หลวงปู่ท่อน ญาณธโร
งานทำบุญฉลองครบรอบ ๖๑ ปี โรงพยาบาลเพชรบูรณ์
พิธีทอดผ้าป่าสามัคคีสมทบทุนจัดซื้อเครื่องมือแพทย์
สำหรับอาคารธรรมรักษา (๑๑๔ เตียง)
วันอังคารที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๗ เวลา ๑๒.๓๐ น.
ณ โรงพยาบาลเพชรบูรณ์
อาราธนาเทศน์เสร็จแล้ว เราไม่ได้ยินเสียงเลย
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
ขอความนอบน้อมของเรา จงมีแด่พระผู้มีพระภาค ผู้เป็นอรหันต์เป็นศาสดาของโลก อ้า ด้วยความศรัทธา จริงใจ และจริงจังด้วยเทอญ สาธุ
กัมมัง วิชชา จะ ธัมโม จะ สีลัง ชีวิตะมุตตะมัง
อิมัสสะ ธัมมะปะริยายัสสะ อัตโถ
สาธายัสมันเตหิ สักกัจจัง ธัมโม โสตัพโพติ
อนุสนธิพระธรรมเทศนา มีบุพพาประ สืบเนื่องมาจากองค์สมเด็จ ภควันตังมหาบพิตร สัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้เป็นศาสดาเอกในโลก ถ้ายันเท่าทุกวันนี้ก็ ๒,๕๐๐ กว่าปีแล้ว เพิ่นล่วงลับดับขันธ์และปรินิพพานไปนานแล้ว แต่ว่าคำสั่งคำสอนของท่านยังมีอยู่ในโลก มีในพระไตรปิฎก มีในพ ระคัมภีร์ ตำรับตำรา นับคณาไม่ถ้วน พรรณนาไม่ถ้วน มากมายก่ายเกิน พะเนินเทินทึก อึกทึกเนืองนอง มีหลายนัยด้วยกัน ธรรมวินัยมีมากมาย
แต่ท่านบัญญัติไว้ให้ แด่ชาวพุทธโดยตรง คือ จะพระภิกษุสงฆ์สามเณร หากเจ็บไข้ได้ป่วยก็อย่าได้ทอดทิ้งกัน อย่าได้นิ่งดูดายกัน พวกเราหนีจากฆราวาสวิสัยมา อาศัยธรรมะ คำสั่งคำสอนของพระบรมพระศาสดาเท่านั้น อย่างอื่นไม่ได้เกี่ยวข้อง ทิ้งญาติพี่น้องทั้งหมดแล้ว ไม่มีพี่ ไม่มีน้อง ไม่มีญาติโกโหติกา แต่อย่างใด ถ้าพวกเราที่เป็นนักบวชจะได้ดูแลกันเอง ถ้าทอดทิ้ง นิ่งดูดาย ใจจืดใจดำ อำมหิต เออ ไม่ดูแลรักษา หากเบื่อหน่ายกันแล้ว กลัวติดโรคติดภัย ก็หนีจากกัน ปล่อยให้ผู้ป่วยนั้นต้องนอนแขม่ว คอยผ่อนความตายเท่านั้น
พระบรมศาสดาได้ทราบข่าวว่า พระติสสะเวลาป่วยหนัก หมู่พวกทอดทิ้ง หนีหมด ไม่มีใครดูแลเลย อ้า ไปห้องน้ำ ห้องส้วม ด้วยตนเองก็ไม่ได้ นอน ตัวเปื่อยเน่า
