หลวงปู่ท่อน ญาณธโร
วันเสาร์ที่ ๖ กรกฎาคม ๒๕๕๖ เวลา ๑๘.๐๐ น.
ณ บ้านโยม ลาดพร้าว ๑๐๗
สมัยนี้ เขาปรุงยาเสพติดให้โทษ เข้ามาเผยแพร่ในเมืองไทยเรา จนไม่มีที่จะว่างแล้วล่ะ มันหลาย อ้า นั่นเขาปรุงมามอมเมาคนไทย ให้ลืมชาติลืมศาสนาของตัวเอง ถ้าเขาเอาของมึนเมามาย้อมจิตย้อมใจ ล่อจิตล่อใจให้เต็มบ้านเต็มเมือง ก็มีแต่คนอ่อนแอ ใครจะเป็นทหารก็ดี เป็นตำรวจก็ดี อ่อนแอไปหมดจิตใจ อ่อนแอไป ล้มไปตามอำนาจของยาเสพติดให้โทษ อ้า ไม่รับเป็นธุระภาระบ้านของตัว เมืองของตัวเอง เอ้า ไหลเข้ามาๆ เต็มบ้านเต็มเมือง ก็มีแต่คนขี้ยาหมด ขี้ฝิ่นหมด ขี้กัญชาหมด กินสุราเมรัยกันทุกคน บ้านเมืองจะเป็นยังไง จะไม่เละตุ้มเป๊ะเชียวหรือ เละเทะตุ้มเป๊ะไปหมดเลย ไม่มีใครรับผิดชอบบ้านเมืองของตัวเอง หากความมั่นคงไม่มี เขาก็สามารถที่จะยึดเอาบ้านเอาเมืองของตัวได้ อย่างสบาย เออ อันนี้มันเป็นตัวอย่างมาแล้ว
เมืองจีนสมัยก่อน เรืองอำนาจใหญ่โต เขาปรุง ตั้งโรงฝิ่น โรงสุรายาเมา เสพติดให้โทษ กัญชงกัญชา เต็มบ้านเต็มเมือง เมืองจีนมียังไง เมืองจีนเป็นยังไง ระส่ำระสายไหม อ้า ไม่มีคนรับผิดชอบบ้านเมืองของตัวเองซะแล้ว มีแต่คนขี้ยา มีแต่คนขี้เหล้า ขี้กัญชา ยาเสพติดทุกชนิด อ้า ความมั่นคงของประเทศชาติเป็นยังไง ง่อนแง่นคลอนแคลนที่สุดเลย
เพราะฉะนั้นรัฐบาลสมัยนั้น จึงค่อยคิดขึ้น ฮึดสู้ ล้มล้างโรงสุรา โรงฝิ่น โรงยาเสพติดให้โทษทุกชนิด ล้มล้างให้หมด ไม่ให้มี เพราะว่ามาทำลายบ้านเมืองของตัวเอง มองเห็นประโยชน์แล้ว เห็นไม่มีประโยชน์อะไร มีแต่มาทำลายความแข็งแรงมั่นคงของประเทศชาติ ประเทศชาติก็ล่มจมลง ล่มจม ล่มจม จมลงๆ จนไม่มีใครรับผิดชอบบ้านเมืองตัวเอง แล้วข้าศึก ผู้เป็นคู่ต่อสู้ เขาก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่แล้วเนี่ย โอ้ย มันอ่อนแอหมดทั้งบ้านทั้งเมืองแล้ว ก็ไปบีบหัวเอา บีบหัวเอาก็ได้อยู่ ผู้รับผิดชอบบ้านเมืองไม่มี ทหารตำรวจก็ติดยาเสพติดไปด้วยกันหมดแน่ะ ใครล่ะจะมารับผิดชอบความมั่นคงของบ้านเมือง ไม่มี ไม่มีผู้ใดที่แข็งข้อ กลัว กลัวอำนาจปลายปืน อำนาจมืดต่างๆ นานา
เพราะฉะนั้น การสมาทานศีล ก็ให้ระลึกไว้ว่า เพื่อความมั่นคงของประเทศชาติ ของบ้านของเมือง ถ้าเราพร้อมเพรียงสามัคคีกันต่อสู้จริงๆ มันก็ไม่แพร่หลายหรอก ไม่ยอมให้มีอำนาจมืดทั้งหลายมาข่มขี่เรา ถ้าอำนาจมืดเข้า เข้ามาปกครอง ของบ้านเมืองของเรา ยึดอันนั้น ยึดอันนี้เข้า พวกเราก็หมดกำลัง กำลังที่จะต่อสู้ข้าศึกศัตรูก็ไม่มี ยกแขนขึ้นก็ไม่มี แม้แต่ยุงกัดก็ตีไม่ได้เลย อ้า เขารักษาศีลหรือเปล่าไม่รู้ ไม่ ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ตัดชีวิตเขาแหละ หึ เขารักษาศีลน่ะ แท้ที่จริงอ่ะ มันรักษาความมั่นคงของประเทศชาติ ก็คือตัวของเราเองแหละ เป็นกำลังเข้มแข็งที่จะร่วมกับรัฐบาล ต่อต้านข้าศึกศัตรูทุกด้าน ยาเสพติด ให้โทษก็ดี ยาฝิ่น เฮโรอีน กัญชา ยาบ้า ยาเบ้อต่างๆ ก็เป็นสิ่งบ่อนทำลายความมั่นคงของชาติได้ อ้า การค้าการขายทั้งหลาย ก็อย่าไปยึดเอามาเป็นอาชีพ มันจะมาทำลายความมั่นคงของประเทศชาติบ้านเมือง ให้เข้าใจอย่างงั้น ถ้าตั้งอกตั้งใจ
ปัดโธ่ พวกเราจะเป็นขี้ข้าเขาโดยเร็ว ในภายใน ไม่ช้านี่แหละ เออ ไม่ถึง ๑๐ ปี ๒๐ ปีข้างหน้าเนี่ย พวกเราแต่มีแต่คนขี้เมาเต็มบ้านเต็มเมืองจะเป็นยังไง ใครจะรับผิดชอบ บ้านเมืองแหละ เพราะฉะนั้นจึงเป็นโทษแสนสาหัสสากรรจ์ อ้า ให้ระลึกเอาไว้ อืม อย่าไปลุอำนาจแก่มันเลย อ้า ยาเสพติดให้โทษก็ดี เหล้ายาปลาปิ้งก็ดี ฝิ่น เฮโรอีน กัญชา ยาบ้าทุกชนิด เป็นสิ่งที่บ่อนทำลายกำลังของชาติ บ้านเมืองให้ย่อยยับไป พวกเราก็เป็นขี้ข้า เป็นเมืองขึ้นของเขาต่อไป เขามายึดได้แล้ว ใครล่ะจะเป็นผู้ต่อต้าน ทหารตำรวจเป็นยังไง มีกำลังพอหรือเปล่า เออ ถ้าไม่มีกำลังพอ ก็แน่นอนที่สุด เขาจะมาบีบหัวเรา เอาเบาๆ ดีกว่า อืม เขาอยากได้อะไร เขาก็ตั้งกฎเกณฑ์ขึ้นมา อ้า
บังคับพวกๆ เรา ไม่มีสิทธิ์เสรี คำว่าประชาธิปไตยหายเลย หาย หายไปไหน ไปไหนวู้ ประชาธิปไตย อ้า ความแข็งแรงของประชาชนหายไปเลย หายไปเพราะยาเสพติดให้โทษ เหล้า สุราเมรัย กัญชา ยาเสพติดทุกชนิด ไม่มีกำลังเหนือ มนุษย์ เหนือใจมนุษย์ มันจึง เขาจึงเอาสิ่งนี้มาย้อมจิต ย้อมใจของประชาชนให้มีความอ่อนแอ อ่อนแอไม่สามารถที่จะยกปืนขึ้นต่อสู้ ข้าศึกศัตรูได้เลยอ่อนแอจริงๆ
ยกปืนขึ้นก็ล้มแผละ ล้มแผละไป ล้มแผละมา จะว่าเอาอะไรมาเป็นกำลังของชาติบ้านเมือง มันต้องฮึดขึ้นสู้ ไม่เอา ไม่เอามันล่ะ ยาเสพติดให้โทษทุกชนิด กัญชา ยาเสพติดให้โทษทุกชนิด เป็นสิ่งที่บ่อนทำลายกำลังของชาติ อ้า ความแข็งแรงของประเทศชาติอ่อนแอที่สุด
อันนี้ในหลวงท่านห่วงมาก กลัวประชาชนจะหลง งมงายไปติดกับ ยาเสพติดให้โทษ เป็นนักเลงสุรา เป็นนักเลงฝิ่น เฮโรอีน กัญชา ยาบ้า เสพติดให้โทษทุกชนิด เป็นนักเลงไปทางนั้นซะแล้ว ใครล่ะจะอยู่รับผิดชอบประเทศชาติบ้านเมือง ไม่มี อืม
เพราะฉะนั้น ขอฝากด้วย อันนี้เบื้องต้นหน่อยเดียว จะฟังเทศน์ก็ฟังสิปะเนี่ย อ่ะ
พ๎รัห๎มา จะ โลกาฯ
ขึ้นสิ
อ้า อาจจะมีคนเดียวทางนี้ว่าได้ นอกนั้นไม่เคยศึกษา ไม่เคยว่าเลย ต้องให้ว่าได้ทุกคน ทุกคน ท่องไว้
พ๎รัห๎มา จะ โลกาธิปะตี, สะหัมปะติ,
กัตอัญชะลี อันธิวะรัง อะยาจะถะ,
สันตีธะ สัตตาปปะระชักขะชาติกา,
เทเสตุ ธัมมัง อะนุกัมปิมัง ปะชัง.
