หลวงปู่ท่อน ญาณธโร
วันอาทิตย์ที่ ๘ มิถุนายน ๒๕๕๗ เวลา ๑๗.๐๐ น.
ณ ห้องประชุมชั้น ๒๒
อาคารศูนย์การแพทย์วิชัยยุทธ
โรงพยาบาลวิชัยยุทธ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
ทานัง เทติ สีลัง รักขะติ ภาวะนานัง ภาเวตตะวา
เอกัจโจ สัคคัง คัจฉะติ เอกัจโจ โมกขัง คัจฉะติ นิสสังสะยัง
อิมัสสะ ธัมมะปะริยายัสสะ อัตโถ
สาธายัสมันเตหิ สักกัจจัง ธัมโม โสตัพโพติ
ของกิน ไม่กินมันก็เน่า ของเก่าไม่เล่า มันก็ลืมและหลง เอาของเก่าๆ โอ้นโต้น(สิ่งเล็กน้อย) นั่นแหละมาพูด
เป็น... เหง้าของพระพุทธศาสนา ตั้งแต่ครั้งพระพุทธเจ้ายังไม่ปรินิพพาน ยังทรงพระชนม์ชีพอยู่ มีพระชนมายุอยู่ มีชีวิตชีวาอยู่ ท่านก็เริ่มต้นเรื่อง
ทาน ศีล ภาวนา
ที่เป็นต้นเหตุ ทำให้อยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข คุณธรรมเหล่านี้ ไม่ใช่ของต่ำๆ ของสุดยอดในทางศาสนา ที่บัญญัติไว้ให้พวกพุทธบริษัทโดยเฉพาะ ถ้าพุทธบริษัทมีทาน มีศีล มีภาวนา ก็หายห่วง มีพระไตรสรณคมน์ เป็นที่ยึดถือ มีพระพุทธ มีพระธรรม มีพระสงฆ์ เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ ก็มั่นใจได้ เพราะว่า ไม่หลงทาง ถ้ายังประพฤติปฏิบัติได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย ก็จะได้มรรคผล นิพพาน ได้สวรรค์ขึ้นมาในอก บรรเทานรกเดือดร้อนอยู่ในใจ ไม่ให้เดือดร้อน เพราะประพฤติปฏิบัติตามคำสั่งคำสอนของพระบรมศาสดาอย่างเคร่งครัด ไม่ขาดตก ไม่บกพร่อง ทุกเช้า ทุกเย็น ให้ระลึกอยู่เสมอ
ทาน ศีล ภาวนา
เป็นเครื่องชำระล้างจิตใจให้สะอาด จิตใจเรามันสกปรก เพราะฉะนั้น คอรัปชั่นมันจึงเกิดขึ้นมาตามหลัง คอรัปชั่นการโกงกิน เก็บ กำ กอบ โกย โกงบ้าน โกงเมือง ก็เพราะ
ความโลภ ความโกรธ ความหลง
มันดึงจิตใจให้เราหลง ให้เราหลงทาง อันทาน ศีล ภาวนา เป็นเครื่องชำระ เป็นทั้งขัดเกลาจิตใจ ให้ถึงความบริสุทธิ์สะอาดได้จริงๆ ขัดเกลาได้จริงๆ นอกจากทาน ศีล ภาวนา แล้วไม่มีอย่างอื่น ที่มาขัดเกลาอาสวะให้เบา ให้บาง ไปจากขันธสันดานของเราได้ แต่ว่าของทั้ง ๓ อย่างนี้ ทาน ศีล ภาวนา เนี่ยเป็นเครื่องขัด เป็นเครื่องเกลา เป็นเครื่องชำระ เป็นเครื่องทำความสะอาดใจ ให้บริสุทธิ์สะอาดได้ เป็นเทวดาขึ้นมาในใจ เป็นพระอินทร์ เป็นพระพรหม พระยมบาล อะไรก็ต้องมีทาน ศีล ภาวนาซะก่อน
ถ้าไม่มีทานมีศีล ไม่มีภาวนา แล้วจะเอาอะไรมาขัด ขัดความโลภ ขัดความโกรธ ขัดความหลง ขัดความตระหนี่ถี่เหนี่ยว ให้มันหมดไปจากจิตตสันดาน จะเอาสบู่มาฟอก มาล้าง มันก็ออกแต่ของสกปรกภายในเสื้อผ้าอาภรณ์อันนั้น แต่ส่วนภายในหัวใจ ไม่มีอะไรมาขัดเกลาได้ นอกจากทาน ศีล ภาวนา มีซะก่อนเป็นเครื่องขัด เป็นเครื่องเกลา เป็นเครื่องชำระจิตใจ ให้ถึงความสะอาดบริสุทธิ์ได้จริงๆ จนสำเร็จเป็นพระโสดาบันบุคคล พระสกิทาคา(มี) พระอนาคา(มี) พระอรหันต์ ท่านทั้งหลายเหล่านั้นก็เอาทาน ศีล ภาวนานี้ เป็นเครื่องขัด