ถ้าพูดเอารวบรัด พระติสสะน่ะ พระตัวเปื่อยเน่า ตัวเปื่อยหมดทั้งตัว ไม่มีใครมาอยากจับอยากจ่าย น้ำเหลือง ขี้เหลวเลอะเทอะไปหมดทั้งเนื้อทั้งตัว เปื่อยหมดทั้งเนื้อทั้งตัว พระบรมศาสดาได้ ทราบข่าวก็สลดสังเวชใจ ปัดโธ่ ลูกศิษย์ของเราคถาคตขนาดนั้นเชียวหรือ เราไปเอง ไปเอง ไปเห็นติสสะ ตัวเน่าเปื่อยทั้งตัว ทั้งเนื้อทั้งตัว สั่งให้ต้มน้ำร้อน สั่งให้ก่อไฟต้มน้ำร้อนขึ้น หาใบไม้ใบตอกอะไรๆ ที่มันเป็นยา อ้า ใบศรีชั่วโมงื่น ใบอะไรต่ออะไร มันเป็นยา เอามาต้มให้หอมดีๆ ตำราสามสิบสองฝาง หรือ เออ คอยฝางทั้งหลายเอามาใส่ให้หลายๆ ต้มแล้ว เอาติสสะมาอาบน้ำ เอาเสื้อผ้าที่เน่าๆ เหม็นๆ เหล่านั้นเอาไปซัก ซักด้วยน้ำร้อน ไปตากให้แห้ง แล้วก็เอาอะไรปิดร่างกายไว้เฉยๆ ซะก่อน พอผ้าแห้งแล้ว ก็เอาผ้าแห้งมาห่มให้ ทาแป้ง ทาดินหินที่เป็นยาทั้งหลาย ดินส้ม ดินอะไรมัน ทาหมดทั้งตัวให้ ให้เย็นสบาย เย็นสบายแล้วก็ห่มผ้าให้ดี แล้วก็มานอน ไม่ได้นอนที่อื่น นอนที่ใกล้ๆ ตักของพระบรมศาสดา นอนตรงนั้นฟังเทศน์ พระพุทธเจ้าก็เทศน์เรื่อง
ทุกขัง อะนิจจัง อะนัตตา
ให้ฟัง ร่างกายนี้มัน แน่ ไม่แน่นอน มันไม่แน่นอน ด้วยฤทธิ์กรรมวิบากแต่ปางก่อน ของเราตามมาทันเวลาไหน มันก็เล่นงานเราเวลานั้น เพราะฉะนั้น เราตั้งใจละ ตั้งใจวางซะให้ได้ ให้ตั้งใจละ วางสังขาร มันไม่ใช่ของเรา อา
สัพเพ สังขารา อะนิจจา
สังขารทั้งหลายทั้งปวงมันไม่เที่ยง มันก็เป็นให้เราเห็นอยู่อย่างนี้ มันเน่าให้เราเห็นก็ได้ มันเจ็บมันป่วยเป็นอะไรๆ เป็นโรคผิวหนัง โรคฝี โรคอะไรๆ ภายในเพิ่นก็เป็นได้ เป็นได้สารพัดอย่าง เพราะฉะนั้น ควรแล้วหรือ เราจะยึดถือร่างกายนี้เป็นตัวของเรา มันไม่ใช่ตัวของเรานะ อ้า เป็นของมาใช้บาปใช้กรรมเฉยๆ มันไม่ใช่ตัวของเราที่จะนำไปสู่ปรโลก ไม่ได้เลย เอาไปไม่ได้สักชิ้นเดียวเลย ให้ทอดทิ้งมันซะ ปล่อยมันซะ วางมันได้ แล้วแต่มันจะเป็นไป
สัพเพ สังขารา อะนิจจา
สังขารทั้งหลายไม่เที่ยงหนอ
บังเกิดก่อแล้วกลับกลาย
ดุจฟองแห่งน้ำหมาย
แล้วแตกดับวับกระเด็น
อ้า เท่านั้นน่ะ เอาไปนำ(ติดตาม)ไม่ได้ ไปสู่ปรโลกไม่ได้ เอาได้แต่จิตใจเราเน้อ เอาจิตใจเราไปได้ ใจเรานั้นเป็นของไม่ตาย ตายไม่เป็นกับเขาหรอก ใจเราออกจากร่างนี้ก็เข้าไปร่างอื่น ออกจากร่างอื่น ไปเข้าร่างอื่นต่อๆ ไป เป็นภพ เป็นชาติ ไม่รู้จักชาติ กี่ชาติ กี่ภพแล้ว ทั้งเป็นตัวเราตถาคตเอง ก็นับภพ นับชาติไม่ถ้วน เวียนว่ายตายเกิดอยู่ในโลกอันนี้ เพราะฉะนั้น เราจึงตัดเสีย ให้ขาด ให้สิ้นอาสวกิเลส เป็นสมุจเฉทปหาน ให้ดับขันธปรินิพพาน ตายแล้วสบายมาก สบายบรื๋อไปเลย