หลวงปู่ท่อน ญาณธโร
วันอาทิตย์ที่ ๑๙ มกราคม ๒๕๕๗ เวลา ๑๖.๓๐ น.
ณ บ้านโยม คลอง ๓
(อาราธนาธรรม)
ให้แปล ท้าวสหัมบดีพรหม ให้หมู่ฟังบ้าง มันเป็น เป็นประเพณีมาตั้งแต่ครั้งพระพุทธเจ้า โน้น ไกลออกไป กี่ร้อย กี่พันปีแล้ว ๒๕๕๖ แล้วเนาะ(นะ) ปีนี้ ก็ยังถือกันมา ไม่ทิ้ง ไม่ละ แต่ว่าความเข้าใจนั้นหมายถึง ขอให้ตั้งใจฟังธรรมะที่เราจะเข้าใจได้ ธรรมะเป็นเรื่องของคน ไม่ใช่เรื่องของสัตว์ ธรรมะ แต่ว่าสัตว์บางจำพวก ก็เป็นผู้มีศีล มีธรรม มีศีล มีธรรม พวกนกตระกูลสูงๆ ไม่ค่อยเบียดเบียนผู้อื่นเลย หากินในทางสุจริตที่สุด นี่มันมีนกบางจำพวก มีสัจจะ มีความจริงใจ กับการรักษาศีล ถ้าพูดต่ำๆ ก็หาว่าอีแร้ง อีแร้งมันหากินแต่ของที่ตายแล้ว ถ้าศพ มีศพวัว ศพควาย ศพสุนัข อะไรๆ มันตาย เออ เป็นโชคของมันแล้ว เป็นโชคของมันล่ะ เอาล่ะเรา พวกเรา แล้วไม่มีการนัดหมายกันหรือเปล่า มีโทรศัพท์เหมือนมนุษย์หรือเปล่า อ้า มีโทรศัพท์ข่าวกันหรือเปล่า เหมือนมนุษย์หรือเปล่า ไม่ ไม่ได้ข่าวกันหรอก เขารู้กันเอง เพราะว่ามีหูทิพย์ มีตาทิพย์นะ พวกนั้นน่ะ พวกอีแร้ง อีกา ถ้าสัตว์ตายอยู่ตรงไหนมันรู้เอง มันมาเอง มาสูงๆ โน้นอ่ะ ทำไมมองเห็นข้างล่างอ่ะ ตามันดี มีสัญชาตญาณที่สูงกว่ามนุษย์ รู้จักว่าของนั้นตายแล้ว มาให้บอกกันด้วย มีโทรศัพท์ รู้กันหรือเปล่าพวกนี่ ให้มาๆ รวมกันที่นั้น ชมนุมที่นั้น ควายตายทั้งตัวใหญ่ๆ ลอยน้ำมา วัวตายตัวใหญ่ๆ ลอยน้ำมา มันบอกกันแล้ว มันบอกกัน หรือว่ามันมีตาทิพย์ หูทิพย์ยังไงไม่รู้มันล่ะ แต่ว่ามันมาถูกต้อง ตามสถานที่ ตามเวลา ให้ถึงเวลานั้น เวลานี้ ให้มา ให้มาถึงนั้น คล้ายๆ ว่าเขามีตาทิพย์ หูทิพย์ รู้จัก เออ ของบริสุทธิ์มีแล้ว ของบริสุทธิ์ไม่ได้ฆ่า ไม่ได้ทำลายชีวิตเขา เขาลอยมาแล้ว เขาลอยมาตามน้ำ ตามแม่น้ำนั้น แม่น้ำนี้ มันก็ลอยมา มันรู้จักกันหมดล่ะ แน่ะ พวกเรานี่มีเจตนา เออ หรือเปล่า เจตนา มีเจตนาจะงด จะเว้น จะละหรือเปล่า จะเว้นจากการฆ่าสัตว์หรือเปล่า เว้นจากการลักทรัพย์หรือเปล่า เว้นจากการประพฤติผิดในกามหรือเปล่า เว้นจากการกล่าวโป้ปดมดเท็จกันหรือเปล่า หรือว่าหลอกลวงกันได้ ใครมีปัญญาแล้วก็หลอกลวงกันเต็มบ้านเต็มเมือง
อ้า ฝนมาแล้ว สายฟ้ามาแล้ว มาทางอากาศนู้น แห่กันมา เออ ไม่ต้องบอก ก็โน้นมา เห็นกัน รู้กัน มาฟังเทศน์ ฟังธรรม กันเด้อ วันนี้ เออ เทวดาทั้งหลายก็อาจจะรู้กับเราก็ได้
มาฟังเทศน์กัน เทศน์น่ะหมายความว่า บอกให้ เทศนาหมายความว่า บอกให้ เข้าอกเข้าใจ ไม่ใช่เทศน์แบบ หลับตาเทศน์เฉยๆ หูก็ ผู้ฟังก็เอาหูไปนา เอาตาไปไร่ เอาใจไปหาลูกหาหลานต่างหาก เออ ถ้าทำอย่างงั้น มันก็เสียเวลาเรา เราต้องเว้น เราต้องเว้นจาก การกระทำบาปทางกาย มีการฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม กล่าวมุสาวาท เว้นจากการดื่มกินสุราเมรัย น้ำเมา