก็ยุติโดยเวลา เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้
อาหุเนยยะ ปุคคะโล จะ
บุคคลควรแก่สักการะที่เขานำมาบูชา
คำผญา
พ่อแม่นี้หนักเกิ่งธรณี ไผผู้ยำแยงนบ
หากจะดีเมื่อหน้า เจริญเมื่อหน้า
(บุญคุณและคำสั่งสอนของพ่อแม่นี้
มีน้ำหนักเทียบเท่ากับโลกทั้งโลก
หากใครเชื่อฟังให้ความเคารพจะรุ่งเรืองในภายภาคหน้า)
กัลปนา [กัน-ละ-ปะ-นา]
เจาะจงให้ ยกให้ ส่วนบุญที่ผู้ทําอุทิศให้แก่ผู้ตาย
(ต่อมาความหมายขยายกว้างไปกว่าเดิม
หมายถึง ที่ดิน เรือกสวน ไร่นา สิ่งของและคน
ซึ่งผู้เป็นเจ้าของหรือเจ้านายอุทิศให้แก่ศาสนาด้วย)
เทวทูตวรรคที่ ๔
พรหมสูตร ข้อ ๔๗๐
ดูก่อน ภิกษุทั้งหลายสกุลใดบุตรบูชามารดาบิดาในเรือนตน
สกุลนั้นมีพรหม
สกุลใดบุตรบูชามารดาบิดาในเรือนตน
สกุลนั้นมีบุพพาจารย์
สกุลใดบุตรบูชามารดาบิดาในเรือนตน
สกุลนั้นมีอาหุไนยยบุคคล
ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย คำว่าพรหมนี้
เป็นชื่อของมารดาและบิดา
คำว่าบุพพาจารย์นี้
เป็นชื่อของมารดาและบิดา
คำว่าอาหุไนยยบุคคลนี้
เป็นชื่อของมารดาและบิดา
ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะมารดาและบิดามีอุปการะมาก
บำรุงเลี้ยงดู แสดงโลกนี้(สั่งสอน)แก่บุตร ฯ
มารดาบิดาผู้อนุเคราะห์บุตร ท่านเรียกว่าพรหม
บุพพาจารย์ และอาหุไนยยบุคคลของบุตร
เพราะเหตุนั้นแหละ บุตรผู้มีปัญญาพึงนอบน้อมและ
สักการะมารดาบิดา ด้วยข้าว น้ำ ผ้า ที่นอน
เครื่องหอม การอาบน้ำและการล้างเท้าทั้งสอง
เพราะการบำรุงมารดาบิดานั้น
บัณฑิตย่อมสรรเสริญบุตรนั้น
บุตรนั้นละโลกนี้ไปแล้ว ย่อมบันเทิงในสวรรค์ ฯ
(จากพระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๐ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๒
อังคุตตรนิกาย ติกนิบาต
เทวทูตวรรคที่ ๔ พรหมสูตร ข้อ ๔๗๐)
ผญา [ผะ-หยา] คำคม ภาษิตโบราณทางอีสาน
เป็นคำพูดที่ชาวไทยอีสาน ใช้พูดกันเพื่อแสดงถึงภูมิปัญญา
ความรู้ ความฉลาด ไหวพริบ ปรัชญา (ภาษาอีสานจะ
ออกเสียง ปร เป็น ผ จึงเป็น ผัชญา กลายเป็น ผญา)
สันนิษฐานที่มา
๑. จากคำสั่งสอนและศาสนา
๒. จากขนบธรรมเนียมประเพณี
๓. จากการเกี้ยวพาราสีของหนุ่มสาว
๔. จากการเล่นของเด็ก
๕. จากสภาพแวดล้อมหรือเหตุการณ์อื่นๆ ในวิถีชีวิต
แบ่งเป็นประเภท
๑. คำสอน เรียกว่า ผญาคำสอน ผญาภาษิต
๒. เกี้ยวพาราสี เรียกว่า ผญาเครือ ผญาย่อย
หรือผญาโต้ตอบ
๓. ปริศนา เรียกว่า ผญาปริศนา ผญาปัญหาภาษิต
๔. อวยพร เรียกว่า ผญาอวยพร
ผญา จึงเป็นวรรณกรรมมุขปาฐะที่มีบทบาทต่อสังคม
คนอีสานมาก เป็นเครื่องมือให้การศึกษาแก่คนในกลุ่มและ
ครอบครัว มีเอกลักษณ์ทางภาษาอีสาน จากรุ่นก่อนสู่รุ่นหลัง
มุขบาฐ [มุก-ขะ-บาด] มุขปาฐะ [มุก-ขะ-ปา-ถะ]
ข้อความที่ท่องจำบอกเล่าต่อๆ กันมาด้วยปากเปล่า
๓๑