หลวงปู่ท่อน ญาณธโร
วันอังคารที่ ๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ เวลา ๑๗.๐๐ น.
ณ ห้องประชุม โรงแรม S31
ถนน สุขุมวิท แขวงคลองเตยเหนือ
เขตวัฒนา จ.กรุงเทพมหานคร
ว่าตามกันเนี่ย
อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา
ซะก่อน
(กราบพระรัตนตรัยพร้อมกัน)
อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา,
พุทธัง ภะคะวันตัง อะภิวาเทมิ
(กราบ)
ส๎วากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม,
ธัมมัง นะมัสสามิ
(กราบ)
สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ,
สังฆัง นะมามิ
(กราบ)
ปะเนี่ย อาราธนาศีล
(อาราธนาศีลพร้อมกัน)
มะยัง ภันเต วิสุง วิสุง รักขะณัตถายะ
ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สีลานิ ยาจามะ
ทุติยัมปิ มะยัง ภันเต วิสุง วิสุง รักขะณัตถายะ
ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สีลานิ ยาจามะ
ตะติยัมปิ มะยัง ภันเต วิสุง วิสุง รักขะณัตถายะ
ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สีลานิ ยาจามะ
เนี่ย จบแล้ว อาราธนาศีลแล้ว บัดนี้หลวงปู่จะให้ศีล นำว่าพา สมาทานศีล ว่าแปลไปด้วยก็จะดีนะ ทำความนอบน้อมต่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก่อน
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
แปล ปะนี้แปล ขอความนอบน้อมของข้าพเจ้า จงมีแด่พระผู้มีพระภาค ผู้เป็นอรหันต์ตรัสรู้ชอบเองพระองค์นั้น ปะนี้ขอถึงปะเนี่ย
พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ข้าพเจ้าขอถึงพระพุทธเจ้า ว่าที่เป็นที่พึ่งที่ระลึกกำจัดภัยได้จริง
ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
ข้าพเจ้าขอถึงพระธรรม ว่าที่เป็นที่พึ่งที่ระลึกกำจัดภัยได้จริง
สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
ข้าพเจ้าขอถึงพระสงฆ์ ว่าที่เป็นที่พึ่งที่ระลึกกำจัดภัยได้จริง
ทุติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
แม้วาระที่ ๒ ข้าพเจ้าขอถึงพระพุทธเจ้า ขอถึงพระธรรม ขอถึงพระสงฆ์ ว่าที่เป็นที่พึ่งที่ระลึกกำจัดภัยได้จริง
ตะติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ตะติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
ตะติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
แม้วาระที่ ๓ ข้าพเจ้าขอถึงพระพุทธเจ้า ขอถึงพระธรรม ขอถึงพระสงฆ์ ว่าที่เป็นที่พึ่งที่ระลึกกำจัดภัยได้จริง
ติสะระณะคะมะนัง นิฏฐิตัง
รับว่า
อามะ ภันเต
ต่อไปก็ตั้งเจตนาของตนขึ้นสมาทานศีล คำว่าศีล ศีลนี้ก็อยู่ที่เจตนา ถ้าเรามีเจตนาแน่วแน่แล้ว เราก็ได้ของขลัง ได้ของดีไปคุ้มครองป้องกันตัวเองได้ จะไปในที่สถานใดๆ ก็ตาม จะไปไหว้อะไรก็ตาม ไหว้พระไหว้เจ้าที่ไหนๆ ก็มีเจตนาแน่วแน่ มันจึงขลัง ถ้าไม่มีเจตนาแน่วแน่ เอาใจวอกแวกไปนั้นไปนี่อยู่ ก็ทำให้เหลิงเจิ้ง(เพ้อเจ้อ) หรือว่าลอยไป ไม่แน่วแน่ ต้องทำเจตนาของตนให้ตะล่อมต่อมมาเป็นหนึ่ง
ปาณาติปาตา เวระมะณี
สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
ข้าพเจ้าตั้งใจสมาทานสิกขาบท คือเว้นจากฆ่าสัตว์ทุกชนิดด้วยตัวเองและไม่ใช้ให้ผู้อื่นฆ่า
อะทินนาทานา เวระมะณี
สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
ข้าพเจ้าตั้งใจสมาทานสิกขาบท คือเว้นจากถือเอาสิ่งของของท่านผู้อื่นที่เจ้าของเขาไม่ได้ให้โดยอาการแห่งขโมย
กาเมสุ มิจฉาจารา เวระมะณี
สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
ข้าพเจ้าตั้งใจสมาทานสิกขาบท คือเว้นจากประพฤติผิดในกาม ร่วมประเวณีในภรรยาในสามีของท่านผู้อื่น
มุสาวาทา เวระมะณี
สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
ข้าพเจ้าตั้งใจสมาทานสิกขาบท คือเว้นจากกล่าวเท็จ