เครื่องเกลา เครื่องทำความสะอาดจิตใจ ให้ถึงความบริสุทธิ์ผุดผ่องได้ ไม่ใช่ต่ำๆ นะ อ้า แต่ไม่ค่อยได้ว่ากันหรอก เพราะว่านี่เป็นเครื่องขัด เครื่องเกลาทำความสะอาดจิตใจของตนให้บริสุทธิ์ผุดผ่องได้จริงๆ ถ้าใจสะอาดบริสุทธิ์ผุดผ่องแล้ว อะไรจะเกิด ก็บุญ กุศล สติ ปัญญา มันก็เกิดขึ้นมา รู้เท่าเอาทัน ตามเรื่องความโลภ ความโกรธ ความหลง มันไม่ได้มาย่ำยีหัวใจเราอีกได้
เพราะเราทำอยู่ทุกวี่ทุกวัน บริจาคอยู่ทุกวี่ทุกวัน ขัดเกลาอยู่ทุกวี่ทุกวัน สนิมมันก็ไม่เกิดขึ้น ถ้าปล่อยไว้สนิมมันก็ขึ้น เกรอะกรังไปหมด สนิมมันกินได้แม้กระทั่งใจคน
สนิมมันกินเหล็ก แต่ว่ากิเลสมันกินใจ
ให้กร่อนได้ ให้ใจกร่อนได้ ใจทรุดได้ อ้า เศร้าหมองได้ ขุ่นมัวได้ ความโลภ ความโกรธ ความหลง มันก็หนาแน่นขึ้นๆ หากกิเลสมันหนาแน่นขึ้นมา การเอารัดเอาเปรียบกันก็มากขึ้นๆ ทั่วประเทศ
เอารัดเอาเปรียบ เห็นแก่ตัว
เก็บ กำ กอบ โกย โกงกิน
กันไปทั้งหย่อม ทุกหย่อมหญ้า ทุกผู้ ทุกคน ก็ไปทำให้ความกิเลสมันหนาแน่นขึ้นมา
ขอให้ถึงซึ่งความสิ้นไปแห่งอาสวกิเลสเป็นสมุจเฉทปหาน
ในที่สุดก็ขอให้ถึงพระนิพพาน
ในอนาคตกาลเบื้องหน้าโน้นเทอญ
แน่ะ ขออย่างนี้ ถ้าไม่ขัด ถ้าไม่เกลา ไม่ทำความสะอาด มันจะถึงความสิ้นไปหรือเปล่า กิเลสทั้งหลายมันจะหมดไปจากจิตใจเราหรือเปล่า ความโลภ ความโกรธ ความหลง ความเห็นแก่ตัว การเก็บ การกำ การกอบ การโกย การโกง การกิน คอรัปฉ้อ คอรัปชั่น เต็มบ้านเต็มเมืองก็เพราะ ไม่มีการเสียสละ ไม่มีการขัดเกลา ไม่มีการชำระล้าง ให้ถึงความสะอาดหมดจด เบาบางจากจิตใจเราได้ เพราะการขัด การเกลา การชำระ การล้าง ทำความสะอาดอยู่บ่อยๆ บ้านของเรา ที่เราอยู่ เราอาศัย ทุกครอบครัว ถ้าไม่มีการปัดกวาด เช็ดถูอยู่บ่อยๆ มันจะเป็นยังไง ตั้งแต่เข้าไปอยู่จนถึงวันนี้ ไม่เคยปัดเคยกวาด ไม่เคยถูเคยล้าง ไม่เคยทำความสะอาดเลย มันจะเป็นยังไง บ้านก็เหมือนกัน เครื่องนุ่งของถือ เครื่องใส่เครื่องทรง ทุกชนิด เสื้อผ้าอาภรณ์ ท่อนสะไบทั้งหลาย ที่เราใช้เข้ามาสังคมนี้ ก็ล้วนแล้วแต่ทำความสะอาดกันมาทั้งนั้น ไม่ใช่แมลงวันตอมหึ่ง ก็จะเอามานุ่งมาห่มเลย ไม่ใช่อย่างงั้น หาของที่สะอาด อ้า หมดจดซะก่อน เอามานุ่ง มาใส่ มาเข้าสังคมกับเพื่อนมนุษย์ด้วยกันได้ ถ้าไม่ได้ซักเสื้อ ซักผ้า แม้แต่ใจเราเองก็ไม่สบาย ใส่ของสกปรก ใส่ของไม่ได้ซัก ไม่ได้ทำความสะอาด ไม่ได้ล้าง แปดเปื้อนอะไรๆ ก็ถือมาเลย อย่างนี้แมลงวันตอมหึ่งมาอย่างนี้ จะสบายหรือเปล่า ถ้าเราเอาของเหล่านั้นมาใช้ จะเกิดความสบายหรือเปล่า ก็สะอิดสะเอียน อ้า ขยะแขยง จนตลอดเครื่องใช้ไม้สอยทุกชนิด เป็นถ้วย เป็นจาน ภาชนะอาหาร ทั้งหวาน ทั้งคาว น้ำ ภาชนะน้ำก็ดี ไม่ได้ขัด ไม่ได้ล้าง ไม่ได้ทำความสะอาด มันเกิดตัวแมงง้องแง้ง(ลูกน้ำ)อยู่ในน้ำ ยะๆๆ (จำนวนมาก ยั้วเยี้ย) อยู่ ไปตักมายุงลายก็อยู่ในขันก็มี ติดอยู่ในขันก็มี