หลวงปู่ท่อน ญาณธโร
วันพุธที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๕๗ เวลา ๑๘.๐๐ น.
ณ บ้านดอนสำราญ-บ้านชุมนุมใน
อ.แกลง จ.ระยอง
เออ มันจะไหวบ่ ฝนจะตกไหมเนี่ย ฝนจะตกไหม ถ้าฝนตกมันก็น่าดูนะ เพราะฉะนั้นจดคาถาไว้หน่อย คาถาว่า โอมน้ำมันงา มาทา...ตกฝั่งพู้น(โน้น) ฝั่งนี้อย่าตก อ่ะน่ะ หึ อ่ะ คาถาเพิ่นว่าไว้กัน กันฝน ไม่ให้ฝนตก
อันนี้เอาข้อเฮฮาขึ้นเบื้องต้นซะก่อน ไม่รู้ว่าจะเอาอะไร มาแสดงให้ฟัง คนหลายๆ อย่างนี้ เอาธรรมะลึกซึ้ง ลงไปลึกๆ อาจจะเข้าใจยาก เรื่อง ศีล สมาธิ ปัญญา มันก็มีอยู่แล้ว ทุกคนก็เข้าใจอยู่แล้ว ศีล ก็รักษากาย วาจา ใจเป็นศีล สมาธิ ตั้งใจมั่น ปัญญา รอบรู้ในกองสังขาร ในร่างกายเราก็เป็นล้วนแล้วแต่มีสังขารกันทั้งนั้น มีรูป มีนาม เป็นก้อนหนึ่ง ก้อนสังขาร
แต่ว่าวันนี้คิดว่าจะเอาปกิณณกนัย อิงนิยาย ธรรมนิยายที่เป็นคติธรรม เราได้ฟังแล้วชื่นใจอยู่ เรื่องราวของประเทศอื่นเพิ่นหรอก เรื่องราวของประเทศจีน โน้น แต่มันเป็นนิทาน น่าสลดสังเวช น่าเมตตา ได้เป็นใหญ่เป็นโต เพราะความประพฤติ ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบในบิดามารดาของตน ไม่ได้เกินคำสั่งคำสอนของพ่อของแม่ตัวเอง อยู่ในขอบข่ายของศีลธรรมเสมอ เออ เรื่องกตัญญู เรื่องมันมีอยู่ว่า ไม่ต้องขึ้นภาษิตหรอก
กัมมัง วิชชา ธัมโม สีลัง ชีวิตะมุตตะมัง
นี่ มันเป็นภาษิต มันเบื่อแล้ว กรรม การกระทำดี นี่เป็นกรรม กรรมดี เป็น
กัมมัง
ของบุคคลผู้เป็นเจ้าของชีวิต
วิชชา
หมายถึง ความรู้ที่ได้เล่าเรียนศึกษามาก็ดี หรือได้ยิน ได้ฟังมาก็ดี เป็นการศึกษาทั้งนั้น
สุสสูสัง ละภะเต ปัญญัง
ฟังด้วยดีย่อมได้ปัญญา เพิ่นว่าอย่างงั้น ถ้าไม่ฟังด้วยดี ไม่ได้ปัญญาอะไรเลย ฟังเหนื่อยเฉยๆ ปวดหลัง ปวดเอวเฉยๆ มันก็ไม่ดีอีกเหมือนกัน เพราะฉะนั้น จงตั้งใจกำหนดจดจำเอาเอง ตีความหมายเอาเอง บางข้อบางอย่างใช้ดุลยพินิจคิดให้ละเอียดไปด้วย นั่น การฟังเทศน์เพิ่นบอกว่าอย่างนั้น การฟังเทศน์ไม่ใช่ฟัง ลมๆ แล้งๆ เฉยๆ ใช้ดุลยพินิจคิดให้ละเอียด เป็นการ ของจริงหรือของไม่จริง ให้ขบคิดพินิจพิจารณาด้วย ปัญญาอันชาญฉลาดของตนๆ เองนี่ล่ะ ก็นำไปใคร่ครวญพินิจพิจารณาด้วยความเฉลียวฉลาดของตัวเอง ก็จะได้ความรู้ขึ้นมา ประพฤติปฏิบัติตัวเองให้ถูกต้อง ตามทำนองครองธรรม ของนักปราชญ์ทั้งหลาย ไม่ว่าพระพุทธเจ้าก็ดี นักปราชญ์บัณฑิตทั้งหลายก็ดี ท่านพูดไปมีนัยเป็นปริศนาปัญหา ให้พวกเราผู้มีปัญญาขบคิดพินิจพิจารณาเอาเอง น่ะอย่างนี้หรอก
เรื่องที่จะนำมาพูดวันนี้ ไม่ใช่เป็นเรื่องของเมืองไทย เป็นเรื่องของเมืองจีน สมัยโน้น สมัยดึกดำบรรพ์นานมาแล้ว ในเมือง เมืองหนึ่ง ชื่อว่าเมืองเจ๋ มีพระเจ้าผู้ครองเมือง ชื่อว่าเป็นพระเจ้าหวางตื้อ พระเจ้าหวางตื้อน่ะมีสมบัติพัศฐานเป็นหลักเป็นฐานอยู่เมืองเจ๋นั้น ปกครองบ้านเมืองมานานแล้ว จนได้ลูก ได้เต้าขึ้นมา มีลูกชายคนหนึ่งชื่อว่า อู๋เหล็งกุมาร มิใช่หรอก ชื่อว่าอู๋เหล็งกุมาร
สมัยนั้นพระเจ้าหวางตื้อ มี เออ เสมียนตรา หรือว่า เออ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติหน้าที่อยู่กับพระเจ้าหวางตื้อ เพิ่นตั้งยศให้เป็นเสนาธิการหรือขนาดโน้นล่ะ เป็นผู้ดูแลสารทุกข์สุขดิบ ให้แก่ไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินในเมืองเจ๋นั้น ตั้งให้เป็นเสมียนตราหรือเป็นเสมียนผู้ดูรับ ดูแลรับผิดชอบ เรื่องการเงินการทอง แต่ว่า เขาชื่อว่า มิ่งกงฝ่า ขุนนางผู้นี้เขาชื่อว่า มิ่งกงฝ่า มิ่งกงฝ่าไปอยู่ทำงานที่นั่น พระเจ้าหวางตื้อ ก็เห็นความดีความชอบของเขา แล้วก็คิดแต่งงานให้เขา ให้เขามีหลักมีฐาน ทำราชการบ้านเมืองช่วยกัน พออยู่ไปอยู่มานี้ ในวันหนึ่ง พระเจ้าหวางตื้อเป็นคนที่กริ้วหน่อยโกรธ โกรธหน่อย ถ้าได้โกรธแล้วก็ปากร้ายเสียด้วย ด่า ถ้าแกเห็นว่าข้า ปกครองดูแลแกไม่ทั่วถึง หรือไม่เป็นสุข ก็ให้แกขอลาไปอยู่ที่ไหนก็เป็นเรื่องของเธอเองน่ะ ของแกเอง พระเจ้าหวางตื้อหาเรื่องขึ้นมา เรียกว่าแหย่ แหย่ให้โมโห พออยู่ด้วยกันมาหลายปีดีดัก จนพระเจ้าหวางตื้อเห็นดีเห็นชอบ แล้วก็ไปสู่ขอผู้หญิงมาให้แต่งงาน พูดรวบรัดเอา เขาเรียกว่าแต่งงานมาแล้วก็ได้ลูก ๒ คนฮึ ๒ คน ขึ้นมา อันนี้จะรวบรัดไปว่า ได้ลูกขึ้นมาแล้ว แต่ว่ามาทำผิดกำหนดกฎหมายของบ้านเมืองบางอย่าง พระเจ้าหวางตื้อก็ดุเอา แก มีหูมีตา แกทำไมไม่พิจารณา ผู้เห็นเป็นจริง ข้าปกครองแกมานานปีแล้ว ถ้าแกไม่ชอบใจ แกจะลาออกซะก็ไม่เป็นไร เออ ว่าด้วยความโมโหเฉยๆ หรอก จะหาขุนนางแบบนี้หายากที่สุด แต่ว่าโมโหมาก พูดด้วยความโมโหโกรธา อยู่มา อ่ะ ไอ้มิ่งกงฝ่า นั่นก็คิดน้อยใจตัวเอง เสียแรงเราเสียสละชีวิตเลือดเนื้อ เพื่อแผ่นดินกับพระเจ้าหวางตื้อ เท่านี้ เพิ่นไม่ชอบใจ เพิ่นไล่เอาแบบนี้ ก็สมควรจะไปอยู่ที่อื่นแล้วเรา เออ แต่ไม่ได้พูดให้ฟัง ต่อมาก็นานวันมาก็ลาออก ได้ลูกตั้ง ๒ ๓ คนแล้วเนาะ(นะ) อ้า มิ่งกงฝ่าได้ลูก ๒ ๓ คน แต่งงานให้อย่างถูกใจ แล้วขอลา ขอลาพระเจ้าหวางตื้อ ขอลาออกไปทำราชการทางอื่น ทางการทางอื่น ทำมาหาเลี้ยงชีพด้วยตนเอง แล้วเป็นขุนนางมาแล้วหลายปี ก็มีเงินมีทองพอจับพอจ่ายได้ พอไปตั้งหลักตั้งฐานได้ เพิ่นบอกให้หนีไป ก็หนีไปตามความต้องการของพระเจ้าหวางตื้อ หนี ไม่บอก ไปอยู่ที่ไหนไม่บอก โน้น ไปอยู่หมู่บ้านเก่าแก่ มีญาติมีพี่น้องอยู่บ้างทางโน้น