แค่นี้เด้อ อาราธนาศีลเนี่ย
มะยัง ภันเต ติสะระเณนะ สะหะ
ปัญจะ สีลานิ ยาจามะ
อืม ได้ ทุติ ตะติ ต่อไปก็ได้ อาราธนาศีลก็ได้ อาราธนาเทศน์ก็ได้ อาราธนาพระปริตร สวดมนต์บ้านสวดมนต์ช่องก็ได้ อย่าไปนอน นอนหลับทับสิทธิ์ นอนทับหนังสือตัวเอง มีหนังสือสวดมนต์ไหว้พระมีอยู่ แต่ไม่สนใจ ไปสนใจอย่างอื่นโน้น ข่าวอันนั้น ข่าวอันนี้ออกมา อ้า
ไม่ดูโทรทัศน์ ก็ดูแต่ข่าวเพิ่นล่ะ ดูข่าวอันนั้น ข่าวอันนี้ บ้านเมืองเป็นยังไงๆ เออ เลยลืมธุรกิจของตัวเองไปเสียหมด ไม่มีใครรับผิดชอบธุรกิจของตัวเอง อ้า ไหว้พระ อาราธนาศีล อาราธนาธรรม อาราธนาปริตต(ปริตร)มงคล ทุกอย่างล่ะ
มันก็ลืมไป มันกลืนกินไปในตัวของมัน มันกลืนและกินหมดแล้วใครจะรับผิดชอบ หน้าที่การงานอันนี้เราต้องเข้มแข็ง ต่อสู้ให้มันยั่งยืน ให้มันยั่งยืนนาน อ้า อย่าไปอ่อนแอมัน ถ้าอ่อนแอแล้ว มันก็เป็นหนทางให้ข้าศึกศัตรูมาบีบเรา ให้หมดอำนาจได้เลย
อำนาจของพระพุทธเจ้า อำนาจของพระธรรม อำนาจของพระสงฆ์ มีเต็มแผ่นดิน คือมีเต็มแผ่นดินจริงๆ มากมาย ถ้าเราเมินเฉยซะ ไม่เอาใจใส่ซะ ของเหล่านี้ อาราธนาพระปริตร อาราธนาศีล อาราธนาธรรม อะไรมันก็หมดไปด้วยเหมือนกัน เพราะเราไม่สนใจ มีในหนังสือมี แต่เราไม่ดู หนังสืออยู่ในตู้ในตื้อมีมากมาย มีฮอด(ถึง)พระไตรปิฎกแปลพู้น(โน้น)ล่ะ มีมากมายก่ายกอง จนดูไม่จบพู้น(โน้น)ล่ะ
ถ้าดูไปทุกวัน ท่องไปทุกวัน แล้วก็นั่งสมาธิทุกวัน นั่ง เมื่อว่าไปแล้วก็นั่งสมาธิให้ใจสงบ สักวันละ ๕ นาที ๑๐ นาทีขึ้นไป หรือมันเกิดความสบาย เราจะเอามากกว่านั้นก็ได้ นั่งนานๆ จนตัวเบาหวิว ไม่มีร่าง ไม่มีกายเลย เกิดสมาธิ เกิดเป็นสมาธิจิตตั้งมั่นขึ้นมา เข้าฌาน เรียกว่าเข้าฌาน นั่งจนร่างกายเราไม่มี ที่จะปวดหลังปวดเอวไม่มี สบายอยู่นั่นล่ะ หายใจเข้า รู้ หายใจออก รู้ อยู่แค่นั้นล่ะ ย่อภาวนา ภาวนา สัง.. สังรอง.. สำ.. สำรวมใจ ให้อยู่กับเนื้อกับตัว ให้เกิดความสบายได้ ไม่ใช่มานั่งแบบบังคับ ไม่มีใครบังคับเรา เราบังคับเราเอง เราจะนั่งวันละเท่านั้นนาที เราจะนั่ง วันเท่านั้น เป็นชั่วโมงๆ ถ้าเราสบาย เราจะอยู่นานๆ ถ้าเกิดความสงบ เกิดความสบาย เกิดปิติ ปราโมทย์ โชติช่วงชัชวาล อ้า มองเห็นบาป เห็นบุญขึ้นได้ ในขณะที่นั่งสมาธินั่นก็ได้
โอ้ ถ้าทำบาปบ่อยๆ ใจมันเศร้า ใจมันหมอง ใจมันขุ่น ใจมันมัว ไม่มองเห็นบาปเห็นบุญอะไรเลย ถ้าใจเราสงบ วันหนึ่งๆ สักชั่วโมง นี่เป็นอย่างมากนะ อย่างน้อยก็เอาสักเป็น เป็นพิธี นั่งให้ใจสงบสักนิดๆ เดียว ค่อยจึงค่อยออกมาทำธุรกิจการงานส่วนตั๊วส่วนตัว มีมากมาย อ้า ได้รับความสบายนิดหน่อย วันหนึ่งก็เป็นกำลัง เป็นยา เป็นโอสถที่ทำให้ใจสงบ เป็นธรรมโอสถ รักษาจิตรักษาใจไม่ให้มืด ฟุ้งเฟ้อเห่อเหิม ไปตามสัญญาอารมณ์
ทางโลกเขาเต็มบ้านเต็มเมือง ทางโลกเขามีตั้งแต่เครื่องยั่วยวนชวนให้เพลิดเพลินในกามกิเลส ในวัตถุกาม กามกิเลส รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ธรรมารมณ์ ของเหล่านั้นมายั่วยวน ชวนให้เพลิดเพลินเฉยๆ แล้วก็หลงระเริงไปตามเขา