มีแมงง้องแง้ง(ลูกน้ำ) เรียกว่า เอิ้น(เรียก)ว่าลูกน้ำ มีหมดทุกโอ่ง ถ้าฝาไม่ปิดไว้ให้ดี ก็แมลง อ้า ยุง หรือว่าแมลงอะไรที่มันไข่ใส่น้ำได้ ก็ไปเพาะไข่ใส่น้ำ เกิดแมงง้องแง้ง(ลูกน้ำ)ลูกน้ำขึ้นมา ยะๆๆๆ (จำนวนมาก ยั้วเยี้ย) จะไปตักมาใช้ มากินเวลานั้น มันจะเป็นยังไง นำเชื้อโรคไข้ป่า ไข้หวัดใหญ่ ไข้อะไร มันก็เข้ามากับน้ำ ลูกน้ำเป็น เชื้อหวัดใหญ่ ไข้ป่า ไข้อะไรก็มาในนั้น เพราะฉะนั้น พระเจ้าพระสงฆ์ ท่านไปอยู่ในป่า ในเขา ก็มีความระมัดระวัง ต้องกรองน้ำซะก่อน เอาผ้ากรองหลายๆ รอบซะก่อน จึงเอามาเก็บใส่ภาชนะน้ำ
ใส่กาน้ำ ใส่ขวด ใส่อะไรไว้ กรองหลายๆ เที่ยวซะก่อน อย่าให้มีลูกยุงติดเข้าไปขังอยู่ในขวด ง้องแง้งๆ (ลูกน้ำ) แมงง้องแง้ง(ลูกน้ำ)ก็ตัวใหญ่พอได้น่ะ ตอนโตมันก็เกิดกลายเป็นแมลงปอ เป็นตัวยุงขึ้นมา ออกมาบินไปได้ บินไปแพร่เชื้อโรคทั้งหลาย ไข้หวัดใหญ่ ไข้ปวดหัวตัวร้อน มันติดต่อกันได้
เพราะฉะนั้น คนที่กระเหม็ดกระแหม่ ในการกรองน้ำ รักษาภาชนะน้ำให้ดี อย่านำเอาลูกยุง ตัวง้องแง้งๆ (ลูกน้ำ)อยู่ในนั้น ไปเทใส่โอ่งไว้ เวลาจะกินก็กรองเอา บ้านเราคนเราสมัยนี้ มันไม่ค่อยเข้าไปหรอก มันมีก๊อกน้ำ มีเครื่องกรองอยู่ในตัว นี่เป็นการป้องกันเชื้อ เชื้อโรคได้เหมือนกัน ป้องกันความสกปรกได้เหมือนกัน
ถ้าเป็นคนมักง่าย ไม่ปิดโอ่งน้ำของตัวเอง ไม่มีฝาปิด ลูก พวกยุงทั้งหลาย มันก็หวานเรา มีที่เพาะวางไข่แล้ว โน้นโอ่งใหญ่ๆ ไหใหญ่ๆ เขาวางไว้ไม่มีฝา มันก็บินไปไข่ใส่ บินไปลง เพาะลูกของมันให้ออกแม่แพร่ลูก อืม เต็มไห เต็มโอ่ง เต็มไห มีแต่ตัวลูกยุงทั้งนั้น ดังนี้ก็เป็นการเผยแพร่เชื้อโรคได้เหมือนกัน ไม่มีอนามัยเลย ไม่รักษาความสะอาด มันจะเกิดได้ แม้ที่อยู่ที่อาศัยของเรา ถ้าเราไม่ปัด ไม่ปัด ไม่กวาด ไม่เช็ด ไม่ถู ทุกวันๆ อะไรจะเกิดขึ้น ความสกปรก ความนั่งไม่สบาย
เวลาไปประชุมกันหลายๆ ฝ่าย รวมกันอยู่ที่แห่งเดียว อย่างห้องประชุมใหญ่ๆ มีห้องน้ำกี่ห้อง อ้า ห้องประชุมใหญ่ๆ อย่างโรงพยาบาลอย่างเนี่ย ห้องน้ำ ห้องส้วมเป็นยังไง มิดชิดหรือเปล่า อ่ะ น้ำที่ใช้มาล้างสิ่งสกปรก โรคร้ายทั้งหลาย มันจะไหลไปไหน ก็ไหลลงไปสู่พื้น คือหัวส้วม ท่อน้ำ หรือว่าที่กักกันของห้องน้ำ ห้องส้วม มันมีหรือเปล่า มันล้นหรือเปล่า บ้านใหญ่ๆ โตๆ ห้องน้ำ มันอาจจะเต็มได้น่ะ โรงแรมหรือโรงอะไร มันอาจจะเต็มขึ้นมาก็ได้ ถ้ามีคนมาพัก มาอาศัยบ่อยๆ คนนั้นก็ใช้ คนนี้ก็ใช้ อึบ้าง เบาบ้าง ลงไปแห่งเดียว ไหลลงสู่แห่งเดียว มันก็ล้นหัวส้วมนี่สิปะเนี่ย