ก็ไปอยู่กับเขาทางโน้น แต่ว่าด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจตัวเอง ก็เลยประพฤติไม่ดี เสียใจ ว่าตกการตกงาน กินเหล้าเมาสุรา เล่นการพนัน บางทีก็ ไปชอบผู้หญิงไหนอื่นก็เที่ยวไป แตกไปธรรมดา แล้วคนใจแตกแล้วปะเนี่ย ส่วนเมียนั่นเป็นคนดี ดีจริงๆ ภรรยาที่แต่งงานให้ เป็นคนดี เป็นคนขยันหมั่นเพียร มีข้อวัตรปฏิบัติสามีอย่างดี ขอร้องให้ พี่ ให้เลิกซะเถอะ เรื่องกินเหล้าเมายาเนี่ย ให้เลิกซะ เรื่องเที่ยวผู้หญิงผู้ญาก็ให้เลิกซะ พวกเรากำลัง พอมีตีนมีมือ พอจะ เออ ตั้งเนื้อตั้งตัวได้ เออ ก็ไม่เลิกแหละ เพราะว่าคนขี้เมาแล้ว ไปบอกยังไงก็ไม่เอา อย่ามาห้ามข้าๆ ข้าเสียใจมานานแล้ว ให้ข้าทำของข้าไปเอง ว่าไปอย่างงั้น เห็นสามีเป็นคนไม่เอาไหน แล้วก็เลยคิดหาหนทาง
เอ้ ถ้าปล่อยไว้อย่างงี้ เราก็จะไม่มีตีนมีมือ หมดเนื้อหมดตัวไป ส่วนลูกชาย ๒ คน ลูกสาวคนหนึ่ง ลูกชาย ๒ คนเนี่ยเป็นคนเก หาว่าตัวเองได้เป็นลูกขุนนาง ได้เป็นลูกเจ้าลูกนายเพราะเคยทำราชการมา อันนั้นก็เกเร เกกมะเหรกเหมือนกันน่ะ เป็นนักเลง ไม่อยู่ใต้สนับบังคับคำสั่งของพ่อของแม่เท่าไหร่ เก ไม่เล่าเรียน ไม่ศึกษาอะไร มีแต่เที่ยวกับเที่ยวไป จนติดคุกติดตะรางในที่สุด เขาจับได้ไล่ทันแล้วก็เป็นนักโทษ ไปติดคุกติดตะรางซะนมนาน เสพยาเสพติดให้โทษ จนเสียผู้เสียคนไปล่ะ ไอ้จุ๊กฝ่า ไอ้ฉิ่นฝ่า ๒ พี่น้อง ชวนกันได้ก็ไปหาเที่ยวเตรเฮฮา จนติดคุกติดตะรางดังกล่าว
ส่วนชิ้วหลั่น ลูกสุดท้องเป็นผู้หญิง อยู่กับพ่อ อยู่กับแม่ ไม่ได้ไปไหน ฟังคำของพ่อของแม่สอนอยู่ตลอด แต่ว่าต่อมาภรรยาคิดได้ หนี หนีข้ามภูข้ามเขาไปโน่น ไปเอาใบชาอย่างดีมาจากเมืองเจียงหนัน เมืองกังไสโน่น ใบชามีค่าราคาดี เมืองเจียงหนัน เมืองกังไส ข้ามภูข้ามเขาไป ไปแล้วก็ไปติดต่อเจ้าของไร่ใบชาเขา ขอซื้อพันธ์ุใบชาหรือว่ามียังไงก็ปันกันหน่อย อยากจะนำไปปลูกที่บ้านของเรา บ้านของเรานั่นอยู่หมู่บ้านลิ้วฉี่ บ้านนี้บ้านลิ้วฉี่ มันมีน้ำตกลงมาจากภูเขาโน่น เสียงดังสนั่นหวั่นไหว ทั้งบ้านล่ะ นำ้ตก แต่ว่าเหนือน้ำตกไปโน้นเป็นที่ดี เป็นเนิน เป็นป่ากว้างใหญ่ แต่ว่า แม่ของชิ้วหลั่นเนี่ยเป็นคนมีปัญญา ถ้าเราไปนำเอาใบชามาแล้วจะนำมาปลูกที่นี่ ปลูกที่เนื้อที่ดีๆ นี้ จะขยายให้เต็มเลย เพราะว่าน้ำไม่อด น้ำไหลอยู่ตลอดปี ถ้าฝนแรงลงมาก็ตกลงมาเสียงดังสนั่นหวั่นไหวทั้งบ้านแหละ จะไปทำอย่างว่า ไปทำอย่างว่า ไปทำไร่ใบชา แล้วใส่ตะกร้า ใส่เป้ ใส่ตะกร้ามาก็ ไปข้ามภูข้ามเขากลับมา แล้วนำเอาใบชาเหล่านี้ไปขยายพันธุ์ เพาะปลูกให้ขยาย กว้างออกไปๆ ถ้ามันมีพันธุ์ดีแล้ว ก็เลยไม่ต้องข้ามภูข้ามเขาไป พันธุ์มันมีแล้ว มีพันธุ์แม่มันมีแล้ว ค่อยตอนเอา ค่อยเสียบเอา เอาไปขยายพันธุ์ไปเรื่อยๆ ถ้ามันหมดเชื้อมันแล้วก็ ข้ามภูไปเอามาอีกอยู่อย่างนั้นแหละ มาจากเมืองกังไส เมืองเจียงหนัน เมืองกังไสนู้นมันไกล มาขยายจนเต็ม จนเต็มบริเวณภูเขาแห่งนั้น ได้ไร่ใบชาอย่างมากมายหลายเอเคอร์(acre) หรือว่าหลายไร่ ได้ใบชามาแล้ว บัดนี้กลับมา มาขึ้นภูขึ้นเขา ขึ้นภูขึ้นเขาซะจนเจ็บจนป่วย อ้า ป่วยไม่ค่อยสบายแข็งแรงพอ พอที่จะไปได้อีก อ้าว พูดรวบรัดไป รักษาพยาบาลกันอยู่นานพอสมควร แล้วความเจ็บไข้ได้ป่วยมันเป็นโรคหนักแน่นหน่อย เป็นโรคหัวใจ เป็นโรคความดัน มาในตัว หมอรักษาพยาบาลยังไงๆ มันก็ไม่ฟื้น ในที่สุดก็ตาย พอภรรยาตายลงไปเท่านั้น อยู่ตั้งแต่ชิ้วหลั่นอยู่กับพ่อ ส่วนไอ้จุ๊กฝ่า ฉิ่นฝ่านั่นหนีไปเป็นนักเลง หนีไปเป็น ติด นักโทษติดคุกติดตะราง ถูกเขาจับค่าปรับค่าไหม ติดคุกติดตะราง แล้วก็กินยาด้วย กินยาเสพติดให้โทษด้วย แน่ะ จึงติดคุกติดตะรางอยู่ตลอดมา ผู้ มิ่งกงฝ่า
เห็นภรรยาที่ดีตายอย่างงั้น ก็เลยกลับเนื้อกลับตัวได้ทันที เราเสียภรรยาที่ดีไป เพราะเขาห้ามเราไม่ฟัง ไม่ให้กินเหล้า ไม่ให้เที่ยวผู้หญิง ไม่ให้เล่นการพนันใดๆ ทั้งนั้น เขาเลยเป็นโรคถึงชีวิตตาย เสียเมียที่ดีที่สุด ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป เราจะเลิกเหล้า เลิกยา เลิกเที่ยวผู้หญิง จะตั้งหน้าตั้งตา ไปปฏิบัติอุปัฏฐากฝีไม้ลายมือของภรรยาที่ปลูกไว้เต็มบ้าน เต็มเมือง เต็มภูเขาแห่งนั้น ให้สืบสร้างก็จะพอเลี้ยงชีวิตได้ เอาแต่ใบชานี้ไปขาย อ้า ในเมืองเจ๋ เมืองโน้น ก็จะได้พอเลี้ยงตัวได้ ทำอยู่ไม่ค่อยหลับ ไม่ได้หลับได้นอน
ต่อไปวิบากกรรมตามทันหรือยังไง ตัวมิ่งกงฝ่าเองก็ป่วยเหมือนกัน เพราะว่าทำงานหนัก ขึ้นภูขึ้นเขา ลงภูลงเขา ทำงานหนักๆ เข้าก็ป่วยเหมือนกัน ป่วย แล้วก็นั่งสอนลูกสาวว่า ก็เพราะอะไรอ่ะ เราจึงได้อยู่บ้านอย่างนี้ สับปะรังเคอย่างนี้ ฝนตกมาก็ไม่มีที่จะอยู่ มันรั่วแล้วหลังคา ทางชิ้วหลั่นน่ะเป็นคนดี เออ ช่างมันเถอะพ่อ ช่างมันเถอะ เราทำได้ เราค่อยทำมันก็ได้หรอก มันจะเสียๆ ไป แต่ส่วนพ่อเนี่ยต้องกินยาทุกวัน กินยาทุกวัน รักษาเนื้อรักษาตัว ก็สอนลูกสาวอ่ะนะ แต่ก่อนเราอยู่ในรั้วในวัง เราไม่เคยเลยลำบากอะไรน่ะ สอนลูกสาว เวลาหากมีความจำเป็นได้เข้าไปอยู่ในรั้วในวัง ให้รู้จักภาษาในรั้วในวังบ้าง