ไม่มีอะไรรบกวนเราแล้ว ราคะก็ไม่มี โทสะก็ไม่มี โมหะก็ไม่มี โลภะก็ไม่มี ราคะ โทสะ โมหะ ราคะ มานะ ทิฐิอะไร มันหมดไปหมดแล้ว ไม่มีแล้ว ไม่มีอะไรเหลืออยู่ในร่างกาย มีแต่ดวงธรรม ที่ได้ตรัสรู้แล้ว โปร่งสว่างไสว มีความสุขอยู่ตลอดเวลา ถ้ามีเรื่องยุ่งๆ ขึ้นมาก็ตัดวางมันทันใด ไม่ให้ไปยึดถือไว้นาน อ้า อันนี้พวกเราได้ทำ สร้างโรงพยาบาลไว้ ณ จังหวัดเพชรบูรณ์นี้ เพื่ออนุเคราะห์ภิกษุไข้หรือคนไข้ทั้งหลาย บรรเทาไข้ให้ บรรเทาทุกข์ให้ อันนี่เป็นการสร้างมหาสมบัติใหญ่โตไว้ในโลก เออ สร้างโรงพยาบาลไว้บรรเทาทุกข์ ให้แก่มวลมนุษย์ทั้งหลายที่เกิดมา ไม่ว่าพระเจ้าพระสงฆ์ ภิกษุสามเณรเจ็บป่วยมา ก็ได้พึ่งพาอาศัยที่นี้ เออ เจ้าหน้าที่ก็ปฏิบัติหน้าที่อย่างเคร่งครัด
ไม่ทอดทิ้ง ไม่นิ่งดูดาย
ไม่ใจจืด ไม่ใจดำ
ไม่อำมหิต ต่อคนไข้ทั้งหลายเลย
มันจะแปดเปื้อนเปรอะเลอะเทอะยังไงก็ไม่รังเกียจ เออ เออ กระโถนถ่ายอึ ถ่ายหนัก ถ่ายเบาอะไร เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานเลย เสื้อผ้าอาภรณ์ที่เปลี่ยนที่ใส่ก็ทำให้สะอาด อล่องฉ่องเอาไว้ ตากกันให้แห้งแล้วก็รีดให้ สะอาดเอาไว้ สำหรับเปลี่ยนภิกษุไข้ หรือว่าคนไข้ทั้งหลาย เปลี่ยนให้ใหม่หมด จะทำให้แห้งแล้วจึงค่อยเอามาใส่ให้ใหม่ ไม่มีชุดของตัวหรอก ชุดของโรงพยาบาลหมด นี่แหละเรียกว่าการสงเคราะห์ อ้า การสงเคราะห์เพื่อนมนุษย์ด้วยกัน
ไม่ใช่ใจไม่ได้พัฒนา ใจของเราได้พัฒนากันมาแล้วจนถึงขั้นเป็นหมอ จนถึงขั้นเป็นผู้อาสาสมัคร ทำงานชนิดนี้ ทุกคน ที่มาปฏิบัติงานในโรงพยาบาล อย่าไปขี้เกียจ อย่าไปรังเกียจอยู่ ก็ไม่ถูกต้อง ตามพุทธบัญญัติ พุทธบัญญัติไม่ให้ขี้เกียจกัน ภิกษุเป็นไข้ ตัวเปื่อยตัวเน่าขนาดไหน ก็ให้ไปโทรมเอา ไปอุ้มเอา มาล้างน้ำ มาทำความสะอาด แม้เสื้อผ้าอาภรณ์เปื้อนเปรอะเลอะเทอะด้วยสกปรก โรคร้ายชนิดไหนก็ตาม เอามาแช่น้ำยาเข้า เอาน้ำร้อนล้างออกให้หมด เอาฝางทั้งหลายมาต้ม อ้า ฝางทั้งหลายร้อยแปดฝาง ฝางทั้งหลายบรรดามันเป็นยา สมานแผล สมานฝีๆ ใช้มันล้างออกให้สะอาดและก็ทาแป้ง ทาแป้งฝุ่นหรือว่าแป้งยาชนิดที่มันเป็นดินส้ม เอามาเป็นแป้งดีๆ แล้วก็ทาตัวให้เย็นสบาย นอนฟังเทศน์พระบรมศาสดา ฟัง ฟังไปๆๆ จิตหลุดพ้นเสียแล้ว ติสสะจิตหลุดพ้นจากอาสวะ ไม่มีห่วงอะไรแล้ว ไอ้โรคภัยไข้เจ็บในร่างกายไม่มีเวทนาเลย เย็นลงไปถึงหัวอกหัวใจไปหมด ก็ได้สติตั้งขึ้นมา เกล้ากระหม่อม หรือเกล้าข้าพระบาท