ถ้าบ้านเตี้ยๆ น่ะ ล้นหัวส้วมไหลออกข้างนอก ไหลออกข้างนอก ไหลลงไปไหน ไหลลงลำตะคอง คลองน้ำทั้งหลาย ไหลออกไปโน่นที่ระบาย ท่อน้ำทั้งหลายเหล่านี้ ต้องช่วยกันกำจัด ช่วยกันรักษาความสะอาดให้ทั่ว ให้ถึง อย่างประมาทเลินเล่อ ปล่อยให้มัน ปล่อยลูกยุง ลูกหยังเต็มยะๆๆ (จำนวนมาก ยั้วเยี้ย) ทุกบ่อน้ำ ทุกแห่ง ก็เผยแพร่ แพร่พันธุ์ยุง ยุงลาย ยุงก้นปล่อง ยุงอะไรเยอะแยะ อยู่ในน้ำ อย่างในป่า เราไปเที่ยวป่า ไปตักเอามาเลย จะมากินเลย ก็ไม่สมควร ต้องกรองน้ำซะก่อน มีเครื่องกรอง เขาเรียกว่า ธมกรก(กระบอกกรองน้ำ) มีที่เปิด มีที่ปิด จุ่มลงไปในน้ำ แล้วเปิดให้มันเต็ม เวลาจะยกขึ้นมา ยกขึ้นมาปิดเลย ปิดตัวนี้แล้ว ยกขึ้นมาได้เต็มธมกรก(กระบอกกรองน้ำ) แล้วก็มาเปิดข้างนอก เปิดนิ้วข้างนอก ห่าย(กรอก)ลงใส่ภาชนะน้ำ ห่าย(กรอก)ลงใส่ครุ(ภาชนะสาน ใช้ตักน้ำ) ถัง ถังน้ำ ไม่มีลูกยุงติดมาเลย นี่ใช้ปัญญา เราเป็นมนุษย์ เราต้องใช้ปัญญา ปกป้องคุ้มครองตัวเองด้วยปัญญา รู้จักกรองน้ำให้สะอาดซะก่อน
จึงค่อยเอาไปใช้ ไปอาบ ในครุ(ภาชนะสาน ใช้ตักน้ำ) ถังน้ำเรา มันมีตัวยุง ง้องแง้งๆ (ลูกน้ำ)อยู่ก็มี อ้า นั่นเพราะไม่ ไม่ได้กรอง ถ้าไม่ได้กรองก็เกิดลูกยุงขึ้นมา เป็นการแพร่เชื้อโรค ไข้ป่า ไข้จับสั่น ไข้อะไรๆ ก็ได้ ไข้เชื้อแมลง เออ มันติดมาตามลูกยุงนั่นก็มี
เพราะฉะนั้น เพิ่นจึงให้กรองน้ำ เป็นพระเป็นเจ้าก็ต้องกรองน้ำ ก่อนจะอาบ ก่อนจะกิน ต้องกรองน้ำเข้าขวดให้ดีๆ ซะก่อน อย่าเอาน้ำลูกยุงมากิน มันมีเชื้อ เชื้อไข้มาเลเรียอยู่ในนั้น จึงให้กระเหม็ดกระแหม่ ระมัดระวัง ถ้วยจาน ที่ภาชนะอาหาร ภาชนะน้ำก็ดี ทำความสะอาดอยู่ทุกวี่ทุกวัน ใช้แล้วก็ล้าง ใช้แล้วล้างให้สะอาด อล่องฉ่องเอาไว้ ครอบไว้ คลุมไว้ ครอบไว้ ปิดไว้ อย่าเปิดเผยให้ลูกยุงไปไข่ใส่ อันนี้ของธรรมดา ธรรมดา ถ้าไม่บอกกัน ไม่เตือนกัน ก็อาจจะเลิ่นเล่อ เผลอสติก็ไปได้ ทำให้เผยแพร่เชื้อไข้มาเลเรียทั่วบ้านทั่วเมือง ถ้ามันเกิดไข้มาเลเรีย ตัวร้อน
ขึ้นมา ร้อนจี๋ขึ้นมาแล้วเป็นยังไง วิ่งเข้าโรงพยาบาล ให้หมอช่วยลดไข้ให้ มียาลดแก้ไข้ มียาฉีดแก้ลด แก้ไข้ แก้ความร้อนไข้ป่า
ไข้เป่อ มันมีเชื้อมายังไง พวกหมอทั้งหลาย เรียนรู้กันมาแล้ว ของเหล่านี้เรียนรู้กันประจำ เอาไปใช้ประจำบ้านเรา อยู่ที่บ้านเรา ก็อย่าให้เกิดลูกยุงลูกยิงขึ้นมา ยะๆๆๆๆ (จำนวนมาก ยั้วเยี้ย) เผยแพร่เชื้อ ไข้ป่า ไข้ตัวร้อน ไข้ปวดหัวตัวร้อน ถ้ามันไข้สูง เลือดโลหิตก็อาจจะเปลี่ยนแปลงไปเหมือนกัน เกิดปวดหัว เกิดตัวร้อนขึ้นมาเหมือนกัน อ้า ของต่ำๆ
ถ้าไม่เล่าสู่กันฟังก็นึกไม่ออก ของต่ำๆ ของกล้วยๆ แค่นี้ ต้องบอกกันทุกวี่ทุกวัน เพราะฉะนั้น ภาชนะใช้ เป็นภาชนะอาหาร หม้อที่ใช้เป็นเครื่องหุงหาอาหารเหล่านั้น ต้องทำความสะอาดไว้ให้หมดจด อันนี้เป็นอนามัยของโลกทั่วๆ ไป ที่จะต้องประพฤติปฏิบัติอย่างเคร่งครัด หรือเข้มงวดกวดขัน ไม่ได้ปล่อยปละละเลยจนเกิดตัวยุง เต็มบ้านเต็มเมือง