ถ้าเพิ่นถาม ต้องตอบ พระเจ้าอยู่หัว พระเจ้าหวางตื้อน่ะให้ถูก หรือไปอยู่กับพระองค์ใดก็เหมือนกัน ต้องรู้จัก ให้ใช้คำว่า เพคะ เพคะ เออ เป็นคำลงท้าย เพิ่นถามอะไรๆ ก็เข้าใจไหม เข้าใจเพคะ ต้องว่าอย่างนี้ เออ ไม่ต้องว่าคำหยาบๆ ที่เราไม่ได้ศึกษามา อาจจะตอบคำไม่ถูก เพคะ เพคะ พระเจ้าข้า พระเจ้าข้า เออ เออ อยู่มาในที่สุด มิ่งกงฝ่าก็ตายเหมือนกัน มิ่งกงฝ่ามันเป็นหนักเข้าๆๆ ก็ตาย เวลามิ่งกงฝ่าตายเนี่ย อยู่กับชิ้วหลั่น ๒ คน ๒ พ่อลูก พ่อตายแล้วทำยังไง ฝนตกอย่างใหญ่ ฝนตกหนักที่สุด ทำให้น้ำเออท่วมขึ้นมาๆ น้ำตกจากภูเขาลงมาในห้วย แต่ว่ามันเอ่อขึ้นมา ท่วมขึ้นมาๆ ในบ้านของมิ่งกงฝ่านั้น เป็นบ้านพื้นดินธรรมดา ราดพื้นพออยู่ได้นิดๆ หน่อยๆ แล้วเอาเตียงมานอน เอาเตียงนอนน่ะบนแคร่นั้นแหละ น้ำ พ่อตายแล้วก็นอนกอดพ่ออยู่ พ่อตายแล้ว ไม่มีที่พึ่งแล้ว ไปนอนกอดพ่อ กอดมิ่งกงฝ่าอยู่ จะไปเรียกพี่เรียกน้อง ชาวบ้านมา ก็ไปไม่ได้ เพราะว่าฝนมันตกหนัก น้ำก็เออท่วมขึ้นๆ ท่วมขึ้นมา ในที่สุดก็หีบศพนั้นก็จะลอยน้ำพู้น(โน้น)ล่ะ หีบศพใส่พ่อน่ะ ก็นอนเฝ้าพ่ออยู่นั่นแหละ กอดพ่ออยู่นั่นล่ะ พ่อตายแล้วก็กอดพ่อ ไปเรียกพี่เรียกน้องมาก็ไม่มี เออ ทำยังไง ในที่สุด ก็ฝนตกหายแล้ว ไปได้ ไปบอกพี่บอกน้อง บอกผู้รู้จักคุ้นเคยทั้งหลาย พ่อของฉันตายแล้ว เตี่ยของฉันน่ะ ตายแล้วเมื่อคืนนี้ จะมาบอก พี่น้องไม่ได้ เพราะฝนตกหนัก น้ำขึ้นมาก ก็ลุยน้ำ ข้ามน้ำมาหาบอกพี่บอกน้องก็ไม่สามารถมาได้ นี่ฝนซาแล้วก็จึงมาบอกพี่บอกน้อง ขอให้ไปช่วยนำศพของเตี่ย ขึ้นไป ฝังไว้กับแม่ที่ไร่ใบชา แม่นั้นเอาไปฝังไว้ที่ไร่ใบชาโน้น ทุกวันเตี่ยก็เคยไปกราบเมีย กราบศพเมียทุกวัน ไปไหว้ศพทุกวัน ขึ้นไปทุกวันเป็นประจำแหละ วันไหนว่างๆ ก็ไปอยู่กับเมียพู้น(โน้น)ล่ะ เขาฝังศพ เขาเรียก ฮวงซุ้ย(ฮวงจุ้ย)บ่ ทำฮวงซุ้ย(ฮวงจุ้ย)ไว้ในไร่ใบชา
เพราะว่าขึ้นไปที่นั้นก็จะได้เห็นกัน เขาทำเป็นกิจวัตรประจำวันมาตั้งแต่ยังไม่ตาย บัดนี้ตายแล้วเขาก็ ก็บอกชาวบ้านชาวเมือง ขอให้นำศพของเตี่ย ของพ่อขึ้นไปฝัง เรียงกันไว้กับไร่ใบชา ที่ไร่ใบชา เพราะว่าจะขึ้นไปไร่ใบชาทีไร ก็จะได้ไหว้ทั้งเตี่ย ได้ไหว้ทั้งแม่ด้วย น่ะว่าอย่างงั้น อ้า เขาก็ทำตามน่ะ ตื่นเช้ามาเขาก็เฮโลกันมาช่วยทำศพมิ่งกงฝ่า
ตัวมิ่งกงฝ่านั้นเป็นคนกว้างขวาง พี่น้องบ้านเมืองทั้งหลายได้อาศัยมิ่งกงฝ่า เขายากเขาจนอยู่ที่ไหน ไปช่วยเหลือเขาหมด ในหมู่บ้านนั่น มิ่งกงฝ่าเป็นขุนนางมา มีเงินมีทองมาบ้าง ช่วยเหลือบ้านเมือง ให้ได้รับความสะดวกสบายทุกอย่าง ไปอยู่นั้นน่ะตั้งนาน
บัดนี้มีแม่เฒ่าหยู้หลั้ง แม่เฒ่าหยู้หลั้งเป็นญาติห่างๆ ห่างๆ กันกับมิ่งกงฝ่า สงสารชิ้วหลั่นอยู่คนเดียว ก็เลยอาสามาอยู่เป็นเพื่อน แม่ผู้เฒ่าหยู้หลั้งคนนั้น เป็นคนใจบุญสุนทาน มาอยู่เป็นเพื่อนของชิ้วหลั่น ไปหาเก็บเอาผ้าที่เขาขาดแล้ว กับขาดแล้ว เอามาให้ชิ้วหลั่น เป็นคนปะ คนสะ คนแส่ว(ปัก) คนชุน คนอะไรปะ ปะให้เขา เก็บมาแล้วก็ได้ทำ ได้เงิน เขาก็ให้เงิน เวลาหา อ้า เสื้อผ้าเขาขาด เขาจะ นั่น จะปะจะชุนยังไง ชิ้วหลั่นมีฝีมือทางนี้อยู่บ้าง เลยทำอย่างนี้รับจ้างเขาก็ว่าได้ เขาก็ให้เงิน เออ คนสลึง ๒ สลึงไป คนละเท่าไหร่ๆ ก็ตามแต่ความเมตตาปรานีของชาวบ้านเขาให้
อยู่มาวันหนึ่งนานมาแล้ว แม่เฒ่าหยู้หลั้งเป็นไข้ เป็นไข้หนักลุกไม่ขึ้น เอาใบชาไปขายไม่ได้อีก เลยเอาใบชาเข้าไปขายเอง สะพายตะกร้าใบชาเข้าตลาดเมืองเจ๋ เอาใบชาไปขายแล้วก็พอได้อีแปะ ได้เงินได้ทองกลับมา ซื้อข้าวซื้อน้ำมา ไว้จะนึ่งจะกินกัน ตามภาษาของคนจนทั้งหลายเขาทำกันล่ะ อยู่มาแม่เฒ่าหยู้หลั้ง ก็ล้มป่วยลงปะเนี่ย ป่วยลงอ่ะ หลั่นเอย หลั่น อาม่าไปไม่ได้เลี้ยว ไปไม่ได้เลี้ยว เป็นไข้ เป็นไข้ก็กินยาซะซิ มียาอยู่อย่างนี้ๆ จัดยาให้ยาย ให้ยายกินซะก่อน เพราะฉะนั้น ใบชาที่เก็บเอาไว้ มันจะเลย เลยวันไป มันจะเสีย ชิ้วหลั่นเลยคิดขึ้นได้อุบาย มันจะเสียของ เอาใบชาไปขายไม่ได้มันจะเสียของ เสียดายของ เป็นราคาหลายตำลึงอยู่นะ อ้า ใบชาตั้งตะกร้า ๒ ตะกร้า เป็นราคาแพงอยู่เสียดายของ ชิ้วหลั่นเลยนึกได้ ถ้าอย่างงั้นเราจะไปเองน่ะ แม่เฒ่าหยู้หลั้งก็บอก ไม่ๆ ไม่ได้ เจ้าเป็นผู้หญิงผู้ญา จะไปในเมืองได้ยังไง ไปในเมืองมันหนทางเปลี่ยว ไกลก็ไกล เออ ผู้ร้ายและโจร เขาก็มีกลางทาง ไปไม่ได้ๆ เห็นยายปฏิเสธแข็งขันขนาดนั้น ก็เข้าไปในห้อง จะไปให้ได้ เราจะไปให้ได้ จะเอาใบชาไปขายให้ได้ ยายห้ามเหลือเกิน เข้าไปในห้อง แต่งตัวเป็นอาตี๋ แต่งตัวเป็นอาตี๋แล้วก็เอาหนวดปลอมๆ มาทาด้วย หนวดปลอมๆ แก้มๆ มันยังแดงอยู่ ยังแดงอยู่ อ้า ทาปากทาน้ำมันหนวดบ้าง แล้วก็ออกมาหายาย ยายๆ จำได้มั๊ย เออ ออกมาให้ยาย อ้าว อาตี๋ มาจากไหนอาตี๋ แน่ะ ก็ยายจำไม่ได้จริงๆ เหรอ จำไม่ได้ ไม่เคยเห็นอาตี๋อย่างนี้มาหาซะที ก็นี่หลั่นยังไง เนี่ยๆๆ หลั่น อันนี้อาชิ้วหลั่นเหรอ หึ เออ แต่งตัวแบบนี้ เออ อนุญาตให้ไปได้ ถ้าเป็นผู้ชายอย่างนี้ไปได้ ข้ามภูข้ามเขาไปในเมืองเจ๋ได้ แต่ระวังน่ะ เข้าไปให้ระวังนะ นำไปขายที่นั่นที่นี่ แต่โดยมากไปให้ ขายให้ พระเจ้าหวาง หวางตื้อ แต่ว่านายหวาง เขาเรียกว่า นายหวาง นายหวางให้ราคาดี ไปขายที่นี่ได้ราคาดี ได้ตำลึง ๒ ตำลึง ก็ได้หลายๆ สตางค์ ถ้าไปขายที่ในบ้านนายหวาง นายหวางให้ราคาดี แต่ยายไม่รู้จักว่าพระเจ้าหวางตื้อนะ รู้จักก็แต่นายหวาง พระเจ้าหวางตื้อ นิยมซื้อใบชายี่ห้อนี้กินประจำ ให้ไปแล้วเดินทางไป เดินทางเข้านั้นไปแล้ว