คำไม่จริงและหลอกลวงอำพรางท่านผู้อื่นให้หลงเชื่อ
นี่ๆ ก็ข้อที่ ๕ ปะเนี่ย เออ อะไรล่ะ
สุราเมระยะมัชชะปะมาทัฏฐานา เวระมะณี
สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
ข้าพเจ้าตั้งใจสมาทานสิกขาบท คือเว้นจากดื่มกินสุราเมรัยอันเป็นเครื่องดองของเมา ทั้งเป็นฐานเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท ถ้าเราเว้นได้แล้ว สุราเมรัย เครื่องดองของเมา ยาเสพติดให้โทษทุกชนิดก็อยู่ในจำนวนเดียวกัน
เราต้องเว้น ถ้าเราไม่เว้น เราก็ล่วงเกินศีล ถ้าเราไม่มีศีลแล้วจะไปเรียนอะไรได้อ่ะ ไม่มีศีล ไม่มีธรรม จะไปเรียนคาถาวิชาอะไรก็ไม่ขลัง เพราะเราไม่มีศีล ถ้าเรามีศีลมีธรรม มีดังที่นำพาว่ามานี้ ย่อมเป็นคนขลัง ไปที่ไหนๆ พวกภูตผีปีศาจหลีกทางให้เลย พวกภูตผีปีศาจอาฮัก หลักคุณ ปู่ตาย่าบ้าน ผีฟ้า ผีแถน ผีแนนตาทอก ตีนจุ้มอลินทุม เหล่านั้นไม่มากล้ำกรายเราเลย หลีกทางทันที เออ ไปในที่ไหนๆ ก็มีความเกรงขาม เทวดาก็ยังเคารพย่ำเกรง คนนี้ถือพระไตรสรณคมน์มั่นคงนะ คนนี้ถือ หรือสมาทานศีลมั่นคงนะ เออ เทวดาต้องบอกกัน อย่าไปกล้ำกรายเขาเลย อย่าไปล่วงเกิน อย่าไปประมาทท่านผู้มีศีลมีธรรมนะ อ้า เพิ่นบอกงี้ ถ้าใครกล้ำกรายล่วงเกินแล้ว จะเห็นฤทธิ์เห็นเดชทันทีล่ะ อ้า เป็นฤทธิ์เป็นเดชขึ้นมาทันทีนะ คล้ายๆกับว่าฟ้าผ่าลงมาเปรี้ยง โอ้โฮ นั่นน่าหวาดเสียวจังนะ อ้า ฟ้าผ่าลงมาเปรี้ยงเลย อืม เป็นยังงั้น
ถ้าเราตั้งมั่นอยู่ในศีลในธรรมแล้ว เป็นเครื่องที่ป้องกันและปลอดภัยตัวเองด้วย ปลอดภัยแก่ครอบครัวของเราเองอีกด้วย อ้า มีเทวดารักษาป้องกันภยันอันตรายทั้งหลายทั้งปวง ไม่ให้มาแผ้วพาน ให้ย่างกราย
อย่าเลย นั่น อ่ะ เนี่ยเรียกมาว่าเล่นๆ สมาทานศีลอยู่
ปาณาติปาตา เวระมะณี ยังไม่จบ
ตายไปแล้วยุง ตายไปแล้วตัวหนึ่ง ๒ ตัวแล้ว อ้า ยุงตายอ่ะ มีเจตนาจะฆ่าเขา อ้า ทุกข้อที่ว่ามา ต้องเว้น
เวระมะณี
หมายถึง การเว้น จากการลักทรัพย์ เว้นจากการประพฤติผิดในกาม ร่วมประเวณีในภรรยาและสามีของผู้อื่น เว้นจากการกล่าวเท็จ คำไม่จริง อะไรไม่จริงไม่ต้องกล่าว กล่าวแต่คำจริงๆออกมา เพื่อนฝูงทั้งหลายก็เชื่อมั่นใจ เชื่อถือ
ไม่โกง ไม่กิน ไม่กอบ ไม่โกย
ไม่เก็บ ไม่กำ ไม่เอารัดเอาเปรียบผู้ใดเลย
เป็นคนซื่อ ซื่อจนเซ่อ ซื่อมากจนเซ่อไป อ้า แต่ไหวพริบของเรามีอยู่ สติปัญญาของเรามี ทำแต่สิ่งถูกๆ สิ่งที่ไม่ผิดศีลธรรม ทำได้ ประพฤติได้ พูดได้ อ้า ไม่ได้โกหก พูดไปตามความเป็นจริงของเรา ยิ่งเป็นพ่อค้าพ่อขายทั้งหลายทั้งปวง ยิ่งเป็นนักหลอกลวงต้มตุ๋นมากมหาศาล อ้า เดี๋ยวนี้บ้านเมืองจะไม่สงบก็เพราะเรื่องหลอกลวงกัน ต้มตุ๋นกัน นั่นเอง ต้มตุ๋นกัน ตอแหลกัน ไม่ตรงไปตรงมา ดังที่เจตนาสมาทานมาแล้ว อ้า ทุกอย่าง ภรรยาก็ต้องซื่อสัตย์ต่อสามี สามีก็ต้องซื่อสัตย์ต่อภรรยา เป็นคนซื่อสัตย์จริงๆ ไม่นอกใจสามีตัวเอง ไม่นอกใจภรรยาตัวเองเป็นอันขาดน่ะ อย่าไปเห็นถึงแก่สนุกสนานเฉยๆ เออ ว่ามันสนุกสนานแล้ว แต่ว่าเวลารับผล มันได้ความทุกขเวทนาแสนสาหัสสากรรจ์ ไปตกนรกหมกไหม้ ได้หลายกัปหลายกัลป์นะ อืม ตั้งแต่ญาติของพระเจ้าพิมพิสารน่ะ เออ ทำผิดตั้งแต่ปางโน้น ตั้งแต่ชาติปางก่อนโน้น ยังไปตก ไปตกนรก หมกไหม้อยู่ ถูกเขาต้มเขาตุ๋นอยู่บ่อย ไม่มีใครเชื่อมั่นในใจ ได้เป็นเพื่อนกัน ต้องเชื่อมั่นกัน ผู้สมาทานศีลไปแล้วต้องเชื่อมั่นในตัวของเราเอง เชื่อมั่นว่าเราไม่ได้ผิดศีลข้อไหนเลย ตรงไปตรงมาเป๊ะเลย ก็บอกฝ่ายตรงกันข้าม เขาจะมาหลอกลวงต้มตุ๋นเรา ก็ไม่ต้องเชื่อ ไม่ต้องเชื่อเขาหรอก อืม เพราะว่าเขาเป็นนักต้มตุ๋นหลอกลวงคนทั้งโลก แน่ะ เพราะฉะนั้น ให้ถือศีลให้มันมั่น ถือศีลถือธรรมให้มั่นคง อย่ามาทำเหลาะๆ แหละๆ ไม่จริงไม่จัง ทำอย่างงั้นเทวดาหัวเราะ เทวดาหัวเราะแล้วส่ายหัวเลย ว่ามัน ไม่ไหวๆ อ้า เห็นเขาฉายหนังไอ้นั่นไหม ไอ้หนังยมทูต อืม ถ่ายออกโทรทัศน์ ยมทูต