ขอวางสังขารที่นี้ ขอปล่อยสังขารที่นี้ เธอจงกำหนดการอันควรเถิดติสสะ ว่ามันเป็นของสุก จงกำหนดการอันสมควรเถิด ไม่ต้องถือ ไม่ต้องยึด มันวางมันหนัก ให้มันดับไปหมดทั้งราคะ โทสะ โมหะ ก็ให้มันดับไปหมดน่ะ มันจะหมดทุกข์ ต่อแต่นั้น ก็เข้าฌานเลย พระติสสะก็เข้าฌานตั้งแต่ปฐมฌาน ทุติยฌาน จตุตถฌานไปเรื่อยๆ จนละสังขาร หมดแล้ว ขอทิ้งสังขาร ณ ที่นี่ พระเจ้าข้า ขอทิ้งมันตรงนี้ สังขารไม่ได้เอาไปด้วยหรอก เธอจงดำเนินตามอันควรเถิด ติสสะ ติสสะละสังขารไปแล้ว หมดลมหายใจแล้ว พระพุทธเจ้าก็ตรัสบอกว่า ท่านทั้งหลาย ติสสะไม่ใช่พระธรรมดานะ อา พระผู้สิ้นอาสวะแล้ว หมดกิเลสแล้ว สมควรก่อธาตุขึ้น อ้า เจดีย์ขึ้นไว้ แล้วก็เผาติสสะดีแล้ว กระดูกของเธอทุกชิ้น ทุกอย่างจะกลายเป็นพระธาตุทั้งหมดนะ แล้วก็ไม่ให้แยกย้ายไปไหนเลย ให้ก่อเจดีย์ไว้ใกล้ภูเขาน้อยแห่งนี้ล่ะ ภูเขาน้อยๆ แห่งนี้ล่ะ เอาเจดีย์ไว้ที่นี่ บรรจุไว้ในที่นี่หมด เพราะว่าติสสะไม่ใช่พระธรรมดา เป็นพระอรหันต์แล้ว สิ้นอาสวะแล้ว ถึงพระนิพพานแล้ว พวกเราควรจะสัก สักการะบูชาให้เต็มที่ อย่าทอดทิ้ง อย่าใจจืด อย่าใจดำ พระบรมศาสดาสั่งอย่างงั้นแล้วก็ ให้หมู่พวกจัดการตามสั่งทุกอย่าง จนได้สำเร็จเป็นเจดีย์น้อยอยู่แห่งนั้น อ้า ดังนี้ เป็นตัวอย่างอันนี้ พวกเราสร้างโรงพยาบาล เพื่อบรรเทาทุกข์ให้แก่พระภิกษุสามเณร อานิสงส์จะมากขนาดไหน อานิสงส์จะมากมายขนาดไหน ที่นีเป็นที่โรงพยาบาลสงฆ์ อ้า เอามาไว้เป็นที่ตึกสงฆ์อาพาธ ส่วนตึกอื่นๆ นี่ก็เป็นที่รักสง... รักษาสาธารณชนทั่วไป ไม่ได้จำกัดพระเณรอะไร แต่ว่าสร้าง ที่วันนี้ มาเปิดป้ายที่นี้ โดยจะทำการไว้ให้เป็นโรงพยาบาลสงฆ์อาพาธอย่างเดียว
เพราะฉะนั้น ขออนุโมทนาในเจตนาดี ที่ท่านทั้งหลาย ได้ทำตามคำสั่งคำสอนของพระบรมศาสดา ได้สมความมุ่งมาดปรารถนาและก็สวยงามด้วย สะดวกด้วย สบายด้วย น้ำท่านาวัง น้ำไหลไฟสว่าง ทุกอย่างได้สมปรารถนา