ถ้าเราจะตั้งใจภาวนาจริงๆ ยึดกำลัง ยึดอำนาจทั้งปวงให้มาอยู่ที่ใจของเรา ยึดอำนาจมัน อย่าให้มันฟุ้งเฟ้อเห่อเหิมไปตามสัญญาอารมณ์ใดๆ อ้า ให้มันอยู่กับเนื้อกับตัว สักวันหนึ่ง คืนหนึ่ง หรือสักชั่วโมงหรือครึ่งชั่วโมง มันอยู่กับเนื้อกับตัวเวลาออกมาแล้ว จะสังเกตการณ์ เราสังเกตการณ์ เออ จิตสงบนี้ สบายเว้ย สบายจริงๆ จิตฟุ้งซ่านไปตามสัญญาอารมณ์ มันไม่สบายเลย ไม่อยู่เป็นตัวของตัวเลย ฟุ้งซ่านรำคาญไปตามสัญญาอารมณ์โลก กามโลกีย์ มันก็มีมากมาย มีรูป มีเสียง มีกลิ่น มีรส มีโผฏฐัพพะ มีธรรมารมณ์ โง่งมอยู่ตลอด เออ ถ้าส่งใจไปตามมัน ทุกเรื่องทุกราว ก็อยากจะดูจะชมไปเรื่อยๆ
อ้า โทรทัศน์มันมี มีทุกเรื่องในโทรทัศน์มีทุกเรื่อง จะดูมวยเขาก็ยังได้ จะดูฟ้อนรำทำเพลงอะไรก็ยังได้ แต่ว่ามันเพลิดเพลินเฉยๆ เพลิดเพลินทำให้ใจลืมตัวไปเฉยๆ แต่ว่าความแก่ หารู้ไหมว่า ตัวของเราแก่เข้าไปทุกวันๆ เท่านั้นปี เท่านี้ปี แก่ไปทุกชั่วโมงๆ เออ วันนี้ลืมตัวไปกี่ชั่วโมง วันหน้าเอาใหม่ จะสังวรระวังใหม่ ให้มันได้มากกว่าปล่อย กว่าปล่อยใจเพลิดเพลิน ไปตามสัญญาอารมณ์ ให้มันอยู่กับเนื้อกับตัวสักครึ่งชั่วโมง หรือว่าหนึ่งชั่วโมงได้ยิ่งดี ได้รับความสงบจนเกิดปิติ สุข เอกัคคตา มีปิติ สุข เอกัคคตา จิตเป็นหนึ่ง เป็นเอกัคคตารมณ์ อารมณ์อันเดียวเท่านั้น
เราก็ชื่อว่าได้กำลัง ในการเป็นพุทธบริษัท เป็นอุบาสก เป็นอุบาสิกา ทำใจให้อยู่กับเนื้อกับตัว อยู่กับเนื้อกับตัว สักครึ่งชั่วโมง อ้า หรือจะเอา ๓๐ นาที อ่ะ ครึ่งชั่วโมงจะเอา ๔๐ ๕๐ นาทีก็ได้ ขอให้มันอยู่กับเนื้อกับตัว ให้มันรวม ได้รับความเย็น เย็นใจ มีความสุข ปิติ ความปิติ ยินดี ปรีดาปราโมทย์ โชติช่วงชัชวาล มันเกิดขึ้นที่ดวงจิตเรา มันน่าอัศจรรย์ใจจริง
เอ้า เราปล่อยมันมาตั้งแต่เกิดมา ปล่อยให้มันเลินเล่อเผลอสติไป ตลอดวันตลอดคืน เผลอสติไปกับเรื่องอันนั้น เผลอสติไปกับเรื่องอันนี้ เรื่องเอากิจการงานมาเป็น ของสำคัญกว่าภาวนา แต่ที่จริงภาวนาให้ใจอยู่นั้นสำคัญมาก ให้ใจอยู่กับเนื้อกับตัว เมื่อรวมตัวได้แล้วมันเป็นฌาน เป็นฌาน เกิดความสุข ปิติ ความอิ่มอกอิ่มใจ สุข มีความสุขที่สุด เอ.. เอกัคคตาจิต จิตเป็นหนึ่งงั้น
ถ้าจิตเป็นหนึ่งได้ทุกครั้งๆ ก็วิเศษมาก อ้า เราจะเห็นบาปเห็นบุญแน่นอน เห็นบาป เห็นบุญ เห็นคุณ เห็นโทษ เห็นประโยชน์ ไม่ใช่ประโยชน์ รู้จักเลือกเฟ้นเอาเอง นั่น
มันไม่ใช่นั่งหลับหู หลับตามืดเฉยๆ นั่งหลับหูหลับตา แต่ได้ฌานไปแล้ว มันเกิดความสุข ปิติ สุข เอกัคคตา จิตเป็นหนึ่ง เออ เป็นฌานขึ้นมา รู้จักบาป บุญ คุณ โทษ แจ่มแจ้ง สิ่งนี้มาทำให้ใจเราเศร้าหมอง สิ่งนี้มาทำให้เรา ใจเราขุ่นมัว วุ่นวายเฉยๆ ไม่ได้รับความสงบ ให้เราตั้งสติ เอาความสงบมาไว้ที่ใจเราทุกครั้งๆ
อันนี้ครูบาอาจารย์ เพิ่นสอนหรอก เพิ่นสอนเราอย่างงั้น ให้ตั้งสติให้มีความสงบสุขอยู่ในตัวของตัว สักวันละนิดละหน่อย เออ ก็จะเห็น เห็นความไม่เที่ยงของสังขาร ที่มันมาปรุงเรานะ สังขารมาปรุงเรา ปรุงให้รัก ปรุงให้ชัง ปรุงให้โลภ ปรุงให้โกรธ ปรุงให้หลง ปรุงให้อิจฉา ริษยา พยาบาท อาฆาต จองเวรซึ่งกันและกัน แล้วจะหาความสุขที่ไหนได้เล่า ถ้ามันปรุงอยู่อย่างนี้ มันจะหาความสุขที่ไหนได้ เราต้องดึงเราให้สงบให้ได้ ถ้าเราสงบแล้ว เราจะเห็นสุขเป็นวิเศษ อืม ปีติ เกิดปิติ ปราโมทย์ โชติช่วง ชัชวาล สว่างไสวไปหมด ไม่มืดมน อนธการเหมือนตั้งแต่ก่อน ถ้าเรามาภาวนาแล้ว จะเห็นความสงบเป็นสุข สำหรับใจ