ปาปัง ปาปะกัง
ยมทูตเนี่ย เป็นคนตรงต่อเพื่อนฝูง ตรงต่อการงาน ตรงต่อเวล่ำเวลา ไม่เบี้ยว ไม่คิดเบี้ยวคนนั้นคนนี้ จึงได้เป็นยมทูต อ้า รู้จักว่าใครทำผิด รู้จักว่าใครทำถูก ไปโกหกยมทูตไม่ได้ ยมทูตมีญาณทัศนะภายใน รู้จักว่าคนนี้เป็นคนหลอกลวง คนนี้ เป็นคนตอแหล โกหกพกลม ไม่เคยตรงไปตรงมาหรอก อืม ยมทูตก็รู้จัก เพราะฉะนั้น พวกเราก็ต้องมี
หิริ
มีความละอายไว้บ้าง ละอายในใจเทวดา เออ เวลานี้เทวดาก็มาฟังด้วยนะ ฟังว่าจะพูดไปยังไง ฮึ ถูกใจแล้วๆ เทวดาสาธุหรอก
เพราะฉะนั้น เบื้องต้นเราได้สมาทานศีลแล้ว ศีล ๕ ข้อหนึ่ง เราได้สมาทานตั้งมั่นแล้ว อย่าให้ล่วงเกินต่อไปอีก ที่เคยโกหกตอแหลคนอื่น พกลมคนอื่น ทำให้เขาเชื่อจนเสียเงินเสียทองเพราะการต้มตุ๋นกัน อย่างนี้ก็เรียกก็ไม่มีศีล คนไม่มีศีล ไม่น่านับถือเลย
เทวดารู้ คนไหนโกหก เทวดารู้
โกหกพกลม ตอแหลหลอกลวง ซึ่งกันและกันเหล่านั้น ผิดศีลด้วย ผิดธรรมด้วย เทวดาฟ้าดินเป็นสักขีพยาน อ้า ในการสมาทานศีลของเราดีแล้ว
อิมานิ ปัญจะ สิกขาปะทานิ
สีเลนะ สุคะติง ยันติ
สีเลนะ โภคะสัมปะทา
สีเลนะ นิพพุติง ยันติ
ตัส๎มา สีลัง วิโสธะเย
พักยกไว้ก่อนนะ คุยกันได้นะ จะคุยปะเนี่ย นี่พูดให้ฟังอย่างไม่ปิดไม่บังเลย เป็นความจริงอยู่ในโลกนี้ เห็นกันเป็นความจริง คนไหนเคยเข้าวัดเข้าวาไปแล้วไปหลอกลวงกันอยู่ เทวดาหัวเราะ เทวดายิ้มอยู่ในเหงือกเพิ่นล่ะ โอ้ เป็นนักต้มตุ๋น เป็นนักหลอกลวง ยังมาตอแหลคนอื่นให้เชื่ออยู่ ไม่ถูกต้อง อันนั้นเป็นพูดเรื่องศีลไปแล้ว
พูดเรื่องธรรมปะเนี่ย ธรรมก็มีจริงๆ ธรรม ธรรมะธัมโม ซึ่งเป็นคำสั่ง คำสอนของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ มาตรัสรู้ธรรมะแล้ว เพิ่นรู้จักว่าหมดทุกอย่าง รู้ไปหมดทุกอย่าง หลอกลวงต้มตุ๋นกันอย่างหนึ่งอย่างใดเพิ่นรู้ อ้า เป็นพระเป็นเจ้ามาแล้ว มาต้มตุ๋นญาติโยม เพิ่นก็ยิ่งรู้ใหญ่ เฮ้ย
พระขี้ตั๋ว(โกหก) พระโกหก พระหลอกลวง พระต้มตุ๋น
อย่างนี้จะเป็นพระที่น่ากราบน่าไหว้หรือเปล่า ไม่น่ากราบน่าไหว้เลย เออ ให้พวกเราเป็นอุบาสก เป็นอุบาสิกา ผู้นับถือพระพุทธศาสนา ได้ถือคำสอนของพระพุทธเจ้าแล้ว เราจะต้องตรงแน่วทีเดียว เหมือนดังเชือกบรรทัด เชือกบรรทัด ขึงไว้ดีๆ ย้อมสีให้ดีๆ วางลง ดีดเปาะ ลงทีเดียวในผืนพรม หรือในผืนกระดาษ ตรงแน่วไปเลย ครองบรรทัด ไม่ ไม่คดไม่งอเลย ดีดเปาะลงไปเป็นครองไว้ตรงนี้ เขาจะเลื่อยไม้เขาจะทำอะไร เขาก็ดีดบรรทัดซะก่อน ดีดบรรทัดลงไป จะเอาหนาเท่าไรนิ้ว เท่าไรเซนฯ ก็ ดีดไปๆๆ ได้จนครบจำนวนแล้วก็ค่อยๆ เอาเข้าเครื่องจักร ไสเข้าไปแล้ว ใบพัดมันทำงานเอง ติดเครื่องขึ้นแล้วก็ อืออออ แล้วมันก็ไปดึงเข้าไปตามครองนั่นแหละ อ้า แผ่นไหนเสร็จแล้วก็ตกออกไป ตรงแน่วไม่คด ไม่คดไม่งอ แผ่นนี้ก็ไปอีก เข้าครองไหนก็ครองนั้นแหละ ตรงแน่วไปเลย เรียกว่าไม่ขึ้นไม่ลง ไม่มีการขึ้นการลง เหมือนไหม เลื่อยมือ เลื่อยมือเลื่อยกันเหรอ ดึงยากขึ้นจริงๆ น่ะ ประเดี๋ยวก็ขึ้น ประเดี๋ยวก็ลง ประเดี๋ยวก็ขึ้น ประเดี๋ยวก็ลง ก็เลยไม่ได้กระดานงาม กระดานไม้ดีๆ ก็น่าจะงาม เรียบราบไปเหมือนดังบรรทัดแบบนี้ นั่นเขา เขาเลื่อยด้วยเครื่องจักร เครื่องจักรกลมันไปตามครองของมันดี