เพราะฉะนั้น อานิสงส์ อันนี้จะเท่าไหร่ จะพัฒนา พรรณนาไป เท่าไหร่ก็ไม่สิ้น ก็ไม่สุด มากมายก่ายเกิน พะเนินเทินทึก ปรารถนา สิ่งใดก็ให้ได้สมปรารถนาหวังเด้อ ผู้ที่เป็นเจ้าภาพศรัทธา เกิดริเริ่มสร้างโรงพยาบาลสงฆ์แห่งนี้ เอาไว้สำหรับปรนนิบัติ รักษาพระภิกษุไข้ หรือคนอนาถา อ้า คนทุกข์คนจนยังไงก็ได้รักษาเท่ากันกับพระภิกษุสงฆ์ล่ะ ให้ความสงเคราะห์อนุเคราะห์เท่ากันหมด ได้รับหมด
ยิ่งสมัยนี้ พระมหากษัตริย์ไทย พระบรมราชินีนาถและ พระประยูรญาติทั้งหลาย ก็มีความนิยมชั่วโมงอบ ส่งเสริมในการรักษาภิกษุไข้ ไม่ใช่น้อย แม้แต่ตัวอาตมามานั่งฝอยอยู่เวลานี้ มานั่งคุยอยู่เวลานี้ ก็อาศัยหมอ เขารักษาให้ ผ่าตัดให้ หลายชั้นหลายต่อ ขั้นตอน ผ่าตัดไต นิ่วในไต ผ่าตัดสันหลัง ไขสันหลังอักเสบ ผ่าตัดท้อง เพิ่นเอาทั้งไส้ในออกมา อ้า โอ้ย เขาถ่ายทำเป็นซีดี(แผ่นบันทึก CD)ไว้ ถ่ายทำเป็นข่าวไว้ เขาถึงเอาภาพนั้นมาฉายให้ดู โอ้โฮ สลดสังเวชตัวเองจัง อ้า ไม่มีอะไรให้ตัวล่อนจ้อนล่ะ เออ เปลือยกายหมด ผ่าท้องขาวโพลน เขาก็ผ่า จากหัวใจลงไป เห็นโน้น ถึงต้นกัล... ต้นกัลปพฤกษ์ หึ กัลปพฤกษ์มันอยู่ที่ไหน อยู่กับ อยู่ข้างล่างนั่นแหละ จนผ่าไปอีกไม่ได้แล้ว เอาออกมาข้างนอกหมด ออกมาล้าง มาทำความสะอาดหมด ตับ ไต ไส้ พุง เอาออกมาหมด ลำไส้น้อย ไส้ใหญ่ เขารีดมาทำความสะอาดหมด ทุกอย่าง ในตอนเขาถ่ายทำทีวี
ตายไป ๕ ชั่วโมง กว่าจะฟื้นได้ ตายไป ๕ ชั่วโมง จึงฟื้นขึ้นมาได้ ฟื้นขึ้นมาได้ ได้ยินเสียงโน้น เสียงแซ่วๆ มาแต่ไกลๆ เสียงอะไรกันมาและกันมาเลย ใกล้เข้ามาๆๆ ใกล้เข้ามาหาตัว พอใกล้เข้ามาหาตัวแล้ว มาก็ดังอยู่ที่หูนี่ เออ แล้วขยับเขย่าตัวเอง เขาก็มาเขย่า หลวงปู่ๆ ฟื้นได้แล้วหลวงปู่
ลืมตาเม่า(ลืมตาโพลง)ขึ้น เห็นคน เป็นจำนวนมากล้อมเราอยู่ เสียงเฮโลเขา โอ้ หลวงปู่ฟื้นแล้วๆ ลืมตาแล้ว มอง มองจนทั่วไปหมดทุกคน โอ้ เราฟื้นจริงๆ เว้ย คลำดูท้องตัวเอง เขาเอาอะไรมาหนาๆ มาปิดไว้ให้แน่น ให้แน่นหนาหมด เคาะตึบๆๆ ดังตึบๆๆ โอ้ มันไม่ใช่หนังของเรานะ เหมือนดังเอาไม้กระดานมามัดที่หน้าอก ต่อจากนั้นก็นอนหลับอีกซะก่อน ฉีดยาให้นอนหลับ นอนหลับไปอีกวัน ให้พักผ่อนเต็มที่ล่ะ
อยู่ที่นั่น ๗ วันน่ะ ๗ วันมันจะเข้าพรรษาแล้ว มันจะหมดอายุลงแล้ว จำ
สัตตาหะ
มาได้ ๗ วันเท่านั้น ขอลาเขา กลับ มันจะหมด ๗ วัน มันจะขาดพรรษา เขาว่าเอากลับรถนำส่งไปตามลำดับ ไปลงอุดรฯ ไปลงเครื่องบินอุดรฯ แล้วก็รถโรงพยาบาลอุดรฯ จัดรถนำส่งจนถึงเมืองเลย ถึงเมืองเลยแล้วก็ โอ้ย ญาติโยมทั้งหลายมาคอยดูมากมาย แต่ว่ากินอะไรยังไม่ได้ กินได้แต่ของเบาๆ เหลวๆ เว้ย ก็พออยู่ได้ ตลอดปลอดภัยมา