เครื่องดองของเมา ผิดศีลธรรม ผิดไปหมดนี่เราจะเว้น จะละแล้ว เราก็ต้องทำความรู้สึกในใจว่า เราจะพยายามเว้นจากการฆ่าสัตว์ เว้นจากการลักทรัพย์ เว้นจากการประพฤติผิดในกาม เว้นจากการกล่าวโป้ปดมดเท็จ โป้ปดมดเท็จ ผิดเพี้ยนจากความเป็นจริง นี่เราจะเว้นได้ไหม เว้นจากการดื่มกินสุราเมรัย อันเป็นเครื่องดองของเมา อ้า ถ้ากินเข้าไปแล้วหมด หมดสิทธิ์ที่จะรักษาสัจจะ ที่จะรักษาศีลธรรม มันเมา มันมึน อ้า มองเห็นอะไรกันน่าหัวเราะ ก็หัวเราะไป น่าสมเพชเวทนา ก็สมเพชเวทนาไป นั่นเราเป็นมนุษย์ เราไม่ใช่สัตว์เดรัจฉาน รู้จักถ้าละเว้นได้ ก็เป็นจิตใจที่ประเสริฐ จากใจ จิตใจที่สูงส่งกว่าสัตว์อื่น มีการละเว้นจากการทำบาป ด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ ไม่ให้มีการล่วงเกิน ถลำไปในทางผิด เราอดได้อย่างนี้ชื่อว่า เรารักษา ปฏิบัติธรรม ปฏิบัติตนให้อยู่ในขอบข่ายของศีลธรรมจริงๆ อันนั้นใครๆ ก็มีความนิยมชมชอบ แม้เทวดาก็ยังสาธุการ เออ ถ้าหากว่ามนุษย์เหล่าใด อยู่ในกลุ่มใด บ้านใด เมืองใด เขาถือศีล ถือธรรมจริงๆ เทวดาสาธุการ แล้วก็สั่งกันต่อๆ ไปอย่าได้เบียดเบียนบุคคลเช่นนี้เลยเด้อ อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลยเด้อ ให้รักษาศีล ให้งด ให้เว้น ให้ละ ให้ได้ เทวดาเขาสั่งไว้อย่างนี้ เออ แต่ว่าพวกประพฤติล่วงเกิน มันก็ไม่อดเหมือนกันล่ะ มันมารบกวนเรา เราก็ตีมัน เราก็ฆ่ามัน ธรรมดา พวกนี้ ยุงมดปลวกมันมา ก็เอาล่ะซะเลย มันไม่มีกฎหมายห้ามล่ะวะ ตียุง ตีแมลงวัน ตีอะไรต่ออะไร ทำไปตามสบายใจ ไม่มีเจตนางด เว้น ละ เลิก จากการกระทำแบบนั้นก็ชื่อว่า ไม่มีศีล ไม่มีธรรม ไม่มีศีล ไม่มีธรรม ไม่มีเมตตาต่อสัตว์อื่น คนที่จะรักษาศีลได้ ก็เป็นคนมีเมตตาสูง เมตตาสูงกว่ามนุษย์ธรรมดา งดเว้นไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ตัดชีวิต ไม่เบียดเบียนในสัตว์อื่นต้องได้รับความลำบาก เพราะการกระทำของเรา มีความยำ... หวาดกลัว ยำเกรงสิ่งนั้น มีหิริ มีความละอายต่อการกระทำอย่างนั้น ต่อคำที่จะพูดอย่างนั้น มีความละอายต่อการทำบาป อยู่อย่างนั้น เพิ่นว่าเทวดาทั้งหลายรู้ รู้แล้วก็บอกกันต่อๆ ไป คนคนนั้น อ้า มนุษย์พวกนั้น เป็นคนมีศีล มีธรรมเน้อ เออ มีศีล มีธรรม มีเมตตาเน้อ อย่าไปเบียดเบียนเน้อ เออ บอกกันต่อๆ ไป คนอย่างงั้นเป็นคนรักษาศีล อยู่ในเพศอันอุดม เป็นพระ เป็นเณร ก็อยู่ในเพศอันอุดม เป็นขาว เป็นชี ก็อยู่ในเพศอันอุดม ไม่สามารถจะล่วงเกินสิกขาบทวินัยอะไร ให้ตัวเป็นบาปเฉยๆ ให้ลุ ล่วงเกินไม่ได้ ล่วงเกินไม่ได้ มีเจตนาอย่างงั้นก็ชื่อว่าขาด ขาดจากไตร ไตรสรณคมน์แล้ว ขาดจากคุณพระคุณเจ้าแล้ว ขาดจากคุณศีลคุณธรรมแล้ว แม้ตั้งแต่สัตว์เขายังรู้จัก บางจำพวกรู้จัก รู้จักเว้น รู้จักละ ไอ้พวกลิง พวกค่าง เขาอยู่ในป่า ในดง เขาเรียกกันมา ถ้ามีของอยู่ของกินแล้ว มีเรียกกันมา เออ เขาเรียกภาษายังไงก็ไม่รู้หรอก โคกคากๆ ขึ้นมาล่ะก็ มากันเป็นแถวล่ะ