สุโข ปุญญัสสะ อุจจะโย
ความสะสมซึ่งบุญนำมาซึ่งสุข อืม
ทุกโข ปาปัสสะ อุจจะโย
เหมือนกัน ความสะสมซึ่งบาป นำมาซึ่งทุกข์ นำความทุกข์มาให้ตัวเอง ถ้าไปหลงระเริงตามมัน ทุกอย่างๆ แล้วจะเป็นยังไง เออ สติสตังเราจะอยู่กับเนื้อกับตัวไหม อืม สติสตังยั้งคิดทั้งหลาย จะอยู่กับเนื้อกับตัวไหม มันก็ฟุ้งซ่านรำคาญไปเรื่อยๆ คว้าน้ำเหลว อืม ไม่มีอะไรเป็นเนื้อเป็นตัวเลย คว้าน้ำเหลว ถ้าส่งไปตามมัน คว้าน้ำเหลว ถ้าอยู่กับเนื้อกับตัวเนี่ย ไม่ได้ไปไหน ไม่ได้คว้าน้ำเหลวหรอก รู้สึกตัวอยู่
สติ แปลว่าระลึกได้ ตั้งมั่นอยู่ในสมาธิจิต ตั้งมั่น ไม่หวั่น ไม่ไหว ไม่ส่ง ไม่ส่าย ออกไปภายนอก ให้อยู่ในตัวของตัวเท่านี้ อันนี้ล่ะ ผู้ภาวนาทั้งหลายท่านได้รับมรรค ผล นิพพาน เพราะว่าท่าน เอาจิตเอาใจท่านอยู่กับเนื้อกับตัว จนเป็นผู้วิเศษขึ้นมา รู้ เป็นผู้วิเศษ รู้ ให้มาดังที่หู เนี่ย รู้ ดังเข้ามาที่หู พออดที่จะลืมตาดูไม่ได้ อ๋อ มันจริงเหรอ อ้า อาจจะเห็นเทวดา เห็นภูมิ เจ้าพระภูมิ เจ้าที่ เห็นบาป เห็นบุญ เห็นคุณ เห็นโทษ เห็นดวงวิญญาณทั้งหลาย ที่เขารอรับส่วนบุญกับเรา มีมากมายเท่าไหร่ เราจะเห็น เห็น โมทนา อ่ะ วันนี้ไม่ได้ชุมนุมเทวดาหรอก แต่ว่าเทว.. เทวดาก็มาแอบฟังอยู่ก็มีนะ มาแอบฟังประชาชนเขาทำยังไงกัน อ้า
ถ้าทำถูกทำต้อง เทวดาก็โมทนาสาธุการ สาธุให้เจริญๆ นะ พ่อเอ้ย แม่เอ้ย ข้าพเจ้ามีแต่วิญญาณ ขอโมทนาด้วย ผู้ใดทำได้ ผู้ใดรักษาศีลได้ นั่งสมาธิได้ ภาวนาได้ ขอโมทนาสาธุการด้วย พวกวิญญาณทั้งหลายโมทนาสาธุการ ไม่ได้มารักษาเราหรอก แต่ว่ามาชุมนุมเหมือนกัน แต่เราไม่มีตาทิพย์ มองไม่เห็น เทวดาทั้งหลายก็โมทนากับเรานะ เป็นหนทางที่นำความสงบสุข มาให้ เออ
นัตถิ สันติปะรัง สุขัง
เพิ่นบอกว่า ความสงบสุขจะเกิดขึ้น ก็เพราะว่าไม่ปล่อยจิต ปล่อยใจ ไปตามสัญญาอารมณ์ภายนอก ให้มันอยู่กับเนื้อกับตัว ให้รู้เท่าเอาทันอยู่เสมอ ถ้ารู้เท่ามันเอาครึ่งหนึ่งนะ ถ้ารู้ไม่ถึงมันเอาหมด มันเป็นภาษิตของโบราณ เพิ่นบอกว่า ถ้ารู้เท่ามันเอาครึ่งหนึ่ง ถ้ารู้ไม่ถึงมันเอาหมด เพื่อนกิน เพื่อนกัน เพื่อนรู้ไม่ทัน เพื่อนกันเอาไปกิน นั่นก็อยู่ในตัวของเรานี่แหละ สังขารทั้งหลาย อ้า มันเป็นเพื่อนของเรา เพื่อนกินมากินกับเรา เพื่อนกัน แต่เพื่อนรู้ไม่ทัน เพื่อนกันเอาไปกิน
เขามาเป็นเพื่อนน่ะ ทีแรกก็มาตีสนิทแน่น ตีสนิทแน่นทำความคุ้นกัน เป็นเพื่อนกันอย่างงั้นอย่างงี้ แต่นานๆ เข้าเราหลงระเริงไปตามเขา อ้า เขาก็กินหมด อืม ถ้ารู้ไม่เท่า มันก็เอาครึ่งหนึ่ง ถ้ารู้ไม่ถึงมันก็เอาหมดเลย สังขารนะ มันเอาเป็นตัวของตัวหมด จนเสียสติ สติ ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว หลง งมงาย