แล้วก็เป็นไม้ที่ดี ที่สวย ที่งาม ทำอะไรก็ตรงๆ ตรงแน่วเหมือนกัน ทำตึก ทำบ้าน กี่ชั้นๆ เขาก็มีกำหนดการของเขา ตามแบบฉบับของเขานั่นล่ะ เอาเท่านั้นชั้น เท่านี้ชั้น ทำยังไงเสามันจะตรง ทำยังไงพื้นมันจะราบเรียบ ราบเป็นพื้นเดียวกัน อ้า เป็นพื้นเดียวกันเลย ลงแว็กซ์(wax ขี้ผึ้ง ไข) หรือขัดมันอย่างดีซะก่อน เออ แต่ว่ามันก็งามไปคนละอย่างอ่ะนะ นี่ๆ ดูสิ ครองๆ ครองบรรทัดอยู่ที่พื้นเนี่ย ครองลวดลายอยู่ในพื้นเนี่ย เขาทำน่ะ ให้มันสวย เขาเห็นว่ามันสวยดี มันเป็นลายอย่างงี้ๆ มันสวยดี แต่ว่าถ้าจะเลื่อยไม้จริงๆ เอาขอนซุงใหญ่ๆ มา มาเลื่อย เลื่อย เลื่อยด้วยเครื่องจักรด้วย ด้วยเครื่องจักรติดเครื่องขึ้นแล้ว ก็ไปเลย ไม่ต้องตีบรรทัดหรอก มันไปเองของมัน มันบังคับตัวเองของมัน ไปตรงแน่วไปเลย จะคดโน้นคดนี้ไม่มี ถ้าเครื่องยนต์เขาบังคับไว้ในตัวแล้ว เขาบังคับไว้ในตัวแล้ว จะเอาเท่านั้นเซนฯ จะเอาเท่านี้นิ้ว อ้า เอาหนาเท่าไหร่ๆ เขาก็วางแบบไว้เรียบร้อย แล้วก็ดึงเอาท่อนซุงนั้นเข้าไปหาเครื่อง เครื่องก็ติดตึงขึ้นมาก็ทำงานเลย ดึง มันก็ดึงของมันเอง ไปตามครองแน่วไปเลย นั้นเรียกว่าตรง ตรงแน่วเลย ไม่มีที่ขึ้นที่ลงเลย เวลาเสร็จเรียบร้อยแล้วจะมาปูพื้น ปูกระดาน จะเข้าลิ้นกันหรือเปล่า เออ ก็ทำได้ง่าย ถ้าไม้มันตรงก็ทำได้ง่าย เออ ไม่คดไม่งอ ไม่วกไปมา แต่ว่าคดอีกอย่างหนึ่ง
ไม้คดเอาไว้ทำขอ
เออ ไม้งอเอาไว้ เออ
เหล็กงอเอาไว้ทำเคียว
แต่ว่าคนคดเคี้ยวใช้งานไม่ได้เลย
คือ เพื่อนเรา เพื่อนลา
เพื่อนกิน เพื่อนกัน
เพื่อนรู้ไม่ทัน เพื่อนกันเอาไปกิน แล้วนี่
ถ้า ถ้าคดเคี้ยว เราใช้งานไม่ได้เลย ทำให้เสีย เสียหมด เสียความเป็น เป็นมิตรสัมพันธ์กัน เสียความเคารพนับถือ เสียไปหมด เพราะว่าเห็นใจแล้ว เคยไปทำงานร่วมกันครั้งนั้นครั้งนี้แล้ว เบี้ยว เบี้ยวจัง ไอ้หมอนี้ เงินทองได้มาเท่าไหร่ๆ มันไม่จ่ายให้เราครบตามสูตร ตามตกลงกัน เป็นคนคด
คนคดเคี้ยวใช้การไม่ได้เลย
แต่เหล็กคดเอาไว้ทำขอ
เหล็กคดงอไว้ทำขอ ไปเกาะตรงนั้นตรงนี้ สำหรับตากผ้าตากอะไรได้
เหล็กงอเอาไว้ทำเคียว
เคียวสำหรับเกี่ยวข้าวอ่ะ เหล็กงอมาตีแบนๆ เป็นเคียว แล้วก็ทำคมมันให้คมซะ อ้า เนี่ย เหล็กงอเอาไว้ทำเคียว แต่ว่าคนคดเคี้ยวใช้การไม่ได้เลย
แม้เราเป็นมิตรกัน เขาก็หักหลังกัน
หักหลังกัน อ้า เพราะฉะนั้น อยู่ในสังคมมนุษย์อย่าเอามาใช้ คนโกงอย่าเข้าเอามาเป็นหมู่เป็นพวก มาทำงานทำการด้วย เอามาแล้วก็พังทุกบริษัท ถ้าตั้งเป็นบริษัทใหญ่โต ห้างร้านใหญ่โตก็ตาม แต่ว่าถ้ามีคนคดเคี้ยวมาอยู่ในที่นั่น อีกแหละปะเนี่ย ทำให้งานผิดพลาดไปมากมาย งบประมาณเท่าไหร่ๆ เขาเคยแบ่งไปตามส่วนหรือเปล่า ถ้าคนคดเคี้ยวเข้ามาทำงานนั้น แล้วเขา เขาก็หักเอานั้น หักเอานี้ ตั้งมากมายก่ายเกิน เป็นหมื่น เป็นแสน เป็นล้าน ก็แล้วแต่โอกาสของเขาหรอก คนคดเคี้ยว คนไม่ซื่อ คนไม่ตรง ถ้าได้ร่วมงานร่วมการกันใหญ่ๆ โตๆ บริหารงานใหญ่โต อย่างบริษัทอันนี้แห่งนี้ เป็นบริษัทหรือเป็นโรงเรียนเนี่ย ใหญ่โตอย่างงี้ถ้าเกิดมีคนใจคดเคี้ยวขึ้นมา มาร่วมงานล่ะ มันไม่ได้ตามเป้าสิปะเนี่ย อืม มันไม่ได้ตามเป้าหมาย งบประมาณก็ไม่ได้ตามเป้าหมาย เออ ได้น้อยกว่าความเป้าที่ตั้งเอาไว้ เออ ไม่ถึงขั้นนั้น
อืม ตั้งใจไว้ดีๆ พวกเราจะได้เป็นหัวหน้าคน เป็นผู้บังคับบัญชาคน ก็ต้องตั้งอยู่ในความซื่อสัตย์สุจริต อย่าให้มันแวะไปนั้นไปนี้ ให้มันตรงไปตรงมา ตามคำที่ตกลงกันไว้ สัญญาไว้ ตกลงไว้ สัญญาไว้แล้วจะทำอย่างงั้นๆ รายวัน วันละเท่าไร รายชั่วโมงกี่ชั่วโมง ก็มันได้ตามเป้า มันก็ดีต่อกันน่ะ ใครก็เหมือนกัน คนไทยก็เหมือนกัน คนจีนก็เหมือนกัน คนฝรั่งอังกฤษก็ตาม ชาติไหนภาษาไหนก็ตาม คนซื่อพาให้เป็นคนน่ารัก น่าเคารพ นับถือ น่าไว้วางใจ แต่ว่าคนคดเคี้ยวใช้การไม่ได้เลย เออ เหล็ก ไม้คดใช้ทำขอ ขอเกี่ยวนั้นเกี่ยวนี้ เหล็กงอไว้ทำเคียวเกี่ยวข้าว เหล็กงอๆ ไว้ทำเป็นเคียวเกี่ยวข้าว เนี่ย เหล็กงอเอาไว้ทำเคียว แต่คนคดเคี้ยวใช้การไม่ได้เลย เป็นเพื่อนกันก็หักหลังกันอย่างนี้