(เสียงเครื่องบิน)
อ้า อันนี้มายังไงเนี่ย ไปชิบแล้ว เข้าเมฆไปแล้ว มันเป็นอะไรล่ะ อ่ะ อ้า เออ มา ผ่านให้เราได้เห็น สิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือสิ่งประดิษฐ์สถาน สิ่งที่ทำขึ้นจากฝีมือมนุษย์ ก็ทำได้ทุกอย่าง เพราะได้เรียน ได้รู้ เครื่องยนต์กลไกทุกชนิด ทำขึ้นจากฝีมือมนุษย์ ฝีมือมนุษย์มันเก่งกล้าสามารถขนาดนั้น ทำให้มันเหาะเหินเดินฟ้าไปได้เลย เออ ผ่านให้โลกได้เห็น ได้รู้ แต่ว่าเกิดน้ำมันมันหมด เชื้อเพลิงมันหมดตรงไหน อ่ะเฮอะ นี่อันตรายมาก เชื้อเพลิงมันหมดแล้ว ไม่มีแล้ว เออ ติดให้มันเดินต่อไป มันก็ไม่เดินแล้ว ก็ดิ่งพสุธา ดิ่งลงมาสู่พื้นดิน เพราะว่าความดึงดูดของแผ่นดินมันมีมาก สามารถดึงดูดเอาวัสดุต่างๆ ให้ลงมาสู่ดินได้อย่างสะดวกสบาย แต่ว่ามันไม่สบายสิ แล้วมันตายก่อนน่ะ มันจะทันถึงพื้นหรือเปล่า หัวใจจะขาดก่อนน่ะ มันวี้ดๆๆ ลงมา อ้า สิ่งเหล่านี้ก็การทำขึ้นด้วยมันสมองของมนุษย์ มันสมองของมนุษย์ รู้ได้ทุกสิ่งทุกอย่าง เครื่องยนต์กลไก รู้ได้ทุกอย่าง เออ
ถ้าเอามาจัด มาทำขึ้นตามความรู้ของตัวเองล่ะ เป็นไปได้ เป็นบั้งฟืนบั้งไฟ เป็นเครื่องยนต์กลไก ที่เหาะเหินเดินฟ้าไปได้ แต่ความรู้ของมนุษย์ทั้งนั้นแหละ มนุษย์มันมีมันสมองวิเศษ อาจจะรู้ได้ นี่ๆ เห็นเป็นพยานแล้ว เป็นๆ พยานแล้ว นี่ๆ เอามันขึ้นไปเนี่ย มันเหาะเหินเดินฟ้ามาได้ด้วยปัญญามนุษย์ แต่มันจากมนุษย์ อันนั้นเป็นเรื่องโลกเขา แต่ปัญญามนุษย์อยู่ร่วมกัน ไม่เบียดเบียนกัน นั่นวิเศษมาก เออ วิเศษมาก ประเสริฐมาก มนุษย์อยู่รวมกัน ไม่มาเบียดกัน ไม่อิจฉากัน ไม่ตาร้อนกัน อยู่ด้วยความสงบ มีเมตตาต่อกัน มีอะไรก็สงเคราะห์สงหากันไป อ้า เท่าที่จะมี เออ ได้ สงเคราะห์สงหาเขาเรียกว่า
จาโค
หรือว่าการให้ทาน เป็น
จาโค จาคะ
อันหนึ่ง สงเคราะห์สงหาเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน สัตว์อื่นที่ตกทุกข์ได้ยาก ลำบากยากแค้น เขาก็อาศัยมนุษย์บ้างเป็นบางจำพวก นั่น ใจมนุษย์สูง มนุษย์ใจสูง แต่ว่าอย่าเบียดเบียนสัตว์ที่ใจต่ำ อย่าเบียดเบียนเขาให้ลำบากลำบนเลย เป็นทุกข์เป็นยาก ทุลักทุเลกว่าจะตายก็ โธ่ ถ้ามนุษย์เบียดเบียนแล้ว ก็ถูกฆ่า ถูกตีแล้ว ก็เจ็บป่วยไปหรือว่าตายอย่างทุลักทุเลที่สุด ไม่พึงกระทำอย่างนั้น เราเป็นผู้มีศีล เป็นผู้มีธรรม มีครูบาอาจารย์เป็นผู้สอนสั่ง เออ ถ้าทำตามคำสั่งคำสอนของครูบาอาจารย์แล้ว เราก็เป็นผู้บริสุทธิ์ เป็นผู้บริสุทธิ์กาย วาจา ใจ เป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่เบียดเบียนสัตว์อื่น ตามคำตั้งปณิธานต่อหน้าพระเจ้าพระสงฆ์แล้ว ไม่เบียดเบียนชีวิตผู้อื่น เออ ให้เขาได้รับความเดือดร้อน นั่นเรียกว่า
เจตะนาหัง ภิกขะเว กัมมัง วะทามิ