เราเคยเข้าไปห้องน้ำ โอ้ย ยุง มหายุง อยู่ในห้องน้ำ ห้องส้วมก็เต็มลูกยุง อ้า เข้าไปที่ไหนก็ยุงรุมเรา เท้าบวมหมด นั่งถ่ายหนัก ถ่ายเบา ยุงชุมมาก ถ้าอยู่ในบ้านในเมืองเจริญขนาดนี้ แล้วทำไมเขาปล่อยให้ลูกยุงเต็มถังน้ำ อย่างนี้ก็น่าอายเขาน่ะ อมัยโลก อนา... อนามัยโลก เขาเข้มงวดกวดขันที่สุดเรื่องเพาะเชื้อยุง เพาะลูกยุงให้เกิดมากๆ ขึ้น ในที่บางแห่งโน้นก็มีแต่ยุง อยู่ในห้องน้ำ ห้องส้วมเต็มหมด ห้องนอนก็อาจจะมี เออ ห้องนอน ห้องน้ำ ห้องส้วม ที่ถ่ายหนัก ที่ถ่ายเบา ต้องกำจัดอย่าให้มันเกิด อ้า เชื้อโรคขึ้นมาได้ เกิดเชื้อแมลง แมลงวัน หรือแมลง อ้า เขาเอิ้น(เรียก)ว่าตัวอะไร ตัว ตัวหนอน หนอนน้ำ ง่องแง้งๆ (ลูกน้ำ)
แต่ว่าปลาชนิดหนึ่ง ปลากินลูกยุง ตัวน้อยหรอกๆ มันมีอยู่ในน้ำไม่ได้ มันมากินหมด มีเท่าไหร่มันกินหมด กินลูกยุง ปลาชนิดนั้น เขาเรียกว่าปลาอะไร ตัวน้อยๆ หางแดงๆ กินลูกยุงเก่ง ถ้ามีปลานั้นอยู่ในหนอง ในน้ำแล้ว ก็รับรองว่าไม่เกิดเชื้อตัวยุงได้ มันกินหมด อย่างนี้มันก็มีศัตรูของมันเหมือนกัน ไม่ว่าตั้งแต่ของภายใน ของภายนอกก็มีข้าศึกเหมือนกัน จะมาทำให้สกปรกโรคร้ายเกิด ดังเชื้อไข้มาเลเรียมาสู่ตัวเราก็ได้ อ้า ในห้องน้ำ ในห้องส้วม เกิดได้ทุกหนทุกแห่ง ถ้าเลี้ยงปลาชนิดกินลูกยุงได้ เออ มันอาจจะดีน่ะ อ่ะฮ่าเฮอะ เลี้ยงมันไว้อยู่ในถังนั่นแหละ มันไปไข่ใส่ไม่ได้ มันกินหมด กินลูกยุงหมด อันนี้มันกำจัด กำจัดเชื้อโรคชนิดนั้น ไม่ให้เผยแพร่ออกมาได้ เออ ดังนี้
ของกล้วยๆ ของมองเห็นได้ยาก มองเห็นต้นเหตุมันได้ยาก มันมีต้นเหตุมันจึงเกิด ถ้าไม่มีต้นเหตุมันก็ไม่เกิด ถ้ากำจัดต้นเหตุไม่ได้ อย่างอื่นก็เผยแพร่ออกมาได้ แม้แต่เหาอยู่ในหัวเรา มันทำไมมีเหา เออ ทำให้เกิดเหาทั้งบ้านทั้งเมือง สระลงไปในน้ำ แต่ว่ามัน มันมาได้ยังไง เป็นตัวเหาตัวนั้นขึ้นมา ลงไปอาบน้ำก็ติดเราอีก ก็พวกหมัด พวกเห็บ พวกอะไรเหล่านี้ เผยแพร่ออกมาเยอะแยะ เต็มบ้านเต็มเมือง จะน่าอยู่หรือเปล่า บ้านนั้นเมืองนั้น ไม่มี เออ อนามัย ไม่มีการดูแลรักษาความสะอาดเพียงพอ ก็ทำให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บเหมือนกัน เพราะฉะนั้น ตัวของเราเป็นผู้มีชีวิตอยู่ ก็มีปัญญาป้องกันตัวเองบ้าง ด้วยวิธีต่างๆ ดังกล่าวมา แม้แต่ภาชนะใช้สอยอยู่ทุกวัน ก็ทำความสะอาดอยู่ทุกวัน ห้องน้ำ ห้องส้วมที่เราใช้อยู่ทุกวัน ก็ทำความสะอาดอยู่ทุกวัน อย่าให้มันสกปรกโรคร้ายขึ้นมาได้ เออ ยิ่งบ้านไหนมีหมัด มี มีหมาเยอะๆ หมัด มันก็อยู่ใต้ถุนบ้านเรา ออกจาก มันเกาที่นั่นที่นี่ ก็หล่นอยู่ตามพื้น พอออกแม่แพร่ลูก ออกลูกออกเต้าเยอะแยะ เดินไปตามลานบ้าน อย่างกับหมัดรุมขึ้นขา โอ้โฮ มากมาย
อย่างวัดของเราเป็นตัวอย่าง เขาเอาหมาไปทิ้งใส่วัดเรา หึหึ หมาเขาไม่ยอมเลี้ยง เขาว่ามันหลายเกินไป ถ้าจะปล่อยให้มันอด มันอยากก็ลำบาก เอาไปปล่อยวัดไป ไปปล่อยวัดป่าเด้อ มันมีข้าวก้นบาตรเยอะแยะ อ้า เพราะฉะนั้น จนเป็นที่น่ารำคาญ เวลามันติดสัตว์กัน ติด อ้า ฤดูกาลของมัน ร้องระงมเซ็งแซ่ ไหว้พระสวดมนต์ก็รบกวน มันร้อง มันหอน มันเห่า ยิ่งตีฆ้อง ตีระฆังเสียง แป๊งๆๆๆ มันก็หอนไปหมด อยู่ที่ไหนหอนร่วมกันไปหมด อ้า จนหนวกหูล่ะ นั่น เออ มันเป็นอย่างงั้นล่ะ แต่ว่าก็น่าจะเลี้ยงมัน ให้มันตายอยู่บ้าน ดูแลรักษาบ้าน เอามาปล่อยวัด วัดจะทำยังไงล่ะปะเนี่ย วัดฆ่าสัตว์ก็ไม่เป็น ทรมานสัตว์ก็ไม่ได้ ต้องให้มันอยู่มันกิน ต้องให้มันหลับมันนอนดี ดูแลมัน อยู่อย่างงั้นแหละ หลายมาเท่าไหร่ก็ช่างมันเออ