มีคนสติลอยก็มี เคยไปให้หลวงปู่เป็นคนแก้ให้ เป็นคนพ่นน้ำให้ เอาน้ำเป่าให้ อ้า มันหลงตัว ลืมตัว จนว่าร้องห่มร้องไห้ไปต่างๆ นานา อ้า เพราะมันหลงตัว ลืมตัว มันมาเป็นเพื่อนเราทีแรก ทำตัวเป็นเพื่อนเรา ความรักก็ดี ความชัง ก็ดี ความดีใจก็ดี เสียใจก็ดี ร้องไห้ก็ดี หัวเราะก็ดี มันมาทำตีสนิทแน่นกับเรา ทำให้เราคุ้นเคยกับมัน ต่อไปต่อมามัน ฆ่าเราซะเลย อ่ะ แอ้ สังขารนั่นมันฆ่าเราซะเลย ฆ่าไม่ให้ยินดีในธรรม ไม่ให้ยินดีในทาน การรักษาศีลก็ไม่ให้ยินดี อ้า มันก็ดึงไปใส่ของมันหมดทุกอย่าง ความยินดีในทาน การให้ของ ขอให้สำเร็จซึ่งสมบัติทั้งหลาย มันก็หมด ไม่ให้ยินดี ไม่ให้ยินดี กับการทำบุญทำทานหรอก
พวกนั้นมันมีแต่ห่วงไว้ แอ้ ความตระหนี่ถี่เหนียวน่ะ อย่าๆๆ อย่าๆ เสียสละ มันจะ อ้า หมดเนื้อหมดตัว ไหมล่ะ เราจะทำบุญมันก็ห้ามไว้ เป็นยังไงถ้าสงเคราะห์สงหาผู้อื่น มันก็ห้ามไว้ ความตระหนี่ถี่เหนียวน่ะ มันห้ามไว้ ไม่ให้แจก ไม่ให้แบ่ง ไม่ให้สงเคราะห์ ไม่ให้ช่วยเหลือ เจือจุนอุดหนุนผู้อื่น ไม่ใช่ ไม่ใช่ทาง หนทางที่การเสียสละ การแบ่งการปันกัน นี่เป็น
จาคะ
เป็นจาคะ จาโค รู้จักเสียสละต่อส่วนรวม ถ้ามีงานส่วนรวมเกิดขึ้น มีการเสียสละ ร่วมกับผู้มีบุญหนักศักดิ์ใหญ่ อ่ะ อย่างพระเจ้าแผ่นดิน ท่านจะทำอะไร พระเจ้าอยู่หัวท่านจะทำอะไร ท่านก็มักจะบอกบุญมาทางไพร่ฟ้าข้าแผ่นดิน ให้รวมกันทำอันนี้ๆ เน้อ ให้มันเป็นประโยชน์เด้อ เป็นประโยชน์ต่อชาติบ้านเมืองของเรา ลูกหลานของเราก็ได้พึ่งพาอาศัยต่อไป
เพิ่นจึงแนะนำพร่ำสอนแบบนี้ เชิญชวนแบบนี้ ท่านไม่ได้เอาใส่ตัวคนเดียวหรอก อะไรเป็นบุญ เป็นกุศล เป็นประโยชน์ต่อสังคม ท่านจะชักชวนไพร่ฟ้าข้าแผ่นดิน ให้ช่วยกันทะนุถนอมหรือบำรุง และรักษาให้มันเจริญยิ่งๆ ขึ้นไป เออ ท่านไม่ได้เก็บ ได้กำ ได้กอบ ได้โกยเอาแต่พระองค์เอง รัก เพื่อต้องการให้ไพร่ฟ้าข้าแผ่นดิน ได้มีโอกาสได้ทำบุญด้วย เออ ได้ยินข่าวว่าท่านประกาศมาวันนั้นๆ ท่านจะมีงานอะไรๆ และก็มีการ อ้า บริจาคทรัพย์ บริจาคจตุปัจจัย บริจาค อ้า พลังกาย พลังใจ อ้า ให้แก่สังคม ต้องการพัฒนาสังคมให้มันเจริญรุ่งเรือง ท่านต้องการอย่างงั้น
พระเจ้าแผ่นดินทุกสมัยมา ไม่ใช่พระเจ้าแผ่นดินองค์เดี๋ยวนี้เท่านั้น หามิได้ แต่ก่อนท่านพัฒนาประเทศชาติบ้านเมือง อาศัยกำลังของไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินช่วย แอ้ อย่างพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เออ รัชกาลที่ ๕ พระปิยมหาราชนั่นล่ะ ท่านทำไง ก็เป็นพระบิดาของประเทศชาติ ไปเที่ยวยุโรป ไปประพาสยุโรป ไปเห็นบ้านเมืองเขา มีรถฟืนรถไฟวิ่งขวักไขว่ไปมา รถยนต์ก็แออัดยัดเหยียดมากมาย สะดวกสบาย จะไปทางน้ำก็ได้ไปโดยเรือ จะไปทางบกก็ไปทางรถไฟ แม้จะไปทางอากาศ ก็อย่างไปเครื่องบินอย่างนี้
ไปเห็นประเทศอื่นเขาเจริญถึงขนาดนั้น ท่านจึงนำมา เรากลับไปเมืองไทยคราวนี้ เราจะไปพัฒนาเมืองไทยของเรา มันซอมซ่อเหลือเกิน อ้า รถไฟก็ไม่มี รถยนต์ก็ไม่มี ไฟฟ้าก็ไม่มี น้ำประปาก็ไม่มี อะไรไม่สะดวก ของเหล่านี้ท่านเอาสมองของท่านบันทึกมา บันทึกใส่สมองจดจำไว้ มาแล้วก็บรรยาย อ้า เขียนไว้เป็นอย่างๆ เอาอันนี้ก่อน เอาอันนี้ก่อน อันนี้หลัง จะพัฒนาให้มันเสมอภาค เป็นประชาธิปไตยจริงๆ อ้า ไม่ได้กอบโกย เอาเงินประชาชนแต่อย่างใด ไฟฟ้าไม่มี น้ำประปาไม่มี อ้า รถยนต์ไม่ดี รางรถยนต์ไม่ดี รถไฟไม่ดี อะไรทำนองนี้ ท่านคิดอยู่ในหัวของท่าน แล้วก็พอเข้า กลับจากยุโรป มาเมืองไทย พอมาแล้วก็ตั้งปัญหาขึ้น อะไรเราไปดู เราจะพัฒนาอะไรก่อน เราจะทำอะไรก่อน ให้บ้านเมืองเจริญรุ่งเรือง อ้า รุ่งโรจน์โชติช่วงชัชวาล ทันหน้าทันตาประเทศอื่นเขา