ในวันนั้นเผอิญ อู๋เหล็งกุมาร อู๋เหล็งกุมารลาบิดา มาหลายวันแล้ว ขอไปเที่ยวป่าๆ ในป่าในเขา ชมนกชมไม้ไป บิดาก็ห้าม เอ้ย ถ้าหากอู๋เหล็งจะไปในป่าในดงอย่างงั้น ต้องเตรียมเสบียงเดินทาง เดินทางไปต้องมีเสบียงเดินทาง มีหม้อข้าว มีหม้อแกง มีอะไรๆ เดินทางเข้าไป เอาบริวารติดตามไปอย่างน้อยไม่ต่ำกว่า ๔ ๕คน ช่วยแบกช่วยหามสิ่งของเข้าไปในป่า จะไปค้างคืนค้างวันที่ไหน ก็มีที่หลับ มีที่นอน มีเต้นท์ มีเต้นท์กลางนอน มันจึงจะได้ เตรียมการมาหลายวันมาแล้ว แล้วก็เผอิญวันนั้น วันชิ้วหลั่นจะเดินทางมาขายใบชา นั่น แต่อู๋เหล็งกุมารน่ะถูกงูเห่าดำกัด อาการสาหัสสากรรจ์ปางตาย เดินผ่านล่องน้ำไปอย่างเนี่ย เจ้างูมันเห็นคนเดิน สวบๆ มาในล่องน้ำ มันก็ฉกหัวขึ้นไปอย่างงี้ งู งูเห่าดำ หรือคืองูจงอางนั่นแหละ ฉกหัวขึ้นไปไว้สูงๆ พอได้จังหวะ มันก็โฉบลงมาข้างล่าง อ่ะ เข้าหัวแม่เท้าของอู๋เหล็งกุมาร เออ ถูกงูกัดแล้ว จับคอขึ้นมา ตัดหัวงู ตัดหัวงูได้เวลานั้นพอดี แล้วจึงค่อยเรียกหมู่พวกทั้งหลาย ที่หมู่ขบวนไปด้วยกันบริวาร เรียก ช่วยด้วยๆ เสียงดัง ทีแรกเสียงดัง ต่อไป เสียงมันอ่อนลงๆ เสียงดังอ่อนลงๆ ผิดปกติ เขาก็กรูกันมาบริวาร มาเห็นนอนแขม่วๆ อยู่ โอ้ เป็นอย่างนี้เอง เออ งูกัด งูกัดที่ไหน กัดหัวแม่เท้า งูกัดหัวแม่เท้า มันตายไปแล้วงู ตัดคอมันไปแล้ว โยนมันไปทางโน้นน่ะ ไหนงู โยนมันไปโน้น มันดิ้นเร่าๆ ลงไปในคลองน้ำนั่นล่ะ ตามไปดู โอ้โฮ งูอย่างนี้ไม่ใช่งูธรรมดานะ งูพิษ มีพิษอย่างแรง เรียกว่า จงอาง... ตัวใหญ่ๆ เท่าแข้ง เท่าน่องเนี่ย มันดิ้นอยู่นั่นแล้ว มันตายไปแล้วล่ะ โอ้ พอได้ๆ อาการอย่างนี้พอได้ เขียวช้ำ ดำเขียวช้ำปึดขึ้นมาปาก ถ้าอย่างงั้น
พวกเราพา พวกเราพากันหามเอาอู๋เหล็งกุมารเนี่ย ตายเป็นตายต่อหน้าต่อตาของพระเจ้าหวางตื้อจึงจะได้ แต่ต้องเอางูไปด้วย เอางูนี้ ม้วนๆๆ มัดเอาหางไปด้วยกัน พาออกไปใส่ทางรถ ทางเกวียนโน้นแหละ เพราะว่าทางเกวียนเขาผ่านมาทางนั้น จะเข้าในเมืองเจ๋ ต้องอาศัยเกวียนเขาไปจึงจะได้ ถ้าเราหามคนอย่างนี้ไปมันก็จะหนักหนาสาหัส ทั้งของพะรุงพะรัง เครื่องครัวเครื่องอะไรก็หามลงไปพร้อมๆ กันหมดทุกอย่าง
แต่วันนั้น วันชิ้วหลั่นจะออกเดินทางมานั่นแหละ ออกเดินทางมาจากบ้าน ...มาเลยเร็ว ลายายแล้วก็ย่างออกมา เอาใบชาใส่หลังมา มาตั้งไว้ทางเกวียน พอดีเกวียนผ่านมาพอดี เกวียนมาพอดีเลย ก็โค้งคำนับเขา ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ข้าพเจ้าทั้งหลายมีคนเคราะห์ร้ายงูกัด อาการสาหัสสากรรจ์ จะหามเข้าไปในเมือง คงจะใช้เวลานาน เพราะฉะนั้น อยากจะอาศัยเกวียนของท่านทั้งหลายเข้าไปในตลาด ในเมือง ก็บ้านเขาอยู่ในเมือง คนที่งูกัดเนี่ย ไม่ได้บอกว่าลูกพระเจ้าหวางตื้อหรอก บ้านเขาอยู่ในเมือง ถ้าตายก็ให้ไปตายกลางทาง หรือไปตายต่อหน้าพ่อหน้าแม่เขา จึงจะไม่มีโทษ งูก็เอาไปด้วย เอาขึ้นเกวียนไปด้วย เออ ของอะไรๆ บรรทุกเกวียนเข้าไปล่ะ ทางชิ้วหลั่นก็ขึ้นเกวียน ว่าจ้างเกวียนเขา ...เกวียนได้แล้ว เขาก็อนุญาตให้เอาขึ้นมาได้คนไข้ เอาขึ้นมาเกวียนได้ ข้าพเจ้าจะขยับไปทางโน้น ทางคนขับเกวียนนั่นน่ะ แล้วก็เอาคนไข้ขึ้นมานอนที่นี่ เอาคนไข้ที่งูกัดเนี่ย เอ้ พิจารณา ดิ้น เจ็บตัวแล้วดิ้นไปดิ้นมา เร่าๆๆ เลือดออกจากปาก ไรฟัน เลือดไหลออกมาทางนี้แล้ว
ชิ้วหลั่นก็ดูคนไข้ไปด้วย แล้วนึกได้ พ่อสั่งไว้ ใบชามันอย่างดีนะ ใบชานี้ อย่างดีนะ ถ้ามีอะไร พิษสัตว์กัดต่อย ให้เอาเข้าปากเลย เอาเข้าปากเคี้ยวๆๆๆ แล้วปะที่แผลนั่นแหละ มันจะดูด มันจะดูดเอาพิษงูออกมาให้หมด ดูดพิษสัตว์กัดต่อยทุกชนิดน่ะ มันจะดูดออกมาเลย เสียงนั้นดังแว่วขึ้นในหู เสียงเตี่ยที่ตายไปอ่ะ เสียงแว่วขึ้นในหูจำได้ชัด ได้ชัดเจน พอระลึกได้เท่านั้นก็มือล้วงตะกร้าใบชา ดึงออกมายัดใส่ปากตัวเอง เคี้ยวๆๆๆ ให้มันละเอียดพอสมควรแล้ว เอาปะเข้าไปที่แผล ที่แผลงูกัด พอแปะเท่านั้น พอเอาใบชาแปะเท่านั้นน่ะ นิ่งเลย ไม่ดิ้น นิ่งเลย ไม่ดิ้นทุรนทุราย ไอ้เลือดออกจากไรฟันทั้งหลายก็หยุดทันที หากแปะชาเลือดก็หยุด ไอ้ที่แผล ที่เท้านั่นก็หยุด เอ๋ ถ้าจะได้ความ โว้ย ถ้าอย่างงั้น ขอให้หยุดเกวียนให้สักหน่อยเถอะ ชิ้วหลั่นว่า ให้หยุดเกวียนสักหน่อย จะประกอบยา ลองดู นี่หยุดแล้ว คนไข้ คนเจ็บหยุดแล้ว นิ่งแล้ว ลืมตาขึ้นมาได้แล้ว เขาก็หยุดเกวียน หยุดเกวียนแล้วปะนี้ อยู่ในเกวียนน่ะมันมีเตาว่าง อั้งโล่ เตาฟู่ เตาเฟ่อ สำหรับต้มน้ำร้อน ไม่ยากเลย ติดเตาขึ้นแล้วก็ต้มน้ำร้อน กำเอาใบชาอยู่ในตะกร้าลงไปใส่หม้อน้ำร้อน ปึดเดียวมันก็ออก ร้อนขึ้นมาแล้ว เตาฟู่มันง่ายดี พอมันออกดีแล้ว ก็เทใส่ถ้วยดีๆ เออ เทใส่ถ้วยพอมันเย็นกินได้ ก็กรอกเข้าไปใส่ปากคนไข้ กินยาๆๆ น้ำชา น้ำร้อน น้ำชาอย่างดี ยาอย่างดี อ้าปากขึ้น กิน กินน้ำชาๆ กึ๊บ ๒ กึ๊บ ๓ กึ๊บเนี่ย ท้องมันลั่นนี่ ท้องลั่น โกรก ท้องลั่นโกรกลงไป เรอ หรือว่าเอื้อม(เรอ) เอื้อม(เรอ) อาาาาาาา ออกมา แล้วก็ตด ปื้ดดดดดดด ออกไป หึหึ มันไล่ ขับไล่ ใบชามันขับไล่ อ้า ... เอื้อม(เรอ) เอิ๊ก ตด ปื้ดดดดดดดออกมาแล้ว ลืมตาเม่า(ลืมตาโพลง)ขึ้นมา ลืมตาเม่า(ลืมตาโพลง)มองไปมองมาเห็นชิ้วหลั่น นั่งอยู่ใกล้ๆ ถ้าเป็นคนคนนี้ล่ะมั้งมาช่วยเรา คนคนนี้ล่ะมั้งมาช่วยเรา ทำให้เราหายพิษงูได้ ทำให้หายเจ็บหายปวดได้ แล้วก็ตดออกได้อย่างนี้ ผายลมได้อย่างนี้ แล้วก็เรอออกมา เออออออออ ออกมา เบาว่าในร่างกาย คนคนนี้เขาจะเป็นใคร ก็ไม่รู้แหละ แต่เขามีบุญคุณต่อเรา เราเป็นลูกพระบิดาก็จริงหรอก