มีเจตนาบริสุทธิ์ผุดผ่อง ความบริสุทธิ์ผุดผ่อง จะเกิดมีได้ เพราะเจตนา เจตนาบริสุทธิ์ เจตนาไม่มีการจะเบียดเบียนชีวิตสัตว์ให้ได้รับความลำบากใดๆ เลย อืม เจตนาอย่างนั้นมันเกี่ยวเจตนาของเทวดา เออ เจตนาของเทพเจ้าเหล่าเทวาทั้งหลาย ผู้ความมุ่งบริสุทธิ์ผุดผ่องใส่ตัวเอง ชำระกาย ชำระวาจา ชำระ ชำ... ชำระใจ ให้ถึงความบริสุทธิ์ผุดผ่องได้ก็เป็นเทวดา ใจอย่างงั้น ใจเป็นเทวดา ใจมนุษย์บริสุทธิ์ผุดผ่อง ทำให้ตัวเองบริสุทธิ์ผุดผ่อง ด้วยกาย วาจา ใจ ไม่ให้ไปทำบาปทางกาย ทางวาจาทางใจ เออ ให้ถึงพร้อมไปด้วยเจตนาที่ดี เออ ไม่เบียดเบียนผู้อื่น ให้เขาได้รับความลำบากแต่อย่างใด อันนี้เป็นเจตนาของผู้มีเจตนาสูง มีเจตนาบริสุทธิ์ผุดผ่อง ใจเหมือนกับจะหลุดพ้นไปจากความเศร้าหมองทั้งหลาย ความเศร้าหมองขุ่นมัวทั้งหลาย ความอาฆาต พยาบาท จองเวรทั้งหลายเหล่านั้น มันจะหลุดออกไปจากใจเรา ไม่มีๆ ไม่มีเจตนาอย่างนั้นเลย เป็นคนบริสุทธิ์ผุดผ่อง เมื่อใจสะอาดแล้ว เป็นคนสะอาดกาย วาจา ใจแล้ว เจตนาก็บริสุทธิ์ไปด้วย บริสุทธิ์ไปด้วย มีเจตนาบริสุทธิ์สะอาดเออ
(ฉันน้ำชา)
อ้า พูดไป พูดมา น้ำลายมันเหนียว มันจะพูดไม่ออก น้ำลายมันเหนียว อันนี้ขอฝากญาติโยมทั้งหลาย ทุกคนให้อยู่ในศาสนาเรา ถือศาสนาเป็นที่พึ่งของเรา เราก็พึ่งคำสั่งคำสอนของพระพุทธเจ้านั้น เป็นสิ่งที่ชำระล้าง ขัดเกลากิเลส ความโลภ ความโกรธ ความหลง อยู่ในหัวใจของเราให้มันอล่องฉ่อง หรือว่าขาวสะอาดบริสุทธิ์ เออ เราตกอยู่ในห้วงมหรรณพ ตกอยู่ในภูมิเพศของมนุษย์ แต่ยังเอาตนไปทำบาปกรรมอยู่ มีเจตนาไม่ดี ทำเบียดเบียนสัตว์อื่นอยู่อย่างนั้น มันสูงกว่าสัตว์หรือเปล่า ถ้ามีเจตนาอย่างนั้น แล้วสูงกว่าสัตว์อื่นหรือเปล่า เออ เทวดาเห็น แล้วโมทนาหรือเปล่า นุ่งขาวห่มขาวแล้วอย่างงี้ก็ระวัง ระวังมันจะเปื้อน มันจะแฉลบ มันจะแฉลบออกจากทางเดินของมัน อ้าแฉลบออกไปได้ ไปตบริ้น ตบยุง ตบแมลง ตีแมลงอะไรมันตายไปด้วยเจตนา ทำอย่างนั้นก็เรียกว่าหลอกลวงโลก เรามาหลอกลวงโลกหรือเปล่า ไม่ได้หลอกลวง มีเจตนาอยู่แล้ว ตั้งใจ งดเว้นอยู่แล้ว แต่มันอาจจะเผลอไปบางครั้งบางคราว ถ้ามีสติอยู่ประจำเนื้อประจำตัว ไม่ ไม่สามารถที่จะล่วงเกินทำบาปไปได้ ด้วยกายก็ดี ด้วยวาจาก็ดี ด้วยใจก็ดี ไม่สามารถที่จะมีเจตนา ล่วงเกิน มีเจตนามุ่งมั่นอยู่อย่างนั้น รักษากาย วาจา ใจของตนให้เป็นกายบริสุทธิ์ เป็นวาจาที่บริสุทธิ์ มีเจตนาในใจ ไม่เผลอ ไม่หลงเลย ไปทางที่ผิดๆ ไม่เผลอให้ไปอย่างงั้น ตั้งใจอย่างงั้น
มาเดี๋ยวนี้ มาวันนี้ นิมนต์หลวงพ่อมา ให้มาเทศน์ ว่างั้นน่ะ ให้มาเทศน์ให้ฟัง เทศน์ให้รู้จักคุณค่า คุณสมบัติของใจ เราจะเอาอะไรมาเป็นคุณสมบัติพาดี ขัดเกลาให้อล่องฉ่อง ให้สะอาดหมดจดได้ ก็เจตนาของเราสิ เจตนาของเราตั้งใจแล้ว เราจะละเว้น จากบาป ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ ไม่ประพฤติผิดในกาม ไม่กล่าวโป้ปดมดเท็จ หลอกลวงผู้อื่น ไม่ดื่มกินสุราเมรัย สิ่งที่เป็นข้าศึก แก่ศีลธรรม ถ้าเมามายแล้วมันก็ลืมไปหมด ถ้าไปเมาไปมาย ลืมไปหมด กินเหล้าลงไป มอมเมาจิตใจตัวเอง แล้วก็ทำให้จิตใจตัวเองลุ่มหลง ตะเพิดไปต่างๆ นานา