ไว้ใช้ ไว้ไต้ตะบอง(กระบองไฟ) หรือว่าไต้ ขี้กับไต้ เอายางไม้มาตำ เป็นของจุดไฟนั่งกินข้าวกันทั้งคืน ควันไฟมันก็หายใจเข้าไป จมูก ควันไฟหายใจเข้าจมูก เอาตะบอง(กระบองไฟ)กับไต้ อ่ะ ยางไม้ มานั่นน่ะ จะกินข้าวจบหมดเปล่า ปะฮึ หรือจมูกดำเป็นต้อ(ตัน) เป็นต้อ(ตัน) พอหายใจเอาควันไฟนั่นเข้าไป เพิ่นจะเป็นโรคอะไรหรือเปล่า อืม โอ้ มันขนาดนั้นล่ะไม่ดี ถ้า ถ้ามีไฟฟ้า กดสวิทซ์ปั๊บ มันก็สว่างมา อย่างงี้ไม่มีควันเลย ไม่เป็นพิษเป็นภัยแก่จมูกตัวเอง แก่ปอดตัวเอง อ้า ท่านก็พัฒนาให้ประชาชนได้ใช้ ในกรุงเทพฯ นี้เรียกว่าทุกหนทุกแห่ง แต่ว่านะ บ้านนอกก็อาจจะมีอยู่บ้างอ้า การพัฒนาไม่ก้าวหน้า ให้มีอยู่บ้าง อาจจะมีเงินมีทอง ให้ไปพัฒนาการไฟฟ้า น้ำประปา อะไรได้
มันก็ไปรุมกินกันซะ กินค่าไฟฟ้า กินน้ำประปา กินอะไรต่ออะไรกัน รุมกินกัน แทบจะไม่ได้ลงในคนงานสักสลึงก็มี โอ้ น่ะมันเป็นอย่างงั้น คนเห็นแก่ตัว ยอมเก็บ ยอมกำ ยอมกอบ ยอมโกย ยอมโกง ยอมกินกันอยู่อย่างงั้น
คนไม่เห็นแก่ตัว มีแต่เสียสละออกมา เพื่อพัฒนาประเทศชาติบ้านเมือง ให้เจริญรุ่งเรืองทันสมัยเขา อ้า ก้าวหน้า เขาเรียกว่าพัฒนาก้าวหน้า ไม่ถอยหลัง
ถ้ามีแต่โกงแต่กินกัน กินเล็กกินน้อยกันอยู่อย่างงี้ ไม่ได้ก้าวหน้าน่ะ ถอยหลัง เป็นการถอยหลัง อ้า ก็เลยเบื่อเอือมระอา การปกครองแบบนั้น มันก็เอือมระอา เพราะฉะนั้น ถ้าพูดไปมันก็จะเป็นเรื่องกระทบกระเทือนรัฐบาลเขา อืม ไม่ดี ถ้าฟังแล้วเขานำไปตีแผ่ออก เออะ พระองค์นี้ ทำไมพูดอย่างงี้ หึ อ่ะฮึ อ้า เอ้า พูดไป ป้องกันไว้ ไม่ให้ทะลักออกไปนอกลู่นอกทาง ประเดี๋ยวจะนำความเสื่อมเสียมาสู่ประเทศชาติบ้านเมืองของตัวเอง แน่ะ มันเป็นอย่างงั้น ความเป็นจริงมันเป็นอย่างงั้น
ความโลภโมโทสัน มันมืดมิดปิดปัญญา มองหาความเจริญไม่มี มีแต่เก็บ จะกำ จะกอบ จะโกย จะโกง จะกินกันอย่างงั้น แล้วอะไรจะพาเจริญล่ะปะเนี่ย อะไรจะพาบ้านเมืองเจริญรุ่งเรือง มีแต่เสื่อมโทรม อ้า อัน.. อันตรธานไป หายไปเลย เออ
เนี่ยท่านคิดมานาน เพราะไปเห็นไฟฟ้าเมืองนอก ท่านก็บันทึกเอาหัวใจ เห็นรถฟืนรถไฟเมืองนอก ไปเที่ยวแล้ว ก็บันทึกเข้าไว้ในหัวใจ รถฟืนรถไฟ กลับไปเมืองไทยคราวนี้ เราจะพัฒนาเมืองไทย หารถฟืนรถไฟเป็น ใหญ่แหละ อ้า เห็นบ้านเมืองเขา มีรถฟืนรถไฟไปต่างจังหวัด ไปธุรกิจอะไรๆ รวดเร็ว พอกลับมาแล้วก็เอาแล้ว วางแผนแล้ว อืม วางแผน ตัดทางรถไฟผ่าดงพญาไฟ หรือผ่าดงพญาเย็น ผ่านที่นั่น แต่ว่าประชาชนมันไม่คุ้นเคยกับป่า มานอนให้ยุงกิน อะไรกิน กัด นอนในป่าในดง ยุงกัด ยุงกินแล้ว ไข้มาเลเรียจับสั่นขึ้น อืม ก็มัดไว้ สั่นอยู่อย่างงั้นล่ะ ก็เลยไม่มียาจะกินกัน ในที่สุดก็ตายในป่ากัน เป็นจำนวนมากเหมือนกัน นั่น เพราะรู้เท่าไม่ถึงการ ในหลวงท่านบอกว่า เฮ้ย อันนี้มันเป็นไข้มาเลเรีย ไม่ใช่ผีสางนางไม้อะไรหรอก เรารู้จักป้องกันไว้ เออ เอาน้ำมาต้มให้สุกเสียก่อน ใส่ตุ่มไว้กิน อย่าไปกินน้ำดิบๆ มันมีเชื้อมาเลเรียอยู่ในนั้น ไข่ยุง ไข่เยิง อัน ในใบไม้ หมักหมมเข้า มันก็เกิดเป็นพิษเป็นภัย เป็นเชื้อไข้มาเลเรีย ขึ้นมาอยู่ในตัว รู้จักไหม เข้าใจไหม เออ ต่อไปให้ต้มน้ำให้กินกัน ต้มน้ำไว้กินเฉพาะ อย่าไปกินน้ำตามลำคลอง มันแช่ใบไม้เน่าๆ มา คือลูกยุงลูกเยิงมากมาย เหล่านั้นก็เป็นเชื้อมาเลเรีย