ลูกพระเจ้าหวางตื้อก็จริงหรอก ถ้าไม่มีคนมาช่วย เราต้องตายแน่ๆ อันนี้มีคนมาช่วยอย่างนี้ เราจะถือเขาเป็นเสมือนบิดา ถือเขาคนนี้เสมือนบิดาของเราทีเดียวล่ะ อ้า เป็นอย่างอื่นไม่ได้ เราลืมบุญคุณเขาไม่ได้แล้ว แล้วก็เคี้ยวเปลี่ยน เคี้ยวๆๆ ใบชาใหม่ ของเก่าเอาทิ้งไป ของใหม่ออกมา แล้วก็ต้มน้ำชาอีกไปเรื่อย ให้กินมาเรื่อยๆ แล้วปล่อยให้คน ๒ คนน่ะ คุยกันอยู่ในเกวียน พวกเจ้าหน้าที่ก็ไปหากินข้าวกินน้ำกันอย่างอื่น ก็เดินทางเป็นกลางวัน หิวข้าวกันแล้วก็ไปกินข้าวกันซะ ปล่อยให้คน ๒ คน คุยกันอยู่ในเกวียน มันถูกยาแล้วปะเนี่ย คน ๒ คนก็อยู่ในเกวียนนั่นแหละ แล้วแต่ว่ารักษากันอยู่ไม่หาย เพิ่นเคี้ยว เคี้ยวใบชาใหม่ปะเข้าไป เอาของเก่าทิ้งไป ที่ต้มใบชาอยู่ ก็ต้มขึ้นมาแทนอีก อยู่อย่างงั้นน่ะ พอพูดกันได้แล้วปะเนี่ย เอาให้ลงมาเขาหายจริงๆ
เข้าไปฮอด(ถึง)เมืองเจ๋ ฮอด(ถึง)ในตลาดแล้ว ต่างคนต่างก็วิ่งเข้าบ้าน อ้า ใบชา ลงเกี้ยว ลง... ต่างคนต่างหิวมาหลายวันแล้ว เข้าโรงเตี๊ยม เข้าโรงใบชา เข้าโรงอะไรไป ก็ปล่อยให้ ๒ คนนั้นคุยกันอยู่ในเกวียน ชิ้วหลั่นกับอู๋เหล็งกุมาร คุยกันอยู่ในนั้นน่ะ อ๋อ ชมป่า ชมไม้ ชมนก ชมไม้ เห็นป่าสดเขียว สดใส สดชื่น มีอะไรน่าดู น่าชม มีดอกไม้ มันเกิดตามต้นไม้อย่างงั้นๆ โอ้ ดอกไม้สวย ไอ้นี้ก็สวย ต้น ต้นไม้อย่างเนี่ย สวย อ้า ดอก เขาเอิ้น(เรียก)ดอกอะไร เออ ดอกไม้ที่มันเกิดในป่า แน่ะ แต่ว่าแปลออกมาเป็นภาษาไทย ว่าฉันรักเธอนะ อ้า ดอกอะไรๆ เออ นี่เป็นดอกไม้ที่ฉันชอบที่สุดนะ เอามาให้คนไข้ดู ชมชอบดอกไม้ ก็หาย พิษงูไม่มีแล้ว ไม่มีพิษงูแล้ว หายปกติแล้ว เออ อ๋อ ปล่อยให้อยู่นี่ พวกนั้นกินข้าวกินน้ำเสร็จแล้ว ก็ออกเกวียนต่อ ได้เวลากินข้าวกลางวันเสร็จแล้ว ออกเกวียนต่อ เดินทางเข้าในตลาด
ทีนี้พวกเจ้าหน้าที่ ที่จัดรักษาพระองค์ ก็พากันไปที่บ้านที่หยัง ไปเล่าเรื่องถวายพระเจ้าหวางตื้อให้ทรงทราบ ไปคราวนี้ไม่สนุก เป็นทุกข์อย่างแรง คืออู๋เหล็งกุมารถูกงูเห่าใหญ่ กัดหัวแม่เท้า อาการสาหัสสากรรจ์ เลือดออกตามขุมขน เลือดออกตามไรฟัน แต่ว่ามีอาตี๋คนหนึ่ง เขามาใน มาเจอเข้า เขาเลยประกอบยา เอาใบชามาเคี้ยวๆๆ ปะเข้าที่แผล เห็นนิ่งแล้วก็เลยต้มใบชาใส่ปากออกมาให้กิน กินกึ๊บ ๒ กึ๊บเท่านั้น เอื้อม(เรอ) เรอ ขย้อนเรอออกมา เออออออออ ออกมา แล้วก็ผายลม เขาเรียกว่าตดนะ ผายลม ปื้ดดดดดดด ออกไป ผายลม หรือ ตด เอื้อม(เรอ)ออก ตด ปื้ดดดดดดด ออกมา ลืมตาเม่า(โพลง)ขึ้นมา แล้วก็คุยกันตั้งแต่นั้นมา จนตลอดเข้าฮอด(ถึง)ตลาด นี่แหละ จึงได้แยกย้ายกันมาแจ้งความ เหตุร้ายเกิดขึ้น ให้พระเจ้าหวางตื้อได้ทราบ โอ้ ใครเป็นคนรักษาให้ มีอาตี๋คนหนึ่ง เขาช่วยเหลือ ประกอบยาโอสถให้กิน เคี้ยวยา เคี้ยวใบชานี่ปะเข้าไปที่แผล ก็เลยหายปกติขึ้นมาน่ะ นั่น เอาเข้ามาถึงเมือง แล้วพวกข้าพเจ้าจึงได้มาแจ้งเหตุร้ายให้ฝ่าพระบาทได้ทราบ พระเจ้าข้า โอ้โฮ มันฟื้นมาได้ยังไง งูเอามาด้วยพระเจ้าข้า งู งูเอามาด้วยนี่แหละ พระเจ้าหวางตื้อเห็นงูเท่านั้น ก็เป็นลมแหละ โอ้ย มันฟื้นมาได้ยังไง งูชนิดนี้ถ้ามันกัดใครเข้าแล้ว ตายทั้งนั้นนะ ตายทั้งนั้นแหละ ไม่ถึงร้อยก็ร้อย งูอย่างนี้เรียกว่า จงอาง หรือ... ถ้ามันกัดใครเข้าแล้วตายทั้งนั้น นี่รอดมาได้ด้วยปาฏิหาริย์ เพราะเจ้าของใบชา ประกอบต้มใบชาให้กิน แล้วก็เคี้ยวใบชาปะที่แผล ก็ลืมตาเม่า(โพลง)ขึ้นมา ยังคุยกันอยู่ เดี๋ยวนี้ยังคุยกันอยู่ อยู่โน้น ปะเดี๋ยวก็มา อู๋เหล็งกุมารก็จะมาถึงนี่แหละ ว่าแล้วก็ ถ้าอย่างงั้น พระเจ้าหวางตื้อก็จัดเก้าอี้อย่างงี้ไว้เป็นแถว จัดเก้าอี้เป็นแถวไว้เพื่อต้อนรับ ผู้ที่รักษาลูกชายเรา เพื่อต้อนรับเขาดีๆ เขาคงมีเป็นหมอวิเศษ หมอร้อยคนจะได้สักคนหนึ่ง มันมีอยู่ หมอนี้ต้องเป็นหมอวิเศษ รักษาลูกของเราให้ ให้หายได้ อ้า จัด เตรียมตัวไว้แล้ว เรียบร้อยแล้ว เตรียมพร้อมไว้นะ แล้วอู๋เหล็งกุมารก็มาแล้วข้าม ข้ามรั้ว ข้ามกำแพงใหญ่ เข้ามากำแพงเหล็กกล้าก็มี เข้ามาเรื่อยๆ อู๋เหล็งกุมารเข้าไปกราบพระบิดา ข้าแต่พระบิดา ข้าพระบาทไปเที่ยววันนี้ เคราะห์ร้ายถูกงู นั่น ตัวนั้นน่ะ มันกัด มันกัดหัวแม่เท้าข้าพระบาท บวมขึ้นมาทันที แล้วก็เลือดในร่างกาย ทำให้หน้ามืดตาลาย เลือดออกตามไรฟัน ทุกขุมขนพู้น(โน้น)ล่ะ แล้วเดชะบุญผู้หญิงคนนั้น ไม่ใช่ อาตี๋คนนั้นเขาเห็นแล้วก็ เขามาต้มยารักษาข้าพระบาท ให้กินน้ำยา น้ำชาเขา เขาก็เคี้ยวใบชาปะให้ ก็เลยหาย หายเป็นปกติธรรมดา แต่ก่อนช้ำดำเขียวไปหมด เดี๋ยวนี้มันปกติเดินได้สบาย เออ เขาอยู่ไหนล่ะ คนที่รักษา เขาอยู่ไหน เขานำใบชามาขาย เขามาเจอเข้า เขาก็ช่วยรักษาให้ ดูแลให้ เดี๋ยวนี้อยู่ข้างนอกพู้น(โน้น)แน่ะ เขาอยู่หน้าแถวเกวียน เขาเฝ้าเกวียนอยู่โน่น