(เสียงนกร้อง)
ทำให้กระทบกระเทือนถึงจิตใจผู้อื่น เออ
(เสียงนกร้อง)
เออ มีนกน้อยๆ มาร้องอยู่นั้นด้วย
เออ จริงแล้วหลวงพ่อเนาะ(นะ)
(เสียงนกร้อง)
จิ๊บๆๆๆ อยู่เลย เออ จริงแล้ว จริงแล้ว
ถ้ายังเขาเบียดเบียนอยู่ ก็ชื่อว่ารักษาศีลยังไง เฮอะๆๆ เออ ไม่ใช่แล้ว
(เสียงนกร้อง)
ต้องรักษาศีล ตามคำที่หลวงพ่อเทศนาสั่งสอน
อ้า เรียกกันมาอีกแล้ว ๒ ตัวแล้ว มา มาฟัง เออ
มาฟังเพิ่นเทศน์ เพิ่นแสดงว่า มนุษย์ไม่ให้ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต
เราล่ะเป็นพยานอีก เออ มาได้นั่งฟังอย่างดี อยู่ เออ ต้นไม้หรือต้นสายไฟ อืม ฟังอยู่ ก็เรียกกันมาด้วย จิ๊บๆๆๆ มาเร็วๆ มาฟัง
(เสียงนกร้อง)
นั่น เฮอะ เออ มันน่าสงสารสัตว์อื่น ผู้มีเจตนาบริสุทธิ์ บางทีอาจจะรู้ว่าความหมายของผู้พูดก็ได้ รู้ความหมายว่า เพิ่นให้เว้นจากการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ให้เบียดเบียนซึ่งกันและกัน อ้า อันนี้ถ้าประพฤติปฏิบัติเคร่งครัด ตามที่พูดมานี้ แล้วก็เป็นคนบริสุทธิ์ได้ สัตว์อื่นเขาก็ไม่เกรงกลัว อ้า อาจจะลงมาขอกินอาหารตามในลานนี้ก็ได้ อ้า เหมือนดังเราไปพุทธมณฑล แล้วมันเรียกกันมาเป็นพรวนเลย พวกนกก็มา พวกปลาก็มา มากินอาหาร วันนี้เขาแจกอาหาร มันก็มากัน โอ้โฮ มากันมากมาย มันคงจะเรียกกันว่ะ มันจึงรู้กัน มาเป็นกลุ่ม เป็นก้อน เป็นพันกันจริงๆ กินอาหาร อ้า แย่งกันล่ะ ตัวไหนมีกำลังหลาย ก็เอาชนะตัวมีกำลังน้อย เออ แต่ว่าเขาก็ตั้งใจถัวเฉลี่ยกันแล้ว ไม่แย่งกันล่ะ
(เสียงนกร้อง)
อ้าว ตัวใหญ่ๆ ก็มี หัวเท่านี้ก็มี ตัวใหญ่ๆ ไม่มีใครไปแย่งมันได้หรอก อืม มันแย่งกันแต่ตัวน้อยๆ แย่งกัน ตัวใหญ่ๆ เขาก็กลัวถูกเขมือบ ถูกคาบไปกิน หรือเขมือบไปกินเลย เออ อ้า
อันนี้สัตว์ตั้งแต่ครั้งโบราณกาลมา ในป่าหิมพานต์โน้น หิมวันตประเทศ อยู่ด้วยกัน อยู่ด้วยศีล อยู่ด้วยธรรมกัน กินแต่ของบริสุทธิ์ หากินแต่ของตายแล้ว ไม่ได้ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตอะไรเลย อยู่ในป่าหิมพานต์ ...วันต์ พระเวส มีนิทาน เพิ่นเล่าให้ฟัง แอ้ แม่นางมัทรีไปตามพระเวสสันดร ไปอยู่ในป่าหิมวันตประเทศ หากินผลหมากรากไม้ หัวเผือก หัวมันไปเรื่อยๆ เอ้ จนว่าผมไม่มีสักเส้น เออ ผมร่วง ผมร่วงหมด โอ้ เราอ่านหนังสือเรื่องประวัติอันนั้นแล้ว เกิดความสลดสังเวชขึ้น โอ้โฮ เพิ่นบำเพ็ญบารมี คงเป็น มันเป็นธรรมดาทรมาน ลำบากตรากตรำขนาดไหน สู้ สู้ ปรึกษากันเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน สู้ เราสู้ได้ไหม สู้ได้ เออ เราจะไปอยู่ป่า อยู่เขา มัทรีเอยเธอจะสู้ได้ไหม เออ ได้ หาเลี้ยงพระแก้วตา บรรดาพระ... บวชเป็นฤๅษี เลี้ยงถึงลูกด้วย กัณหาชาลี เลี้ยง ได้ผลหมากรากไม้ก็เลี้ยง เอามาเลี้ยงกัน แต่น่าสลดสังเวช ในเมื่อเขาไปขอ ๒ กุมารเดะ เขาไปขอเอา ชูชก ชูชกได้เมียสาว เออ อืม ให้ ให้สามีไปขอเอาลูกของพระเวสสันดร เพิ่นหมดทุกอย่าง ช้างแก้วก็ให้ ม้าแก้วก็ให้ รถจักรรถแจวก็ให้ ให้ไปหมดเลย เออ จงไปขอเอาลูกของพระเวสสันดรน่ะ กัณหาชาลี นั่น มาเป็นคนรับใช้เรา จึงจะให้อยู่ด้วย เฮอะ ไอ้เฒ่าแก่ก็ไม่รู้จักอะไร เออ ฟังคำเมียแล้วก็อยากได้คนใช้ที่ดีๆ เอาไว้ใช้ ไปตามคำบอกขอของเขา อืม ธุดงค์ตามป่าไปไกลเหลือเกินแล้ว เออ
ทุกข์ก็สู้ ทุกข์ก็หม่น(บุก) หนามสน(หนาม)ก็ผ่า(ฝ่า)
ป่าขี้อ้น(ป่าหญ้าชนิดหนึ่งที่มีลูกของมันชอบติดตามผ้าหรือตามกางเกงเมื่อเราเดินผ่าน) ตันหน้า บ่กลัวแล้ว ไปได้ ไป เพื่อไปขอเอา ๒ กัณหาชาลี มาให้เมียของตัวเอง
นางอมิตตดาเป็นคนสั่งให้ไปขอ นางอมิตตดานั่นก็ อืม เข้าใจว่า ตายแล้ว เข้าใจว่าตายแล้วไปในป่าใหญ่ ดงหนาป่าใหญ่ ตายในป่าแล้วล่ะเฒ่าชูชกคนนี้ คงอยู่ไม่รอดหรอก เออ ต่อให้หนีจาก นั่น เขา ความสุขของเขาซะ เออ น่ะ เป็นอย่างยังงั้น แต่ว่าตายจริงๆ กลับ แก่ก็เป็นคนจำทางได้ดี ไปทางนี้ๆๆๆ จำไปเมืองนั่นเมืองนี้ไปได้ อ้า เวลาออกจากป่า ขอกัณหาชาลีได้แล้ว ฆ่าม้าตีมาเหมือนดังสัตว์นี่ล่ะ เออ เพราะกัณหาชาลีน้อยๆ ไม่รู้จักเดียงสาอะไรหรอก เขาให้นอนอยู่กับพื้นดิน ก็นอนอยู่กับพื้นดินนั่นแหละ แต่ว่าตัวพราหมณ์ชูชกนั่น ขึ้นไปแขวนอู่นอนอยู่ข้างบนกิ่งไม้ ต้นนั่นต้นนี้ เขากลัวเสือ กลัวสางจะมา แต่ว่ากัณหาชาลีก็มีชีวิตเหมือนกัน ทำไมไม่ดูแลรักษา เออ มีใจหยาบช้าเหลือเกิน ปล่อยไว้ข้างล่าง ร้อนฮอด(ถึง)เทวดา เทวดาก็แปลงตนลงมา ให้นอน ให้นอนบนตัก ให้ปลอดภัยจากมด มด ยุง ริ้น ยุง มด ปลวก ไม่มาใกล้เลย เทวดาอ่ะ มาแปลงตัวลงมาดูแลรักษาเนี่ย
ถ้าอ่านไป ก็ซึ้งไป
ในตำราพระเวสสันดร กัณหาชาลี เกิดมาซึ้งน้ำใจ อืม เป็นอย่างงั้น มีความจริงอันนี้ พระโพธิสัตว์ท่านทำมาแล้วได้ เพิ่นเป็นมหาสัตว์ มหาสัตว์เวสสันดรชาดก แต่พวกเราก็บำเพ็ญบารมี ทีแรกก็ยากใจอยู่นะ จะรักษาศีลก็ยากใจตัวเองอยู่นั่นแหละ จะไหวไหม อ้า ไปนอนในป่าได้ไหม เออ เสือสิงห์หิงแสง อ้า เสือสิงห์มหิงสา(ควายป่า) อะไรมาเบียดเบียนจะทำยังไง เออ แต่ว่าเทวดารู้กันหมดแล้วล่ะ ไม่ให้สัตว์สิงห์มหิงสา(ควายป่า)ทั้งหลายมาเบียดเบียน เออ พระกุมาร ตั้งแต่พระเวสสันดร นางมัทรี กัณหาชาลี ไปอยู่ในป่าสมัยโน้น เทวดาบอกเล่ากันหมด ให้มากล้ำกรายไม่ได้ ดูแลเป็นพิเศษ เออ คนมีบุญ มีบุญ มีผู้ดูแล มีผู้รักษาให้ เออ เฮอะ ถ้ามันมีแต่ปางนั้น สมัยครูบาอาจารย์พาเราไปภู เขาภูพานคำ แล้วก็ภูเวียง ภูอะไรเหล่านี้พาไป ก็มีสัตว์สิงห์มหิงสา(ควายป่า) มากินน้ำ กินอะไรด้วย เสียงมันเลียน้ำ จกๆๆ มันเลียน้ำเอา มันไม่ได้ดูดกินธรรมดา มันเลียเอาคือหมากินน้ำนี่แหละ เสือมันเลีย จกๆๆๆ ได้ยิน ได้ยินกับหู เรานั่งฟังเทศน์หลวงปู่อยู่ เอ้ เสียงนี่มันไม่ใช่เสียงธรรมดานะเนี่ยเสียง เสียงสวบน้ำ อืม มันดัง จกๆ บักใหญ่อยู่ เขาก็ ก็กลัวเสือ ตัว... ตัวอะไร