บางคนมีความเมตตา สงสารสัตว์ ตัวไหนสวยๆ ก็มาขอเอาไปเลี้ยง ไปเลี้ยงเอง ไปดูแลเอง ไปรักษาเอง เออ นี้ก็แบ่งเบาภาระให้ได้เหมือนกัน ไม่ให้หมามันหลายในวัด มีการแบ่งเบากันเอาไป แบ่งกันไปคนละตัว ๒ ตัว เบาๆ ไม่รบกวน ไม่ส่งเสียงรบกวนรำคาญเวลาไหว้พระ เวลาฟังเทศน์ ฟังธรรม มันเกิดหอนกันหมดทั้งทุกคน ทุกตัว เป็นร้อยตัวมันจะเป็นยังไง ถ้าตัวหนึ่ง โฮ ขึ้นมา ตัวหนึ่งก็ โฮ ขึ้นมาหมด เป็นร้อยๆ เสียง ส่งเสียง นี้เป็นสิ่งรำคาญแก่แขก ผู้ไปมาหาสู่ อันนี้ก็ค่อยสำรวจตรวจทานดูกันไป เออ ถ้ามันตัวไหนมันสวยมันงาม เขาก็ขอเอาไปเลี้ยงเอา เลี้ยงมันไว้
อดสา(อดทน) เลี้ยงช้างเฒ่า เออ ขาย เออ
ช้างเฒ่า ขายงาได้กินค่า
ถ้าเลี้ยงช้างน้อย ทอม(ทะนุถนอม)หญ้า ได้ขี่ดน ขี่เอย
แม้ของต่ำๆ เหล่านี้ ยกมาให้เป็นธรรมะก็ได้ เป็นธรรมะสอนคนทั้งหลายก็ได้ ให้พยายามรักษาความสะอาดหมดจด เสื้อผ้าอาภรณ์อย่าให้มันสกปรกได้ สมัยใหม่นี้เขาไม่ให้ผ้าสกปรก เพราะมีเครื่องซักฟอก มีผงกรดด่าง มีแฟ้บ มีสบู่ มีอะไร ใส่เครื่องปั่นเข้าไป ปื๊ดเดียว หายหมด ตีออกหมด แล้วปล่อยไปตามน้ำไปอีกล่ะ ฟองสบู่ก็ลงไป ไหลลงสู่ที่ต่ำไปอีก ไปอยู่ในหนอง คลอง บึงที่ไหนก็ไม่รู้ ก็เผยแพร่อีกเหมือนกัน เพราะฉะนั้น สิ่งสกปรก โรคร้ายทั้งหลายทั้งปวง แม้แต่ตัวของเราก็เป็นที่บ่อเกิดแห่งเชื้อโรค ในร่างกายเราหลายอย่าง โรคกลาก โรคเกลื้อน โรคเรื้อน โรคกลัว โรคอะไรที่เกิดในตัว คันและยึก อ้า ขึ้นขา ขาลายเลยนะ มันขึ้นขา มันกัดขาลาย ไม่ดีเลย อันนี้ก็พึ่งพยายามช่วยกันดูแลรักษา อ้า อย่างกระเหม็ดกระแหม่ ป้องกันมิให้โรคชนิดนี้เกิดขึ้น ก็เป็นภัยถึงมนุษย์ได้เหมือนกัน ยุง ถ้ามันเกิดมาเยอะๆ ก็เป็นภัยแก่เพื่อนมนุษย์เหมือนกัน ไข้ป่า ไข้หวัดใหญ่ ไข้ปวดหัวตัวร้อน อ่ะ เข้าโรงพยาบาลกันเป็นแถวๆ อ่ะ แต่ว่าเพิ่นก็กำจัดอยู่ทุกแห่งล่ะ อย่างโรงพยาบาลอย่างเนี่ย เป็นการกำจัดสิ่งสกปรกโรคร้ายได้หลายอย่าง เสื้อผ้าอาภรณ์ เครื่องนุ่งของถือ มีการซัก มีการฟอก แล้วก็มีการอบความร้อนด้วย อบความร้อนซะก่อน จึงพับ จึงเก็บ เอามาแจกให้คนไข้ได้ใช้ อย่างนี้เป็นตัวอย่าง
เอาล่ะ กิเลสเป็นของภายใน ไม่ใช่ของภายนอก กิเลสเป็นของภายใน คือ โรคของใจ ความโลภ ความโกรธ ความหลง ความรัก ความชัง ความอิจฉา ริษยา พยาบาท อาฆาต จองเวร จองกรรม ก็เป็นโรคชนิดหนึ่งเหมือนกัน จึงทำให้ติดต่อกันได้เหมือนกัน ถ้าไม่มีของเหล่านั้นแล้ว มันรบกวนความสงบ ความสงบสุข จะนั่งสมาธิ ภาวนา มันก็ไม่ถึงความสงบได้ เพราะว่ามันมีของรบกวนเราอยู่ เวลาเดินไปปัดกวาดบริเวณศาลาหรืออะไร