เอ้ พระเจ้าหวางตื้อ คนอย่างงี้มันต้องต้อนรับเขา มันเป็นใครก็ตามแต่ว่า น่าต้อนรับเขา เขาให้ชีวิตลูกของเรามาได้ปลอดภัย เราต้องต้อนรับเป็นการใหญ่แล้ว หมออย่างนี้มันหายาก เออ เอาเกี้ยว เอาเก้าอี้มาตั้งๆๆ เป็นแถวไว้เรียบร้อยแล้ว ลูกชายก็เข้ามา แล้วไปแต่งมงกุฎกุมารออกมา หายแล้ว แข็งแรงแล้ว แต่งเป็นมงกุฎกุมารออกมาหาพระบิดา เขาไปตามทางโน้น เขาไปตามทางเกวียนแล้วไม่เห็น ตามไปเห็นนั่งเหงาอยู่ม้าหิน ม้าหินที่ต้นเฟื่องฟ้าที่มีดอกคลุมอยู่ นั่งอยู่ที่นั่น นั่งเหงา ค่ำแล้วๆ เราจะนอนไหน วันนี้จะนอนไหน เออ คิดทุกข์ตัวเอง นอนในเกวียนกับเจ้าของเกวียนเขาจะว่ายังไง เขาจะรังแกเราหรือเปล่า หรือยังไง ก็ตัด เป็นยังไงก็เป็นกันน่ะ แต่ สักประเดี๋ยวเดียว เพิ่นก็ให้นายพล ขุนพล นายพล แต่งตัวนายพลกับลูกน้อง ๓ คน ๔ คน คนหนึ่งเดินหน้า คนหนึ่งเดินตามหลังมา เอ๋ ไปเถอะเราไปหา เห็นชิ้วหลั่นนั่งเหงาอยู่หน้า เจ้าของใบชา นี่ล่ะๆๆ คนเนี่ยล่ะ ที่ช่วย ที่ช่วยชีวิตของอู๋เหล็งกุมารได้ คนนี้แหละ เขาขายใบชา จะไปไหนเนี่ย ท่านนั้นมาโค้งคำนับ ชิ้วหลั่นไม่เคยเห็นผู้หลักผู้ใหญ่มาโค้งคำนับ ก็ร้อง อุ้ย โอ้ย ตายแล้วๆ มาโค้งคำนับข้าพเจ้าทำไม ท่านเป็นคนรักษาชายเคราะห์ร้ายที่ถูกงูกัดใช่ไหม ใช่ละสิ ใช่ล่ะๆ ข้าพเจ้าเองแหละ ถ้าอย่างงั้นขอเชิญเข้าไปพบนายหวางหรือว่าพระเจ้าหวางตื้อ เป็นลูกชายของพระเจ้าหวางตื้อที่รักษาตัวให้หายได้แล้ว พูดกันแล้ว กันจำไม่ได้ จะไปเข้าหาเจ้านายพระเจ้าหวางตื้อ ทำยังไงหนอ ก็พ่อเคยสอนมาแล้ว ถ้ามีโอกาสได้เข้ารั้วเข้าวังมา ก็ให้ใช้คำภาษากับพระเจ้าแผ่นดิน ว่าเพคะ เพคะ อย่างงั้นน่ะ อ้า พระเจ้าค่ะ หรือเพคะอย่างงั้นน่ะ นี่เราจะไปหาพระเจ้าหวางตื้อ นายหวางที่เขาว่าเป็นผู้ซื้อใบชาอยู่เรื่อยๆ ตลอด ที่จริงไม่ใช่นายหวางธรรมดา เป็นพระเจ้าหวางตื้อ เป็นผู้สั่งซื้อใบชา แต่ว่ายายฟังมา มาเป็นนายหวาง นี่พอเขาบอกว่าเป็นพระเจ้าหวางตื้อ นึกตาม...ขึ้นมา ตายแล้ว พระราชาให้เข้าเฝ้าวันนี้ ชายเคราะห์ร้ายคนนั้น คือลูกชายของนายหวางเอง ลูกชายคนโปรดของพระเจ้าหวางตื้อนั่นเอง ชายเคราะห์ร้ายคนนั้น มาก็มา เขาก็นายพล ใบ ได้ใบชาก็พาดขึ้นทางนี่ พาดขึ้นทางนี่ ทั้ง ๒ ตะกร้า คนหนึ่งก็เดินถือกระบี่นำหน้าไป ถือกระบี่ แก็กๆ ไป นายพันนายพลทั้งนั้นน่ะ เข้ากำแพงใหญ่ เข้าไปยังไม่มีเรื่องราวอะไร พอข้ามคลองเข้าไป ใกล้เข้าไปถึงรั้วชั้นในอีก เป็นรั้วเหล็กกล้า ก็เลยถามเขาว่า เธอจะพาเราไปไหนเนี่ย ไปหาพระเจ้าหวางตื้อ ร้องวี๊ดขึ้นมา ปัดโธ่พิธัง ไปหาพระเจ้าหวางตื้อ ก็ลูกชายพระเจ้าหวางตื้อน่ะถูกงูกัด เข้าไปไม่ต้องกลัวใดๆ ทั้งนั้น ไปหาพระเจ้าหวางตื้อ ก็เลยเงียบ เดินตามเขาไปๆ เห็นพระเจ้าหวางตื้อนั่งอยู่เก้าอี้ นั่งอยู่เกี้ยวใหญ่ๆ นั่ง ทำหนวดหยุบหยับๆ หนวดยาว หนวดโค้ง หนวดเฟื้อยสิ มองดูชิ้วหลั่นอย่างซึ้งใจ
นี่หรืออาตี๋ คนที่รักษาอู๋เหล็งกุมารหรอก อันนั่นก็ ใช่แล้วพระเจ้าข้า ใช่แล้ว คนคนนี้ล่ะที่รักษา เคี้ยวใบชาโปะให้ หรือต้มใบชามารักษาพยาบาลให้หายจากพิษงู พระเจ้าหวางตื้อเห็นมาใกล้ๆ บอก ถ้าอย่างงั้น มันก็เป็นลูกของมิ่งกงฝ่า เป็นลูกของมิ่งกงฝ่าแน่นอน อ้า เพราะว่าหน้าตามันเหมือนแม่ ผู้หญิงคนที่มา นี่หน้าตาเหมือนแม่มันไม่มีผิด ผมเผ้า หน้าตาเหมือนกัน อันเดียวกัน คงเป็นเด็กคนนั้นที่เคยเลี้ยงใล่กันกับอู๋เหล็งกุมารมา ตั้งแต่เป็นเด็กนักเรียนด้วยกัน เลี้ยงใล่กันมาตั้งแต่น้อย คงจะเป็นลูกของ อ้า มิ่งกงฝ่านะ เพราะว่าการแต่งงานแต่งการ ก็เราเป็นคนทำ เป็นคนขอผู้หญิงมาให้เขา ผู้หญิงนั้นก็คงเป็นแม่มัน คนที่มานี่ก็เหมือนแม่มันเหลือเกิน หน้าตาเหมือนเป๊ะ ไม่มีผิด อิม คิ้ว คาง ผมเผ้าอะไรก็เหมือนเดียวกัน มาแล้ว ไม่แหงนดูหน้าพระเจ้าหวางตื้อหรอก ถวายบังคมลงที่นั่น เธอ เรื่องราวใดๆ ข้ารู้หมดแล้ว เธอเป็นคนรักษาพยาบาล ให้ชายเคราะห์ร้าย คนที่ถูกงูกัดใช่หรือเปล่า ใช่ เพคะ อ่ะนะ ให้รู้ว่า คราวหลังก็เลยว่า เพคะ อืม เจ้าเป็นลูกของ อ้า มิ่งกงฝ่าใช่ไหม ฮึ ใช่ เพคะ มิ่งกงฝ่าจึงเป็นบิดา เป็นเตี่ยของกระหม่อม เขายังอยู่หรือเปล่า เขาตายแล้วเพคะ
มิ่งกงฝ่าก็ตาย ภรรยาก็ตาย สร้างไร่ใบชา ให้ข้าพระบาท เป็นผู้ดูแลรักษาอยู่ ข้าพระบาทก็คนคนเดียว มีแม่เฒ่าหยู้หลั้ง เป็นญาติห่างๆ กัน อาสามาอยู่เป็นเพื่อน มีแม่เฒ่าหยู้หลั้งเป็นญาติห่างๆ กัน อาสามาอยู่เป็นเพื่อน ก็จะได้แม่เฒ่าหยู้หลั้งเป็นที่พึ่ง อืม เพราะแม่เฒ่าหยู้หลั้งเป็นไข้หนัก มาขายใบชาไม่ได้ ข้าพระบาทก็เลยอาสา อ้า เป็นผู้มาขายใบชาเอง เพราะฉะนั้น จึงรีบแต่งตัว ไม่สุภาพพระเจ้าค่ะ เพราะปลอมเปลี่ยน ปลอมแปลงการเดินทาง ไม่มีหนวดก็ทำทาให้มีหนวด มีเคราขึ้นมา มีขนคางขึ้นมา
แต่ว่า ขอถามหน่อยเถอะ ว่าเธอเองเป็นผู้หญิงใช่ไหม เป็นลูกชาย หรือเป็นลูกสาวมิ่งกงฝ่า คนสุดท้องใช่ไหม ใช่ เพคะ ชายที่งูกัดก็เป็นลูกชายของข้าเอง ลูกชายเกิดปีเดียวกันกับเธอนั่นแหละ ได้เลี้ยงใล่กันมาตั้งแต่น้อย อืม ว่าแล้ว พระเจ้าหวางตื้อ น้ำพระเนตรไหลลง เป็นลูกของขุนนางของข้า ได้ไปช่วยลูกชายของข้าให้ปลอดภัยมา ถามจริงๆ เถอะ เธอเป็นหญิงหรือเป็นชาย เป็นหญิง เพคะ เออ ดี
แล้วก็ถามต่อไปอีกว่า เธอมีคู่หมั้นหรือมีสามีหรือยัง อะไรทำนองนี้ ยัง เพคะ เหมาะมาก หึ เหมาะมาก ก็อยากจะขอเอาเจ้า มาเป็นคู่หมั้นของอู๋เหล็งกุมาร งูกัด คนที่งูกัด เลี้ยงใล่กันมาแต่น้อย ไม่รู้กันนะ โตมา ต่างคนต่างโตมา นี่ก็เป็นสาวแล้ว โตใหญ่แล้ว เพราะฉะนั้น จึงเป็นอันว่า ตกลง หรือว่า โอเค
เราจะขอเจ้ามาเป็นคู่หมั้นกับชายเคราะห์ร้ายคนนั้น เจ้าจะว่ายังไง ฮึ ถ้าเจ้าไม่มีคู่หมั้น ไม่มีพันธะใดๆ จะขอเอาเจ้ามาเป็นลูกสะใภ้หลวง เจ้าจะว่ายังไง ชิ้วหลั่นได้แต่ก้มหน้า มอง ชำเลืองดู พระเจ้าหวางตื้อเป็นผู้น่าเกรงน่าขามมาก หนวดเครารุงรัง โฮ หนวดยาวๆ