เพราะฉะนั้น สังคมมนุษย์ ได้รับการศึกษามาสูงแล้ว ได้ถึงชั้นสูงๆ ได้รับการศึกษาสูง ได้เป็นดอกเตอร์ก็มี ได้เป็น อ้า ครู เป็นอาจารย์คนมาแล้ว ยังมีการคดเคี้ยวกันอยู่ ไม่ซื่อต่อกันอยู่ มันจะคบกันได้สักกี่น้ำ กี่ปี ไม่เจริญ แม้ผู้ปกครองประเทศก็เหมือนกัน ผู้บริหารงานภายในประเทศก็เหมือนกัน มันมีเจ้าหน้าที่หลายจำพวก เออ ถ้าพวกเหล่านั้นไม่ซื่อ ไม่สัตย์ ต่อบ้านต่อเมือง
มักเก็บ มักกำ มักกอบ มักโกย มักโกง มักกิน
กินกันอยู่อย่างนั้น อืม ไม่ตรงไปตรงมา ข่าวใหญ่ๆ เราก็ได้ฟัง อ่ะ ข่าวใหญ่ๆ อย่าง เออ บริษัทห้างร้านล่มจมเพราะว่าเพื่อนในงานน่ะ มันหัก เล่นงานเรา ไม่ซื่อไม่ตรงต่อกัน ก็ทำให้การงานนั้นล่มจมลง ละลายลงได้ ไม่กำไร พอที่จะได้เต็มเป้า แต่ไม่ ไม่ถึงเป้า ไม่ได้เต็มตามเป้าที่ตั้งไว้ เพราะว่ามันคนคดเคี้ยว คนคดเคี้ยวมันมีอยู่ใน ชุมชนอันนั้นหรือในหมู่นั้น ไม่มีคนซื่อตรง ถ้าคนซื่อสัตย์สุจริตจริงๆ อ่ะ ไม่มี ไม่มีเสียหายไปไหนสักสลึงเดียว ไม่มี เออ ตามเป้าทุกวันๆ ได้มาเท่าไหร่ อะไรเท่าไร เออ รู้ด้วยกัน อย่างนี้เจ้านายผู้ปกครองทั้งหลาย ก็รักมากมาย รักลูกน้องที่มันซื่อต่อเรา คด ไม่คดโกงเราอย่างเนี่ย เป็นคนจริง เป็นคนตรงไปตรงมา อืม เป็น ไม่ใช่เป็นเหล็กคดได้ ทำให้เหล็กงอไว้ทำเคียว แต่คนคดเคี้ยวมันเป็นยังไง ทำงานไม่ตามเป้าเลย เออ เขาหักออกค่านั้น ค่านี้
ไปเยอะแยะมากมายอย่างนี้แหละ
เพราะฉะนั้น พวกเราอยู่ในชุมชนมนุษย์ แล้วก็ฝึกหัดให้เป็นคนซื่อตรง เป็นคนซื่อสัตย์สุจริต อย่าคดอย่าเคี้ยว แล้วเจ้านายผู้ปกครองทั้งหลายก็รักเรามาก เพราะว่าเราตรงไปตรงมา ไม่เป็นคดในข้อ งอในกระดูกไม่มี อย่างนั้นไม่มี ตรงไปตรงมาเลย ตรงเป้าเลย ไม่แวะไม่เวียนไปทางไหน ได้เท่าไหร่ๆ ก็บัญน้ำบัญชี เออ หรือคอมพิวเตอร์มันตีไปแล้ว ตีไปแล้ว ตีไว้ไปหมดแล้ว แต่ว่าได้มาไม่ตรงตามเป้า คอมพิวเตอร์จะเป็นยังไง ล่ะปะเนี่ย นั่นแหละ เรียกว่าพลาดพลั้งแล้ว เริ่มแล้ว เริ่มเบี้ยวแล้ว เริ่มเบี้ยวเจ้านายแล้ว ผู้บังคับบัญชาเบี้ยว อืม เรียกว่าเอารัดกัน เรียกว่าเอาเปรียบกัน ขึ้นมาทันทีในสังคมมนุษย์ ประเทศไหนถ้าเป็นอย่างงั้น ประเทศนั้นไม่คงทนถาวร เออ ถ้าเบี้ยวกันอยู่เรื่อยๆ ไม่ตรงไปตรงมาตามเป้าที่ตั้งไว้ เบี้ยวกันอย่างหนักเลย อย่างตามข่าว เราได้ยินหน่อย ได้ยินข่าวมา เออ รัฐบาลเอาเงินเอาทองเขามา แล้วปะเนี่ยเบี้ยวเขา แน่ะ ทำแล้ว ทำงานให้หมดคุณภาพ อืม ไม่แน่นอน หมดคุณภาพ ไม่ยอมใช้ให้เขาตามเป้าที่ขอยืมเขา ยืมข้าวกล้าในนาของประชาชน ยืมมาแต่เวลามาใช้มาจ่ายจริงๆ ไม่ตามนั้นแล้วปะเนี่ยอ่ะ อยากจะเบี้ยวไป อยากจะโยนไปทางอื่น อ้า ได้มาเท่านั้นเท่านี้เหรอ ไม่เห็นคืนให้สักที อ้าว เขามาถามหลายๆ เข้า เกิดเบี้ยวกันขึ้นมา แล้วก็เกิดสงครามพรรค์นั้นเกิดขึ้นมาแล้ว เป็นอย่างนี้
สหประชาชาติ ประเทศไหนก็ตาม ถ้ามีการเบี้ยวกันขึ้นมาแล้วไม่ ไม่เจริญ บริษัทห้างร้านไหนๆ ก็เหมือนกัน เออ มีบริษัทที่ซื่อสัตย์สุจริต แต่ว่าหักหน้าหักหลังไม่พอจ่ายอีกล่ะปะเนี่ย ไม่พอจ่าย มันไปยังไง ทางเป้ามันก็มีอยู่แล้ว เงินทองที่ได้มาทั้งหลายได้มีอยู่แล้ว แต่ทำไมเขาไม่จ่ายให้ลูกน้องทั้งหมดเลย มันแทนที่จะได้กำไรด้วย เออ ถ้าเป็นคนซื่อสัตย์เป็นหัวหน้างานแล้ว เป็นคนรู้จักประมาณ เอาแต่พอใช้จ่าย เออ เอาแต่พอแรงงาน เท่าแรงงานของตัวจริงๆ
เราทำงานแค่นี้ เวลารับเราก็รับแค่นี้ เวลาจ่ายเราก็จ่ายแค่นี้ นั่นเขาเรียกว่าซื่อสัตย์ต่อกัน ต่อหน้าที่การงาน คนซื่อสัตย์สุจริต คนไม่ซื่อสัตย์ ไม่สุจริต ก็ใช้การไม่ได้เลย ใช้การไม่ได้เลย ใช้การใช้งานไม่ได้เลย เป็นยาก เป็นเจ้าคนนายคน เป็นหัวหน้า อ้า บริษัทห้างร้านก็เหมือนกัน ถ้าหากเบี้ยวกันนิดๆ หน่อยๆ ลูกน้องแตกฮือหนีจาก ไม่เอาแล้ว เห็นแล้ว เห็นด้วยตาตัวเองแล้ว หักเอาไว้ๆ แต่ไม่ได้จ่ายเต็มสักที สิ่งที่ยืมเขามาแล้ว เออ แทนที่จะได้เต็มเป้า เวลาขอคืนได้เต็มเป้าที่ขอยืมมา อ้า วันนี้รัฐบาลเบี้ยวก็ได้ รัฐบาลเบี้ยว ข้าวเต็มฉางมากมายก่ายเกิน แต่ยืมประชาชนมา อ่ะ ยืมข้าวเขามา เข้าโรงสีโรงอะไร อ้า เวลาคืนไม่คืน หักเลย เบี้ยวเลยอย่างงี้ก็มี อ้า นั่นเป็นเรื่องที่ไม่ปลอดภัย ถ้าเจ้าของเงินหรือเจ้าของข้าวที่ไปยืมเขามา เขาเป็นคนใจเหี้ยมใจโหดหน่อย เขาก็ลงมือแล้ว