เข้าโรงพยาบาลมา ๓ ปี ๔ ปี แล้ว ผ่าตัดก็หลายครั้ง ผ่านิ่วก็หลายครั้ง ผ่าไขสันหลังก็หลายครั้ง เออ แต่ว่าอันนี้เอาไว้เยี่ยวซะก่อน อย่าเพิ่งตัดมันเนาะ(นะ) เฮอะๆๆ ก็หยอกแหย่เขา อันนี้ๆ อย่าเพิ่งตัดมันเนาะ(นะ) เอาไว้เยี่ยวซะก่อนนะ ก็เลยไว้อาตมาเอาไว้เยี่ยว ให้ถ่ายหนัก ถ่ายเบาได้สะดวกสบาย ชีวิตจึงรอดปลอดภัยมา ดังที่แสดงมา เพื่อให้ทุกท่านได้นำไป อันนี้อานิสงส์มากน้อยเท่าไหร่ สร้างโรงพยาบาล เพื่อสงเคราะห์ อนุเคราะห์ ชีวิตเพื่อนมนุษย์ จะเป็นพระภิกษุ สามเณรก็ตาม จะเป็นคนทุกข์คนยากก็ตาม สงเคราะห์ไปทั่วๆ ไปให้หมด ให้เป็นสาธารณประโยชน์จริงๆ ก็จะมีอานิสงส์ดังไปฮอด(ถึง)เทวโลก เทวดาก็จะโมทนาสาธุการกับพวกเรา อ้า มีน้ำใจไมตรีจิตมิตรภาพ ทั่วจักรวาล ไม่ว่าชาติไหน ภาษาไหน ถ้ามาเจ็บไข้ได้ป่วยในจังหวัดเพชรบูรณ์ หรือจังหวัดในเมืองไทย เขาไม่ทอดทิ้ง ไม่นิ่งดูดาย เป็นฝรั่ง เป็นอังกฤษ เป็นเยอรมัน เป็นญี่ปุ่น เป็นที่ไหน มาป่วยอยู่ในเมืองไทย คนไทยก็ต้องดูแลรักษาเหมือนดังญาติพี่น้องของตัวเอง น้ำใจอย่างนี้ น้ำใจที่พัฒนาแล้วทั้งหลาย
ไม่ทอดทิ้ง ไม่นิ่งดูดาย
ไม่ใจจืด ใจดำ อำมหิตกับสัตว์ผู้มาเกิดร่วมโลก
ให้ความสงเคราะห์สงหาทั่วๆ ไป
ดังที่แสดงมาเป็น ปกิณณกนัย เพื่อต้องการให้นำไปใคร่ครวญพินิจพิจารณาด้วยปัญญาอันชาญฉลาดของตนๆ เองเถิด อัปปมาทธรรม ทำความตั้งอกตั้งใจปฏิบัติให้เคร่งครัดในชีวิตของเรา ต่อแต่นั้นก็จะได้ประสบพบเห็นแต่ความสุขความเจริญทั้งทางคดีโลกและทางคดีธรรมทุกประการ รับประทานวิสัชนามา ก็ยุติด้วยเวลา เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้
(สาธุ)
กัมมัง วิชชา จะ ธัมโม จะ สีลัง ชีวิตะมุตตะมัง
การงาน ๑ วิชา ๑ ธรรม ๑ ศีล ๑ ชีวิตอันอุดม ๑
ธรรมนิยาม
ทุกขัง ความเป็นทุกข์
อะนิจจัง ความเป็นของไม่เที่ยง
อะนัตตา ความเป็นของไมใช่ตน
สัพเพ สังขารา อะนิจจา
สังขาร คือ สังขตธรรมทั้งปวงไม่เที่ยง
สัพเพ สังขารา ทุกขา
สังขาร คือ สังขตธรรมทั้งปวงเป็นทุกข์
สัตตาหะกรณียะ
สัตตาหะกะระณียัง กิจจัง เม อัตถิ,
ตัส๎มา มะยา คันตัพพัง,
อิมัส๎มิง สัตตาหัพภันตะเร นิวัตติสสามิ.