นั่นคือ ลูกชายของข้าเอง อู๋เหล็งกุมาร นั่นเขามักเที่ยวป่า เผอิญไปถูกงูกัด อาการสาหัสสากรรจ์ อย่างที่เจ้าได้ช่วยเหลือมานั่นแหละ ปลอดภัยมาแล้ว แน่ะ เออ เดี๋ยวเขาก็มาแล้ว เออ เดี๋ยว ก่อนไปแต่งตัวอยู่โน้น เห็นชิ้วหลั่นร้องวี๊ด ไม่เข้าไปในวัง ดื้อแย่งตะกร้าใบชาเขา ตะกร้าใบชาไม่ให้เขาเอาไป เอาคืนมาๆ ฉันจะกลับเดี๋ยวนี้ กลับไปเดี๋ยวนี้ ไม่ต้องไป ในรั้วในวังไม่เคยไป อู๋เหล็งกุมารเห็น เห็นอาการอย่างงั้น เขาจะเบี้ยว วิ่ง ตับๆๆ มา
หลั่น พระบิดานั่งคอยเธออยู่แล้ว พระบิดาของฉันนั่งคอยเธออยู่แล้ว นั่งอยู่เกี้ยวเก้าอี้ คอยแต่พบหน้าเธอ ว่าคนไหนเป็นคนช่วยชีวิตลูกชายมา เธออย่าขัดใดๆ ทั้งนั้น มาเถอะ จับแขนได้ก็ดึงมาเลย ให้พระบิดานั่งคอย พอมาถึงพระบิดา พระบิดามองตั้งแต่ตีนถึงหัว มองตั้งแต่หัวถึงตีน เป็นใครไปไม่ได้ ต้องเป็นลูกของมิ่งกงฝ่าแน่นอน เพราะว่าการแต่งงาน เราก็เป็นคนสู่ขอให้เขาแต่งงาน ผู้หญิงคนนั้น หน้าตาก็เหมือนกันกับอีหนูคนนี้แหละ เป็นอื่นไม่ได้ เพราะแต่งตัวเป็นผู้ชายมา ก็ช่างมันเถอะ อันนั่นเป็นการปลอมแปลงในการเดินทางต่างหาก เป็นการใช้ปัญญา จับได้มาหา ถวายบังคมพระบิดาเรียบร้อยแล้ว เออ ดีมาก ดีหลาย เธอช่วยเขาได้ นี่ลูกของข้าเอง ลูกชายของข้า คนเดียว ลูกชายคนเดียวนี่แหละ กำลังเป็นหนุ่ม อายุได้เท่านั้นปี เท่านี้ปี ก็คงเกิดปีเดียวกันกับเธอ เกิด ชิ้วหลั่นเนี่ยก็คงเกิดในปีเดียวกัน เป็นเด็กนักเรียนด้วยกัน สมัยเป็นนักเรียน แต่พระ เออ บิดาของเขาเป็นขุนนางของข้า เพราะทำงานทุจริตนิดหน่อย เราก็ได้ว่ากล่าวตักเตือนเขาไป ด่าว่าเขาบ้าง เขาเสียใจ เขาเลยลาออกจากงาน หนีไปอาศัยญาติอยู่ทางบ้าน หมู่บ้านลิ้วฉี่ อยู่ทางโน้น ถ้าอย่างงั้นเราไม่เจอกันล่ะ ตามหาแทบๆ จะพลิกแผ่นดิน ตามหามิ่งกงฝ่า เวลาบ้านเมืองมี อ้า กิจการใดๆ มีปัญหาอะไร มีคนโกงเงิน โกงทองขึ้นมา นอกจากมิ่งกงฝ่าเท่านั้นแหละ เป็นคนซื่อสัตย์ที่สุด ทำงานให้เรามา ไม่มีคดีความใดๆ เลย ในเรื่องเงิน เรื่องทอง ตามหามาตั้งเป็นปีๆ แล้ว ก็ไม่เจอซะที เนี่ย เพิ่งมาเจอ ก็มาเจอวันนี้แหละ เจอลูกของมิ่งกงฝ่า ว่าได้ทราบตายแล้ว มิ่งกงฝ่าก็ตายแล้ว ภรรยาก็ตายแล้ว โอ้ เหลือแต่ลูกคนเดียวนี่แหละ แม่ แม่เฒ่าหยู้หลั้งมาอยู่เป็นเพื่อน ก็ได้มาขายสิ่ง ขายของ ขายใบชาให้กัน แล้วก็ขึ้นไปไหว้เตี่ย ไหว้แม่ทุกวัน ถ้าวันอาทิตย์ไม่อยู่ ขึ้นไปไหว้เตี่ยไหว้แม่ ไหว้ศพ ก็ไปฝังศพไว้ในแห่งเดียวกัน
เพราะฉะนั้น ชิ้วหลั่นจึงเป็นคนกตัญญู เป็นยอดกตัญญูหาผู้ที่เสมอเหมือน ด้วยแรงกตัญญูที่เจ้ามีต่อเตี่ย ต่อพ่อ ต่อแม่ อันนี้ล่ะจะพาให้เธอได้เป็น สะใภ้หลวงต่อไปนะ ต่อไปจะได้ไปขอจากยายหยู้หลั้ง ที่เลี้ยงเธอมาตั้งแต่น้อยจนโต เธอขายใบชาแทน แม่ยายหยู้หลั้งที่เอาใบชามาส่งอยู่เรื่อยๆ นั่น เราจะแต่งขันหมากหลวงไปสู่ขอนะ มาเป็นลูกสะใภ้หลวงซะเลย หึหึหึ แผ่นดินไหว โยกๆ ชิ้วหลั่นไม่เคยได้ยินคำนี้ เพิ่งได้ยินคำนี้เดี๋ยวนี้ แผ่นดินไหว หยุบหยับๆๆๆ เอ้า พรุ่งนี้เช้าให้พวกเธอทั้งหลาย เตรียมตัว นำขันหมากหลวงไปด้วย เอาช้าง เอาม้า บรรทุกของไปคารวะมิ่งกงฝ่า ขุนนางผู้ซื่อสัตย์ต่อพระองค์ตลอดมา
แต่เราตามหาเขา แทบจะพลิกแผ่นดิน ก็ไม่เจอ ไม่รู้ว่าไปไหน ไม่ได้ทราบ ทราบว่าเขาตายแล้ว ทั้งภรรยาที่ดีของเขา แล้วก็ได้เห็นลูกสาวเขามาขายใบชา สืบทราบไปทราบมา ก็ตามตัวมา มาเห็นเข้าจริงๆ ไม่ผิดกับแม่ หน้าตาเหมือนแม่มันทุกอย่าง เพราะฉะนั้น จึงเป็นอันว่า วันนี้วันแรก จะเอาเจ้าไปพัก ในบ้านพักของหลวงซะก่อน พรุ่งนี้เช้า เราจะนำขันหมากหลวงออกเดินขบวน ไปคารวะมิ่งกงฝ่า เพราะเราได้ไล่เขาออกจากงานจากการ อ้า แล้วก็จะสู่ขอชิ้วหลั่นกับแม่เฒ่าหยู้หลั้งเป็นสักขีพยานให้ เพราะเป็นผู้เลี้ยงดูชิ้วหลั่นมาตั้งแต่น้อย มาจนโต ได้นำใบชาเข้าไปขาย นี่จึงจะได้เจอกันเข้าโดยบังเอิญเนี่ย นี่ก็บุญเหลือหลายแล้ว
แต่เช้ามาก็ จัดเตรียมขบวนการขันหมากหลวงออกไปคารวะมิ่งกงฝ่าตามความประสงค์ ให้เอารถไป ขึ้นไปหาบ้านพักที่แล้วอยู่ไหน อยู่ไร่ใบชา ไหนพาเราขึ้นไป อ่ะ ก็เอาขบวนขึ้นไปคารวะ เออ มิ่งกงฝ่ากับภรรยาเขา จุดธูปจุดเทียนขึ้นแล้ว ก็ไหว้คารวะ สัมมาคารวะ ก็เรียกว่าเราได้ผิดพลาด ขับไล่ มิ่งกงฝ่าออกจากงานจากการ ทำให้เขาทุลักทุเล เร่ร่อน มาอาศัยหมู่บ้านลิ้วฉี่ อยู่กับญาติพี่น้อง ก็เป็นนักเลงสุราไปบ้าง เป็นนักเลงการพนันไปบ้าง ธรรมดา ส่วนลูกชายคนโต เขาก็ไปติดคุกติดตะราง อยู่ในหมู่บ้านลิ้วฉี่นั้นแหละ เพราะมันกินเหล้า เมายา เล่นการพนันทุกอย่าง ไอ้ ๒ คนน่ะ ไอ้จุ๊กฝ่า ไอ้ฉิ่นฝ่า ก็เลยเป็นคนเสียหายไป ขอน้องสาวได้แล้ว เวลาแต่งงานแล้วไป พระเจ้าหวางตื้อ ก็โปรดประทานให้ถอนตัวออกจากตะรางออกมา เธอจะ อ้า ทำงาน หรือว่าเธอจะกลับไปอยู่บ้านเดิมต่อทั้ง ๒ คน ถ้าอยู่ที่นี่ น้องสาวเป็นถึงสะใภ้หลวง ก็ทำให้มัวหมองจะเกิดมีแก่น้องสาว