หมัดก็วิ่งขึ้นมาหาขาคน เข้ามาในผ้าถุงผ้าถึง เข้าแล้วจะเย้อๆ ไป ถ้าไม่ทำความสะอาดไว้ มันก็เป็นที่แพร่พันธุ์สัตว์ แพร่เชื้อโรค ให้มันขยายมากมายขึ้น เกิดขึ้นมาได้เหมือนกัน ไม่ว่าของภายใน ไม่ว่าของภายนอก เกิดเป็นเชื้อติดต่อกันได้ ภายนอกก็เป็นเชื้อโรคชนิดหนึ่งที่จะให้ติดต่อไปถึงคนอื่น ผู้อื่น ครอบครัวอื่น บ้านอื่น เมืองอื่นได้ ของภายในกายของเรา โรคอยู่ในกายของเราก็นานาชนิด โรคตัวตืด ตัวอะไร โรคอยู่ในลำไส้ ไส้น้อย ไส้ใหญ่ อาจจะมีเชื้อโรคอยู่ภายในตัวของเรามี เวลาถ่ายลงไปในห้องน้ำ ห้องส้วมแล้วมันไปยังไง หึ อ๋อ มันก็ช่วยกันอยู่ยังไง ต่างคนต่างช่วยพออวยชัย ถ้าหากว่า ต่างคนต่างไม่ช่วยกันก็บรรลัยทั้ง ๒ ทาง ไม่ว่าทางวัด ไม่ว่าทางบ้าน ผลัดกันช่วย ผลัดกันช่วยดูแลรักษาความสะอาด เออ โรงพยาบาลก็เหมือนกัน
ถ้าไม่รักษาความสะอาด ก็มาแพร่เชื้อโรคให้โรงพยาบาลได้ เป็นไข้ติดต่อกันไป ห้องหนึ่งๆ มีคนไข้ผ่าตั้งหลายคนชนิดนี้ ก็อาจจะมี อย่างในหมู่บ้านนอก โรงพยาบาลบ้านนอก มักจะปล่อยปละละเลย ไม่ค่อยเอาใจใส่ ห้องน้ำ ห้องส้วมเท่าไหร่นัก ปล่อยให้มันเกิดสกปรกโรคร้ายขึ้นมา ซึ่งน่าขยะแขยง ถ้าไปนั่งอึ นั่งเบา นั่งฉี่ก็ดี มันก็ไต่โย่งๆ ขึ้นมาตามแข้งตามขาเราได้ อยู่พื้นล่างโดยมากมันมีของเหล่านั้นอยู่ เพราะฉะนั้น เทศน์วันนี้ มันก็ไม่มากหรอก เรื่อง
ทานัง เทติ สีลัง รักขะติ ภาวะนานัง ภาเวตตะวา
เอกัจโจ สัคคัง คัจฉะติ เอกัจโจ โมกขัง คัจฉะติ นิสสังสะยัง
ของเหล่านี้ เป็นของไม่หวง ของเหล่านี้เป็นของขยะแขยง ซึ่งน่ารังเกียจ ต้องกำจัดความสกปรกโรคร้ายด้วยสติ ด้วยปัญญา ด้วยวัสดุ ที่มันทำความสะอาดได้ ในน้ำมีปลาในนามีข้าว เออ อยู่ในน้ำมีเชื้อโรคอยู่ในน้ำก็มากมาย บรรดายุงป่ามันหลายๆ มันก็สนุก สนุกออกลูกออกเต้าอยู่ในป่า เป็นลูกยุงมากมาย จนไม่น่าอาบ น่ากิน น่าใช้นู้นล่ะ น้ำในป่าเป็นที่แพร่เชื้อไข้มาเลเรีย เชื้อโรคมีเกิดขึ้นจากที่ไม่ได้พัฒนา ไม่ได้พัฒนาให้ถึงความสะอาดได้ แม่น้ำ ลำธาร น้ำขังอยู่ในป่า ในดง มันเป็นยังไง ก็เป็นบ่อเกิดของยุงป่า เชื้อไข้ป่า เต็มในภู ในเขา มีตั้งแต่ลูกยุงทั้งนั้น ถ้าน้ำขังอยู่แห่งหนึ่ง แห่งใด เป็นแอ่ง เป็นอ่าง แล้วก็ปล่อยไข่ใส่ ถ้ามีกบ มีเขียดไปไข่แทน เกิดลูก ลูกอ๊อด ลูกอะไรขึ้น ไอ้ลูกอ๊อดจะกินลูกยุงเหมือนกัน พวกอ๊อดน่ะ มีกบน้อย แอ้ มีฮวก(ลูกอ๊อด) ลูกอ๊อดน่ะมันก็ไล่กินลูกยุงเหมือนกัน เออ ถ้ามันอยู่ในป่า ในอะไร สิ่งเหล่านั้น มันกำจัดกันเองหรอก เออ มันกำจัดกันเอง ถ้าหากินน่ะเรียบหมด ไม่มีทางเหลือ มีตัวอ๊อดหรือว่าตัวโรค มันเกิดเยอะๆ ก็หากินลูกยุงทั้งหลายหมด ไม่ค่อยมียุงเท่าไหร่ในป่า อาศัยพวกเหล่านั้นจัดการเอง หากินเอง เป็นการทำความสะอาดช่วยกันอีก แห่งหนึ่งเหมือนกัน เนี่ยไข้มาเลเรียก็หมดไปๆๆ อย่างนี้เป็นตัวอย่าง อันนี้เพิ่นกำจัดภัยภายนอก ภายในของเรา เรากำจัดของแต่ละตัวเอง