หักหลังกันแบบนี้มันไม่เอาน่ะ
หักหลังกันแบบนี้ไม่เอาน่ะ
หลังไม่คดไม่โกง ก็มาหักหลังเราให้คดให้โกงไปตาม มันไม่เอา เพราะฉะนั้น พวกเราเป็นพุทธบริษัท มีครูบาอาจารย์สั่งสอน นับตั้งแต่ดอกเตอร์มา เป็นผู้หลักผู้ใหญ่แล้ว เออ นี่ๆๆ ผู้หลักผู้ใหญ่เพิ่นมาหรือเปล่าปะเนี่ย โอ้ เออ สาธุ อืม นี่บ่ เป็นประธานในบริษัทห้างร้านแห่งนี้ ผู้หลักผู้ใหญ่มาแล้วพอดี กำลังพูดเรื่องความซื่อสัตย์สุจริต
ให้แก่พวกบริษัททั้งหลาย หมู่คณะทั้งหลายได้ฟัง เออ รายละเอียดก็เป็นเรื่องขี้หมูราขี้หมาแห้งหรอก อ้า แต่ว่ามันเป็นความจริง ผู้เป็นหัวหน้านำพาพวกเรา อืม มาทำงานทำการใหญ่โต ก็เพราะหัวหน้าเป็นผู้วางแผน ทำอะไรให้มันไปตามเป้า แล้วให้มันตามที่ตกลงกัน สัญญากันนั้น และก็เป็นการซื่อสัตย์สุจริตต่อกัน ตามเป้าทุกอย่าง เออ ได้มาก็ได้ตามเป้าทุกอย่าง แล้วความไว้เนื้อเชื่อใจกัน มันก็เกิดขึ้น มั่นแน่นเหนียวดี ถ้าไม่ซื่อ ไม่สัตย์ต่อกัน ไม่ตรงต่อกัน อ้า จะเป็นหัวหน้ารัฐบาลก็ตาม หัวหน้าบริษัทห้างร้านทั้งหลายก็ตาม อ้า ถ้าขาดความไม่ซื่อต่อกันแล้วจะเป็นยังไง อะไรจะเกิดขึ้น เออ ความแตกแยกก็เกิดขึ้นให้เห็น
อะยัมภะทันตา
พูดภาษาง่ายๆ เห็น อะยัมภะทันตา น่ะความแตกแยกกันแล้วมันเกิดขึ้น เพราะความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจกัน เพราะว่าประพฤตินอกลู่นอกทาง ปฏิบัติไม่ตรงไปตรงมาตามเป้า ก็ทำให้บริษัททั้งหลายล่มจมได้ ลูกน้องทั้งหลายพากันแตกฮือไปทางอื่นได้ อ้า ทุกหน่วยราชการ ทุกหน่วยงานอยู่ในโลก จะต้องเป็นคนซื่อสัตย์สุจริตต่อกัน อ้า เคยเห็นวันสาบานธงไหม
สาบานธงต่อหน้าในหลวง
ต่อหน้าประธานาธิบดีหรือเป็นผู้ใหญ่ ข้าพเจ้า อืม ข้าพเจ้าด้วย จะปฏิบัติงานๆ ซื่อสัตย์สุจริต ไม่เบี้ยว ไม่คด ไม่โกง แน่ะ ว่ากันไปหมดทุกอย่างล่ะ สาบานธง เขาเอิ้น(เรียก)ว่าสาบานธง มีการสาบานธงขึ้น เออ อันนี้ก็เหมือนกัน เราเป็นบริษัทห้างร้านใหญ่โต ถ้าเราเบี้ยวออกจากคำประกาศนั้น ไม่ตรงเป้าแล้วก็ ลูกน้องก็ใจแป้ว อ๋อ อย่างนี้ไม่น่ามาช่วยงานน่ะเว้ย ยังเอาเปรียบเรา เออ ไม่จ่ายตามเป้าที่ตกลงกันไว้ อืม อย่างนี้เป็นต้น มีคำว่า สัจจัง อืม เว้ย อมตวาจา ก็เหมือนกันเอามาใช้ คำพูดอย่างไรก็ต้องทำตามคำพูดหรือสัญญานั้นๆ ให้ตรงเป้าตรงจุดแท้ๆ ถ้าเห็นความซื่อสัตย์สุจริต ของเจ้า ของนาย ของ เออ เถ้าแก่ใหญ่ หรือผู้จัดการใหญ่ อย่างนี้ลูกน้องก็ยอมตาย ยอมตายแทน เจ้านายคนนี้เป็นคนซื่อเหลือเกิน มีเมตตาสูงส่งเหลือเกิน เราจะทำงานให้เจ้านาย เต็มที่ เต็มเป้า ไม่เบี้ยว ตามนั้นทุกอย่าง ทุนลงไปเท่าไหร่ กำไรได้มาเท่าไหร่
รู้จักด้วยกันทุกอย่าง ทุกบาท ทุกสตางค์ เรียกว่าทำงานตรงไปตรงมา เป็นคนซื่อสัตย์สุจริต เจ้านาย หรือว่าเถ้าแก่ ผู้จัดการใหญ่ ก็รักมาก รักคนนี้มากเลย อ้า มีตัวอย่างมามากมายแล้ว ถ้าไม่ซื่อและก็ถูกหักหลังกัน อืม เออ แล้วก็บริษัทห้างร้านนั้นจะเจริญนานขนาดไหน เออ
เพราะฉะนั้น พวกเราเป็นชาวพุทธ ได้สัญญากันแล้ว ปฏิญาณตนต่อพุทธเจ้า ต่อพระธรรม ต่อพระสงฆ์ไปแล้ว ดังพาขึ้น
พระไตรสรณคมน์
หรือรักษาศีลไปแล้วเบื้องต้นนั้น ก็ทำตามที่ได้สัญญา ได้รับสัญญาจากครูบาอาจารย์ เออ ท่านมา มีเมตตามาอบรมหรือมาสั่งสอน เรื่องศีลเรื่องธรรมให้พอสังเขปหน่อยหนึ่งแล้ว ก็ทำตามที่ได้สัญญากันมาแล้วนั้น ทุกอย่าง บริสุทธิ์สะอาดหมดจด บัญน้ำบัญชี รายรับ รายจ่าย ก็เห็นด้วยกันหมดทุกคน มีเป็นสักขีพยานด้วยกัน เออ