เอ้า ก็ครูบาอาจารย์ไม่ตาย เราก็ไม่ตาย ก็ เออ ตั้งใจลงไปอันนั้น ภาวนา เพิ่นก็เทศน์ไป แล้วก็ดังขึ้นๆๆ เทศน์เสียงดังฟังชัดขึ้น เออ อ๋อ รู้ รู้ว่ามันมาอยู่ แต่มันไม่ทำไม มันมากินน้ำเฉยๆ มันไม่ทำไมคนหรอก ของเราเฉยๆ อย่าไปฟังมัน จุดตะเกียงเจ้าพายุแขวนไว้ที่ต้นไม้ ให้มันสว่างไสว มันมากินน้ำเสร็จแล้วมันก็ไปแหละ มันก็กลับไปหาลูกหาเมียล่ะ มันมีลูกมีเมีย นู้นรอยมันบักใหญ่ เท่าปากกระโถนนี่ รอยมัน เวลามันไปแล้ว จึงไปดู มันมานี่ๆ มานี่ เหยียบขี้โคลนไปตรงนี้ๆ โอ้ เห็นรอยมันแล้ว เกิดขนลุกขนพอง กลัวมันหมดแล้ว น่ะ เพิ่นบอกว่า เทวดารักษาหรอก ไม่ต้องกลัวอ่ะน่ะ ครูบาอาจารย์เพิ่นบอกไม่ต้องกลัว เรามาปฏิบัติธรรม มาภาวนา จำศีลภาวนา เทวดารักษาเองหรอก อ่ะน่ะ อ้า เทวดาสัมมาทิฏฐิก็มี เขาไม่มาคาบเอาเราไปหรอก อ่ะเน้อ โอ้โฮ มัน เท่าปากกระโถน ใหญ่กว่านี้รอย รอยเสือน่ะ รอยใหญ่ๆ เป็นคืบ มันกว้างอ่ะเน้อ ถ้ามันคาบเอาเราไป มันก็ไปจ้อยอ่ะ ตายจ้อยล่ะ บ่ยากหรอก แน่ะ แต่ว่าบุญบันดาล เทวดารักษา ไม่มีใครเป็นอะไรเลย ไม่มีใครเบียดเบียนกันหรอก เขามากินแล้วเขาก็ไป เออ เขาไม่ๆ มาอยู่แค่ให้คนกลัวเฉยๆ หรอก เออ อันนี้ก็มหัศจรรย์ เรื่องความมหัศจรรย์ของโลกมีอยู่ เออ สัตว์อื่นอย่าข่มเหงสัตว์อื่น สัตว์อื่นอย่ารังแกสัตว์อื่น ให้เป็นเพื่อนเป็นฝูงกันเน้อ
สัพเพ สัตตา สุขิตา โหนตุ
สัพเพ สัตตา อะเวรา โหนตุ
สัพเพ สัตตา อัพ๎ยาปัชฌา โหนตุ
นี่เราก็สวดแผ่เมตตาอยู่ทุกวันๆ เออ ก็คุ้มครองป้องกันได้ดี เพราะฉะนั้น เทศน์มาเป็น ปกิณณกนัย เพื่อต้องการอยากให้ญาติโยมพุทธบริษัททั้งหลาย ได้เข้าใจ หยิบไปพินิจพิจารณาด้วยปัญญาอันฉลาดของตนๆ เองเถิด
ทำจริงๆ ได้ผลจริงๆ เออ
ทำจริงๆ ได้ผลจริงๆ
ไปอยู่ป่าที่มีเสือสางคางลายหลายชนิด เขาก็ไม่ทำไมเรา ต่างคนต่างอยู่ ต่างคนต่างไป ไม่เบียดเบียนใคร เออ เวลาไปบิณฑบาต เดินทางจากคำหวายยาง(วัดป่าคีรีวัน)ไม่ใช่ คำเม็ก (วัดถ้ำพระคำเม็ก) ออกบิณฑบาตแต่เช้ามืด มาตามทาง เวลาก็นั้น โอ้ มันเสียงดังครามตรงนี้ ให้มันออกไปทางนี้แล้วมันไป ขากลับมาก็แวะไปดูรอยมัน รอยมันไปนี่ มันไปทางนี้ ดังครามหนึ่ง เพิ่นว่า โธ่ ดูรอยมันเท่าปากกระโถนใหญ่ๆ นี่แหละ รอยเสือ เสือโคร่ง เออ แต่เขาก็หลีกทางให้เรา ไม่ได้ขวางทางเราเลย ไม่ได้เบียดเบียนเราเลย เขาก็หลีกทางให้เรา ให้ไปได้สะดวก ไปบิณฑบาตมาเลี้ยงครูบาอาจารย์ ท่านไปไม่ ท่านไปไม่ได้ เดินทางไกลไม่ได้ ให้ท่านอยู่กับที่ อ้า เรา พวกเราเป็นคนหนุ่ม พากันไปเดินบิณฑบาต อืม ไม่ๆ ไม่กลัวตาย เอาชีวิตฝากไว้กับพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ล่ะ ไป ภาวนาไป เวลามาภาวนามาอยู่อย่างงั้นก็ ปลอดภัยๆ เพราะฉะนั้น ความปลอดภัยของเราจะมีขึ้นก็เพราะการรักษาศีล ประพฤติปฏิบัติธรรม