เพิ่นรู้จักไปหมดทุกอย่างอ่ะ ปฏิบัติตามพระโอวาทของในหลวงท่าน แล้วก็เอา ผีก็ไม่มีปะเนี่ย ผีไข้จับสั่นที่มาสิงคนให้สั่นอย่างเก่าไม่มี แอ้ ปฏิบัติตาม อืม ท่านปฏิบัติถูกต้องตาม พระปัญญาของพระองค์ อ้า รู้จัก รู้หลบเป็นปีก รู้หลีกเป็นหาง รู้เท่าเอาครึ่ง รู้ไม่ถึงเอาหมด เพื่อนกิน เพื่อนกัน เพื่อนรู้ไม่ทัน เพื่อนกันเอาไปกินเน้อ เออ อยู่ที่เรานี่แหละ อยู่ที่เราหมดทุกอย่างอ่ะแหละ อืม เพราะฉะนั้น ขอให้ทุกคนจงประพฤติปฏิบัติตาม พระโอวาทของในหลวง ที่ท่านวางไว้ โครงการของท่านที่วางไว้ ท่านไม่ได้อยู่เฉยๆ หรอก เวลาไปทัศนาจรที่ไหนๆ อ้า ไปดูความเสื่อม ความเจริญของท้องถิ่นนั้นๆ ก็เห็นว่ามันทรุดโทรมมาก ท่านจะพัฒนาที่นั่นให้มันเจริญขึ้น รุ่งเรืองขึ้น นำสมัยและก็ใหม่เสมอ เออ พวกเราก็สนับสนุนดี้ พวกเราเป็นไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินของพระองค์ สนับสนุน สรรเสริญเยินยอท่าน อ้า ไม่ได้ขัดคอ ให้ตั้งอกตั้งใจ
เอาล่ะนะ ดังที่แสดงมาเป็น ปกิณณกนัย เพื่อต้องการให้ญาติโยมทั้งหลาย นำไปใคร่ครวญพินิจพิจารณาด้วยปัญญาอันชาญฉลาด ภาคปฏิบัติของตัวเอง คือนั่งสมาธิภาวนาให้ใจมันสงบ ถ้าใจสงบแล้ว มันเกิดความสบายมหาศาลขึ้นมานี้ เกิดความสะดวก เกิดความสบายขึ้นมาในหัวใจเรา ทำให้ใจเราสบายขึ้นมากๆ อ้า ดังที่แสดงมา ก็ยุติด้วยเวลา เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้
(กดเสียงวี๊ดๆๆๆๆ) อ้า เวลาหยุดก็ต้องเบรกตัวเอง เอานี้มาเบรกตัวเอง อ้า เออ มีคนเอามาให้แบบเนี้ย เอาไว้ทำไม
(กดเสียงวี๊ดๆๆ) จะเอาไว้ทำไม ไว้เบรกตัวเอง อ่ะ ไฟฉาย มันมืด นาฬิกามันได้เท่าไหร่ล่ะ อันนี้ส่อง ส่องแล้ว โอ้ มันได้เท่านั้นเท่านี้ ส่องไปหานาฬิกาให้ได้ อันนี้เป็น เลือก จึงเลือก แต่ว่ามันจะใช้อะไรล่ะในนี้ คงจะใช้ถ่านนะ
อาราธนาศีล
มะยัง ภันเต ติสะระเณนะ สะหะ
ปัญจะ สีลานิ ยาจามะ
ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ข้าพเจ้าทั้งหลาย
ขอศีล ๕ พร้อมทั้งไตรสรณคมณ์ เพื่อจะรักษา
อาราธนาธรรม
พ๎รัห๎มา จะ โลกาธิปะตี, สะหัมปะติ,
กัตอัญชะลี อันธิวะรัง อะยาจะถะ,
สันตีธะ สัตตาปปะระชักขะชาติกา,
เทเสตุ ธัมมัง อะนุกัมปิมัง ปะชัง.
ท้าวสหัมบดีพรหม ผู้เป็นอธิบดีแห่งโลก
ได้ประคองอัญชลี ทูลวิงวอนพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐว่า
สัตว์ผู้มีธุลีในดวงตาน้อยมีอยู่ในโลก
ขอพระคุณเจ้าโปรดแสดงธรรมอนุเคราะห์ด้วยเถิด
สุโข ปุญญัสสะ อุจจะโย
การสั่งสมบุญนำสุขมาให้
ทุกโข ปาปัสสะ อุจจะโย
การสั่งสมบาปเป็นเหตุนำทุกข์มาให้
นัตถิ สันติปะรัง สุขัง
สุขอื่นยิ่งกว่าความสงบไม่มี
จาคะ
ความเสียสละ
อนธการ [อน-ทะ-การ] ความมืดมัว ความโง่เขลา
๒๑