ทานัง เทติ
เพิ่นบอกให้บริจาคทานบ่อยๆ อย่าให้ความตระหนี่ถี่เหนียว มาเป็นนายกุญแจ ถ้ามันได้เป็นนายกุญแจแล้วมันหวง มันถือไว้ จะบริจาคไปสร้างนั้น สร้างนี้กับผู้อื่น ก็อาจจะหาว่าวัดวาอะไร ทำไมจึงสร้างกันมากมายก่ายเกิน สร้างโบสถ์ สร้างวิหาร สร้างศาลาการเปรียญ สร้างกุฏิกุดต่าง เจดีย์ ห้องน้ำ ห้องส้วม มีแต่สิ่งปลูกสร้างเกิดขึ้นเต็มบ้านเต็มเมือง จนบริหารไม่หวาดไม่ไหว อันนี้เราก็อดรนทนเอา ทำยังไงจะ เราจะมีศีลบริสุทธิ์ ทำยังไงเราจะไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ทำยังไงจะไม่เดือดร้อนถึงชีวิตของสัตว์อื่นใช้ปัญญาเอา เวลานอนก็กางมุ้งเอา อย่าไปนอนปล่อยตัวอยู่เฉยๆ อ้า สมัยนี้เขาทันสมัยทุกแห่ง ที่ไหนๆ มีมุ้งลวดกันหมดทุกแห่ง ทุกบ้าน ทุกช่อง ไม่ได้เผยแพร่ ปล่อยเลี้ยงยุงกันหรอก ให้มันไปอยู่ข้างนอกโน้น อยู่ที่นอนของเรา เรากางมุ้งนอนอย่างดี ไม่ได้เผยแพร่หรอก แต่ว่ามันก็มีของมันเองโดยอัตโนมัติ อยู่อย่างงั้น แมลงสาบ แมงมุม ตุ๊กแก จิ้งจก ตุ๊กแก มีหมดทุกอย่าง ที่ทำให้เกิดเป็นเชื้อโรคติดต่อกันได้อยู่เหมือนกัน
ดังที่แสดงมา พอเป็นข้อคิดก็นำไปพินิจพิจารณาด้วยปัญญาอันชาญฉลาดของตนๆ เองเถิด อัปปมาทธรรม เพื่อให้ทำรักษาความสะอาดภายในครอบครัว ภายในห้องน้ำ ห้องส้วมของเรา น้ำใช้ น้ำฉันอะไร ก็ดูแลกันเอง ให้มันถึงความสะอาดหมดจด น่าอยู่ ดังที่แสดงมา ก็สมควรแก่เวลา เพราะมันเหนื่อยแล้ว ด้วยประการฉะนี้
(สาธุ สาธุ สาธุ)
ทานัง เทติ
การให้ทาน
สีลัง รักขะติ
การรักษาศีล
ภาวะนานัง ภาเวตตะวา
การเจริญภาวนา
เอกัจโจ สัคคัง คัจฉะติ
บางพวกย่อมไปสวรรค์
เอกัจโจ โมกขัง คัจฉะติ
บางพวกย่อมหลุดพ้น
นิสสังสะยัง
อย่างไม่ต้องสงสัย
ธมกรก [ทะ-มะ-กะ-หฺรก] กระบอกกรองน้ำ
เป็น ๑ ในบริขาร ๘ อย่าง ซึ่งพระภิกษุจะขาดเสียมิได้
ลักษณะเป็นรูปกระบอก ด้านบนมีรูเล็กๆ สำหรับปล่อย
อากาศออกเมื่อจุ่มลงในน้ำ และปิดไว้เมื่อยกขึ้น
ปล่อยอีกครั้งเมื่อต้องการให้น้ำออกจากปากกระบอก
สันดาน [สัน-ดาน] ความสืบต่อแห่งจิต
คือ กระแสจิตที่เกิดดับต่อเนื่องกันมา มักใช้หมายถึง
อุปนิสัยที่มีมาแต่กำเนิด อัธยาศัยที่มีติดต่อมา
ขันธสันดาน [ขัน-ทะ-สัน-ดาน] การสืบต่อแห่งขันธ์ ๕
หมายถึง การเวียนว่ายตายเกิด มักใช้หมายถึง
อุปนิสัยที่มีมาแต่กำเนิดในตัวของตน
จิตตสันดาน [จิด-ตะ-สัน-ดาน] การสืบต่อมาโดย
ไม่ขาดสายของจิต มักใช้หมายถึง
อุปนิสัยใจคอที่ฝังอยู่ในส่วนลึกของจิตใจมาแต่กำเนิด
กมล [กะ-มน] ภาษาบาลี หมายถึง ดอกบัว
ส่วนภาษาไทย หมายถึง บัว จิตใจ
กมลสันดาน [กะ-มน-ละ-สัน-ดาน] ไม่ทราบความหมาย
แต่มักใช้หมายถึง อุปนิสัยใจคอที่ฝังอยู่ในส่วนลึก
ของจิตใจมาแต่กำเนิด
คำผญา
อดสา(อดทน) เลี้ยงช้างเฒ่า ขายงาได้กินค่า
ถ้าเลี้ยงช้างน้อย ทอม(ทะนุถนอม)หญ้าได้ขี่ดน
(ใช้เปรียบเทียบของ ๒ สิ่ง
ที่มีคุณประโยชน์ต่างกันในแง่มุมต่างๆ กัน)
๗๓