จะทำอะไรๆ ก็มีลายเซ็น
มีลายเซ็นต้องทุกอย่างล่ะ
ก็ทำตามลายเซ็นที่เราเซ็นไว้แล้วนั้น ต้องซื่อสัตย์ต่อเจ้า ต่อนาย ต่อเถ้าแก่ ผู้จัดการ อย่างจริงใจและก็จริงจังด้วย อย่าหักหลังกัน ผู้ร่วมลงทุนด้วยกัน เออ ขอให้ได้สมปรารถนาหมาย เออ นี่ล่ะเราเป็นบริษัทใหญ่โต อ้า นี่พูดไปเรื่องธรรมะ มันก็กว้างออกไปๆ
ที่แสดงมาโดยย่อนี้ ขอให้นำไปใคร่ครวญพินิจพิจารณาด้วยปรีชาอันชาญฉลาดเถิด อ้า ต่อแต่นั้นก็จะได้ประสบพบความสุขความเจริญทั้งทางโลกและทางธรรมทุกประการ รับประทานวิสัชนามา ก็สมควรแก่เวลา เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้ อ่ะ
พูดไปพูดมา มันคำเว่า(พูด)หมด เออ แต่อย่างอื่นก็มีมากอยู่ คนเราอยู่รวมกันถ้าใจตรงกัน ใจไม่คด คดในข้อ งอในกระดูก ตรงแน่วเลย เป็นคนตรงจริงๆ เจ้านายก็รักตาย เถ้าแก่ก็รักตาย ไว้เนื้อเชื่อใจ เป็นผู้ดูแลกองทุนอะไรต่ออะไร ไม่เบี้ยว ได้เต็มเป้าทุกครั้ง อืม ถ้าได้ลูกน้องอย่างนี้ เถ้าแก่หรือว่าเจ้านายก็รักตายเลย รักมาก เออ เป็นผู้มีสติมีปัญญามาช่วยตั้งเป้าให้ มาช่วยบริหารงานให้ ให้ตรงตามเป้าทุกครั้งๆ ก็จะมีแต่ความสุขความเจริญ ไม่มีทางเสื่อมเลย ถ้าทำงานร่วมกันน่ะ ถ้าเอารัดเอาเปรียบกันหน่อย มันไม่ดี มันแป้วใจ แป้วใจแล้วถ้าเอารัดเอาเปรียบกันแล้ว ไม่ตรงไปตรงมา อ้า ต้นทุนก็หาย กำไรก็หด ไปอย่างงั้นล่ะ ไม่ ไม่ตรงตามเป้า พอแล้ว มันจะต่อไปอีก อืม ด้วยประการฉะนี้ เออ
อืม เออ เบื้องต้น เขาเอาไปกินแล้ว เบื้องต้นไหว้พระ รับศีล ไปหมดทุกอย่างแล้ว ปฏิญาณตนเป็นพุทธมามกะ ที่ซื่อสัตย์ต่อทางศาสนาจริงๆ เราไม่ ไม่คดในข้อ งอในกระดูกไม่มี ตรงไปตรงมาอย่างงั้น เป็นคนซื่อสัตย์สุจริต เออ ทำงานร่วมกันมันก็มีความสบายใจ ถ้าทำให้แป้วใจสักหน่อยล่ะ เอาแล้ว หน้างอขึ้นมา หน้าเบี้ยวขึ้นมาแล้ว ไม่ตรง เออ ไม่ตรงตามตกลงกัน
คำกราบพระรัตนตรัย
อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา,
พระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นพระอรหันต์
ดับเพลิงกิเลสเพลิงทุกข์สิ้นเชิง
ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง
พุทธัง ภะคะวันตัง อะภิวาเทมิ
ข้าพเจ้าอภิวาทพระผู้มีพระภาคเจ้า ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน
(กราบ)
ส๎วากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม,
พระธรรมเป็นธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสไว้ดีแล้ว
ธัมมัง นะมัสสามิ
ข้าพเจ้านมัสการพระธรรม
(กราบ)
สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ,
พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า ปฏิบัติดีแล้ว
สังฆัง นะมามิ
ข้าพเจ้านอบน้อมพระสงฆ์
(กราบ)
อาราธนาศีล
มะยัง ภันเต, วิสุง วิสุง รักขะณัตถายะ,
ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สีลานิ ยาจามะ
ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ข้าพเจ้าทั้งหลาย
ขอศีล ๕ พร้อมทั้งไตรสรณคมณ์ เพื่อจะรักษา
ต่างๆ กัน หรือแยกรักษาแต่ละข้อ
ทุติยัมปิ มะยัง ภันเต, วิสุง วิสุง รักขะณัตถายะ,
ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สีลานิ ยาจามะ
แม้ครั้งที่ ๒ ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ข้าพเจ้าทั้งหลาย
ขอศีล ๕ พร้อมทั้งไตรสรณคมณ์ เพื่อจะรักษา
ต่างๆ กัน หรือแยกรักษาแต่ละข้อ
ตะติยัมปิ มะยัง ภันเต, วิสุง วิสุง รักขะณัตถายะ,
ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สีลานิ ยาจามะ
แม้ครั้งที่ ๓ ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ข้าพเจ้าทั้งหลาย
ขอศีล ๕ พร้อมทั้งไตรสรณคมณ์ เพื่อจะรักษา
ต่างๆ กัน หรือแยกรักษาแต่ละข้อ
สรณคมน์
พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ข้าพเจ้า ถือเอาพระพุทธเจ้า เป็นสรณะ
ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
ข้าพเจ้า ถือเอาพระธรรม เป็นสรณะ
สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
ข้าพเจ้า ถือเอาพระสงฆ์ เป็นสรณะ
ทุติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
แม้ครั้งที่ ๒ ข้าพเจ้าถือเอาพระพุทธเจ้าเป็นสรณะ
ทุติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
แม้ครั้งที่ ๒ ข้าพเจ้าถือเอาพระธรรมเป็นสรณะ
ทุติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
แม้ครั้งที่ ๒ ข้าพเจ้าถือเอาพระสงฆ์เป็นสรณะ
ตะติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
แม้ครั้งที่ ๓ ข้าพเจ้าถือเอาพระพุทธเจ้าเป็นสรณะ
ตะติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
แม้ครั้งที่ ๓ ข้าพเจ้าถือเอาพระธรรมเป็นสรณะ
ตะติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
แม้ครั้งที่ ๓ ข้าพเจ้าถือเอาพระสงฆ์เป็นสรณะ
สิกขาบท ๕
ปาณาติปาตา เวระมะณี
สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
เว้นจากการฆ่า เบียดเบียนสัตว์อื่น
อะทินนาทานา เวระมะณี
สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
เว้นจากการถือเอาของที่เขามิได้ให้ ด้วยอาการแห่งขโมย
กาเมสุ มิจฉาจารา เวระมะณี
สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
เว้นจากการประพฤติผิดในกาม ผิดลูกผิดเมียผู้อื่น
มุสาวาทา เวระมะณี
สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
เว้นจากการพูดเท็จ พูดส่อเสียด พูดคำหยาบ พูดเพ้อเจ้อ
สุราเมระยะมัชชะปะมาทัฏฐานา เวระมะณี
สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
เว้นจากของเมา คือ สุราอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท
อานิสงส์ของการรักษาศีล
อิมานิ ปัญจะ สิกขาปะทานิ
สิกขาบท ๕ เหล่านี้
สีเลนะ สุคะติง ยันติ
ศีล นั้นจักเป็นเหตุให้ถึงสุคติ
สีเลนะ โภคะสัมปะทา
ศีล นั้นจักเป็นเหตุให้ได้มาซึ่งโภคทรัพย์
สีเลนะ นิพพุติง ยันติ
ศีล นั้นจักเป็นเหตุให้ได้ไปถึงนิพพาน
ตัส๎มา สีลัง วิโสธะเย
เพราะฉะนั้น ศีล จึงเป็นสิ่งที่วิเศษ
ติสะระณะคะมะนัง นิฏฐิตัง
ถึงแก่สรณะแล้ว
อามะ ภันเต
ขอรับ เจ้าข้า
หิริ
ความละอายแก่ใจ
ปาปัง
บาป
ปาปะกัง
เป็นบาป
อะยัมภะทันตา
ท่านผู้เจริญทั้งหลาย
(บางแห่งใช้หมายถึง ทำแล้วได้รับผล ทันตาเห็น)
เหลิงเจิ้ง [เหฺลิง-เจิ้ง] พล่าม เพ้อเจ้อ พูดไม่รู้จบ
พิธีกระทำสัตย์ปฏิญาณตนต่อธงชัยเฉลิมพล
เดิมกระทำในวันที่ ๒๕ มกราคม ของทุกปี เพื่อเป็น
วันระลึกถึงวีรกรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราช
ทรงกระทำยุทธหัตถีได้รับชัยชนะต่อข้าศึกด้วย
ต่อมาเมื่อนักประวัติศาสตร์ พบว่า วันกระทำยุทธหัตถี
ที่ถูกต้องนั้น ตรงกับวันที่ ๑๘ มกราคม พ.ศ. ๒๑๓๕
กองบัญชาการทหารสูงสุดจึงมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง
วันกองทัพไทยมาเป็นวันที่ ๑๘ มกราคม ของทุกปีแทน
โดยเริ่มตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๕๐ เป็นต้นไป
คำปฏิญาณตนต่อธงชัยเฉลิมพล
ข้าพเจ้า ( ยศ , ชื่อ , สกุล ) ขอกระทำสัตย์ปฏิญาณว่า
ข้าพเจ้า จักยอมตาย เพื่ออิสรภาพ
และความสงบ แห่งประเทศชาติ
ข้าพเจ้า จักอยู่ในศีลธรรมของศาสนา
ข้าพเจ้า จักเทอดทูนและรักษาไว้ซึ่งพระบรมเดชานุภาพ
แห่งพระมหากษัตริย์เจ้า
ข้าพเจ้า จักรักษาไว้ซึ่งการปกครองระบอบประชาธิปไตย
อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
ข้าพเจ้า จักเชื่อถือผู้บังคับบัญชา และปฏิบัติตาม
คำสั่งอย่างเคร่งครัด ทั้งจักปกครองผู้ใต้บังคับบัญชา
ด้วยความยุติธรรม
ข้าพเจ้า จะไม่แพร่งพรายความลับ
ของทางราชการทหารเป็นอันขาด
๕๒