กิจที่พึ่งทำใน ๗ วันมีแก่ข้าพเจ้า
เพราะฉะนั้น ข้าพเจ้าพึงไป
ข้าพเจ้าจะกลับมาภายใน ๗ วัน
บุพพาประ [บุบ-พา-ปะ-ระ] เรื่องทั้งก่อน และหลัง
บังสุกุลเป็น
อะจิรัง วะตะยัง กาโย
ร่างกายนี้คงไม่นานหนอ
ปะฐะวิง อะธิเสสสะติ
จักนอนทับซึ่งแผ่นดิน
ฉุฑโฑ อะเปตะวิญญาโณ
เมื่อมีวิญญาณไปปราศจากอันบุคคลทิ้งเสียแล้ว
นิรัตถังวะ กะลิงคะรัง
เป็นราวกะท่อนไม้ท่อนฟืน หาประโยชน์มิได้ ดังนี้แล
พระพุทธเจ้าทรงพยาบาลและทรงแสดงธรรมกับ
พระปูติคัตตติสสเถระ(พระติสสเถระผู้มีกายเน่า)
(พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๗
ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ ธรรมบท อุทาน อิติวุตตกะ
สุตตนิบาต คาถาธรรมบท จิตตวรรคที่ ๓ ข้อ ๑๓)
อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑
แต่งโดย พระอาจารย์สิงห์ ขันตยาคโม
อะจิรัง วะตะยัง กาโย
ร่างกายนี้คงไม่นานหนอ
ปะฐะวิง อะธิเสสสะติ
จักนอนทับซึ่งแผ่นดิน
ฉุฑโฑ อะเปตะวิญญาโณ
เมื่อมีวิญญาณไปปราศจากอันบุคคลทิ้งเสียแล้ว
นิรัตถังวะ กะลิงคะรัง
เป็นราวกะท่อนไม้ท่อนฟืน หาประโยชน์มิได้ ดังนี้แล
โอ้กายไม่นานหนอ บังเกิดก่อแล้วกลับกลาย
ดุจฟองแห่งน้ำหมาย แล้วแตกดับโดยฉับพลัน
สิ้นลมแห่งหายใจ ชีพบรรลัยบ่กลับหัน
ห่อนมีสิ่งสำคัญ เพื่อประโยชน์สักนิดเดียว
ทอดทิ้งดุจท่อนฟืน กลิ้งเหนือพื้นพสุธาเทียว
พองช้ำเน่าดำเขียว ส่งกลิ่นฟุ้งบ่เว้นวาย
ดูเถิดท่านทั้งหลาย บุรุษนายคณานาง
ควรปลงปัญญาทาง ปรมัตถ์อรรถธรรม
พยานปรากฏแก่ จักษุแท้บ่ปิดงำ
ควรคิดอนิจจัง หีบศพนั้นอันแลเห็น ฯ
ใน “มนต์พิธีแปล” รวบรวมโดย พระครูอรุณธรรมรังษี
(เอี่ยม สิริวัณโณ) ควรคิดอนิจจัง เป็น ควรคิดพินิจจำ
๗๕