เพราะฉะนั้น เราเป็นนักโทษ เราต้องขอลาไปอยู่บ้านตัวเอง ไปอยู่ที่บ้านตัวเอง ทำมาหากินในทางสุจริต อ้า ตามใจ พระเจ้าหวางตื้อก็สั่งอนุญาต ให้ปล่อยตัวออกจากนักโทษ ว่าให้มาอยู่กับน้องสาว ก็อยู่ไม่ได้ เพราะน้องสาวเป็นถึงราชินี เป็นลูกเขยลูกสะใภ้หลวง เราเป็นนักโทษ จะมาอยู่กับน้องสาว ก็จะให้ความมัวหมองเป็นมลทินแก่น้องสาวเรา ไม่ดี ไปอยู่บ้านดีกว่า ก็เลยหาทางไปอยู่บ้าน เพิ่นก็แต่งตามทุกอย่างให้ไปอยู่บ้าน แต่ว่าไปอยู่บ้านก็เคราะห์ร้ายอีก ไปบ้านไหนเมืองไหน เขาก็ถุยน้ำลายใส่คนไม่ดี น้องได้เป็นถึงราชินี ทีตัวเองเป็นคนคุกคนตะราง อย่ามาบ้านข้า ข้าไม่รับรอง คนนั้นก็ถุยน้ำลายใส่ คนนี้ก็ถุยน้ำลายใส่ ไม่รับ ไม่รับเป็นญาติ ผู้เป็นญาติก็ปฏิเสธ ว่าไม่ใช่ญาติของเรา เพราะเป็นคนคุกคนตะราง น้อยใจตัวเอง ไปไหนก็ไม่มีใครรับรอง ไม่มีใครว่าดีเลย ทำยังไงล่ะเรา น้องทั้ง ๒ คนเลยปรึกษากันว่า เราอยู่ไปก็อายเขาเฉยๆ ไปไหนเขาถุยน้ำลายใส่ ถุยน้ำลายใส่เขาไม่รับ ว่าเป็นลูก เป็นพี่ เป็นน้องน่ะ น้องได้เป็นถึงสะใภ้หลวง แต่ว่าพี่ชายเป็นนักเลงการพนัน นักเลงสุรา ก็เลยติดคุกติดตะราง อย่างนี้เราอายเขาตาย อย่าอยู่เลยน้องเอย ชวนกันขึ้นไปบนภูเขาใกล้ๆ น้ำตก ชวนกันได้แล้วกอดคอกัน นับ ๑ ๒ ๓ เขาเรียกว่า เหินเวหา หรือว่าลอยลงมาจากข้างบน ถึงแผ่นศิลาแผ่นหิน แป๊ะ ตายทั้ง ๒ คน
น้องสาวได้ยินข่าวว่า พี่ชายโดดเหวตาย ก็เลยให้คนของหลวง มานำศพขึ้นไปเผาให้ ไปดูแลให้ น้อง พี่ชายทั้ง ๒ คนตายพร้อมๆ กัน โดดเหวตาย ก็ยังมี
กตัญญูกตเวทิตา
ทำอยู่ ชิ้วหลั่นรู้จักช่วยเหลือพี่ชายเวลายามตกทุกข์ได้ยากลำบากมา ไม่ทอดทิ้ง ไม่นิ่งดูดาย อ้า เลยจัดเป็นศพของญาติ อ้า ราชินี ลูกสะใภ้หลวง เขาก็จัดศพไว้เป็นอย่างดี ดังที่แสดงมาเป็นเรื่องกตัญญู ยอดกตัญญู ให้
กตัญญูกตเวทิตา
อ้า ความเมตตาธรรมค้ำจุนโลกมาในกตัญญู รู้จักบุญคุณของผู้มีพระคุณอยู่ตลอดมา ต่อแต่นั้นก็ประสบพบเห็นแต่ความสุขความเจริญ แม้อยู่ทางคดีโลกเขาก็ไม่ทอดทิ้งนิ่งดูดายกัน แม้ได้ดิบได้ดีเป็นถึงลูกสะใภ้หลวง ก็ไม่ทอดทิ้งนิ่งดูดาย เขาก็ชุบเลี้ยงให้ได้เป็นราชินีต่อมา ในพระเจ้าหวางตื้อ สวรรคตแล้ว อู๋เหล็งตื้อ ก็ได้เลื่อนขั้นขึ้นเป็น อู๋เหล็งไท่จื่อ อู๋เหล็งนั้นต่อมาก็จะได้เป็นอู๋เหล็งตื้อ แทนปู่แทนพ่อ ได้เป็นพระเจ้าแผ่นดินแทน ส่วนชิ้วหลั่นก็ได้เป็นราชินี
ดังที่แสดงมาเป็น ปกิณณกนัย เพื่อต้องการให้เรากำหนดจดจำเอาไปคิดพินิจพิจารณาด้วยปัญญาอันชาญฉลาดของตนๆ เองเถิด ถ้ามีความกตัญญูแล้วเป็นผู้เจริญ ไม่ว่าในชาตินี้และชาติต่อไป ด้วยประการฉะนี้ ยุติแล้วๆๆ
(สาธุ)
ที่นำเรื่องอย่างนี้มาเล่าสู่กันฟัง เห็นว่ามันเป็นธรรมะ น่ากำหนดจดจำนำไปเป็นตัวอย่าง สำหรับผู้กตัญญู ทั้งหลายรู้จักบุญคุณของผู้มีพระคุณ ไม่ทอดทิ้ง ไม่นิ่งดูดาย เอาใจใส่เป็นพิเศษไปเรื่อย ยกมิ่งกงฝ่าเป็นตัวอย่างหนึ่ง แล้วลูกสาวของมิ่งกงฝ่าเป็นตัวอย่างหนึ่ง ได้เป็นสะใภ้หลวง ดังที่แสดงมาด้วยประการฉะนี้
(สาธุ สาธุ สาธุ)
กัมมัง วิชชา จะ ธัมโม จะ สีลัง ชีวิตะมุตตะมัง
การงาน ๑ วิชา ๑ ธรรม ๑ ศีล ๑ ชีวิตอันอุดม ๑
สุสสูสัง ละภะเต ปัญญัง
ฟังด้วยดี ย่อมได้ปัญญา
นิมิตตัง สาธุรูปานัง กตัญญูกตเวทิตา
กตัญญูกตเวที เป็นเครื่องหมายของคนดี
ตามบันทึกในสมัยกรุงศรีอยุธยา
ไทยเป็นศูนย์กลางค้าขายในภูมิภาค ทั้งกับจีน แขก ฝรั่ง
ไทยมีมาตราชั่งกำหนดขึ้น
๔ ไพ เป็น ๑ เฟื้อง
๒ เฟื้อง เป็น ๑ สลึง
๔ สลึง เป็น ๑ บาท (น้ำหนัก ๑๕.๒ กรัม)
๑๐ สลึง(ไทย) เป็น ๑ ตำลึง(จีน) (น้ำหนัก ๓๘ กรัม)
ค้าขายแลกเปลี่ยนตามน้ำหนักของทองคำหรือเงิน
อีแปะ
เหรียญตะกั่วมีตราจีน โบราณใช้อย่างเบี้ยสตางค์
เฟิงสุ่ย หรือ ฟงสุ่ย (สำเนียงจีนกลาง)
ฮวงจุ๊ย (สำเนียงจีนกวางตุ้ง)
ฮวงจุ้ย (สำเนียงจีนแต้จิ๋ว)
ฮวงซุ้ย (สำเนียงไทยที่เพี้ยนไป)
ที่อยู่คนเป็น (บ้านเรือน) และที่อยู่คนตาย (สุสาน)
ล้วนเป็น ฮวงจุ้ย เหมือนกันหมด
เอเคอร์ (acre) หน่วยวัดของพื้นที่ดิน
๑ เอเคอร์ ประมาณ ๔,๐๕๐ ตารางเมตร ประมาณ ๒.๕ ไร่
ราชวงศ์โจวตะวันตก (หรือซีโจว)
ช่วง ๕๘๐ ถึง ๒๒๘ ปีก่อนพุทธศักราช
อ๋อง(กษัตริย์) ปกครองอาณาเขตกว้างใหญ่
ส่ง สามนตราช(เจ้าประเทศราช) ปกครองแคว้น เมืองไกลๆ
เช่น กง(เจ้าพระยา) โหว(พระยา) ป๋อ(พระ) จื่อ(หลวง)
ต้องส่งบรรณาการต่อ อ๋อง (ยุครุ่งเรืองด้านการปกครอง)
ราชวงศ์โจวตะวันออก (หรือตงโจว) ยุคชุนชิว
ช่วง ๒๒๘ ปีก่อนพุทธศักราช ไปอีกนาน ๓๐๐ ปี
โจวอ๋อง ไม่มีอำนาจบังคับสามนตราช(เริ่มตั้งตัวเป็นอ๋อง)
จึงเกิดสงครามใน นอก ระหว่างแคว้นที่มีกว่า ๑๐๐ แคว้น
เพื่ออำนาจปกครอง โจวอ๋องถูกลดบทบาทลงเรื่อยๆ
ราชวงศ์โจวตะวันออก (หรือตงโจว) ยุคจ้านกว๋อ
กินเวลาประมาณ ๒๕๐ ปีต่อจากยุคชุนชิว
เหลือ ๗ แคว้นใหญ่ (ฉิน ฉู่ ฉี เอียน จ้าว หาน เว่ย)
ทุกเจ้าแคว้นตั้งตัวเป็นอ๋อง ไม่เคารพ โจวอ๋อง
ฉินอ๋องเจิ้ง แคว้นฉิน รวมแผ่นดินสำเร็จตั้งราชวงศ์ฉิน
สถาปนาเป็น ฉินสือหวงตี้ (จิ๋นซีฮ่องเต้) จักรพรรดิจีน
ราชวงศ์ฉิน อยู่ได้เพียง ๑๕ ปี ก็มีราชวงศ์ฮั่น ขึ้นแทน
พงศาวดารเรื่อง ไซฮั่น
(ชำระใหม่ในสมัยรัชกาลที่ ๑)
สมัย ฮั่นโกโจฮ่องเต้ จักรพรรดิจีนแห่งราชวงศ์ฮั่น
ปรากฏชื่อแม่ทัพคนสำคัญผู้เอาชนะ ฌ้อป้าอ๋อง
ได้รับบรรดาศักดิ์เป็น
เจ๋อ๋องฮั่นสิน ปกครองเมืองเจ๋
หรือจีนศึกษาในยุคปัจจุบัน จะเรียกท่านว่า
ฉีอ๋องหานซิ่น ผู้ปกครองเมืองฉี
ในราชวงศ์โจวตะวันตก
เจ้าแคว้นฉี บรรดาศักดิ์เป็น กง หรือ เจ้าพระยา เรียกว่า ฉีกง
ในราชวงศ์โจวตะวันออก ยุคจ้านกว๋อ
เจ้าแคว้นฉี สถาปนาตนเป็น อ๋อง หรือ กษัตริย์ เรียกว่า ฉีอ๋อง
บางครั้งคำว่า อ๋อง ก็เรียกว่า หวาง
แปลว่า กษัตริย์ เหมือนกัน
ทั้งระยะทาง เวลาในการเดินทางระหว่างเมือง
ดังนั้น พระเจ้าหวางตื้อ แห่งเมืองเจ๋ จึงน่าจะเป็น
กษัตริย์แคว้นฉี หรือ ฉีอ๋อง ในยุคจ้านกว๋อ แห่งราชวงศ์โจว
เมืองเจ๋ (เป็นดินแดนทิศตะวันออก)
เมืองเย่ (เป็นดินแดนทิศใต้)
๖๙