เอาแล้ว ขาจัง(ขาชา) ขาจัง(ขาชา) เออ ช่างมันเถอะขา ปล่อยมันทิ้งไปซะ มันจัง(ขาชา) อืม หึ มัน ปล่อยมันทิ้งไป แล้วมันจัง(ขาชา)ทำไม เออ นั่งนานเรา เออ เรานั่งนาน ทับขาไว้ ขานั้นอย่าทับมัน หึ อ้า ขานั่นอย่าทับมัน เอาขาใหม่มาทับไป เออ อ่ะ หึ ก็นั่นล่ะความอดกลั้นทนทาน เขาว่า
ขันติ หิตะ สุขาวะหา
ความอดกลั้นทนทานเป็นตบะอย่างยอดเยี่ยม เป็นความอดกลั้นอย่างสูง เหนือการเหน็บชาจะกินยังไงๆ ถ้าเราอดกลั้นได้ เราเฉยจนว่าไม่มีเลย ไม่มีแข้ง ไม่มีขา ไม่มีหลัง ไม่มีเอวเลยนั่งได้ตลอด ไม่มีปวดแข้ง ปวดขาอะไรเลย ถ้าไปยึดมันก็หนักเข้าๆๆ ขาชา หนักเข้าๆ ก็ไปไม่รอดแล้ว นอนอ่างหล่าง(นอนหงายด้วยอาการที่หมดเรี่ยวแรง) อ่ะ หึ เออ ขาชา
ขามันก็เป็นพญามาร อันหนึ่งเหมือนกัน แขนเรา มือเรากำอะไรก็ไม่ได้ ถ้ามันหนาวจัดๆ มา จับอะไรก็หลุดตีน หลุดมือไป เพราะฉะนั้น ก็เอาความอดกลั้นเข้ามาใส่ ว่าความอดกลั้นของเราจะมีจริงหรือเปล่า เออ อดเอา ทนเอา เออ อดกลั้นทนทาน แค่นี้ทนไม่ได้เหรอ
เอาล่ะที่แสดงมาเป็น ปกิณณกนัย เพื่อต้องการให้พวกเราทั้งหลาย นำไปใคร่ครวญพินิจพิจารณาตามความเป็นจริง ให้เห็นตามความเป็นจริง เออ ถ้าอดกลั้นทนทานไปได้ และชนะพญามารแล้ว ชนะใจตัวเองแล้ว ก็ชื่อว่าเป็นผู้ชนะ ไม่ยอมแพ้ ต่อแต่นั้นก็จะได้ประสบพบเห็นแต่ความสุขความเจริญทั้งทางคดีโลกและทางคดีธรรมทุกประการ รับประทานฝอยมา หรือวิสัชนามา ก็ยุติด้วยเวลา เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้
(สาธุ สาธุ สาธุ)
เทศน์ไปๆ มันก็เมื่อยเหมือนกัน เว้ย
เจตะนาหัง ภิกขะเว กัมมัง วะทามิ
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เจตนาเป็นตัวกรรม
ขันติ หิตะ สุขาวะหา
ความอดทน นำมาซึ่งประโยชน์สุข
ขันติ ปะระมัง ตะโป ตีติกขา
ขันติ คือความทนทานเป็นตบะอย่างยิ่ง
จาโค [จา-โค] สละ
จาคะ [จา-คะ] สละ
ฤๅษี [รือ-สี] ฤษี [รึ-สี] นักบวชผู้ชายอยู่ในป่า
ฤษิณี [รึ-สี-นี] นักบวชผู้หญิงอยู่ในป่า
พ๎รัห๎มวิหารผรณา
บทแผ่เมตตาให้สรรพสัตว์
สัพเพ สัตตา สุขิตา โหนตุ
สัตว์ทั้งหลายทั้งปวงจงเป็นผู้ถึงความสุข
สัพเพ สัตตา อะเวรา โหนตุ
สัตว์ทั้งหลายทั้งปวงจงเป็นผู้ไม่มีเวร
สัพเพ สัตตา อัพ๎ยาปัชฌา โหนตุ
สัตว์ทั้งหลายทั้งปวงจงเป็นผู้ไม่เบียดเบียนกัน
สัพเพ สัตตา อะนีฆา โหนตุ
สัตว์ทั้งหลายทั้งปวงจงเป็นผู้ไม่มีทุกข์กายทุกข์ใจ
สัพเพ สัตตา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ
สัตว์ทั้งหลายทั้งปวงจงรักษาตนให้อยู่เป็นสุขเถิด
๔๗